ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดเป็นคน ก็ต้องทน ให้เขาด่า...จะทำดี ทำบ้า เขาด่าหมด...!!!  (อ่าน 5323 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อันนินทากาเล เหมือนเทน้ำ
Posted by ปลาชมพู

เช้าวันอาทิตย์นี้ เป็นความโชคดีที่เปิดโทรทัศน์ขึ้นมาปุบ ก็ได้ดูรายการธรรมะดีดียามเช้าทางช่อง  7 สีทีวีเพื่อคุณ ธรรมะเทศนาโดยท่าน ว.วชิรเมธี มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานและหากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกติฉินนินทาเราจะทำอย่างไร.. 

ปลาชมพูประทับใจ บทกลอนนี้มากๆ กินใจซะเหลือเกิน

      เกิดเป็นคนก็ต้องทนให้เขาด่า จะทำดีทำบ้าเขาด่าหมด
      ถ้าทำดีเขาก็ด่าว่าไม่คด           ทำเลี้ยวลดเขาก็ด่าว่าไม่ตรง..


      ..อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
      แม้องค์พระปฏิมายังราคิน     มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา..


      โดยท่านได้ยกตัวอย่างจากพระพุทธจริยาของพระพุทธเจ้าที่มีบันทึกไว้ในพระธรรมบทดังนี้..

      พราหมณ์คนหนึ่งมีธิดาสาวสวยมาก ทำให้กษัตริย์เมืองน้อย เมืองใหญ่ ตลอดจนถึงมหาเศรษฐีต่างพากันมาสู่ขอธิดาสาว แต่พราหมณ์พ่อแม่ไม่ตกปากรับคำใครสักคน เนื่องจากมองไม่เห็นใครที่เหมาะสมและคู่ควรกับธิดาของตน จนกระทั่ง...

      วันหนึ่งท่านพราหมณ์ได้พบพระพุทธเจ้าที่ชายป่า เพียงแรกพบ พราหมณ์ก็ตะลึงลานในพระมหาปุริส ลักษณะสง่างามของพระศาสดา พราหมณ์จึงไม่รอช้าได้นิมนต์ให้พระพุทธองค์รอสักประเดี๋ยว แล้วรีบกลับบ้านเพื่อไปชวนภรรยาและธิดามาเฝ้าพระพุทธองค์ แต่เมื่อพราหมณ์กลับมา กลับพบแค่รอยพระพุทธบาทที่ทรงประทับไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น..

      นางพราหมณีเห็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ก็บังเกิดความสว่างโพลงว่า พราหมณ์ผู้สามีคิดผิดเสียแล้วที่คิดยกธิดาให้กับชายคนนี้ เพราะดูจากรอยเท้าแล้วไม่ใช่รอยเท้าของคนสามัญ หากแต่เป็นรอยเท้าของคนปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง พราหมณ์ไม่ยอมฟังภรรยา กลับออกตามหาพระพุทธองค์จนพบแล้วออกปากยกธิดาของตนให้เป็นบริจาริกาของพระพุทธองค์ทันที

      พระพุทธองค์ตรัสว่า..

      พราหมณ์เอย เราเคยพบอิสตรีที่งามกว่าธิดาของท่านมาแล้วมากมาย ไม่ว่าเป็นนางตัณหา นางราคา นางอรดี แต่เราก็ไม่เคยต้องใจผู้ใดมาก่อนเลยสักคน แล้วจะป่วยกล่าวไปไยถึงธิดาสาวของท่านคนนี้ซึ่งมีสรีระอันเต็มไปด้วยของโสโครกอย่างอุจจาระและปัสสาวะ เราขอบอกว่าเราไม่ปรารถนาสัมผัสธิดาของท่านแม้แต่ปลายเท้า..

      ฝ่ายธิดาสาวเมื่อได้ยินดังนั้น สติขาดผึง ผูกอาฆาตในใจว่า สมณะท่านนี้ไม่รักไม่ว่า แล้วทำไมมาดูถูกกันให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ เอาเถิดไว้มีโอกาสเมื่อไหร่จะแก้แค้นให้สาสมทีเดียว..

      ในขณะที่ธิดาสาวกำลังโกรธอยู่นั้น สองพราหมณ์สามีภรรยากลับได้ดวงตาเห็นธรรม มองเห็นโทษของความสวยงามว่าไม่มีแก่นสาร ปล่อยวางความยึดมั่น ถือมั่นในสังขารได้อย่างง่ายดาย จึงยกธิดาให้ลุงดูแล แล้วออกบวช หลังจากนั้นไม่นานจึงบรรลุพระอรหัตผลในเวลาไม่นาน..



      ฝ่ายธิดาของพราหมณ์ได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าอุเทน แห่งกรุงโกสัมพี วันหนึ่งพระพุทธองค์ได้เสด็จจาริกมาเมืองนี้ นางรู้ข่าวจึงให้มหาดเล็กไปว่าจ้างชาวบ้านจำนวนห้าร้อยคนตามไปบริภาษ พระพุทธเจ้าไปทุกฝีก้าวตลอดเวลาที่ประทับ ณ.เมืองโกสัมพี..

      ม็อบด่า ทำงานสมกับค่าจ้าง ตามด่า ตามบริภาษพระบรมศาสดาไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่ว่าจะด่าอย่างไรพระองค์หาทรงสะทกสะท้านไม่ ซึ่งไม่ว่าพยายามอย่างไรก็เหนื่อยเปล่า เพราะนอกจากจะไม่มีผลสะท้อนกลับมาจากพระบรมศาสดาแล้ว นานวันเข้าคนที่ตามด่าก็เหนื่อยล้าไปตามๆกัน..

      อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พระบรมศาสดาไม่กริ้วตอบนั้น  พระอานนท์พุทธอนุชากลับรู้สึกขัดเคืองและอับอายขายหน้าอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ว่าตนและพระพุทธองค์จะย่างพระบาทไปทางใดเป็นถูกมหาชนนับร้อยตามไปด่าผรุสวาจาทั่วทุกหัวระแหงเหมือนพวกแร้งทึ้งซากศพอย่างหิวกระหาย...เมื่อเป็นเช่นนี้ วันหนึ่งพระอานนท์จึงชวนพระบรมศาสดาหนีปัญหา..

      "จะหนีไปไหนอานนท์"  พระพุทธองค์ตรัสถาม
      "หนีไปเมืองอื่นพระพุทธเจ้าข้า" พระพุทธอนุชาถาม
      "ถ้าหนีไปเมืองอื่นแล้วเขาตามไปด่าอีกเล่า เราจะหนีไปไหนอีกอานนท์"
      "ก็ต้องหนีไปอีกเมืองหนึ่งพระพุทธเจ้าข้า"
      "อานนท์เอย! การหนีปัญหาอย่างนั้นหาควรไม่ ที่ถูกนั้นเรื่องเกิดขึ้นที่ไหนก็ต้องให้มันดับไปในที่นั้นถึงจะถูก"


    "อานนท์เอย! เราตถาคต ย่อมเป็นเช่นเดียวกับพญาคชสารที่ก้าวสู่สงคราม
    ธรรมดาว่า พญาคชสารที่ก้าวเข้าสู่สงครามแล้ว
    จำจะต้องทรหดอดทนต่อลูกศร อันแล่นมาจากจาตุรทิศฉันใด
    เราตถาคตก็ฉันนั้น จำต้อง อดทนต่อถ้อยคำบริภาษ ของเหล่าพาลชน คนไม่มีศีลฉันนั้นเหมือนกัน"


      อนึ่ง ผู้ใดก็ตามสามารถอดทนต่อ ถ้อยคำจ้วงจาบหยาบคายของพาลชน คนถ่อยได้
      ผู้นั้นย่อมนับว่า เป็นยอดคนในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย..


      "อานนท์เอย เธออย่ากังวลไปเลย คนเหล่านี้จะทนด่าเราอยู่ได้อย่างน้อยก็ไม่เคย ๗ วัน พอถึงวันที่๘ ทุกคนก็จะหยุดไปเอง"

     เป็นดังคาด..ในที่สุดม็อบด่าพระพุทธเจ้าก็สลายไปตามยถากรรม


ป.ล. ฟังธรรมะจบ…รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะ และตั้งใจว่าต่อไปนี้เวลาทำงานอะไรถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาจะปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นและจะไม่กังวลใจเรื่องคำนินทารวมทั้งคำกระแนะกระแหนจนเกินเหตุ ตัวเราตั้งใจและพยายามอย่างดีที่สุดแล้วนี่นาให้ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีดีในชีวิต..ผิดเป็นครู…อย่าทำผิดเรื่องเดิมเดิมซ้ำอีกก้อแล้วกันเน๊อะ



อ้างอิง
...อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ Posted by ปลาชมพู
http://www.oknation.net/blog/lovebooks/2010/11/07/entry-1
ขอบคุณภาพจาก http://p.s1sf.com/,http://www.budnet.org/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2012, 11:49:54 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อัปโหลดโดย KhomDhamaToday เมื่อ 31 ส.ค. 2011



อัปโหลดโดย nirdukkha เมื่อ 8 ก.ย. 2011
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ