อยู่พระวินัย เล่มที่ 4 ครับ ( ๓. วัสสูปนายิกาขันธกะ (หมวดวันเข้าพรรษา) )
ทรงอนุญาตการจำพรรษาในที่บางแห่ง
มีภิกษุบางรูปประสงค์จะจำพรรษาในบางที่บางแห่งต่าง ๆ กัน ทรงผ่อนผันให้จำพรรษาได้ คือ
๑. ในคอกสัตว์ (อยู่ในที่ของนายโคบาล)
๒. เมื่อคอกสัตว์ย้ายไป ทรงอนุญาตให้ย้ายตามไปได้
๓. ในหมู่เกวียน
๔. ในเรือ.
มีระบุไว้อย่างนี้ 4 อย่าง จะเห็นว่า แต่ละที่ไม่ใช่วัด และ ในข้อที่ 4 ในเรือ คือ พาหนะ เคลื่อนที่ได้ ครับ ดังนั้นการที่พระสงฆ์ จะดัดแปลงกุฏิ ไว้บนรถเคลื่อนที่ แล้วจำพรรษา ในรถเคลื่อนที่นั้น ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรจะเคลื่อนที่ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น
อย่างเช่น ถ้าจำพรรษาในคอกสัตว์ จำของคอกสัตว์ ย้ายไป ก็สามารถย้ายตามเขาไปได้ ไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษา เพราะพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติข้ออนุญาตไว้แล้วว่า
ขาดพรรษาที่ไม่ต้องอาบัติ
เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ไม่สามารถจะจำพรรษาในที่นั้น ๆ ต่อไปได้ ทรงอนุญาตให้ไม่ต้องอาบัติ ดังต่อไปนี้
๑. ถูกสัตว์ร้ายรบกวน ถูกโจรปล้น วิหารถูกไฟไหม้ หรือถูกน้ำท่วม
๒. ชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป ทรงอนุญาตให้ไปกับเขาได้ ชาวบ้านแตกกันเป็น ๒ ฝ่าย
๓. ขาดแคลนอาหารหรือยารักษาโรค หรือขาดผู้บำรุง ได้รับความลำบาก ทรงอนุญาตให้ไปได้
๔. มีผู้เอาทรัพย์มาล่อ ทรงอนุญาตให้ไปให้พ้นได้
๕. ภิกษุสงฆ์หรือภิกษุณีสงฆ์แตกกัน หรือมีผูพยายามให้แตกกัน หรือทำให้แตกกันแล้ว ไปเพื่อหาทางระงับได้.
ที่นี้ที่มีข้อห้ามปรากฏ มีดังนี้ครับ
ทรงห้ามการจำพรรษาในที่ไม่สมควร คือ
๑. ในโพรงไม้
๒. บนกิ่งหรือค่าคบไม้
๓. กลางแจ้ง
๔. ไม่มีเสนาสนะ (คือที่นอนที่นั่ง)
๕. ในโลงผี
๖. ในกลด๑ (เช่น เต๊นท์ของนายโคบาล)
๗. ในตุ่ม
และในระหว่างจำพรรษา อยู่มีข้ออนุญาต ให้ออกจากที่พักได้ เรียกว่า สัตตาหะ
ทรงอนุญาตให้ไปกลับภายใน ๗ วัน
แล้วทรงอนุญาตให้เดินทางได้ในระหว่างพรรษาโดยให้กลับภายใน ๗ วัน ในเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น ที่เรียกว่า "สัตตาหกรณียะ" ดังต่อไปนี้
๑. ทายกปรารถนาจะบำเพ็ญกุศล ส่งคนมานิมนต์ ในกรณีเช่นนี้ ทรงอนุญาตให้ไปได้เฉพาะที่เขาส่งคำนิมนต์มา ถ้าไม่ส่งคำนิมนต์มา ไม่ให้ไป
๒. เพื่อนสหธัมมิก คือผู้บวชร่วมกัน (ภิกษุ, ภิกษุณี, นางสิกขมานา, สามเณร, สามเณรี) เป็นไข้จะส่งคนมานิมนต์หรือไม่ก็ตาม ทรงอนุญาตให้ไปได้. นอกจากนั้นยังทรงบัญญัติรายละเอียดเกี่ยวกับเพื่อนสหธัมมิกอีก คือเมื่อเพื่อนสหธัมมิกเป็นไข้ ภิกษุปรารถนาจะช่วยแสวงหาอาหาร, ผู้พยาบาล, ยารักษาโรคก็ไปได้, เมื่อเพื่อนสหธัมมิกเกิดความไม่ยินดี เกิดความรังเกียจ หรือเกิดความเห็นผิดขึ้น ไปเพื่อระงับเหตุนั้น , เมื่อเพื่อนสหธัมมิก (เฉพาะภิกษุ, ภิกษุณี) ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ปรารถนาจะอออกจากอาบัติในขั้นใด ๆ ก็ตาม หรือสงฆ์ปรารถนาจะทำสังฆกรรมลงโทษภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุรูปที่จะถูกลงโทษต้องการให้ไป ก็ไปได้เพื่อไกล่เกลี่ยไม่ให้ต้องทำกรรม หรือให้ลงโทษเบาลงไป, เพื่อให้ปฏิบัติโดยชอบด้วยพระวินัยเพื่อปลอบใจ เป็นต้น. หรือเมื่อนางสิกขมานาหรือสามเณรปรารถนาจะบวช ไปเพื่อช่วยเหลือในการนั้น
๓. มารดา บิดา พี่น้อง หรือ ญาติ เป็นไข้ ส่งคนมานิมนต์หรือไม่ รู้เข้า ไปได้
๔. วิหารชำรุด ไปเพื่อหาสิ่งของมาปฏิสังขรณ์.
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พระ ไม่จำเป็นต้องจำพรรษา ในวัดเสมอไป ( อันนี้อยากให้เข้าใจให้ถูกต้อง )