สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: suchin_tum ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 11:06:20 am



หัวข้อ: จงเลือกเหตุ(มรรค)...ถ้าเหตุถูก(ผล)มี
เริ่มหัวข้อโดย: suchin_tum ที่ พฤศจิกายน 12, 2011, 11:06:20 am
         ถ้าจะเอาเห็นผล ต้องดูที่เหตุ   ถ้าเหตุถูกผลต้องเกิด มีได้ เป็นได้
     เช่นเด็กนักเรียน ถ้าไม่ตั้งใจเรียน ไปคัดลอกเค้ามา ไม่ได้ทําเอง ถึงรู้ก็รู้แบบจําเค้ามา ถ้าจะให้อธิบายวิธีทํา ก็อธิบายไม่ได้หรอก เพราะลอกมา ลักจํามา ก็เลยรู้ไม่หมด เพราะไม่ได้รู้เหตุ(วิธีทํา)รู้แบบปริยัติ อุปปาทาน ตายนํ้าตึ้น ไม่มีที่มาที่ไป  แบบนี้สอนคนอื่นไม่ได้
    ผลนั้นได้กับตัวเอง    จะสูง จะตํ่า อยู่ที่ทําตัว จะดี จะชั่ว อยู่ที่ตัวทํา
        พระพุทธองค์ ตรัส ศิล สมาธิ ปัญญา คือแนวทางไปสู่ความสุข
    มีทาน ศิล สมาธิ เป็นมรรคทาง  ปัญญา คือ ผล  มรรคคือทางเดินไปสู่ผล
    จุดเริ่มต้นกรุงเทพ-ไปถึงเชียงใหม่ ยังไป ไม่ถึงแต่เอาเรื่องเชียงใหม่มาคุยแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่เคยไป เมื่อถามว่า ผ่านตรงนั้น ตรงนี้ เห็นอะไรมั๊ย ก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ บอกไม่ได้ สอนไม่ได้ แต่ตอบเชียงใหม่ได้ รู้แบบปริยัติ จําเค้ามาตอบ รู้แบบนึกคิด รู้แบบสัญญาความจํา ไปจําพระเทศน์มา ไปจําหนังสือมา
   แต่ทุกข์ที่กาย-ที่ใจยังเห็นอยู่ ธาตุยังผัดผันยังแปรปรวน ยังไม่สามารถทําให้ ดิน นํ้า ลม ไฟ เสมอภาคกันได้.
   ใช้ความคิด ออกจากทุกข์ ไม่ได้ แม้จะบําเพ็ญ อิริยาบท อันใด ทุกข์ก็ยังเข้ามาเยี่ยมกราย
   พระพุทธองค์บําเพ็ญทุกกริยา คือ ทําทุกอย่าง ในทุกอิริยาบท จึงเรียกว่า ทุกกริยา ทําทุกอย่าง พระองค์เสียเวลาอยู่ 6 ปี ทรงบําเพ็ญแบบนี้อยู่หกปี  รวมถึงอดอาหารร่างกายผ่ายผอม.
   ทุกท่านลองคิดดู  บารมีพระพุทธเจ้าของเรา มีมากมายพรรณนาทั้งวันทั้งคืนยังไม่หมด
   ถ้าการกําหนดอิริยาบทในชีวิตประจําวัน ทําให้บรรลุได้ พระองค์คงไม่เลิก ถอน เมื่อผู้ที่ปกปักษ์รักษาสงสารพระองค์ ทนดูมิได้ จึงเอานิมิต พิณ 3 สายมาบอก
              พระองค์ได้อธิฐานกับถาดใส่อาหาร พระองค์จึงทรงทราบว่า ในกาลข้างหน้า พระองค์ต้องได้ตรัสรู้อย่างแน่นอน
     หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้รับถวายหญ้าแฝก 3 กํา ใช้ปูรองนั่ง ทรงเลือกท่าขัดสมาธิ พระองค์อธิฐานว่า ไม่ลุกขึ้น แม้ร่างกาย แตกดับ
     จนกระทั่งพระองค์ค้นพบอริยสัจน์ 4   
           นักปฏิบัติทั้งหลาย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อะไรเริ่มก่อน มรรคผล มิได้มีเกิดขึ้นได้เลย พระองค์ เรียงไว้ให้แล้ว ท่าขัดสมาธิ คือวิธีบําเพ็ญที่พระองค์เลือก มีคําว่า ศิล สมาธิ ปัญญา เป็นทั้งมรรค เป็นทั้งผล อยู่ในตัวอยู่แล้ว
     ผลนั้น คือ ตั้งแต่ พระโสดาบัน ขึ้นไป
            อย่าลืม ไปขึ้น กรรมฐาน ที่ วัดราชสิทธาราม ไปที่คณะ 5  ท่านจะได้กราบ สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน บูรพาจารย์ผู้ทรงในบารมีธรรม
                              ขอบารมีท่านนําทางสู่แสงสว่างสุข 
         ศิษย์ธัมมะวังโสอาโลโก


หัวข้อ: Re: จงเลือกเหตุ(มรรค)...ถ้าเหตุถูก(ผล)มี
เริ่มหัวข้อโดย: นัยนา ที่ พฤศจิกายน 13, 2011, 08:12:48 am
อนุโมทนา คะ อ่านแล้ว เป็นคำบอกเล่าที่ดี คะ

 :25:


หัวข้อ: Re: จงเลือกเหตุ(มรรค)...ถ้าเหตุถูก(ผล)มี
เริ่มหัวข้อโดย: เสกสรรค์ ที่ พฤศจิกายน 13, 2011, 08:25:53 am
สาธุ ครับ พี่ มีคำเตือน ดี  ๆ มาเสมอ เลยนะครับ

 :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: จงเลือกเหตุ(มรรค)...ถ้าเหตุถูก(ผล)มี
เริ่มหัวข้อโดย: Mario ที่ พฤศจิกายน 13, 2011, 05:32:46 pm
อนุโมทนา คะ คุณ suchin_tum มาที ก็คมมาก ๆ คะ ยังตามอื่น อยู่ นะคะ

 :25: :25: :25: