ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การแก้การ ติดเพ่ง และ ติดสมถะ ในกรรมฐาน ใครติดตรงนี้เชิญมาฟังครับ  (อ่าน 4937 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

vichai

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 207
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ติดเพ่ง 1/4

!

ติดเพ่ง 2/4



ติดเพ่ง 3/4



ติดเพ่ง 4/4




Uploaded by gluayman
บันทึกการเข้า
มาศึกษาธรรมะ ครับ ยินดีรู้จักทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร ครับ
เครดิต คุณกบแย้มกะลา

vichai

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 207
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่ให้เป็นวิวาทะ.. ทั้งหมดที่เขียนต่อไปนี้ไม่ได้กล่าวหาจขกท. แต่ว่าอ่านแล้วมันคิดเห็นอย่างนี้นะคะ


คือการปฏิบัติธรรมจะให้เดินถึงที่หมาย เดินสบาย ไม่ติดขัด ต้องมีครูอาจารย์ ครูอาจารย์ต้องเก่งด้วย

คือถ้าอาจารย์เก่ง จะติดสมถะสมาธิอะไรก็ติดไม่นานหรอก ท่านเขกหลุดหมดแหละ  จะวิปัสนูอะไร ก็หลุดได้หมด  เพราะพวกท่านผ่านมาก่อน ท่านแก้ไขให้เราได้


เรื่องติดเพ่ง มันเป็นอาการปกติ คือตั้งใจเกินไป เครียดเกินไป จงใจเกินไป ในการภาวนา จิตไม่เป็นกลาง  ใครๆ ก็เคยเป็น ถ้ามีครูชี้แนะก็หมดปัญหา 


การติดเพ่ง ไม่ใช่ติดฌาน..   เพราะทำฌานต้องให้ฌานติด ต้องติดฌานจึงจะได้ฌาน เมื่อได้ฌานแล้ว เขาเอาตัวฌานนั่นแหละมาละตัวเอง

การพัฒนาทางจิตมันจะทำลายตัวเองไปเรื่อยๆ เป็นขั้นๆ จนไม่มีอะไรเหลือ นี่คือหนทางของฌานลาภี ซึ่งก็ไม่ได้มีกันง่ายๆ  จนกระทั่งเป็นสาธารณะ ถึงกับจะต้องบัญญัติเป็นคำเตือนภัย..  จนทำให้เกิดมิจฉาทิฐิในวงกว้าง กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไปกลัวเสียตั้งแต่ยังไม่ได้หัดเพ่งเลย..

คนเพ่งฌานจนไม่ไปไหน ร้อยนึงจะได้สักห้าคนหรือเปล่ายังไม่รู้ ฤาษีชีไพรมาเกิดก็มี
มันวาสนาของเขา ถ้าหัดทำสมาธิแล้วเป็นเพ่งแบบฤาษี ยิ่งต้องหาครูสอนใหญ่เลย เพราะตัวเองแก้เองไม่ได้หรอก  ถ้าแก้ได้เองก็คงไม่ติดนะ..


วาสนาแบบฤาษี ก็ต้องเรียนรู้แบบฌานลาภี จะไปเรียนแบบสายปัญญามันก็ไม่ใช่จะก้าวหน้าได้ง่ายๆ  อีกอย่างหนึ่ง หลายๆ ราย ติดสมถะ ติดเพ่งฌานจริงๆ ติดอยู่สิบยี่สิบปี เลยไปโทษวิธีการทำสมถะ ที่จริงเป็นวิบากของตนหรือเปล่า เป็นผลจากกรรมของตนหรือไม่ก็ไม่รู้อีก   ติดเพ่งมาสิบปียี่สิบปี วันนึงแกะหลุด เลยมีความก้าวหน้า ก็หันกลับไปมองว่าที่ตัวทำมานั้นผิดๆ  รู้ได้ยังไงว่าผิดที่วิธี ไม่ผิดที่ตนเอง


แต่จะเคยคิดบ้างไหมว่า ที่ติดมาก่อน นั่นคือขั้นตอนของการเรียนรู้ ของคนแต่ละคนที่มีเส้นทางมาไม่เหมือนกัน  ก็เพราะผลจากที่ทำมาสิบยี่สิบปีนั่นแหละ เมื่อวันหนึ่งถึงเวลาของเขา เขาก็เจริญแตกออกจากเปลือก  มันไม่ใช่ว่าที่ทำมามันผิดเสมอไป   ธรรมให้ผลตามกาล เขามีฤดูการของเขา บางคนช้าบางคนเร็ว ไม่เหมือนกัน


ขออ้างเอดิสันซึ่งทำการทดลองแล้วเสียหาย ล้มเหลวเป็นพันครั้ง มาสำเร็จเอาตอนพันหนึ่ง มีคนถามว่า ไม่ท้อถอยหรือที่ต้องล้มเหลวเป็นพันครั้ง เขาตอบว่า ไม่เลย เพราะว่าขั้นตอนการทดลองของเขามีพันหนึ่งครั้งต่างหาก  ที่ผ่านมาทั้งหมดที่ล้มเหลว เป็นเพียงขั้นตอนของการเรียนรู้ เป็นบันไดพันขั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง

อาจารย์สอนว่า บัณฑิตไม่เหยียบใบลานแห้ง  คือไม่ดูถูกของเก่า วิธีเก่า.. เราทำไม่ได้เอง เราติดเอง อย่าไปโทษวิธีการ ต้องโทษปัญญาของตัวเราเองที่มีน้อยไป


เราเห็นว่าการเอาเรื่องติดเพ่งมาเตือนคนทั่วๆไป  ที่ไม่มีความสามารถจะติดฌานได้เลย กลายเป็นวาทกรรม  ทำให้คนกลัวฌาน เข้าข่ายปรามาสพระธรรมอีกนะคะ ทุกๆ วันจะต้องได้ยินคนบอกว่ากลัวติดเพ่ง กลัวติดสมถะ  แต่ปัญหาที่มาสอบถามคือ ทำยังไงดี ทำสมาธิไม่ได้ ฟุ้งซ่านมากเลย..  อ้าว..ก็ยิ่งฟุ้งยิ่งต้องฝึกสมาธิซี สมาธิแบบสัมมาสมาธิน่ะ.. ไม่ใช่ฟุ้งแล้วเลยทำวิปัสสนา.. จะเหลืออะไรให้ "วิ" ล่ะ




เรายังเบื่อกับคำถามพวกนี้เลย เจอบ่อยๆ จนเบื่อ พอมีโอกาสก็ระบายซะหน่อย



อยากจะให้เข้าใจว่า การเพ่งฌานเมื่อทำไปทีละขั้น สภาวะแต่ละขั้น มันละในตัวของมันเอง ไม่ใช่เรื่องต้องไปกลัวไปช่วยละเลย  การละไม่ได้ในแต่ละขั้นคือติดสภาวะ ไม่ใช่ติดเพ่ง บางคนติดสุข เลยไม่ละก็มี แต่วิธีแก้ไขมันก็มีอยู่เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร

ถ้าไม่ละวิตก ก็ไม่ได้วิจาร ถ้าไม่ละวิจารก็ไม่ได้ปีติ ไม่ละปีติก็ไม่ได้สุข ไม่ละสุขก็ไม่ได้เอกัคคตาจิต

ได้ฌาน 4 แล้วตัวตนแน่นปึ๊ก สมาธิแกร่งปั่ก ถ้าไม่ออกมาเจริญปัญญา ยังติดฌานชอบทำต่อไป ได้อรูปฌานที่ 1 มันก็ต้องละไอ้ตัวฌานแน่นปึกออก ถึงจะได้อรูป ทำต่อไปก็ละออกไปทีละชั้นๆ ไม่มีอะไรเหลือ

ทำฌานให้ได้ถึง 8 มันก็ล่อนจ้อนแล้ว จะทำตัวที่ 9 ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าไม่ตายซะก่อน

แต่ถ้าตายในฌานระดับนั้น ไปสุทธาวาส มีพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมบ่อยๆ  ก็บรรลุได้เลย ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่



เราก็ไม่เข้าใจว่าจะกลัวอะไรกันนักกันหนา..   

อยากเป็นเทวดา แต่กลัวสวรรค์..



ถ้ากลัวฌานก็ทำนอกชานก็ได้ วิปัสสนาแบบขณิกสมาธิก็ได้  แต่ไม่ใช่เราทำไม่ได้แล้วเราไปปรามาสวิธีการนั้นๆ ว่ามีข้อเสียอย่างนั้นอย่างนี้ ช่วยกันเผยแพร่ให้คนกลัวสมถะ


ที่จริงถ้ากลัวก็ง่ายมาก ตามหาครูบาอาจารย์สิ อาจารย์เก่งๆ ยังมีมากมาย มีอยู่ทุกภาค ขอให้ตั้งใจเสาะหาเถอะ โดยเฉพาะอาจารย์สายวัดป่า เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง องค์ไหนก็ได้ เปิดเน็ตเสิร์ชหาดู เอาตัวไปกราบท่าน ไปปฏิบัติกับท่าน มันก็หมดปัญหาเรื่องความกลัว ท่านเก่งๆ ทั้งนั้น มีให้เลือกหลายวัยเลย  ศรัทธาแนวไหนก็ไปหาแนวนั้น  พระดีๆ มีอยู่ทั่วไทย..


อ่านเองคิดเอง มันก็วนอยู่นี่แหละ  ต่อให้ติดเพ่ง อ่านวิธีแก้ไข ใช่ว่าจะแก้ได้เสมอไป ส่วนใหญ่คนที่ติดเพ่ง ไม่รู้ตัวหรอก  ผงเข้าตาตัวเอง จะเขี่ยออกเองได้ไง.. มันเป็นสภาวะที่ต้องให้คนอื่นช่วยเขี่ยค่ะ สภาวะติดเพ่งนี่น่ะ 

การอ่าน การฟังซีดี  มันเหมาะสำหรับขั้นพื้นฐานของการปฏิบัติ เพราะเข้าถึงง่าย เราก็จะได้เริ่มปฏิบัติ แต่ถ้าปฏิบัติไปแล้ว มีสภาวะเกิดขึ้น บางทีการอ่านหรือซีดีมันไม่พอช่วย ควรจะได้เวลาออกตาหาครูอาจารย์ค่ะ   ถ้าจะเอาจริงให้ได้จริงๆ ก็ต้องยอมเสีย เสียเวลา เสียเงินเดินทางบ้าง เสียความสบายส่วนตัวบ้าง แต่ได้ของจริง


หมดอาจารย์รุ่นนี้แล้ว  จะมาเสียใจภายหลัง.. คราวนี้จะไปตามหาก็ไม่มีให้หาแล้ว..


แล้วอีกอย่างหนึ่งเกิดในยุคกลียุคอย่างนี้ เป็นเทวดาเป็นพรหมก็เอาเถอะ  ไปถามได้เลย พระอาจารย์ทั้งหลายองค์ไหนองค์นั้น ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ควรจะกลัวน รกมากกว่านะคะ

จากคุณ    : chaosy
บันทึกการเข้า
มาศึกษาธรรมะ ครับ ยินดีรู้จักทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร ครับ
เครดิต คุณกบแย้มกะลา