ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ชายชอบสอนธรรมะ จนดิฉันรู้สึกแย่ ไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย ทำอย่างไรดีคะ.?  (อ่าน 820 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พี่ชายชอบสอนธรรมะ จนดิฉันรู้สึกแย่ ไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย ทำอย่างไรดีคะ.?

ถาม : ตอนนี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ดิฉันเป็นชาวพุทธคนหนึ่งค่ะ ตั้งแต่เด็กก็จะตามแม่ไปไหว้พระสวดมนต์ถือศีล พอโตขึ้นมามีงานทำก็จะลาพักร้อนไปปฏิบัติธรรมทุกปี ซึ่งต้องบอกก่อนว่าดิฉันไม่ใช่นักปฏิบัติตัวยง เพียงแต่การที่หาเวลาไปปฏิบัติก็เพื่อให้ตนละจากความชั่วบ้าง หากอยู่บ้านและที่ทำงานก็เป็นเหมือนคนอื่นๆ มีสังคม มีชีวิตทางโลกเป็นปกติ เพียงแต่มีหลักธรรมพื้นฐานคือศีล 5 ในการดำรงชีวิต

ชีวิตของดิฉันคงจะเป็นปกติ จนไปพักอาศัยกับพี่ชายคนโต ซึ่งเขาสนใจธรรมะมาก เพราะเคยบวชเรียนมา พี่ชายเป็นคนที่ฟังธรรมทุกวัน ทุกเวลา เขาสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน เมื่อดิฉันไปอยู่ด้วยจึงได้ฟังธรรมทั้งจากเทปและจากปากพี่ชายตลอดเวลา จนทำให้รู้สึกเหนื่อย เพราะพี่จะถามเสมอว่าที่ฟังไปนั้นคิดอย่างไร เข้าใจแค่ไหนและมักจะถกปัญหาธรรมให้ฟังตลอด อีกทั้งยังชอบเตือนเสมอว่า จิตคนเรานั้นเกิดดับเร็วมากเกิดภพชาติได้ทุกขณะจิต การที่ต้องอยู่กับพี่ทำให้ดิฉันรู้สึกเหนื่อย รู้สึกแย่ รู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องยากและไกลตัว และยังทำให้รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยทำดีหรืออยู่ในหลักธรรมเลย ดิฉันไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย จะทำอย่างไรดีคะ ช่วยหาหนทางให้เจอความคิดที่ถูกต้องด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ตอบ : พี่ชายของคุณปรารถนาดีต่อคุณ แต่ก็ดูเหมือนจะ“ร้อนวิชา” ด้วย จึงอยากพูดอยากสอนธรรมะ คุณควรรับรู้ถึงความปรารถนาดีของพี่ชาย ขณะเดียวกันก็ควรตระหนักว่า ความเหนื่อยใจของคุณนั้นเป็นเพราะรู้สึกรำคาญการกระทำของพี่ชายยิ่งกว่าอะไรอื่น คนเราเมื่อใจรู้สึกต่อต้านสิ่งใด พอเจอสิ่งนั้นก็จะเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที ปัญหาจึงมิได้อยู่ที่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับคุณ แต่เป็นเพราะใจไม่ชอบสิ่งนั้นต่างหาก คุณลองทำใจยอมรับหรือเฉย ๆ กับการกระทำของพี่ชาย หรือจะขอบคุณเขาในใจก็ได้ คุณจะพบว่าความทุกข์ในใจคุณจะลดลง บางครั้งหากมีความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่ามีอารมณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในใจ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน เพียงแค่น้อมจิตมาที่ลมหายใจ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ สัก 5 - 10 ครั้งก็จะรู้สึกดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากคุณพยายามแล้วแต่ยังมีความทุกข์อยู่ ควรหาโอกาสพูดคุยกับเขา ขอความช่วยเหลือจากเขา โดยเลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม แล้วบอกเขาว่าคุณขอบคุณในความปรารถนาดีของเขา จากนั้นก็บอกเขาว่าสิ่งที่เขาทำกับคุณหรือทำให้คุณนั้น คุณรู้สึกไม่สบายใจ เหน็ดเหนื่อย สุดท้ายก็บอกความต้องการของคุณว่าอยากให้เขาทำอะไรที่จะช่วยให้คุณสบายใจ หรืออยู่บ้านอย่างมีความสุขมากขึ้นควรพูดกับเขาด้วยเหตุผลและด้วยวาจาที่สุภาพ อย่าใช้อารมณ์ อาตมาเชื่อว่าเขาจะฟังคุณ


 
ธรรมะจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
http://www.secret-thai.com/dhamma-daily/12667/dhamma-2/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st12 st12 st12   like1 like1 like1

 :57: :57: :57: ผมก็เคยเป็น จนเจอหลวงปู่บุญกู้ กับหลวงพ่อเสถียร ท่าน เอ็ดผมมาว่า เราน่ะมันฟุ้งธรรม คือ จิตฟุ้งซ่านในธรรมจนเฟ้อไปแล้ว ผมเลยกลับมาทบทวนที่ครูบาอาจารย์สอนว่า ยินดีที่ได้ทำเข้าใว้ ทำให้มาก(ทำบ่อยๆเป็นประจำๆไม่ขาด) แต่ทำให้เป็นที่สบายกายใจ(ไม่ตึง ไม่หย่อน พอดีๆเป็นที่สบาย) สะสมไปเรื่อย(ไม่กระสันในผลของการปฏิบัติ วางใจไว้ยินดีแต่ไม่กระสันปารถนา คือ ทำเหตุสะสมบารมี) ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลิกบ้า จิตใจปรอดโปร่งขึ้น ไม่กระสันจะเอาฤทธิ์เอาเดช รู้แค่ว่าทำเหตุสะสมไปเรื่อยๆแบบสบายๆแต่ไม่ขาดเมื่อถึงจุดมันได้เอง
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ