« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2019, 07:26:15 pm »
0
คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คือ พระในพุทธศาสนาหนังสือ Time Magazine บอกว่า ที่อเมริกา มีงานวิจัยพบว่าคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คือพระในพุทธศาสนา โดยทดสอบด้วยการสแกนสมองพระที่ทำสมาธิ และได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง
- หลักความเชื่อของศาสนาพุทธคือ เหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้น ก็คืออยู่กับปัจจุบัน ขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด
- ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลักเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น
- อริยสัจ4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและบอกไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า "ความสุข" เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด "ความทุกข์" ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้น
- อุปสรรคของความสุขก็คือแรงปรารถนาและตัณหา คนเราจะมีความสุขไม่ขึ้นอยู่กับว่า "มีเท่าไร" แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า เรา"พอเมื่อไร" ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนสิ่งของที่เรามีหรือเราได้.
- ดังนั้นวิธีจะมีความสุข อันดับแรกต้อง "หยุดให้เป็น และ พอใจให้ได้" ถ้าเราไม่หยุดความอยากของเราแล้วละก็ เราก็จะต้องวิ่งไล่ตามหลายสิ่งที่เรา "อยากได้" แล้วนั่นมันเหนื่อย และความทุกข์ก็จะตามมา
@@@@@@
- ข้อต่อมาที่ทำให้เราเป็นสุขคือ การมองทุกอย่างในแง่บวก ชีวิตแต่ละวัน แน่นอนเราต้องเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องเริ่มด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก เพื่อใจเราจะได้เป็นบวก คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ สิ่งดีๆที่เราได้ทำ
- ข้อต่อมาคือการให้ หมายรวมถึงการให้ในรูปแบบสิ่งของหรือเงิน เรียกว่าบริจาค และการให้ความเมตตากรุณาต่อกัน ให้อภัยทั้งตัวเองและคนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย ทำให้เรามีความสุข
- การปล่อยวางให้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงและเศร้าโศกเพียงใด จำไว้ว่ามันจะโดนเวลาพัดพามันไปจากเรา ไม่ช้าก็เร็ว เราจะผ่านพ้นไปได้....และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที้เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่าผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร
- ทำตนเองให้สดใส ด้วยการยิ้มให้ตนเอง ทำคนอื่นให้สดใสได้ ด้วยการยิ้มให้เขา การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สร้างความสดใสได้มาก ทำให้เราเป็นสุขอยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ใจของเรานี่เอง
@@@@@@
- ยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส เห็นใครทักก่อน นี่คือ วิธีแสดงเสน่ห์แบบง่ายๆ แต่ให้ผลมาก การให้อภัย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่การแก้แค้นลงทุนมาก เขาด่าว่าเราไม่ถึงนาที เขาอาจลืมไปแล้วด้วย แต่เรายังจดจำ ยังเจ็บใจอยู่..นี่เราฉลาดหรือโง่กันแน่ บ่นแล้วหมดปัญหาก็น่าบ่น บ่นแล้วมีปัญหา ไม่รู้จะบ่นหาอะไร เรายังเคยเข้าใจผิดผู้อื่น ถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดบ้าง ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร ทำไมต้องเศร้าหมอง ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเข้าใจ
- อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา อย่าโกรธมากจะเสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต แม้จะฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธไม่ได้ แต่ฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธบ่อยได้ ฝึกให้เป็นผู้รู้จักให้อภัยได้ การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา การชอบพูดถึงความดีของเขา คือความดีของเรา การชอบพูดถึงความไม่ดีของเขา คือความไม่ดีของเรา โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ โทษตนเองแก้ไขได้ แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น การนอนหลับเป็นการพักกาย การทำสมาธิเป็นการพักใจ คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ
@@@@@@
- รู้จักทำใจให้รักผู้บังคับบัญชา รู้จักทำใจให้รักลูกน้อง รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน
เกลียดผู้บังคับบัญชา เกลียดลูกน้อง เกลียดผู้ร่วมงาน นรกก็อยู่ที่ทำงาน
- การที่เรายังต้องแสวงหาความสุข แสดงว่าเรายังขาดความสุข แต่ถ้าเรารู้จักทำใจให้เป็นสุขได้เอง ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาที่ไหน
- อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวานนั้นดี...อ่อนข้อให้เขาบ้างก็ยังดี แต่อ่อนแอนั้นไม่ดี ในการคบคนศิลปะใดๆ ก็สู้ความจริงใจไม่ได้ จงประหยัดคำติ แต่อย่าตระหนี่คำชม
@@@@@@
- อภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย
- ถ้าคิดทำความดี ให้ทำได้ทันที ถ้าคิดทำความชั่ว ให้เลิกคิดทันที ถ้าเลิกคิดไม่ได้ก็อย่าทำวันนี้ ให้ผลัดวันไปเรื่อยๆ
- ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์
- โลกสว่างด้วยแสงไฟ ใจสว่างด้วยแสงธรรม แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง
- ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้ ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้ ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม้ได้
- มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก
- เมื่อก่อนยังไม่มีเรา เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก จึงควรรีบทำดี ในขณะที่ยังมีเรา
ขอบคุณที่มา :
http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=5513วันที่ 20 มค. พ.ศ.2557