ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมแอบรักใครก็ถูกหักอก หรือชีวิตนี้จะโดนสาปให้ไม่มีคู่เสียแล้ว  (อ่าน 1292 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ทำไมแอบรักใครก็ถูกหักอก หรือชีวิตนี้จะโดนสาปให้ไม่มีคู่เสียแล้ว

ถาม : เป็นคนโชคร้ายเรื่องความรัก แอบรักแอบชอบใครก็ถูกหักอกมาตลอด  ชีวิตนี้โดนสาปให้ไม่มีคู่เสียแล้วใช่ไหม

ตอบ : อย่าไปคิดเรื่องโดนสาปอะไรแบบนั้นเลย…ความเป็นจริงแล้วจะมีสักกี่คนที่มีความรักสมหวังดังใจ มีไม่มากหรอก น้อยมากเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่มักอยู่ในช่วงกำลังลุ้น กำลังลองเสี่ยงภัยว่าคนนั้นจะเป็นคู่ของเราจริงหรือเปล่า มิหนำซ้ำเขาอาจยังไม่ทันรู้ตัวด้วยว่าคนที่เขากำลังกุมมือน่ะไม่ใช่เนื้อคู่หรอก แต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรต่างหาก

ตัวอาตมาเอง เดิมก็เป็นโยมที่เกเรมาตลอด แต่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนบวชเป็นช่วงที่รักษาศีลเข้มข้นมากขึ้นทุกที ผลของกรรมดีจึงนำให้พบกับสตรีนางหนึ่ง ซึ่งเขาก็เป็นคนปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าวัดทำบุญไม่ขาดเช่นกัน เรียกได้ว่าใครเห็นก็บอกว่าเป็นคนที่มีศีลเสมอกันเลยทีเดียว ระหว่างที่เขากำลังส่งยิ้มหวานมาให้อาตมานั้น อาตมาก็พลันนึกไปถึงคำพูดของพระอาจารย์ที่ว่า

“โยมยังมีเจ้ากรรมนายเวรเหลืออยู่อีกหนึ่งคน อย่าไปยุ่งกับเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไม่ได้บวชแน่นอน”

 :96: :96: :96: :96:

เท่านั้นแหละอาตมาก็รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้แหละคือเจ้ากรรมนายเวรที่พระอาจารย์พูดถึง อาตมารีบตัดใจทันที ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่สุงสิง จนในที่สุดก็ได้บวชสมใจ ซึ่งเรื่องนี้ตรงกับคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ว่า

“คนที่ดีที่สุดจะเข้ามาในช่วงที่เราเป็นคนดีที่สุด มีศีลธรรมสูงที่สุดด้วยเช่นกัน” หรือเรียกอีกอย่างว่าเนื้อคู่คือคนมีศีลเสมอกันนั่นเอง

อาตมาแนะนำให้มองว่าการที่เรายังเป็นโสด เพราะยังไม่ถึงเวลาที่คนมีศีลเสมอกันผ่านเข้ามา ซึ่งสุดท้ายหากไม่มีใครเดินเข้ามาเลยจริง ๆ เราก็ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ เพราะปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่ามีคนเข้ามาหรือไม่ แต่ปัญหาอาจมาจากการขาดความภาคภูมิใจ ขาดคุณค่าของตัวเองมากกว่า การรอคอยด้วยจิตจดจ่อโดยหวังว่า เขาจะเข้ามาพร้อมความสุข อาจไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไป แต่หากเราเปล่งประกายแห่งความสุขออกมาได้จากภายในตัวเราเอง ความสุขและความอบอุ่นนั้นต่างหากที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับเราและคนรอบข้าง


 
ให้ข้อคิดธรรมะโดย พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน ภาวิไล
ส่วนหนึ่งจากคอลัมน์ Dhamma Daily  นิตยสาร Secret ฉบับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558
http://www.secret-thai.com/article/dharma/51/broken-heart-2/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

    ผมคิดว่ามีสังขตะเรื่องใด...ก็มีทุกข์และสุข...ในเรื่องนั้น นะครับ


      มีสุขหรือมีทุกข์  ก็เหมือนหมายที่มีใจไปข้องเกี่ยวเข้าไปลุ้นไปรอดูรอผล ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้


                สรุป  ก็คือทุกข์ทั้งนั้น 

                  ทุกข์หรือสุข ก็คือทุข์ดีๆนี่เอง



                  จนกว่าจะเลิกข้องเกียวเป็นอุเบกขา ในสิ่งนั้น
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สะเทือนใจ..... :'( :03: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ส่วนตัวผมแล้ว เรื่องพวกนี้มันก็แค่องค์ประกอบชีวิตที่จรมาเท่านั้น สมัยไม่รู้ธรรมเจอแบบนี้ก็จะเป็นจะตาย แต่สมัยนี้มีความรู้สึกว่าที่เจอแบบนี้เพราะมันจรมาให้เราก้าวข้ามมันไป ให้รู้ทางเจริญ ทางละ ทางดับ ทางพ้นมีันไป เพื่อรู้ธรรมตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ถูกต้องและตรงตามจริง เพื่อแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รู้ตามภายหลัง ให้เห็นธรรมของพระพุทธเจ้า ได้เจริญปฏิบัติตามแล้วหลุถดพ้นจากทุกข์ได้จริง
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ