ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธเจ้าสอนโจร  (อ่าน 3653 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระพุทธเจ้าสอนโจร
« เมื่อ: มีนาคม 06, 2013, 10:13:01 am »
0


พระพุทธเจ้าสอนโจร

    เมื่อมีใครถามว่าพระพุทธเจ้าสอนคนที่ไม่ใช่พระอย่างไร ใครบ้างที่เหมาะจะฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
    ผมมักยกเอาโจรสูตรมาตอบ เพราะสูตรนั้น เป็นบันทึกว่าแม้แต่โจร พระพุทธเจ้าก็สอน
    เรื่องของเรื่องคือเมื่อจะไม่เป็นคนดีแน่ๆล่ะ จะขอเอาเปรียบชาวบ้านด้วยการลักเล็กขโมยน้อยไปอย่างนี้ล่ะ
    ท่านก็บอกวิธีว่าเป็นโจรอย่างไร จะไม่ถึงความพินาศเร็วนัก


        ท่านว่า อย่าฆ่าเจ้าทรัพย์ เอาของแล้วก็อย่าเอาชีวิตเขาอีก
        อย่าเอาของเขาไปจนหมด เหลือๆของจำเป็นไว้ให้เขาบ้าง
        อย่าฉุดคร่าสตรีไปด้วย เอาแต่ของเขาก็ช้ำใจจะแย่แล้ว
        อย่าประทุษร้ายสตรี คือห้ามอกห้ามใจอย่าไปรังแกผู้หญิง
        อย่าลักเอาของบรรพชิต เพราะผลมันจะรุนแรงและรวดเร็ว
        อย่าถือเอาสมบัติราชาหรือทางการ เพราะเป็นของใหญ่ของแผ่นดิน
        อย่าปล้นใกล้ถิ่นที่อยู่อาศัยนัก เดี๋ยวคนจะจำหน้าได้
        แล้วก็อย่าสุรุ่ยสุร่าย รู้จักเก็บออมทรัพย์เอาไว้ใช้บ้าง


    รวมแล้วคุณธรรมของโจร คือ อย่าโหดเหี้ยมเกินไปมีน้ำใจบ้าง แล้วก็หัดเก็บออมเผื่อตั้งตัว
    คิดเปลี่ยนใจในภายหลังค่อยมีความเป็นไปได้หน่อย



    จากโจรสูตร คุณจะเห็นชัดเจนว่าพระพุทธเจ้าท่านยืดหยุ่น ใครประกาศว่าฉันจะไม่รักดี ฉันจะไม่มีศีลมีสัตย์ล่ะ จะอ้างกรรมเวร อ้างตระกูล หรือยอมรับว่ามักง่าย
    อย่างไรก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าก็ไม่พยายามโน้มน้าว ให้กลับใจมาเป็นสุจริตชนทันทีทันใด แต่ค่อยๆใส่คุณธรรมเข้าไปในหัวใจทุจริตชนนั่นแหละ ลงว่าถ้าเป็นโจรมีคุณธรรม คุณธรรมก็ติดตัวเป็นมงคลคุ้มครองได้บ้าง ไม่ต้องตายเร็ว ไม่ต้องตายอนาถ และถ้าเวรกรรมมีจริง ก็ไม่ต้องไปใช้กรรมหนักหนาสาหัสเกินไปนัก

    คุณธรรมเป็นสิ่งที่หยอดเข้าสู่หัวใจใครๆได้ไม่ยาก เพราะเกิดเป็นมนุษย์ได้นี่
    อย่างไรก็ต้องมีดี มีมโนธรรมติดตัวกันมาทุกคน เนื่องจากจิตดวงแรกสุดของสภาพมนุษย์มีความสว่าง มีความเป็นกุศล กุศลจึงเป็นฐานของสภาวะมนุษย์ ไม่ดื้อด้านขนาดไม่ยอมมีคุณธรรมกันบ้างเลย

    และนี่ก็เป็นไอเดียเบื้องต้นได้เหมือนกันครับ สำหรับคนที่ถามๆกันเสมอว่า จะช่วยญาติมิตรที่หลงผิดได้อย่างไร
    เริ่มต้นขึ้นมาอย่าพยายามหักด้ามพร้าด้วยเข่า แต่ให้ใช้วิธีเหยาะน้ำลงหินบ่อยๆจนหินกร่อนเอง
    ถ้าอยากให้เขาค่อยๆดีขึ้นในทางไหน คุณสร้างแรงบันดาลใจกระทบจิตเขาบ่อยๆ เช่น เขาเป็นพวกไร้เหตุผล ดื้อด้าน ด่าพระด่าเจ้า เขาด่าคำไหนมา ก็อย่าเพิ่งห้าม อย่าเพิ่งคัดค้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าด่ากลับว่าชั่วว่าเลว อย่าเอานรกมาแช่ง อย่าเอาบาปมาขู่ เพราะนอกจากจะไม่ลดโทสะโมหะให้เขา ยังมาเพิ่มโทสะโมหะที่ฝ่ายเราด้วย


    บางบ้านพอจะตื่นมาใส่บาตร
    อาจมีเสียงลอยลมมาว่า "ไปให้ทำไม พวกไม่รู้จักทำมาหากิน"
    เราก็อาจตอบแบบลอยลมกลับไปนิ่มๆว่า "ท่านออกมาเดินเหนื่อยๆทุกเช้า ก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ"
    พูดอะไรก็ได้ ที่เปลี่ยนลบให้เป็นบวกทีละนิด แปรโทสะและการขี้เกียจเป็นการได้คิดวันละหน่อย
    จะดีกว่าคุณพยายามพูดยาวๆ หรือเถียงแรงๆ ด้วยความหมายใจว่าจะให้ญาติเปลี่ยนแปลงทันที
    นอกจากจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังเหมือนไปซ้ำให้เขาอาการหนักขึ้นด้วยสิครับ


อ้างอิง
นิตยสารธรรมะออนไลน์ delitemag โดย ดังตฤณ กรกฎาคม ๕๓
http://www.dlitemag.com/index.php?option=com_content&view=article&catid=34:lite-talk&id=396:2010-07-14-15-26-36
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทธเจ้าสอนโจร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 06, 2013, 11:41:19 am »
0


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

โจรสูตรที่ ๑
    [๑๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ย่อมพลันเสื่อม ตั้งอยู่ไม่นาน
     องค์ ๘ ประการเป็นไฉน คือ
         ประหารคนที่ไม่ประหารตอบ ๑
         ถือเอาสิ่งของไม่เหลือ ๑
         ลักพาสตรี ๑
         ประทุษร้ายกุมารี ๑
         ปล้นบรรพชิต ๑
         ปล้นราชทรัพย์ ๑
         ทำงานใกล้ถิ่นเกินไป ๑
         ไม่ฉลาดในการเก็บ ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล ย่อมพลันเสื่อมตั้งอยู่ไม่นาน ฯ


โจรสูตรที่ ๒
    [๑๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ย่อมไม่เสื่อมเร็ว ตั้งอยู่ได้นาน
    องค์ ๘ ประการเป็นไฉน คือ
         ไม่ประหารคนที่ไม่ประหาร ๑
         ไม่ถือเอาของจนไม่เหลือ ๑
         ไม่ลักพาสตรี ๑
         ไม่ประทุษร้ายกุมารี ๑
         ไม่ปล้นบรรพชิต ๑
         ไม่ปล้นราชทรัพย์ ๑
         ไม่ทำงานใกล้ถิ่นเกินไป ๑
         ฉลาดในการเก็บ ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล ไม่เสื่อมเร็วตั้งอยู่ได้นาน ฯ

 
อ้างอิง
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=7221&Z=7227&pagebreak=0
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=7228&Z=7235&pagebreak=0
ขอบคุณภาพจาก http://board.palungjit.com/,http://www.navy.mi.th/



นัยของโจรสูตร

กระทู้ของคุณจักรกฤษณ์ จากเว็บบ้านธัมมะ
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=16744

ความเห็นที่ ๑ โดยคุณprachern.s
      เข้าใจว่าพระธรรมที่ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เพื่อสอนให้ผู้ฟังเป็นคนดีมีคุณธรรม สูงสุดคือสอนให้ละกิเลสทั้งหมด เป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ก็เป็นคฤหัสถ์ที่ดี เป็นบรรพชิตก็เป็นบรรพชิตที่ดี  บางคนที่เป็นโจรอยู่แล้ว ก็ไม่ทรงละเลยที่จะแนะนำให้เป็นโจรที่เลวน้อยที่สุด แต่โดยพื้นฐานการเป็นโจรเป็นอาชีพที่ทุจริต ล่วงศีล ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม ขัดต่อกฏระเบียบทางสังคม
     ดังนั้นผู้ฉลาดจึงไม่ควรประกอบอาชีพนี้ แต่สำหรับบางคนบางกาละ เขาไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำลงไปครับ


ความคิดเห็นที่ 2 คุณkhampan.a
      พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นความจริงทุกประการ ความจริงเป็นอย่างไร ก็ทรงแสดงตามความเป็นจริงอย่างนั้น เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน
     ข้อความในโจรสูตรนี้ ไม่ได้แสดงว่าให้ไปเป็นโจร ไม่ได้มีการสนับสนุนให้เป็นโจร แต่โจรคือใคร?
     เพราะอกุศลที่ได้สะสมมา มีกำลังมากขึ้น ได้กระทำทุจริตกรรมประการต่าง ๆ เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน จึงมีการสมมติว่าเป็นโจร  เพราะแท้ที่จริงแล้วมีแต่ความเป็นไปของสภาพธรรมเท่านั้น
 
     ในเมื่อเต็มไปด้วยอกุศลอย่างนี้ ถ้ามีทางใดที่จะเป็นเครื่องเตือนให้มีอกุศลน้อยลงให้ลดความไม่ดีลง ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ เพราะถ้าเทียบกันระหว่าง อกุศลน้อยลง เลวน้อยลง กับ การมีอกุศลเพิ่มขึ้น เลวมากยิ่งขึ้นแล้ว การมีอกุศลน้อยลง เลวน้อยลง ย่อมจะดีกว่า (ตามความเป็นจริง อกุศลไม่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตาม)
     แต่จะให้ดีที่สุด ก็ต้องไม่มีอกุศล ไม่มีกิเลสอีกเลย
     ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนาน ในการอบรมเจริญปัญญา ครับ

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ