อนุสัย แปลว่า กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน เรียกว่า อนุสัยกิเลส ก็ได้
อนุสัย หมายถึง กิเลสละเอียดที่ตกตะกอนนอนแนบนิ่งอยู่ในจิต จนบางครั้งทำให้เข้าใจผิดว่าไม่มี จนเมื่อมีอะไรมากระทบอย่างรุยแรง จึงแสดงตัวออกมา คล้ายๆ เหมือนเวลาที่เราถูกยั่วโมโหมากๆ เข้าจนในที่สุด เราก็ทนไม่ไหว้ แสดงความโกรธออกมา แต่ถ้าเราถูกรบกวนน้อยๆ เราก็จะยังเก็บความโกรธไหว้ได้อยู่ (ไม่โกรธ) เหมือนตะกอนที่นอนอยู่ในตุ่มใหญ่ซึ่งมีน้ำใสอยู่ข้างบน พอถูกกวนแรง ๆ ตะกอนจึงฟุ้งขึ้นมา
อนุสัยมี ๗ อย่าง คือ
๑. กามราคะ ความกำหนัดในกาม
๒. ปฏิฆะ ความหงุดหงิดไม่พอใจ
๓. ทิฐิ ความเห็นผิด
๔. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
๕. มานะ ความถือตัว
๖. ภวราคะ ความติดใจในภพ
๗. อวิชชา ความไม่รู้แจ้ง
ส่วน คำว่า นิสัย นั้น ที่จริงแล้วเป็นบาลี แต่ภาษาไทยเรามีการนำมาใช้ผิดเพี้ยนกันไปบ้างเล็กน้อย
มาว่ากันในส่วนของที่เป็นภาษาไทยกันก่อน
คำไทยเราคำว่า นิสัย มักจะหมายความว่า ลักษณะการแสดงออก พฤติกรรม หรือจริต กิริยาอาการ ของผู้นั้นๆ
ที่นี้มากันที่ทางบาลี ทางพระ ทางธรรมกันบ้าง นิสัย หรือ นิสสัย แปลว่า ที่พักพิง, ที่พึ่ง, ที่อาศัย
- ใช้เรียกปัจจัยสำหรับใช้สอยของบรรพชิตก็ว่า คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช
- ใช้เรียกการที่ผู้ขอบวชเปล่งวาจาขออยู่ในความปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์
หรือขอร้องให้เป็นพระอุปัชฌาย์ก็ว่า ขอนิสสัย
- พระวินัยกำหนดไว้ว่าภิกษุผู้มีพรรษายังไม่ครบ ๕ พรรษา จะต้อง ถือนิสสัย
คืออยู่ในความปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์หรืออาจารย์ หากมีพรรษาพ้น ๕ พรรษาแล้ว
ไม่ต้องถือนิสสัย เรียกว่า นิสสัยมุตตกะ (ผู้พ้นนิสสัยแล้ว)
ส่วนทาง การเรียนภาษบาลี ก็ได้มีกล่าวไว้ว่า สระ เรียกว่า นิสสัย เพราะเป็นที่อาศัยของพยัญชนะ พยัญชนะ ต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้
ที่บอกว่า "อนุสัย คือสันดาน" ก็ตอบได้ว่า ใช่ แต่ สันดาน ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่ไม่ไพเราะ (ตอบในเบื้องต้น ไม่ละเอียดก็เท่านี้นะจ๊ะ)