รู้สึกพะวงกับเรื่องต่าง ๆ ที่จะมีในอนาคต ทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่เกิด และ หรือ อาจจะเกิด
ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ทำให้ไม่สบายใจ วิตก กังวล ทุกข์ร้อน
ยกตัวอย่าง วิตก กังวลว่า เขาจะมาด่าเรา แกล้งเรา ทั้ง ๆ ที่อาจจะเป็นแค่ความคิดหรืออาจจะทำให้เรา
เสียชื่อเสียง เหมือนมีคนคอยจับผิดเราอยู่ตลอดเวลา
ต้องทำอย่างไรดีถึงจะถึงความสบายใจในส่วนนี้ได้ครับ
เริ่มทำดังนี้
1.อันดับแรก ปรับลมหายใจก่อน เพราะลมหายใจของคนที่ิวิตกกังวล เต็มไปด้วยสภาะที่เศร้าหมองด้วยอำนาจ
กิเลส ปรับลมหายใจเข้า ออกนะ แบบถอนหายใจสัก 3 - 4 ครั้ง
2.ตั้งสติกลับมา เรียก สติ สติของฉันจงมาเถิด
เรียกสักสองสามครั้ง ก็ใช้ได้
3.เมื่อตั้งสติได้แล้ว ก็ให้แผ่เมตตา ให้ตนเองมีความสุข
ตั้งจิตระลึกถึงพระพุทธเจ้า กล่าว นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
แล้วตั้งจิตแผ่เมตตาดังนี้ อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
4.เสร็จแล้วก็หางานทำ กวาดบ้าน กิจกรรมทำงาน ( ที่แนะนำอย่างนี้เพราะว่า ถ้าจะให้ฝึกสมาธินั้นจิตไม่พร้อม
ยิ่งฝึก จะยิ่งมีผลเสีย ) ถ้าไม่กิจอะไรทำ ก็ให้เดินกลับไป กลับมา กำหนดสติ เดินไป เดินมา พอเหนื่อยแล้ว
ก็จะได้อารมณ์ดีบ้าง
5.วิธีการสุดท้าย นี้สำคัญ ต้องเจริญสติ ให้เห็นความเป็นจริง ว่าแท้ที่จริงเราเกิดมา ก็มาแต่ตัว ไปก็คงไปแต่ตัว
จะลาำภ จะยศ จะสุข จะสรรเสริญ ที่ชาวโลกเห็นเป็นความผูกพัน ที่เรียกว่ารัก นั้นมิได้เป็นสิ่งที่เี่ที่ยงแท้ ถาวร
เจริญสติ ส่วนนี้ให้มากขึ้นสักเล็กน้อย ก็จะถึงคำว่า
ปล่อยวาง เสียบ้าง เพราะถ้าบอกให้ปล่อยวาง เลยนั้น ปุถุชนย่อมจะกระทำไม่ได้ ง่าย ๆ
เมื่อปล่อยวาง ได้บ้างแล้ว ก็ให้มาตั้งจิต เตือน สติ ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อะไรมันจะดับมันก็ต้องดับ
รู้เท่าทันตรงส่วนนี้เสีย พอใจได้รื่นรมย์แล้ว ก็ถือว่ามีสติ แล้วในขั้นต้น
6.หมั่นอบรมจิต ภาวนาสมาธิ บางคนกล่าวว่า สมาธิทำให้ติดสุข ดังนั้นก็ให้ใช้ความสุขในสมาธิ คลายความ
กังวลลงเสียบ้าง จิตจะได้แช่มชื่น ไม่มัวหมอง จิตที่เป็นสมาธินั้น เป็นจิตที่ควรแก่การวิปัสสนา นะจ๊ะ
7.ตั้งจิต วิปัสสนา เมื่อจิืตเป็นสมาธิแล้ว ก็ให้ตั้งองค์แห่งสุข หรือ ปีติ เป็นอารมณ์ตั้งเป็นองค์วิปัสสนา
ก็แนะนำตั้งแต่ ง่าย ๆ ไปจนถึงระดับกลางให้แล้วสุดแล้วแต่ผู้เรียนจะถือเอาปฏิบัติก็ชั่งใจด้วยตนเองว่าสมควร
ใช้วิธีการไหน ใจเราจะเป็นสุขตามที่เราต้องการจริงๆ นะจ๊ะ
เจริญธรรม