เรื่องนี้ยังมีการอธิบายไม่ถูก นะ
ที่จริง แล้ว ต้องถามว่าเชื่อ พระพุทธเจ้าไหม ?
ถ้าเชื่อ ก็ให้ทบทวนตรงนี้ก่อนว่า
พระพุทธเจ้าตรัสสว่า กรรมเป้นของบุคคล บุคคลทำกรรมย่อมได้รับผลของกรรม แม้ที่จะรับกรรมต่อไปก็คือกรรมที่ตนเองกระทำไว้นั่นเอง
ถ้าเชื่อตรงนี้ จะเห็นว่า
พ่อ เป็นคนสร้างกรรม ลูก ต้องรับกรรม แทนไหม ?
ถ้าเชื่อ ก็คือ กรรที่พ่อทำ ลูกไม่ต้องมารับกรรม อันนี้ถูก
ที่นี้คำพูดที่ผิด คือ พ่อทำกรรม ลูกก็เลยต้องมารับกรรม อันนี้ผิด
แสดงว่า กรรมที่ลูกรับอยู่นั้น ไม่ใช่กรรมจากพ่อทำ เกิดแต่ตนเองเป็นผู้ทำด้วย คือร่วมด้วย อย่างนี้ถึงจะถูก
การร่วมทำกรรม ไม่จำเป็นต้องลงมือทำ แค่ไปยืนดูเขาทำก็ถือว่า ร่วมแล้ว และยืนดูเฉยๆ ไม่มีการห้าม หรือสั่งใหหยุดทำ หรือวิงวอนไม่ให้ทำ นั่นคือการร่วมกันกระทำกรรม เพราะว่าเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องทำเป็นอาชี ทุกคนในบ้านรับรู้หมด ว่าต้องทำกรรมอย่างนี้ อันนี้คือกรรมสืบเนื่อง ที่เกิดจาการร่วมกระทำไม่ใช่ กรรมของพ่อที่กระทำ อันนั้นเขาต้องไปรับหนักกว่า ที่เราเป็นแค่คนร่วม
ที่นี้ก็มีบางกรรม ทำตามคำสั่ง ทำตามอาชีพ ถึงแม้ต้องทำกรรม แต่คนสั่งให้ทำ มีกรรมมากกว่า เช่น เพชฌฆาต ที่ต้องประหารชีวิตนักโทษ สิ่งที่เพชฌฆาตต้องทำก็คือ สังหารให้รวดเร็วโดยมีความเจ็บปวดน้อยที่สุด ในกรณีที่ถือว่า ทำตามหน้าที่ แต่โทษก็มีอยู่ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่ได้รับกรรมใหญ่ นอกเสียจากมีจิตคิดประหารด้วย จึงจะมีกรรมใหญ่ น้อยคนที่จะทำจิตไม่ไให้ร่วมได้