ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แบบนี้ดีไหม  (อ่าน 3137 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

notebook123

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 24
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
แบบนี้ดีไหม
« เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 09:19:06 am »
0
 ;)  มีเรื่องเรียนถามครับ  ผมอยู่เชียงใหม่ มีประเพรีนึงคือ  ปอยหลวงครับ  ชาวบ้านจะจัดงานรื่นเริงต่างๆการแสดงต่างๆในวัด แต่ไม่ใช่ประเด็นครับประเด็นคือ  ตอนชาวบ้านทำบุญตอนเช้าก็จะมีข้าวปลาอาหารตามเจตนาของพวกเขาที่จะทำบุญ แต่ที่สังเกตุมาตลอดคือ พวกเขารวมทั้งตัวของกระผมจะเอาเงินใส่ชองให้พระที่เราไปถวายสังฆทาน  ข้าวปลาอาหารตลอด แล้วพระก็จะแยกชองเงินกับอาหารคนล่ะที่(อันนี้เข้าใจ)  แต่ควรไหมครับที่เราจะใส่เงินให้พระ  เพราะเห็นเวปนึงบอกว่าหยุดทำร้ายศาสนาโดยการเอาเงินให้พระให้เจ้า  แบบนี้ครับ  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

TC9

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 137
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แบบนี้ดีไหม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 10:10:46 am »
0
ถ้ามีศรัทธา ก็ดีครับ ผมอยู่ลำปาง ผมเองก็ำทำครับ เพราะพระสามเณร ท่านก็มีเหตุจำเป็นต้องใช้ปัจจัย
เช่นจ่ายค่าเทอม เรียนหนังสือ ที่วัดบุญญวาทย์ มีการเรียนทางโลก ส่งเสริมให้พระเณร มีรายได้เพื่อได้ศึกษาเล่าเรียนครับ

 :25:
บันทึกการเข้า

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แบบนี้ดีไหม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 10:21:28 am »
0
ตอบในฐานะที่เคย บวชเรียนมานะครับ

  เป็นการดีครับ เพราะพระสามเณร ที่บวชเรียน นับว่าเป็นศาสนาทายาทครับ จำเป็นใส่ซองให้บ้างครับ ค่ารถ ค่าหนังสือ สนับสนุน ศาสนทายาท

  ส่วนเรื่องการได้รับปัจจัย เป็นหน้าที่ของท่าน และอุปัชฌาย์ ครูอาจารย์ของท่านเป็นผู้สอดส่องครับ

  อีกเรื่องการที่พระสงฆ์ ไม่รับปัจจัย ผมกล้าพูดครับว่า ในประเทศไทยเท่าที่ผมเจอ ไม่ว่าจะเป็น มหานิกาย หรือ ธรรมยุติ นั้นไม่รับปัจจัยไม่มีครับ แต่จะต่างกันตรงที่ว่า รับด้วยตนเอง กับให้ผู้อื่นรับให้ ก็เท่านี้ละครับ
 คือ รับโดยตรง  รับโดยอ้อม

   เพราะอะไร วัดที่สร้าง ก็ต้องใช้ปัจจัย ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าก่อสร้าง ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ทั้งหลายเหล่านี้ ก็ต้องใช้ปัจจัย ( เงิน ) เป็นค่าชำระทั้งนั้นละครับ

   พระอาจารย์หลายรูป ที่บอกไม่ได้รับเงิน แต่สร้างวัดได้ใหญ่โต อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อหรอกครับ เพียงแต่ท่านจะรับด้วยตนเอง หรือ แต่งตั้งคณะศิษย์ เป็นกลุึ่ม หรือ คนใด คนหนึ่ง ขึ้นมารับแต่จุดประสงค์ของผู้ให้ ก็คือถวายท่านนั่นแหละ ที่ต้องการให้ท่านนำไปใช้ ไม่ว่าจะก่อสร้างวัด หรือ เผยแผ่ธรรม

   ความเป็นจริง พระสามเณร ไม่ได้มีไวยาวัจจกร กันทุกรูป ทุกองค์ และญาตโยมก็ไม่สะดวกใจที่จะไปคอยตามเก็บรักษาให้ท่าน

    เราใส่บาตร พระสามเณร จะฉัน หรือ ไม่ฉัน ก็จบแล้วตรงที่ใส่ บุญได้แล้วตรงที่ใส่

    ฉันใด ก็ ฉันนั้น เมื่อเราถวายปัจจัย ท่านไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของท่าน ที่ท่านจะบริหารของท่าน

เราใ่ส่ทำบุญ กับท่านเพราะเราเคารพท่าน แต่ถ้าเราไม่เคารพท่าน ก็ไม่ต้องใส่ ก็เท่านี้ ครับ...

    การบริหาร จัดการส่วนที่รับนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของ ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ พระสามเณร เหล่านี้ครับ

     :34:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แบบนี้ดีไหม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 10:28:53 am »
0
ศาสนทายาท ช่วยสืบพระศาสนา แม้เพียงศึกษา พระปริยัติก็จัดว่ามีพระธรรมอยู่
ส่วนพระธรรม ขั้นสูงกว่า ศีลธรรม จริยธรรม เป็น โลกุตรธรรมนั้น ไ่ม่ใช่ว่าจะมีคนศึกษามาก

ดิฉันได้ไปสอบถาม วัดใกล้ ๆ โรงเรียนว่า ทำไมสอนกรรมฐานกันบ้าง หรือนิมนต์สอนกรรมฐาน มาอยู่วัด
สรุปแล้ว เจ้าอาวาส ปรึกษาญาตโยม ก็ลงความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีการสอนกรรมฐาน ญาติโยมต้องการ
ให้มีวัด มีพระ อยู่ได้ทำบุญใส่บาตร ประกอบพิธิทางศาสนา ส่วนเรื่องกรรมฐาน ให้ปฏิบัติกันเป็นการส่วนตัว
ไม่ต้องมีสอนแบบสำนักอื่น ๆ กรรมการวัด และ ชาวบ้านเลือกกันอย่างนี้ แต่จัดให้มีการเผยแพร่จริยธรรมกับเด็ก
โดยส่งเสริมให้พระสามเณร เป็นพระนิสิต มจร. และมาพัฒนาหมู่บ้าน สอนศีลธรรมแก่เด็ก ผู้ใหญ่

จะเห็นได้ว่า จำนวนพระที่ทรงปริยัตินั้น ก็มีอยุ่พอสมควร แต่จำนวนพระที่อยู่ไปเรื่อย น่าจะมีเยอะกว่านะคะ
เพราะจากที่เห็น มีพระ 15 รูป เป็นพระนิสิต 2 รูป เท่านั้น


ดังนั้นการถวายปัจจัย ก็จัดว่าเป็นการส่งเสริม ศาสนทายาททางพระพุทธศาสนา ให้มากขึ้น และแบ่งเบาภาระ
ทางบุญให้แก่ผู้มีรายได้มาก ๆ ที่ต้องมาเป็นไวยาวัจจกร ผู้เดียว ดังนั้น

ทำเถอะคะ ทำต่อไป บุญเราได้แล้ว คะ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

สาวิตรี

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +6/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 148
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แบบนี้ดีไหม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 10:57:17 am »
0
อยู่ที่ปัญญาของเราแล้ว คะว่าเรากำลังมองอะไรมากไปกว่าการถวายปัจจัยตรงนั้น

ทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ เลยแล้วถ้าเราไม่ถวายอย่างนั้นทำอย่างไรคะ

ซื้ออาหารไปถวายอย่างเดียว ....

  ญาติโยม อย่างพวกเราไปทำบุญที่วัดกันวันเดียว คือ วันพระ เห็นแล้วขนอาหารมากันมากมาย
อย่างที่บ้านพระมี 5 รูป โยมมาถวายอาหารกัน มากมายเลยคะ จนต้องแจกคะ....ออกไปบ้าง ทิ้งบ้าง

ส่วนวันธรรมดา ไม่ใคร่มีใครจะทำบุญคะ พระต้องหุงข้าวฉันเองนะคะ

  อย่างนี้ควรปรับปรุงอย่างไร คะ

  เอาเป็นว่า พระหุงข้าว กับ พระรับเงิน ก็เป็นอาบัติเหมือนกัน แต่มีอนุโลม หรือ ว่าเราจะไปหุงให้ท่านฉันกันดี
ทุกวัน ทำได้ก็ดีคะ แต่บางคนก็ไปทำนา บางคนก็ไปไร่ พระจึงแก้ปัญหาหุงเอง ก็แล้วกัน

  ที่นี้มาแก้ปัญหาเรื่อง อาหารวันพระ เยอะกันหน่อยดีหรือไม่คะ

  ถ้าเราไม่มีวันพระ พ่อค้า แม่ค้า จะขายได้หรือไม่

  รู้ไหม อุปกรณ์ก่อสร้าง อาหาร และ วัฒนธรรมต่าง ๆ ล้วนแล้วอาศัย หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าประทานให้เป็นเครื่องอุปถัมภ์ คะ

    เคยดูโฆษณา ธนาคารกรุงไทย หรือ ไม่คะ
   
     เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป สู่ชุมชน

 
บันทึกการเข้า