« เมื่อ: เมษายน 10, 2018, 07:13:18 am »
0
"ภูเขาทอง" สวรรค์ใกล้เกาะรัตนโกสินทร์
ซีเคร็ตอาสาพาคุณ ๆ ไปสร้างศรัทธาให้จิตใจผ่อนคลายสบายใจด้วยการเดินทางไปสู่สวรรค์ แต่ที่สำคัญสวรรค์ที่ว่านั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ใกล้ ๆ เกาะรัตนโกสินทร์รอบนอกเท่านั้น ที่นี่คือ ภูเขาทอง นั่นเอง
@@@@@@
จาก“วัดสะแก”สู่“วัดสระเกศ”
เดิมทีวัดนี้มีชื่อว่า“วัดสะแก”เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ฝั่งพระนคร ซึ่งปรากฏหลักฐานการสร้างมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์โปรดเกล้าฯให้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะและสิ่งก่อสร้างในวัดทั้งหมดแล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสระเกศ” เพื่อระลึกถึงครั้งที่ยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงยกทัพกลับจากเขมร เพื่อหมายปราบเหตุจลาจลในกรุงธนบุรี
เมื่อถึงวัดสะแกด้วยชัยภูมิอันเป็นมงคล จึงมีพระดำริให้ประกอบพิธีมูรธาภิเษกหรือพิธีชำระพระเกศา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ตรงบริเวณสระน้ำใหญ่อันเป็นที่ตั้งของหอไตรในปัจจุบัน
@@@@@@
ที่มาของภูเขาทอง
ภูเขาทองเกิดจากการแก้ไขปัญหาด้วยพระปรีชาของรัชกาลที่4ย้อนกลับไปเมื่อครั้งแผ่นดินรัชกาลที่3 ครั้งนั้นพระองค์มีพระราชดำริให้สร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกับวัดภูเขาทองที่กรุงศรีอยุธยา หากแต่เป็นเจดีย์อย่างพระปรางค์วัดแจ้งและมีขนาดไล่เลี่ยกันด้วยพร้อมกับพระราชทานชื่อว่า“พระเจดีย์ภูเขา”
ทว่าเมื่อเริ่มการก่อสร้างกลับประสบปัญหาสำคัญในเรื่องความอ่อนนุ่มของสภาพพื้นดินทำให้ฐานราก บางส่วนของพระเจดีย์ใหญ่ทรุดเอียงจำต้องแก้ไขกันหลายครั้งยืดเยื้อมาจนถึงแผ่นดินรัชกาลที่ 4 พระเจดีย์ภูเขาก็ยังไม่สมบูรณ์พระองค์ จึงมีพระราชกระแสให้เสริมความมั่นคงโดยรอบซ่อมแปลงพระเจดีย์ฐานกว้างให้กลายเป็นทรงกระบอกอย่างภูเขา พร้อมกับโปรดเกล้าฯให้สร้างพระเจดีย์ทรงระฆังตามพระราชนิยมขึ้นเหนือยอดนั้นด้วย ภูเขาทองที่เรารู้จักในปัจจุบันจึงมีที่มาด้วยประการฉะนี้ใครอยากไปสวรรค์…ยกมือขึ้น
ดินแดนสวรรค์ที่เราจะพาคุณไปสัมผัสคือภูเขาทองแห่งวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “บรมบรรพต” ภูเขาจำลองหนึ่งเดียวของกรุงเทพฯซึ่งโดดเด่นด้วยพระเจดีย์สีทองงามตระหง่านเห็นได้แต่ไกล
@@@@@@
ปีนบันไดขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อนมัสการพระเจดีย์จุฬามณีณสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
คงไม่แปลกที่หลายคนจะรู้จักภูเขาทองและวัดสระเกศจากงานวัดภูเขาทองและจากคำพูดชวนขนลุกขนพองเช่น “ไปดูแร้งวัดสระเกศเปรตวัดสุทัศน์” แต่จะมีคนไทยสักกี่มากน้อยที่ได้สัมผัสวัดนี้อย่างจริงจัง รวมถึงได้รู้ว่า หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธทั่วโลกควรได้สักการะครั้งหนึ่งในชีวิตนั้นประดิษฐานอยู่ที่นี่
เมื่อเราไต่ระดับขึ้นบันไดวนรอบเขามาจนถึงชั้นพักสุดท้ายจำนวนขั้นบันได ก็เริ่มแตะหลักร้อยเบื้องหน้าของเราคือโถงขนาดย่อมที่ประดิษฐานหมู่พระพุทธรูป ซึ่งทางวัดได้จัดดอกไม้ธูปเทียนไว้ให้ประชาชนได้สักการบูชา
@@@@@@
จากนั้นบันไดอีกไม่กี่ขั้นจะนำคุณเข้าไปสู่ใจกลางโถงชั้นใน อันเป็นส่วนสำคัญที่สุดของภูเขาทอง ซึ่งก็คือพระเจดีย์ศิลาศิลปะอินเดียแบบปาละที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุองค์จริง ที่มีความเก่าแก่แต่ครั้งพุทธกาลหรือกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดส่วนของพระบรมสารีริกธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แจกจ่ายให้แก่ แปดเมืองสำคัญของอินเดียหลังการถวายพระเพลิงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(ปัจจุบันพระบรมสาริริกธาตุในผอบแก้วประดิษฐานบนยอดพระบรมบรรต ในเจดีย์บริวาร ฝั่งพระวิหาร โดยมีห้องนิรภัยอย่างดี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ากราบสักการะและมองเห็นพระบรมสารีริกธาตุอย่างชัดเจน)
@@@@@@
พระบรมสารีริกธาตุนี้ขุดพบพร้อมกับผอบเมื่อพ.ศ. 2441 ณเมืองกบิลพัสดุ์โดยรอบผอบนั้นมีจารึกเป็นอักษรพราหมีแปลความได้ว่า “พระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นของพระพุทธเจ้า(สมณโคดม)ตระกูลศากยราชได้รับแบ่งปันในเวลาถวายพุทธสรีระ”
อาณาบริเวณโถงกลางทั้งหมดนี้จึงเทียบเคียงได้กับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่อยู่เหนือยอดเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์จุฬามณีซึ่งพระอินทร์สร้างขึ้น เพื่อประดิษฐานพระเกศาผ้าโพกเศียรและพระเขี้ยวแก้วขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าดังที่ปรากฏในพุทธประวัติ
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เราจะมีโอกาสได้สักการะพระบรมธาตุองค์จริงในเมืองไทยแต่ด้วยพระบารมีของรัชกาลที่5รัฐบาลอินเดียจึงน้อมเกล้าฯถวายพระบรมธาตุนี้ เพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีโดยทางสยามประเทศได้จัดคณะราชทูตตามโบราณราชประเพณีเดินทางไปยังอินเดียใน พ.ศ.2441
และระหว่างการเดินทางกลับได้เกิดปาฏิหาริย์พระบรมธาตุเป็นที่ประจักษ์หลายครั้ง นับตั้งแต่การเกิดพายุนอกฤดูขึ้นกลางทะเลคลื่นลมรุนแรงน่ากลัว จนผู้นำคณะต้องตั้งจิตอธิษฐานต่อพระบรมธาตุ เพื่อขอให้พายุสงบลงและเดินทางกลับถึงสยามโดยสวัสดิภาพ ทันใดนั้นพายุก็เริ่มสงบสภาพอากาศกลับเป็นปกติอย่างน่าอัศจรรย์
@@@@@@
เมื่อเรื่องราวดังกล่าวแพร่หลายไปในสยามประเทศผู้คนจึงเกิดศรัทธาในพระบรมธาตุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการจัดงานสมโภชในทุกเมืองตลอดเส้นทางการอัญเชิญพระบรมธาตุสู่พระนคร
เมื่อเสร็จสิ้นการเดินเวียนประทักษิณรอบพระเจดีย์เล็ก เรามุ่งหน้าสู่บันไดเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นผนังทั้งสองด้าน เพื่อขึ้นไปยังลานพระเจดีย์ทองจุดสูงสุดของยอดเขาที่เห็นแต่ไกลจากเบื้องล่างนั่นเอง
เมื่อก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้ายขึ้นสู่ลานกว้าง สายลมเย็นๆที่พัดกระทบระฆังเล็กส่งเสียงดังเหง่งหง่างเป็นระยะ ประกอบกับระดับความสูงขนาดตึก 20 ชั้นที่ทำให้มองเห็นอาณาบริเวณกรุงเทพมหานครได้รอบทิศ เราจึงรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง
พิธีห่มผ้าแดงที่ภูเขาทอง ย้อนรอยประวัติศาสตร์สืบสานตำนานศักดิ์สิทธิ์
ช่วงปลายปี จะเป็นเดือนแห่งงานนมัสการพระบรมธาตุประจำปีเข้าไปทุกทีทางวัด จึงได้เตรียมผ้าแดงม้วนใหญ่ความยาวหลายสิบเมตร ให้ผู้มีศรัทธาได้ฝากชื่อ-สกุลไว้เป็นพุทธบูชาก่อนจะอัญเชิญขึ้นสู่พระเจดีย์ทอง โดยเหล่าเทวดาสมณชีพราหมณ์และพุทธศาสนิกชนในพิธีแห่ผ้าแดงประจำปี งานสำคัญของชาวพุทธ ซึ่งจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพียงปีละครั้ง
@@@@@@
คติความเชื่อเรื่องการถวายผ้าบูชาพระเจดีย์
พุทธศาสนิกชนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอินเดียศรีลังกาเนปาล รวมทั้งไทยนิยมถวายผ้าบูชาพระเจดีย์เป็นประจำทุกปีเพราะเชื่อกันว่า การถวายผ้าบูชาองค์พระเจดีย์จะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขแคล้วคลาดปลอดภัย เนื่องจากในสมัยพุทธกาลเมืองเวสาลีเคยประสบภัยพิบัติจนประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แต่เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปถึงทั่วทั้งแผ่นดินก็กลับสู่ความร่มเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงอธิบายความอัศจรรย์นั้นว่า เป็นเพราะในอดีตชาติพระองค์เคยถวายผ้าบูชาองค์เจดีย์มาก่อน
นอกจากภูเขาทองแล้ววัดสระเกศยังมีสถานที่สำคัญอีกหลายแห่งได้แก่ พระอุโบสถซึ่งภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องทศชาติชาดกและพุทธประวัติ ที่ยังคงเค้าโครงงานช่างสมัยรัชกาลที่ 1 เอาไว้ได้เป็นอย่างดี พระวิหารประดิษฐานพระอัฏฐารสศิลปะสุโขทัย ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งได้กิ่งพันธุ์มาจากลังกาหอพระไตรปิฎกและพระตำหนักรัชกาลที่ 1 ซึ่งโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นข้างพลับพลาที่ประกอบพิธีมูรธาภิเษกเป็นต้น
เรียกได้ว่า มาวัดสระเกศวัดเดียว นอกจากจะอิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งใจแล้ว ยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์กลับบ้านไปด้วย
ที่มา : นิตยสาร Secret เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ อนุพงศ์เจริญมิตร, สรยุทธ พุ่มภักดี
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/85427.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2018, 07:16:15 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ