ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นฬปานชาดก-ว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา  (อ่าน 2337 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
นฬปานชาดก-ว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา
« เมื่อ: กันยายน 20, 2015, 05:00:58 pm »
นฬปานชาดก-ว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา

ครั้งเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกจาริกเผยแผ่พระพุทธธรรมในโกสุมรัฐช่วงมัชฌิมากาล ภิกษุสามเณรจากพระอารามหลวงเป็นจำนวนมากได้ตามเสด็จมาด้วยเช่นทุกพรรษาที่ผ่านมา

ครั้งนี้พระองค์ทรงนำหมู่ภิกษุสงฆ์มาถึงเขตแดนหมู่บ้านนฬปานที่ซึ่งร่มรื่นเนื่องจากมีบึงน้ำใสอยู่หลังราวป่า เป็นที่สับปายะแก่หมู่สงฆ์ยิ่งนัก
 พุทธสาวกทั้งหลายจึงแยกย้ายกันหาที่ลาดปูอาสนะรายรอบสระน้ำกว้างใหญ่ในป่านั้น “สามเณรเองก็ต้องสำรวมกายใจให้ดีนะ อย่าเล่นน้ำซุกซนรบกวนพระผู้ใหญ่ท่านล่ะ” “ขอรับ
 น้ำใสแจ๋วเลยลงไปแช่คงจะสดชื่นยิ่งนัก” “ใช่ๆ เดินทางมาร้อนๆ ต้องขอลงไปแช่น้ำซะหน่อย”
 ภิกษุหลายรูปเมื่อจัดการกิจวัตรเรียบร้อยดีแล้วก็ลงสรงน้ำในสระ ภิกษุรูปหนึ่งเห็นต้นอ้อขึ้นอยู่ชุกชุม ก็คิดอยากได้กล่องใส่เข็ม ซึ่งทำมาจากต้นอ้อข้อปล้อง..... “อืม..นานๆ ทีจะเจออ้อ
ลำสวยๆ อย่างนี้ เอาไปทำเป็นกล่องใส่เข็มน่าจะดี พวกท่านนะ ต้องใช้กันหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะทำเผื่อ”
“ดีเลยท่าน เราก็อยากจะหาที่ใส่เข็มมานานแล้ว ของเก่าที่ใช้อยู่เก่าเต็มที” “สามเณร ไปชักชวนพี่น้องสักสองสามรูปนะ พากันตัดต้นอ้อให้หลวงพี่ได้ทำกล่องเข็มสักหลายๆ ปล้องหน่อย
จะได้อาบน้ำอาบท่าซะด้วยเลยไง” “ขอรับ นิมนต์หลวงพี่อาบน้ำให้สบายเถอะ กระผม จะตัดอ้อให้เอง ดีใจจังได้เล่นน้ำแล้ว ตัดอ้อให้หลวงพี่เสร็จก่อนค่อยเล่นน้ำก็แล้วกัน”
  การที่ภิกษุสั่งให้สามเณรช่วยกันตัดต้นอ้อในครั้งนั้น กลายเป็นเหตุอัศจรรย์เพราะเหตุว่า อ้อลำไหนๆ ในสระก็หาหาข้อหาปล้องให้ตัดใส่เข็มไม่ได้เลย “อะไรกันนี่ ลำนี้ก็
 เป็นรูกลวงตลอดทั้งลำเลย” “ของเราก็เหมือนกัน ตัดกี่ต้นๆ ก็ไม่เห็นมีข้อเลยสักต้น” “ โอ๊ย ทำไมยากเย็นจัง แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เล่นน้ำซักทีล่ะเนี่ย เรื่องมันแปลกๆ อยู่น่า
 ไปบอกหลวงพี่ดีกว่า” สามเณรพบเหตุประหลาดเช่นนี้ ก็รีบขึ้นจากน้ำไปบอกแก่ภิกษุ “หลวงพี่ขอรับ เกิดเรื่องประหลาดขึ้นขอรับ คือผมกับเพื่อนๆ ไปตัดต้นอ้อตั้งหลายต้นแล้ว
 แต่ไม่พบต้นใดที่มีข้อเลยซักต้น” “อืม..แปลกจริงๆ ตามธรรมชาติแล้วนี่ อ้อก็ต้องมีข้อมีปล้องอยู่แล้วนี่น่า ประหลาดจริงๆ” ภิกษุเมื่อได้ฟังเรื่องประหลาดของต้นอ้อ ก็นำปล้อง
 ต้นอ้อนั้นไปหาพระอาวุโส และเล่าเรื่องให้ทราบตามลำดับ
 “โอ ต้นอ้อไม่มีข้อเป็นก้นกล่องให้เก็บเข็มเก็บด้ายจริงๆ ประหลาดแท้ๆ” “อืม แปลกจริงๆ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้นะ พวกเราคงต้องกราบขอพระกรุณาจากพระพุทธศาสดา
 กันอีกแล้ว” เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทอดพระเนตรต้ออ้อ ซึ่งกลายมาเป็นรูกลวงตลอด โดยไม่มีข้อปล้องดังเคย ก็ทรงรู้ด้วยญาณบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 คือพระญาณระลึกชาติในทันที ถึงพระชาติครั้งหนึ่งของพระองค์ ซึ่งอธิษฐานไว้ในต้นอ้อ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ภิกษุทั้งหลายทราบเหตุนั้น จึงตรัส
 นฬปานชาดกขึ้น เหนือขึ้นไปของนฬปานหมู่บ้าน บัดนี้ ในอดีตป่ากว้างที่มีพญาวานรใหญ่ปกครองบริวารอยู่หลายร้อยตัวคิมหันต์อันทรมานฤดูหนึ่งมาถึงเร็ว จนพญาวานร
 รับสถานการณ์ไม่ทัน “เฮ้อ ร้อนจริงๆ ทั้งร้อนทั้งแห้งแล้ง
 พืชผลผลาหารพากันเหี่ยวเฉาไปหมด น้ำท่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็เหือดแห้งลง เราเป็นผู้นำต้องทำอะไรซักอย่าง จะรอบุญวาสนามาช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพวกลิงบริวารของเรา
 พากันตายหมด” พญาวานรเรียกประชุมใหญ่ให้เครือข่ายทั้งหมดของป่ามารับทราบวิกฤต และช่วยกันหาทางออก ซึ่งมีทางรอดเดียวที่เห็น คือ อพยพไปหาแหล่งที่อยู่อื่น
  “เจี๊ยกๆๆๆ งานเข้าแล้วเรา” “ย้ายก็ดีเหมือนกัน ทนอยู่ที่นี่ เราอดตายกันแหงๆ” เมื่อแบ่งอาหารมื้อสุดท้ายกันหมดแล้ว พญาวานรก็บัญชาการให้ฝูงอพยพลงทิศใต้ที่ยังมองเห็นว่า
 พอจะอาศัยอยู่กินได้ ฝูงลิงเดินออกจากบ้านเก่าถึงสามวัน สามคืนจึงหมด พญาวานรจึงตามรั้งท้ายระวังภัยให้ขบวน
“ทางเดียวที่พวกเราจะรอด ก็คือต้องอพยพย้ายไปอยู่ที่อื่น พวกเราจะแบ่งเป็นส่วนๆ ออกเดินลงไปทิศใต้จนกว่าจะพบสระน้ำ ลำธาร และอาหารที่อุดมสมบูรณ์จึงจะหยุดพัก”
“เจี๊ยกๆๆๆ งานเข้าแล้วเรา” “ย้ายก็ดีเหมือนกัน ทนอยู่ที่นี่ เราอดตายกันแหงๆ” เมื่อแบ่งอาหารมื้อสุดท้ายกันหมดแล้ว พญาวานรก็บัญชาการให้ฝูงอพยพลงทิศใต้ที่ยังมองเห็น
 ว่าพอจะอาศัยอยู่กินได้ ฝูงลิงเดินออกจากบ้านเก่าถึงสามวัน สามคืนจึงหมด
  พญาวานรจึงตามรั้งท้ายระวังภัยให้ขบวน“เอาหล่ะ พวกเราเดินทางกันได้แล้ว จงรักษาวินัยกันเอาไว้ เราจะตามไปเป็นตัวสุดท้ายเอง” บริวารทุกตัวมีวินัยและความอดทนเป็นเลิศ
 แม้ในยามค่ำคืนก็ไม่ได้พักผ่อน สู้ออกสูดดมไอชุ่มชื้น แล้วสะกดรอยตามกลิ่นไอน้ำไปไม่ย่อท้อ “เหนื่อยจัง เมื่อไหร่จะถึงแหล่งน้ำแหล่งอาหารที่ใหม่ของเราซะที”
 “อดทนไว้ก่อนเถิด เจ้าลองสูดกลิ่นไอน้ำดูสิ ข้าว่าอยู่ไม่ไกลหรอก เจี๊ยกๆๆๆ” เหล่าวานรเดินทางกันทั้งวันทั้งคืน จนลุเข้าอีกวัน กลางแสงตะวันที่เผาจนขนแทบไหม้เกรียมนั้น หน่วยข่าว
 แถวหน้าก็พบป่าและสระน้ำสมปรารถนา “เฮ้ย พวกเรา ดูนั่นซิ เราเจอสระน้ำแล้ว เฮ้ เจี๊ยกๆๆ” “จริงๆ ด้วย โอ้โห สระน้ำใสแจ๋วเลย” “ดีใจจังเลย ในที่สุดเราก็พบแหล่งที่อยู่ใหม่แล้ว”
 “รีบแจ้งพญาวานรเร็วเข้าเถอะ พวกเรารอดกันแล้ว” ไม่ช้าโขดหินต้นไม้และพื้นหญ้ารอบสระน้ำกว้างใหญ่ที่ถูกค้นพบก็เต็มไปด้วยบริวารลิงที่ทยอยกันมาถึงเรื่อยๆ “โอ้โห พรรคพวกเรา
 กำลังทยอยกันมาแล้ว อีกไม่ช้าพญาวานรก็คงเดินทางมาถึง” “ดูสิ พวกเรา น้ำใส น่ากินมากเลย เมื่อไหร่พญาวานรจะมาถึงซะทีน่า” “นั่นนะสินะ รอพญาวานรก่อนก็แล้วกันนะพวกเรา”
แม้จะเหนื่อยและหิวกระหายสักเพียงใด แต่เมื่อพญาวานรผู้นำฝูงยังมาไม่ถึง บริวารทุกตัวก็ไม่อาจหาญลงดื่มกินน้ำในสระได้     
     “พวกเราใจเย็นไว้ รอพญาวานรก่อน อย่าเผลอแอบกินน้ำก่อนล่ะ เจี๊ยกๆๆๆๆ” “รู้แล้วล่ะน่า พวกเราเป็นวานรที่มีกฎ มีระเบียบ ไม่ทำอย่างนั้นหรอก” จนอาทิตย์อัศดงลงไปก็ยังไม่มีวานร
 ตัวไหนละเมิดกฎกติกาของฝูง วานรทุกตัวรอคอยหัวหน้าอย่างอดทนริมสระน้ำนั้น ซึ่งนั้นเป็นการดีที่สุดสำหรับฝูงลิง “เมื่อไหร่หัวหน้าเราจะมาสักทีล่ะ เย็นแล้วนะ” “อดทนไว้เถอะ อย่างไรก็
 ต้องรอก่อน เจี๊ยกๆๆๆ” ในก้นสระอันลึกล้ำนี้ ยังมีอสูรน้ำตนหนึ่งอาศัยและยึดถือว่า
    น้ำทุกหยดในสระเป็นของตน มันตั้งกฎว่า ใครก็ตามหากย่างก้าวเข้ามาในสระก็จะถูกลงโทษ แม้เหล่าวานรจะไม่รู้ถึงภัยที่มีก้นสระ แต่ฝูงลิงก็ไม่ประมาทยังรักษาวินัยรอพญาวานร
 แม้จะหิวกระหายเพียงใดก็ตาม “โอ้ย พวกมันรออะไรอยู่เนี่ย ลงมาให้ข้าลงโทษบ้างสิ หิว อยากกินลิง ลงมากันซะทีสิ พวกเจ้าหนะ หิวกระหายอยู่มิใช่เรอะ ลงมากินน้ำในสระนี่สิ
 ข้าจะได้กินพวกเจ้าซะเลย ฮ่าๆๆๆ”
    คืนนั้นผ่านไปก็ยังไม่มีใครละเมิดกฎของฝูง จนแสงแรกของอรุณวันใหม่เบิกฟ้า พญาวานรก็นำบริวารที่ยังหลงเหลือไว้ เดินทางมาถึง “นั่น! เพื่อนๆ พวกเราขบวนสุดท้ายมาถึงแล้ว”
 “พญาวานรมาแล้วพวกเรา เจี๊ยกๆๆๆ” “โอ้โห ดีใจจังเลย พวกเรามากันครบแล้วน่ะซิ” วานรใหญ่ซึ่งนำฝูงมานาน ก็มีญาณบารมีซึ่งสั่งสมมาแต่อดีตชาติ เพราะบำเพ็ญความดีไว้ทุกชาติ
 จึงเฉลียวฉลาดไม่ประมาทต่อเหตุการณ์ “โอ้ สระน้ำนี่ ดูลึกลับจริงๆ
  มีรอยเท้าสัตว์ต่างๆ เฉพาะแต่ที่เดินลงไปในสระเท่านั้น แล้วทำไมน่า ถึงไม่มีรอยเท้าเดินขึ้นมาจากสระเลยล่ะ” พญาวานรเห็นภัยร้ายที่อยู่ก้นสระ จึงนึกชมเชยบริวารที่เชื่อฟัง
 ไม่เห็นแก่ความหิวโหยลงไปดื่มกินน้ำเหมือนสัตว์อื่นๆ “ดีนะ ที่บริวารของเราทุกตัวอยู่ในวินัย ไม่เช่นนั้นหากเผลอลงไปกินน้ำในสระ ต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่ๆ” เมื่อใช้สติพิจารณา
 ถี่ถ้วนแล้ว พญาวานรใหญ่ก็หัวเราะลงไปในสระนั้น
 “ฮ่ะๆๆ เรารู้ว่าในสระน้ำนี้ มีอสูรคอยกินเนื้อผู้อื่นอยู่ จงปรากฏตัวมาคุยกันเถอะ” อสูรตัวเขียวโกรธเกรี้ยวที่มีผู้รู้ทัน จึงผงาดขึ้นมาขู่คำรามว่า “ชะช้า รู้แล้วเป็นไงจะรอจนหิวตาย
 ก็ตามใจเจ้า แต่อย่าเผลอก้าวลงน้ำเชียวนะ ไม่งั้น เราจะจับกินให้หมดฝูงเลย หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ” พญาวานรใช้สติปัญญาดื่มกินน้ำโดยไม่ต้องงลงไปในสระ เมื่อสังเกตเห็นว่ารอบๆ สระน้ำ
 มีต้นอ้อขึ้นอยู่มากมาย จึงตั้งสัตยาอธิษฐานเอาบุญบารมีที่สะสมไว้เป็นปัจจัย
 “ขอให้ข้อปล้องทุกปล้องทุกลำในสระน้ำนี้จางหายไป ให้สามารถใช้ดูดน้ำดื่มกินได้บัดนี้เถิด” อัศจรรย์ของแรงอธิษฐานแห่งบุญบารมีย่อมมีผลเสมอ ต้นอ้อในป่านฬปานกาลนั้น
 ก็พลันไร้ข้อกั้นเป็นปล้องรอยต่อในบัดดล บริวารซึ่งเป็นเสมือนหัวหน้าหน่วยกล้าหาญก็เข้าไปดึงและหักต้นอ้อมาจากขอบสระเอามาแจกจ่ายกันในฝูง “เจ้าที่ตัวเล็กๆ ก็เหยียบตอ
 ต้นอ้อเข้าไปเก็บมา แต่อย่าให้เท้าแตะผิวน้ำเชียวล่ะ”
    “เจี๊ยกๆๆ ช่วยกันเก็บเข้าพวกเรา จะได้ดูดกินน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำไปเลย” “อืม น่ากลัวจริงๆ ดีนะเนี่ย ที่พวกเราไม่มีใครลงไปกินน้ำนั่นก่อน ไม่งั้นโดนกินแน่นอน”อสูรน้ำเมื่อเห็นว่าเหล่าวานร
 ได้ดื่มกินน้ำในสระ โดยไม่ต้องลงไปในสระ ก็เกิดความโกรธ “ฮ่ะ อย่าพลาดตกลงมาในสระก็แล้วกัน แม้เพียงปลายขนแตะโดนน้ำนิดเดียวจะจับกินให้หมดฝูงเลย” “เห็นหรือยังล่ะอสูรเอ่ย
 บริวารของเราหนะ กินน้ำในสระได้โดยไม่ละเมิดกฎของเจ้าเลยสักตัวเดียว เหอะๆๆ น้ำในสระนี้

  ช่างเย็นชื่นใจจริงๆ นะ พวกเรา” อสูรน้ำโกรธแค้นที่ไม่อาจจับผู้บุกรุกกินตามกฎได้ เพราะลิงทุกตัวมิได้ลงในสระน้ำนั่นเอง “ดู ดู้ ดู มันทำ หึ หัวหน้ามันฉลาดอย่างนี้นี่เอง พวงลิง
 จึงทนหิว รออยู่ทั้งคืนได้ อดเลยเรา” “อืม ชื่นใจจริงๆ พวกเราปักหลักหากินกันในป่านี่เถอะนะ” “ใช่ๆๆ ข้าก็อยากอยู่ที่นี่เหมือนกัน มีทั้งน้ำและผลไม้เต็มไปหมดเลย” “ดีนะ ที่หัวหน้าเรา
 ทั้งเก่งทั้งฉลาดพวกเราก็เลยสบายไร้ภัยอันตราย เจี๊ยๆๆๆ” อสูรน้ำได้แต่เฝ้ามองความเป็นอยู่ฝูงลิงอย่างสงบ นับแต่นั้นมานานวันเข้าก็นึกชื่นชมและน้อมใจรับคำสั่งสอนที่พญาลิงอบรม
 บริวารจนสิ้นอายุขัยไปเกิดในภพภูมิใหม่ของตน “พญาวานรนี่ น่านับถือจริงๆ ดูสิ วานรทุกตัวอยู่ในโอวาทหมด ไม่มีตัวไหนที่ทำผิดวินัยเลย” พญาวานรจึงอาศัยป่าใหญ่บึงกว้าง ปกครอง
 ดูแลบริวารอย่างยุติธรรมสืบต่อมา

     สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ต้นอ้อในสระนฬปานมีรูกลวงตลอดก็เพราะแรงอธิษฐานในครั้งนั้นนั่นเอง

ในพุทธกาลสมัย

อสูรน้ำกำเนิดเป็น พระเทวทัต

วานรบริวารกำเนิดเป็น พุทธบริษัท

พญาวานร เสวยพระชาติเป็นพระพทธเจ้า

ที่มา http://www.dmc.tv/pages/นิทานชาดก/นิทานชาดก-นฬปานชาดก.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 20, 2015, 05:04:00 pm โดย jaravee »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
    • ดูรายละเอียด
Re: นฬปานชาดก-ว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 20, 2015, 06:00:49 pm »
 st11 st12
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
    • ดูรายละเอียด
Re: นฬปานชาดก-ว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 20, 2015, 06:24:51 pm »
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ