อานิสงส์ถวายข้าวพระพุทธรูป
ผู้ถาม “กระผมไม่กล้าถวายข้าวพระข้าวเจ้า ถวายผลไม้แทนได้ไหมครับ...”
หลวงพ่อ “ถ้าบังเอิญชาตินี้ไปนิพพานไม่ได้ ชาติหน้ามีแต่ลูกไม้กิน”
ผู้ถาม “อย่างนั้นถวายข้าวด้วยดีกว่าครับ แต่บางทียังถวายไม่เสร็จเลย แมว กินเสียก่อนแล้ว อย่างนี้จะว่ายังไงครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อ “อ๋อ...นี่เป็นลูกศิษย์พระ ลูกศิษย์พระมีทั้งแมว มีทั้งหนู มีทั้งมด มีทั้งจิ้งจก นั่นลูกศิษย์ของท่านนะ”
ผู้ถาม “อ้อ...ต้องให้โอกาสเขาบ้างนะ”
หลวงพ่อ “ใช่ เรานี่ไปแย่ง เขากินนะ แต่ความจริงการถวายข้าวพระ จะเป็นอาหารหรือว่าเป็นลูกไม้ก็ตาม พระพุทธ รูปท่านไม่ได้ฉัน แต่เป็นการบูชาความดีของพระ พุทธเจ้า ถ้าเป็นกรรมฐานเขาเรียก “พุทธานุสสติกรรมฐาน” สูงมาก ไม่ใช่ต่ำ ถ้า เวลาเราถวายบางทีเราควบทั้งสามอย่างเลย ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เขาว่า
“อิมัง สูปะ พยัญชนะ สัมปันนัง” แล้วก็ลงท้ายด้วย “พุ ทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ” ใช่ไหม ที่ลงตอนท้ายนี่เป็นพุทธานุสสติ ธัม มานุสสติ สังฆานุสสติ ถือ ว่าเป็นกรรมฐาน และถือว่าเป็นฌานด้วย เพราะจิตเรา ห่วงอยู่เสมอว่า วันพรุ่งนี้เราจะเอาอะไรถวาย ตัวคิดตัวนี้เป็นฌานก็ทรงตัว อัน นี้เป็นการปฏิบัติกรรมฐานในพุทธานุสสติกรรมฐานโดยไม่รู้สึกตัว
ฉะนั้น ทุกคนทุก ๆ วัน ควรจะถวายข้าวพระ และก็กับข้าวมาก ๆ อย่าใช้ถ้วยเล็ก ๆ นะ ถ้วยโต ๆ มีกับประเภทไหนที่เราชอบใจมากก็บอก นี่เอาถวายพระพุทธ กันคนอื่นไว้”
ผู้ถาม “ทีนี้ญาติโยมเอาถ้วยตะไลเล็ก ๆ ถวายล่ะครับ”
หลวงพ่อ “อันนี้ไม่เป็นไร อยู่ ที่จิตใจ จิตตั้งใจจะถวาย ตัว ที่นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์ ตัวนี้สำคัญเป็นฌาน”
ผู้ถาม “คือคงคิดว่า องค์ หล่อท่านเล็ก ๆ ก็เลยถวายถ้วยเล็ก ๆ ถ้าถ้วยใหญ่ กลัวจะตกใจ ดีไม่ดีหล่นไปในขันน้ำว่ายไม่ได้ตาย เดี๋ยวพระพุทธรูปตาย เลยต้องเอาถ้วยเล็ก ๆ”
หลวงพ่อ “เล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญ ที่นึกอยู่เสมอว่า ตอนเช้าเราจะถวายข้าวพระพุทธรูป ตัวนี้สำคัญมาก การนึกถึงพระ พุทธรูปเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน เมื่อถึงเวลา จิตมันคิดก็เป็นฌาน “ฌานัง” แปลว่า การเพ่ง ตัวเพ่งตัวนี้ตั้งใจ
ถ้านึกถึงพระธรรมด้วย พระสงฆ์ด้วย เป็นธัมมานุสสติด้วย สังฆานุสสติด้วย ถ้าทำอย่างนี้ เสมอ ๆ ตายแล้วตกนรกไม่เป็น”
ผู้ถาม “ถวายข้าวพระพุทธรูป กับถวายข้าวพระสงฆ์ อย่างไหนอานิสงส์มากกว่ากันคะ”
หลวงพ่อ “การถวายข้าวพระพุทธรูป ถ้า เป็นเจตนาเพื่อเป็นพุทธบูชาจริง ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน ตั้งใจถวายพระสงฆ์และตั้งใจถวายจริง ๆ เป็นวัตถุทาน ด้วย เป็นสังฆานุสสติกรรมฐานด้วย
แต่อย่าลืมว่าถวายแก่พระพุทธเจ้ามีอานิสงส์ มากกว่าถวายพระสงฆ์เยอะ แต่ว่าเวลานี้ถ้าไม่ถวายพระ สงฆ์ เกิดไปชาติหน้าอดข้าว เดี๋ยว หนูเกิดไปชาติหน้า ถ้าพูดเขาไม่ให้กินต้องนั่งเฉย ๆ เดี๋ยวเขาก็ให้กิน”
ผู้ถาม (หัวเราะ)
หลวงพ่อ “ถวายพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ ยังไม่ถือเป็นทาน เราจะมี ทรัพย์สิน มีเสื้อสวม มีผ้านุ่ง มีบ้านอยู่ นั่นเป็นอานิสงส์ของทานการให้ ถ้าเราบูชาพระ พุทธเจ้าจัดเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ นึกถึงความดีของท่าน ไม่ถือว่าเป็นทาน อานิสงส์ได้คน ละอย่าง
“พุทธบูชา มหาเตชะวันโต” การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจมาก นั่นหมายความว่า ถ้าเกิดเป็น เทวดาหรือพรหมมีรัศมีกายสว่างไสวมาก เทวดาหรือพรหม นี่เขาไม่ดูเครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างออกจากกาย
“ธัมมบูชา มหา ปัญโญ” การบูชาพระธรรม มีปัญญามาก คือ ใคร่ครวญในพระธรรมจนเกิดปัญญา จ ิตเป็นสมาธิ
“สังฆบูชา มหา โภคะวโห” สงเคราะห์พระสงฆ์ เกิดไปรวยมาก เพราะเราใช้วัตถุเป็น เครื่องหมาย อานิสงส์ต่างกัน แต่ ต้องทำ 3 อย่าง ไม่งั้นหลวงพ่ออด”
ผู้ถาม (หัวเราะ) “หลัง เพลก็ถวายได้ใช่ไหมคะ”
หลวงพ่อ “ได้ถือเป็นการบูชานะ ไม่ ใช่ถวายทาน ไม่จำกัดเวลานะ”
ผู้ถาม “จัดอาหารไปเลี้ยงพระที่วัด และได้จัดอาหารถวายพระพุทธรูป ลาแล้วก็เอา ให้ลูกกิน รวมทั้งครอบครัวด้วย เอา มากินที่บ้าน จะมีบาปหรือไม่คะ..”
หลวงพ่อ “ชักสงสัยนะ ความ จริงถวายพระพุทธรูปแล้ว อย่าเอามาดีกว่า เวลาที่วางไปแล้วเรากล่าวเป็นสังฆทานนี่ ใช่ไหม...ทีหลังถวายพระพุทธรูปที่บ้านดีกว่าไม่มีเรื่องดี หรือ ว่าถ้าถวายพระพุทธรูปแล้ว ก็เก็บถวายพระในตอนเพลจะ ได้อานิสงส์อีก”
ผู้ถาม “ที่บ้านหนูทำบุญบ้าน นิมนต์พระ 9 องค์ แล้วถวายข้าวพระพุทธด้วย เสร็จ แล้วก็เอามาทาน จะได้ไหมคะ”
หลวงพ่อ “สาธุ...ทีหลังอย่าทำก็แล้วกันนะ”
ผู้ถาม “ต้องชำระหนี้สงฆ์ใช่ไหมคะ.....”
หลวงพ่อ “พระยายมท่านตอบว่า “หมิ่นไป” ท่านบอก ว่า “ควรจะถวายพระเอาไปวัด”
ผู้ถาม “แล้วในเวลาเพลแล้วเล่าคะ”
หลวงพ่อ “เพลแล้วก็เป็นเรื่องของพระไป ถ้าถวายพระแล้วท่านไม่เอา ก็ใช้ ได้เลย”
ผู้ถาม “เอาหญ้าที่วัดไปทำยาที่บ้านเป็นไรไหมคะ”
หลวงพ่อ “ไม่เป็นไร เจ้า ของพระศาสนาบอกเองนะ พระก็สงเคราะห์คนได้เหมือนกัน”
ผู้ถาม “ถ้าชำระหนี้สงฆ์แทนคนอื่นได้ไหมคะ คือพี่ชายหนูบวชแล้วพอสึกก็เอาของวัดมาบ้าน”
หลวงพ่อ “ตอนที่ชำระให้เขารู้ไหม”
ผู้ถาม “ก็ไม่ทราบค่ะ คือ หนูจ่ายแทนแล้วไปบอกเขาได้ไหมคะ”
หลวงพ่อ “ได้เลย...ต้องให้เขารู้ด้วยนะ”
ผู้ถาม “กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ ลูกมีความไม่สบายใจเกี่ยวกับของใส่บาตรหลายประการ วัน หนึ่งแม่ทำกับข้าวเสร็จก็ใส่บาตร แต่ไม่บอกลูก ลูกก็เลยกินก่อนพระ วันที่สอง แม่แบ่งไว้ถวายพระ ลูกไม่รู้นึกว่าแบ่งให้หนู หนูก็เลยกินไปอีก แม่เจี๊ยวจ๊าว เป็นการใหญ่หาว่ากินก่อนพระ ก็เกิดความไม่สบายใจ ขึ้นมา อยากจะขอโทษ แม่จะ ให้อภัยหรือเปล่าเจ้าคะ เพราะไม่รู้และไม่เจตนา”
หลวงพ่อ “ไม่เจตนามันกินยังไงนะ ต้อง หลับกิน ไม่เจตนา เราก็หาของมาแทนซิ ไม่มีอะไร พระท่านไม่ได้ว่า แม่จะได้ไม่ สะดุดใจ กินอะไรเข้าไปบ้างจำได้ไหม ไปซื้อของอย่างนั้นมาให้แม่เพื่อถวายพระ หมด เรื่องกัน แม่จะได้ถวายพระต่อไป”
ทีมาhttp://kaskaew.com/index.asp?contentID=10000004&title=%CD%D2%B9%D4%CA%A7%CA%EC%B6%C7%D2%C2%A2%E9%D2%C7%BE%C3%D0%BE%D8%B7%B8%C3%D9%BB&getarticle=65&keyword=&catid=10