แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - suchin_tum
|
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
|
361
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อริยสัจจะ 4 เป็นคุณเครื่องศึกษาธรรมเริ่มต้น
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 03:11:30 pm
|
เราทั้งหลายกําลังวิ่งวนอยู่ในวิจิกิจฉาและสมุทัย ใบไม้ทั้งป่่า กับใบไม้กําเดียวอย่างใดน้อยกว่า เราเกิดเป็นพุทธ ทาน ศิล สมาธิ ปัญญา คือธรรมเครื่องนําออก เราจงวางของหนักลงก่อน สิ่งเหล่านั้นวันหนึ่งก็ต้องรู้เอง เห็นเอง (สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด)
|
|
|
362
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: แก้ความดื้อรั้น เอาชนะ ทำอย่างไร ครับ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 02:35:25 pm
|
ก็ต้องหมั่นตรวจตรา อารมณ์ของตัวเองดูในตอนที่อารมณ์เย็นดีแล้ว ว่ามันไม่ดี มันร้อน ตอนที่ร้อนกายใจมีความยึดถือมากเพราะมีความ ชอบ-ไม่ชอบ อยาก-ไม่อยาก อารมณ์กิเลสเหล่านั้นมันมาช่วย(เขย่าขวด-MIXER-เครื่องผสมปีติ)ให้เราลืมตัว(สัมปยุตกิเลส)ไปชั่วขณะ พอจิต-แยกกับกายก็กลัว คนอื่นจะมองไม่ดี เครื่องแก้ความร้อนให้เป็นความเย็นลงบ้าง คือสละเริ่มทําทานด้วยการให้ เข้าวัดสังเกตดูคนที่มีความเย็น หาหนังสือพวกกรรมเย็นกรรมร้อนมาอ่าน หมั่นเข้าหาพระ เริ่มจากระดับทาน ไปก่อนสละให้บ่อย เพื่อทําลายความยึดถืออย่างหยาบออกไปให้บางเบาลง ส่วนการรักษาศิล การสวดมนต์ การภาวนา ทําได้ค่อยทําตามไปเป็นลําดับ
|
|
|
363
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การที่เราพิจารณาร่างกาย เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นวิปัสสนาหรือยัง
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 11:29:12 am
|
(เราจะรู้จริงหรือไม่รู้ เรื่อง รูป-นาม ก็เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป) รู้พระไตรลักษณ์ ได้แก่ การรู้ลักษณะ 3 ประการคือ รู้อนิจจัง รู้ทุกขัง รู้อนัตตา การรู้พระไตรลักษณืนั้น ต้องรู้ถึง 4 ขั้นคือ 1รู้ตามหลักแบบเรียน(รู้แบบปริยัติ-สุตตามยะปัญญา) 2รู้ตามที่คิดนึกเอาเอง(-จินตามะยะปัญญา) 3รู้ตามจากการปฏิบัติจริง จนถึงญาณ4(ภาวนามะยะปัญญา) 4รู้ขั้นสูงสุด (โลกุตตะระปัญญา) ที่เราตอบ ตอบตามหนังสือของพระอาจารย์=ก็คือจําเค้ามาเล่า ส่วนของผู้ทีถาม ให้ตรวจดูเอาเองว่าตรงกับข้อใด
|
|
|
364
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อคุณยายข้างบ้าน มาขอคำปรึกษาเรื่องลูกชาย
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2011, 09:47:00 am
|
หากน้อมใจผู้เป็นมารดาสําเร็จก็นับเป็นเรื่องปีติ หากเป็นเราเองเมื่อก่อนเราก็คงอยากทําแบบนี้แต่เผอิญเราไปได้ยินเรื่องๆหนึ่ง ที่ครูบาอาจารย์เตือนเพื่อนคนหนึ่ง-ว่า-(ห้ามปรามาสเทวดาประจําตัวของผู้อื่น)เทวดาท่านก็มีหัวจิตรหัวใจหากไม่พอใจ โดดมาใส่เราเราอาจเจ็บ-หรือป่วย-หรือถูกเบียดเบียนได้ทันที หากท่านเหล่านั้นยังไม่หมดกรรมต่อกันล่ะแล้วถ้าเทวดาโกรธล่ะ-เทวดามีเจโตปริยญาณทุกองค์-รู้หมดว่าเรากําลังทําอะไร เรื่องที่เรากังวลจบแล้ว อยากให้ทุกท่านได้ข้อสังเกตไว้พิจราณา เรื่องนี้มีเพิ่มอีก 2 องค์ ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้น
|
|
|
365
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "พระสารีบุตรเป็นมิจฉาทิฏฐิ" ใครหนอ??!!กล่าวเช่นนี้
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 08:50:21 am
|
สมาธิเฟื่องฟูด้วยศรัทธา-องค์สมเด็จพระสัมมาอยู่เหนือหัว-องค์พุทธานุสสติพาพ้นกลัว-คลายสงสัยไม่เมามัวในตัวตน-ด้วยแรงมรรคที่เปี่ยมล้นค้นปีติ-นําจิตรออกอยู่รํ่าไปไม่สับสน-ได้รู้เห็นรู้โทษภัยในวังวน-ต้องอดทนในแรงกรรมที่ดําเนิน-ไม่เวียนว่ายตายเกิดต้องฝ่่าฟัน-ฝึกทุกวันกรรมฐานไม่หยุดเฉย-พระอาจารย์ได้บอกกล่าวอย่าละเลย-ได้คืบไว้ไม่นิ่งเฉยเมยไม่มอง-มัชฌฺิมา-แบบลําดับชื่อกรรมฐาน-องค์สมเด็จพระสัมมาพระราหุล-ทั้งครูบาอาจารย์ช่วยคํ้าจุน-ได้พยุงอยู่ตลอดเป็นยอดครู-นําคําสอนเป็นสัมมาหยิบมาให้-มีอุบายอยู่ในองค์พระกรรมฐาน-ไม่ต้องคิดไม่ต้องเห็นตามอาจารย์-วิธีนั้นเหมือนมีชัยไปครึ่งทาง-สิ่งที่ทําแล้วต้องถึงแล้วต้องได้-อย่าได้ใช้ปีติใดพาให้หลง-ปีตินั้นมันมีตัวให้หลงตน-ทรนงก็ปรามาสครูอาจารย์-ตามืดดับกรรมฐานก็ไม่เติบ-ใช้วิธีใดก็ไม่หมดความร้อนซ่าน-ยังเหลือจิตรเป็นสิ่งผูกทุกทรมาน-แต่สําหรับเรานั้น-แสนภาคภูมิใจ-ที่ได้มีครู(จบ)
|
|
|
366
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สมาธิ จะช่วยอะไรในวิปัสสนา
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 09:10:58 am
|
การปรุงแต่งเป็นความเพลิดเพลินล่องลอยและท่องเที่ยวคือ ธาตุ เมื่อรู้สุขทุกข์และฝังใจประชุมลง นัั่นก็ธาตุ หรือเมื่อมีความยินดีสรุปว่าเชื่อ ว่าใช่ ชอบ นั่นก็ธาตุ เมื่อเรารู้สึกเฉยๆ คือ ธาตุ แสดงว่ามีหลายธาตุนะฺ เอาเป็นว่าลองไปสร้างกรรมดีสร้างสมาธิก่อน เมื่อถึงระดับหนึ่ง จิตจะสามารถแตกไตรลักษณาการณ์ได้ มิจฉาคือความไม่รู้จะเริ่มมองเห็นเอง รู้ว่า สมาธิ-วิปัสสนา อยู่เตือนกัน ก็คงไม่ถาม ไม่ถามใคร(พระอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง)
|
|
|
|