ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - TC9
หน้า: 1 [2]
41  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันตธาตุ เมื่อ: เมษายน 06, 2012, 06:05:44 pm
อนุโมทนาสาธุ จ้า มีความรู้เพิ่มขึ้นจริง ๆ

 :25: :c017:
42  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ถ้าเก็บพระ/พระธาตุไว้ในห้องนอน พระจะเสื่อมไหมครับ เมื่อ: เมษายน 05, 2012, 10:35:48 am
พระไม่เสื่อม แต่คนที่ห้อยเสื่อมจากพระ
เทวดาที่รักษาพระก็ไม่คุ้มครอง
ไปขอขมาพระรัตนตรัย+ครูบาอาจารย์
ตั้งใจรักษาข้อห้ามใหม่
ถ้าได้รับการอภัยก็ได้รับการคุ้มครองใหม่จ้ะ


43  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สุดยอดครูหญิง คนเดียวสอนทั้งโรงเรียน แถมพ่วงหน้าที่ภารโรง เมื่อ: มีนาคม 01, 2012, 07:24:32 pm


นับถือ นับถือ นับถือ

   :25: :25: :25:
44  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: กว่าพระโพธิสัตว์จะสำเร็จเป็น “พระพุทธเจ้า” เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2012, 03:42:35 pm
อนุโมทนา คะ .....  :25: :25: :25:
45  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: จะดีหรือไม่ ถ้าเราร่วมกัน รณรงค์ ให้พระสงฆ์ เลิกติด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:12:30 am
จากหัวข้อกระทู้นั้น อ่านแล้ว ก็เหมือนจะดี ครับ

   เพราะพระสงฆ์ ก็ไม่ควรจะต้อง มาติดในโลกธรรม ครับ

แต่ข้อความชักชวนด้านใน นั้นเหมือนมีจุดประสงค์ ต้องการยกเลิก พิธีกรรม วัฒนธรรม และ ศักดินา อีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี่้เป็นระบบ การปกครอง ด้วย เป็น จริยธรรม อีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการที่พระสงฆ์ จะละโลกธรรม ได้ครับ

   การที่พระสงฆ์ จะละโลกธรรมได้ ต้องส่งเสริมการภาวนา ครับ ระบบศักดินา เป็นระบบที่พระมหากษัตริย์ เป็นผู้อุปถัมภ์ การที่จะยกเลิก หรือ กระทำเช่นนี้ เท่ากับหมิ่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระประสงค์ ที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง ศักดินา ก็เพื่่อเป็นการให้กำลังใจ และ เห็นความสำคัญ ของพระสงฆ์ ซึ่งมีทั้งฝ่าย คันถะธุร และ วิปัสสนาธุระ ซึ่งมีข้อเห็นเด่นชัด ว่ามีการแต่งตั้ง เป็น คามวาสี และ อรัญญวาสี ซึ่งทั้งสองฝ่าย ก็สนับสนุนอายุพระพุทธศาสนา ด้วยกันมาตลอด คือ มีทั้งพระสงฆ์ ที่เป็น ปุถุชน และ อริยะ ร่วมกันเพื่อให้เกิดความเสถียร จะเห็นได้ว่า ฆราวาส ที่เป็นชาวพุทธ ส่วนใหญ่ ก็ได้อาศัยบวชเรียน กันมาเป็นประเพณี สืบทอดกันมา ดังนั้นผู้ที่บวช เพราะประเพณี นี้ก็ถือว่าสืบทอดได้ศึกษาเล่าเรียน เพื่อการเป็น ฆราวาสที่ดี ด้วยเช่นกัน

  ดังนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับ การยกเลิก ศักดินา ตรงนี้ออก เพราะเหมือนเราไม่เรายกย่องคนดี พระดี ส่วนการที่พระท่านจะไปติด โลกธรรม ส่วนนี้ ต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุดครับ ว่าการศึกษาธรรมอย่างไร ที่จะทำให้ใจสูงกว่า ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ครับ

  เท่านี้ก่อนนะครับ

   :s_hi:
46  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สนใจ ไฟล์เสียง ที่บรรยายกรรมฐาน มาก คะ เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:02:49 am
เห็นด้วยครับ เพื่อไม่ให้เกิดภาระ ค่าใช้จ่าย กับ พระอาจารย์ ครับ

 :25:
47  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:01:57 am
ผลการปฏิบัติ ห้องพระธรรมปีติ คือเข้าถึง และ เข้าใจ พระลักษณะ และ การปรากฏ พระรัศมี ครับ

ส่วนจิตนิ่ง ทิ้งบริกรรม หรือ คำบริกรรมหายไปเอง แล้วรู้สึก นิ่ง อยู่ได้เป็นวัน เป็นคืน นี่ก็อาจจะข้ามขั้น

ขอบเขต ของพระธรรมปีติเป็น ฌาน ไปแล้วนะครับ

   พระพุทธานุสสติ หวังผล 3 ประการ นะครับ จากพระสูตร

   1. การได้ อุคคหนิมิต

   2. การสำเร็จ อุปจาระสมาธิ

   3. การสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลขั้นต้น คือ พระโสดาบัน

 :25:
48  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมสมทบทุนเททองหล่อพระสังกัจจายน์-พระอุปคุตเถร วัดราชสิทธารม คณะ 5 เมื่อ: กันยายน 06, 2011, 12:03:25 pm
เป็นภาพที่ดูดี มากครับ เห็นความหมายของภาพเลยนะครับ

คือพูดถึงองค์ประกอบของภาพคือ ผมลองวิเคราะห์จากภาพดูนะครับ

 ( พระอาจารย์นั่งอยู่ข้างหลังพระพุทธรูป กำลังนั่งมองอะไรไปข้างหน้า ในท่าพนมมือ สีหน้าแสดงออกถึงการส่งพลังจิตในภาพจะเห็นทุกคนนั่งหันหลังให้ แสดงว่าพระอาจารย์นั่งอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสนใจ นับว่าเป็นอิริรยาบถที่ไม่ต้องปรุงแต่งของพระภิกษุ ดูแล้วให้ความรูสึกปล่อยวางดีครับ แสดงว่าตอนถ่ายภาพนั้นพระอาจารย์ไม่รู้ตัวด้วยว่าถูกถ่ายภาพอยู่ )

เดี๋ยวผมจะลองเซฟไฟล์ แล้วลองไปอัดดู เป็นอย่างไรจะเล่าให้ฟังนะครับ

 :25:
49  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำบุญหมดตัว บ้า หรือ บ๊องส์ หรือ อะไรกันแน่..... เมื่อ: กันยายน 02, 2011, 10:16:52 am

อ้างถึง
เศรษฐีขับไล่เทวดา

แสดงให้เห็นว่า พระโสดาบัน มีอำนาจมากกว่าเทวดา สามารถขับไล่เทวดา ที่ขวางบุญ ขวางกุศลได้

เรื่องนี้ น่าคิด สำหรับคนที่คอยแต่หวังพึ่งเทวดา กันอยู่

 อยากให้ คุณปุ้ม ลงเรื่อง เต็ม ของอนาถปิณฑิกเศรษฐี ให้อ่านกันสักกระทู้ นะครับ

เพราะเมื่ออ่านประวัติโดยย่อ รู้สึกเลื่อมใสใน อริยะอุบาสกท่านนี้มากเป็นพิเศษ ทันที ครับ


 ขอบคุณ กระทู้เรื่องนี้ มีเนื้อหา ดีๆ ให้อ่าน

   :c017: :c017: :c017: :25: :25: :25:

50  พระไตรปิฏก / พระธรรมตามพระไตรปิฏก / Re: พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับสยามรัฏฐ จำนวน ๔๕ เล่ม เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 10:03:05 am
ดาวน์โหลดไปแล้ว ต้องเปิดร่วมกับโปรแกรมใช่หรือไมคะ แนะนำเรื่องโปรแกรมหน่อยครับ
เพราะเปิดไม่ได้ครับ

 :25:
51  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เปิดรับสมัครสาธุชนทั่วไปเข้าศึกษา/อบรม..ฟรี เรื่องพระอภิธรรม เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 01:29:27 pm
ต้องการเรียนรู้เรื่อง *จิต-วิญญาณ ตายแล้วไปไหน? *นรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่? *บุญ-บาปให้ผลเมื่อไรอย่างไร? *กฏแห่งกรรมเป็นอย่างไร? *เมื่อมีความทุกข์ใจ จะแก้ได้อย่างไร? *วิปัสสนาทำอย่างไร? *นิพพานคืออะไร อยู่ที่ไหน จะเข้าถึงได้อย่างไร?
ท่านจะรู้ได้เมื่อศึกษาพระอภิธรรม
มูลนิธิพระอภิธรรมวัดศรีสุดาราม เปิดรับสมัครสาธุชนทั่วไปเข้าศึกษา/อบรม..ฟรีในเรื่องดังกล่าว
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ -๑๖.๐๐ น. (ห้องปรับอากาศ มีเจ้าภาพบริการอาหาร-เครื่องดื่ม)
วันธรรมดา ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.
มีการฝึกการทำสมาธิ-การเจริญวิปัสสนา
จบแล้วมีวุฒิบัตรให้
เปิดรับสมัคร จัดการเรียนการสอน และฝึกสมาธิทุกวัน
สนใจสอบถามได้ที่..
มูลนิธิพระอภิธรรมวัดศรีสุดาราม (ศาลาริมน้ำ) ถนนบางขุนนนท์ ซอย ๖ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
โทร. ๐๒-๘๘๖-๐๐๘๗ และ ๐๘๑-๓๐๔-๑๖๘๒
52  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อกลั่น ธมฺมโชติ แห่งวัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 01:26:40 pm
หลวงพ่อกลั่น ท่านสามารถสื่อภาษากับ พวกอีกาได้ นับว่าเป็นพระที่ น่าเคารพมาก ๆอีกรูปหนึ่ง

สาธุ สาธุ สาธุ

 :25: :25: :25:
53  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: สดุดี มหาราชินี เนื่องด้วยในวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค.2554 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 01:06:37 pm
ขอทรงพระเจริญ

 :25:
54  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ระหว่าง วิทยาศาสตร์ กับ พุทธศาสน์ อะไรเป็นที่พึ่ง ได้มากกว่ากัน เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 12:41:19 pm
มาเสริมให้อีกนิด ครับ ในเรื่องการแสดงความเห็น

  ความเพียร เป็นสิ่งที่เกิดกับบุคคล

  แต่จะสวนทางกับ การขนคนไปกับเราด้วย ดังนั้นผลการปฏิบัติภาวนา จึงไม่เสมอกัน

  กรรมฐานวิปัสสนา มิใช่มุ่งสังคม หรือ ชำระสังคม แต่ มุ่งที่การชำระจิตใจของผู้ภาวนาเอง ( อันนี้เป็นความจริง )

ดังนั้นผู้ภาวนาส่วนใหญ่ มักจะเสียเวลากับการพากลุ่มพวกพ้อง เพื่อนฝูง ญาติมิตรไปสู่ฟากฝั่ง แห่ง พระนิพพาน

ตรงนี้ที่เป็นจุดที่ผู้ภาวนาส่วนใหญ่ จึงยังไม่ละ เพราะกรรมฐาน เมื่อปฏิบัติได้ระดับสูงขึ้นมาก็จะมองเห็นความจริงว่า แท้ที่จริง ก็มีแต่เพียงเราผู้เดียว ที่ต้องแหวกว่ายไปให้ถึงฟากฝั่ง คือ การไม่กลับมาเกิดอีก

  มีหลายคนที่หลงอยู่กับ มานะทิฏฐิ ว่าเราเก่ง เราเลิศ เราดี เราเยี่ยม

  แ่ต่่สุดท้าย พระกรรมฐาน ก็ย่อมกล่อมเกลา ความเป็นผู้ถือทิฏฐิ ส่วนนี้ออกไป แม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังเป็นเพียงแค่ธาตุ ตามธรรมชาติ ที่ต้องอยู่ในกฏ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา

 ก็เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าท้อถอย ถ้าเราเป็นผู้ปฏิบัติจริง ดังนั้นการที่จะใช้ชีิวิตอยู่ร่วมกันโดยความผาสุข ต้องยึดถือพระวินัย คือ ศีล และ ระเบียบ กฏ

  ส่วนภาวะด้านใน ต้องยึดถือธรรม

   :25: :25: :25:
55  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 12:32:10 pm

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.dhammadelivery.com

อานนท์  การแสดงธรรมแก่ผู้อื่น  ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย
     
          อานนท์  ผู้แสดง(พระธรรมกถึก)ก่อนแสดงธรรม  พึงตั้งธรรม 5 อย่างไว้ในตน  แล้วจึงแสดง  คือ

          1. จักแสดงธรรมตามลำดับ  ไม่ตัดวรรคถ้อยความ
     
          2. จักแสดงโดยปริยาย  อ้างเหตุผลให้ผู้ฟังเข้าใจ
     
          3. จักอาศัยความเอ็นดูแสดงธรรม
     
          4. จักไม่เห็นแก่อามิส(หวังอยากได้ลาภผล)
     
          5. จักไม่กล่าวคำที่กระทบตนและผู้อื่น

*********************************
ขอให้พึงแสดงธรรมอนุเคราะห์ด้วยจิตอันเกื้อกูล สาธุๆๆๆ



ธรรมทาน และ อภัยทาน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน

ผู้ให้ธรรมเป็น ทาน จึงเลิศ กว่าให้ อามิสทาน

แต่ อามิสทาน ก็ใช่ว่าจะไม่มีผล นะครับ


56  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 11:34:14 am
พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ เช่น ใครบ้างครับ? ขอเอาอ้างอิงมาด้วยนะครับ อยากทราบมากๆเลย

 อันนี้รู้ไม่ได้หรอกครับ มีแต่พระพุทธเจ้า รับรองไว้เท่านั้นในตอนนั้น

 แต่อย่าลืม พระอรหันต์สุกขวิปัสสก ถึงแม้ไม่ได้ วิชชา 3 และ อภิญญา 6 เป็นต้น ก็ไม่ใช่จะไม่มีอะไรนะครับ
เพราะว่า ท่านสามารถเจริญวิปัสสนา เทียบเท่าฌานที่ 1 เรียกว่า ผลสมาบัติ อันเกิดจากเจริญวิปัสสนา โพชฌงค์ 7 ประการ สามารถทรงผลสมาบัติได้ 24 ชั่วโมง คือ 1 วัน 1 คืนเป็นต้น ครับ

     

 เคยได้ฟังพระอาจารย์ บรรยายไว้ครั้งหนึ่งอย่างนี้นะครับ

57  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 11:18:32 am
[ ๓ ]  ปฏิกฺขิตฺโต  ติกิจฺฉาย    ปาลิตะ !  ท่านถูกหมอเขาบอก
เวชฺเชานาสิ  วิวชฺชิโต       เลิกจากการรักษา  ทิ้งเสียแล้ว
นิยโต  มจฺจุราชสฺส        เป็นผู้เที่ยวต่อมฤตยุราช  จะมัว
กึ  ปาลิต  ปมชฺชสิ.        ประมาทอยู่ไยเล่า ?
           พระจักขุปาลเถระกล่าวสอนตนดังในข้อที่ ๓ นั้นแล้ว  บำเพ็ญ
สมณธรรม  ลำดับนั้น  พอมัชฌิมยามล่วงแล้ว ทั้งดวงตาทั้งกิเลสของ
ท่านแตกพร้อมกัน  ไม่ก่อนไม่กลังกว่ากัน ท่านเป็นพระอรหันต์
สุกขวิปัสสก  แล้วเดินกลับเข้ากุฎี  พอถึงเวลาบิณฑบาต  ภิกษุทั้งหลาย
ไปเรียนว่า  ได้เวลาแล้วขอรับ ท่านก็บอกว่า  พกกันไปเถิด ข้าพเจ้า
ตอบอดเสียแล้ว ภิกษุทั้งหลายมาดูตาของท่าน ได้พากันร้องไห้  ตาเปียก
ตาแฉะไปตาม ๆ กัน  ภายหลังพวกมนุษย์ทราบความ  ต่างก็พากันมา

๓.  ธมฺ.  ๑/๑๑

58  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 11:12:47 am
พระอรหันต์ สุกขวิปัสสก ที่ได้ยินมาตอนเรียน จะมีอยู่ 1 รูป เนื่องด้วยคัมภีร์พระไตรปิฏกนั้น ไม่ค่อยบันทึกเรื่องราวของพระอรหันต์ สุกขวิปัสสก เนื่องด้วย สังคายนาครั้งแรกนั้น นับแต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาทั้งหมด 500 รูปดังนั้นเรื่องราวของพระอรหันต์ที่เป็นพระวิปัสสก ซึ่งมีจำนวนมากนั้นจึงไม่ได้ถูกแสดงมากนัก

  แต่มีที่กล่าวไว้ในพระสูตร คือ เรื่องของพระจักขุบาล

  ที่นี้ สุกขวิัปัสสก นั้น น่าจะนับเนื่องด้วย ระดับ พระอริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบัน แต่พระูสูตรก็แสดงแต่ พระอรหันต์ไว้เท่านั้น

  เบื้องต้นตามนี้นะครับ
59  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ปฏิปทามรรคมี ๔ อย่าง เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 11:05:52 am
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 465

ปฏิปทามรรคมี  ๔ อย่างนี้ คือ

มรรคมีธรรมุทธัจจะเป็นหัวหน้าแห่งอริยมรรคต้น  ของพระอรหันต์รูปใดรูปหนึ่ง ๑ 
มรรคมีสมถะเป็นหัวหน้าแห่งอริยมรรค ๑ 
มรรคมีวิปัสสนาเป็นเบื้องต้นแห่งอริยมรรค ๑     
มรรคมียุคนัทธธรรม    (ธรรมที่เทียมคู่)   เป็นเบื้องต้นแห่งอริยมรรค ๑


มึคำที่น่าสนใจดังนี้

 ธรรมุทธัจจะ คือ .......
 สมถะ  คือ.............
 วิปัสสนา คือ...........
 มรรค คือ .............
 ยุคนัทธธรรม คือ......

 ก็ยัวไม่ทราบความหมายอยู่ดี ครับ เป็นเมล ฉบับหนึ่ง ที่พระอาจารย์ส่งมาให้อ่าน ผมเองก็ไม่ค่อยถนัดในคำเหล่านี้ แต่ก็ขอนำพระสูตร บทนี้มาให้เพื่อน สมาชิก ได้พิจารณา ทุกท่านครับ

  :25: :smiley_confused1:
60  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 10:16:07 am
ผมมีเพื่อนที่ไปร่วมปฏิบัตกัน เป็นประจำ หลายปี ต่อมาเขาก็เริ่มเป็นคนชอบพูดธรรมะ และ ชอบไปแสดงธรรมะ
ตามสถานที่ต่าง ๆ เวลาเจอกัน เขาจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า ที่จะเป็นฝ่ายฟัง จนบางครั้งผมก็รู้สึกว่า พูดมากจริงๆ
แต่ในการปฏิบัติ บางครั้งก็มีอาการฉุนเฉียวบ้าง ในตอนทำงาน จนผมรู้สึกว่า คงจะได้แต่พูด แต่เขาก็ควบคุมอารมณ์ได้เร็ว เพื่อนผมคนนี้ชอบศึกษาธรรม อ่านหนังสือ ฟังธรรมในสาย หลวงพ่อพุทธทาสเป็นหลัก ไม่ชอบการฝึกสมาธิ

 ส่วนผมชอบการฝึกสมาธิ มากกว่าการฟัง หรือพูด

 จนมาวันนี้ผมรู้สึกว่า คนที่พูดธรรมะมาก ๆ จัดเป็น ความฟุ้งซ่านได้หรือไม่ หรือ เป็น ธัมมะวิจบะ ของเขา

  :s_hi: :67:
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ฌาน 5 เป็น ฌานของ พุทธภูมิ หรือไม่คะ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2011, 11:59:19 am
เห็นด้วยครับ เรื่องนี้ผมก็ว่า เกินจากสติปัญญา ของผมเข้าไปวิจารณ์ เหมือนกันครับ

 :41:
62  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ทำความเข้าใจ เรื่อง ทุกข์ ก็จะฉลาดในการภาวนา เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2011, 11:58:39 am


พิจารณาจากภาพเริ่มต้น ผมก็อึ้งแล้วครับ พระอาจารย์ต้องการสื่อ เรื่อง ดวงตาเห็นธรรม ใช่หรือไม่ครับ
กำลังคอยติดตามอ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ

 ไม่ใช่ไม่ต้องการอ่าน กำลังรอเนื้อหาเพิ่ม ขึ้น แต่พระอาจารย์เปิดประเด็นไว้หลายเรื่อง แต่ก็ตามอ่านได้ไม่จบหลายเรื่องนะครับ ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าท่านไม่มีเวลามาพิมพ์ให้อ่าน นะครับ

 เท่านที่ผมสังเกตุมา หลายเดือน ท่านก็พยายาม ใส่กระทู้ให้ทุกวัน นะครับ

 ก็ตามอ่านมาทุกครั้ง นะครับ

  :73: :03:
63  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / แม้จะเป็นธรรมหัวข้อเดียวกัน แต่... เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2011, 09:06:10 am
แม้จะเป็นธรรมหัวข้อเดียวกัน แต่...

บางบุคคลรู้ได้ด้วยการฟังความโดยย่อ
บางบุคคลรู้ได้ด้วยการฟังหัวข้อแจกแจง
บางบุคคลรู้ได้ด้วยการฟังขยายความ
บางบุคคลรู้ได้ด้วยการฟังสาธยายแบบพิสดาร (คือการขยายความโดยยกตัวอย่างประกอบเป็นต้น)
บางบุคคลใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจ
บางบุคคลใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ
บางบุคคลเข้าใจได้น้อย
บางบุคคลเข้าใจได้มาก
บางบุคคลไม่อาจเข้าใจได้เลย

ฉะนั้น แม้จะเป็นธรรมเพียงหัวข้อเดียว แต่ธรรมนั้นย่อมเป็นของลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะการสรุป ไม่ว่าจะการแจกแจง ย่อมต้องเกิดจากความเข้าใจที่แท้จริง
ธรรมนั้น สำคัญที่ความเข้าใจ ไม่ใช่คำจำกัดความ
เพราะฉะนั้น แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน พระพุทธองค์ก็มิทรงตรัสอย่างเดียวกันกับทุกคน
แต่ตรัสตามอัธยาศัยของแต่ละคนที่จะฟังแล้วเข้าใจได้นั่นเอง



ขอบคุณภาพประกอบจาก http://thaijapanmarket.com
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ข้อ คิด ดี ๆ ที่ ไม่ อยาก ให้ คุณ พลาด... เมื่อ: มิถุนายน 26, 2011, 12:24:57 pm
คุณธรรมธวัช มาแว้ว หลังจากหายไปนาน

ผมติดตาม โคลงกลอนของ ท่าน อยู่นะครับ

สาธุ


 :25:
65  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 03:57:00 pm
66  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 03:55:26 pm
พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง

          เมื่อครั้งผู้เขียนเป็นนักเรียนชั้นประถมคือ เมื่อประมาณ 60 ปีมาแล้ว ได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นคุณตาคุณยายกล่าวถึงสิ่งที่หมดจดงดงาม มักจะเปรียบเทียบว่า “ จะแม่นงามปานพระบท ” ต่อมาเมื่อโตขึ้นก็ได้ยินคำกล่าวว่า สิ่งดีงามมีความสำคัญของเมืองอุบลฯ ได้แก่ “ พระบทวัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง ” คำกล่าวนี้มิได้เป็นคำพูดของคนอุบลฯ เท่านั้น แต่เป็นผู้มาไกลจากภาคใต้ที่ใจรักเมืองอุบลฯ แสดงให้เห็นว่าคำพังเพยนี้มีแพร่หลายมานานแล้ว เป็นเหตุให้ผู้เขียนฉุกคิดขึ้นมาว่า “ แม้แต่คนใต้ยังเข้าใจสิ่งดีงามของเมืองอุบลฯ ” เราเป็นคนอุบลฯ แท้ๆ แต่ไม่ทราบความสำคัญของโบราณวัตถุโบราณสถานในวัดทั้ง 3 แห่งนี้ ทำให้ฉุกใจในการศึกษาค้นคว้า รวบรวม เรียบเรียง เผยแพร่ให้เป็นที่ทราบกันทั่วไป ดังต่อไปนี้

          คำว่า “ พระบท ” อ่านออกเสียงว่า “ พระบด ” สะกดตัวอักษรเขียนได้หลายอย่าง ความหมายแตกต่างกันไป ในหนังสือ “ เล่าเรื่องเมืองอุบลราชธานี ” ที่พี่บำเพ็ญ ณ อุบล เขียนไว้ มีทั้งสะกดด้วย “ ฎ ” และ “ ท ” อ่านว่า “ พระบฎ ” กับ “ พระบท ” ทั้ง 2 คำ

          คำว่า “ พระบฎ ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานอธิบายความหมายว่า “ ผืนที่มีรูปพระพุทธเจ้าแขวนไว้เพื่อบูชา ” ซึ่งตรงกับความหมายใน “ สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคอีสาน ” ส่วนคำว่า “ พระบท ” ปรากฏในหนังสือ, บทความ, แผ่นพับ และข้อเขียนต่างๆ โดยทั่วไปที่เขียนถึงพระบทที่ประดิษฐาน ณ วิหารวัดกลาง แต่ที่วัดกลางเขียนว่า “ พระบทม์ ” เพราะมีความหมายเป็นการเฉพาะ ดังจะกล่าวต่อไป

พระบทม์วัดกลาง

          เจ้าราชวงศ์ (ก่ำ) เป็นผู้สร้างวัดกลางในราวปีขาล จุลศักราช 1144 ตรงกับวันที่ พ.ศ. 2325 ณ ที่ดินริมฝั่งแม่น้ำมูลใกล้กับโฮงหรือคุ้มราชวงศ์ (ถนนราชวงศ์ปัจจุบัน) ตามคตินิยมแต่โบราณ ที่หาทำเลใกล้แม่น้ำสร้างเมืองแล้วสร้างวัดควบคุมกัน ชื่อวัดเรียกตามทางน้ำไหล วัดที่เจ้าราชวงศ์สร้างอยู่ระหว่าง “ วัดเหนือท่า ” (บริเวณ สนง.สาธารณสุข จังหวัดฯ ปัจจุบัน) กับ “ วัดใต้ท่า ” (สนง.การไฟฟ้าปัจจุบัน) จึงได้ชื่อว่า “ วัดกลาง ” เพราะอยู่ย่านกลางของเมืองอุบลฯ

          ประวัติพระเจ้าใหญ่วัดกลาง พระเจ้าใหญ่พระประธานเก่าแก่ประจำพระวิหารเก่าตั้งแต่สร้างวัดชาวเมืองอุบลฯ รุ่นเก่าเรียกว่า “ พระบทม์ ” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่งดงามองค์หนึ่ง เท่าที่ทราบจากคนรุ่นเก่าเล่าสืบทอดกันมาว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างด้วยอิฐดินเหนียวผสมเกสรดอกบัว และว่านจำป่าศักดิ์ป่นละเอียด อธิษฐานก่อปั้นเป็นองค์พระบทม์ ไม่มีเหล็กเสริมภายในและใช้เกสรดอกบัวป่นละเอียดคลุกเคล้ากับยางบง น้ำแช่หนังวัวเผา น้ำแช่เปลือกเม็ก น้ำข้าวจ้าวต้ม หินเผาไฟป่นให้ละเอียด น้ำอ้อยเคี่ยวให้เหนียวผสมเป็นเนื้ อเดียวกันดีแล้วใช้ฉาบทาให้ผิวขององค์พระบทม์ ด้วยกรรมวิธีแบบโบราณที่เรียกขานกันว่า “ ปูนน้ำอ้อย ”

          พระครูวิสิฐพัฒนาภรณ์ (ทองหล่อ สํวโร) ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้กรุณาอธิบายเพิ่มเติมว่า พระบทม์ ขนาดหน้าตักกว้าง 78 นิ้ว สูง 108 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเก่าแก่ของเมืองอุบลฯ องค์หนึ่ง คำว่า “ พระบทม์ ” มาจากคำว่า (ปทุมํ-ปทม-บทม์) หมายถึง “ ดอกบัว ” ได้แก่ บัวหลวง มีสีแดง กลิ่นหอม เป็นพระพุทธรูปที่ประสาทพรเกื้อกูลให้เกิดความสำเร็จตามแรงแห่งสัจจาธิษฐาน ปรารถนา คนรุ่นเก่าเมื่อจะกล่าวถึงของสำคัญและเก่าแก่ของเมืองอุบลฯ แล้วชอบกล่าวคำว่า “ พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง ” จนติดปาก

          พระบทม์วัดกลางงดงามมาก มีพุทธลักษณะอย่างเดียวกับ “ พระเหลาเทพนิมิต ” บ้านพนา เป็นฝีมือช่างรุ่นแรกของเมืองอุบลราชธานี

พระบางวัดใต้

          ตามประวัติ “ วัดใต้ท่า ” สร้างแต่ครั้งเริ่มตั้งเมืองอุบลฯ ประมาณ พ.ศ. 2322 ตามคตินิยมโบราณดังกล่าวแล้ว อยู่ริมแม่น้ำมูลใกล้กับ “ หาดวัดใต้ ” ต่อมาปี พ.ศ. 2441 ได้สร้างวัดใต้เทิง (อยู่ด้านทิศเหนือวัดใต้ท่า มีถนนพรหมราชคั่นกลาง) แล้วยุบวัดใต้ท่านารามกับวัดใต้เทิง เรียกว่า “ วัดใต้ ” จนถึงปี 2544 เปลี่ยนแปลงชื่อวัดเป็น “ วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ” จนปัจจุบัน

          พระบางวัดใต้ มี 2 องค์ ประดิษฐานด้านซ้าย ขวาของพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปทองสำริด พุทธลักษณะประทับยืน สูง ประมาณ 2 ศอก ยกพระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างเรียนว่า “ ปางห้ามสมุทร ” หรือ “ บางห้ามญาติ ”

          จาการสัมภาษณ์พ่อใหญ่บำเพ็ญ ณ อุบล เกี่ยวกับประวัติ “ พระบาง ” ได้ความกระจ่างโดยย่อว่าตามตำนานเมื่อประมาณ พ.ศ. 436 พระจุลนาคเถระได้สร้างพระบางที่กรุงลังกา เมื่อหล่อเสร็จแล้วได้อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปในพระบาง 5 แห่ง ต่อมาประมาณ พ.ศ. 1901 ได้อัญเชิญพระบางมาสถิตที่นครเชียงทองพร้อมกับการขอน้อมนำพระพุทธศาสนา มาเป็นศาสนาประจำชาติลาว ในครั้งนั้นได้อัญเชิญพระไตรปิฎก และหน่อพระศรีมหาโพธิ์มาพร้อมกับพระบางด้วย นครเชียงทองจึงได้การขนานนามว่า “ พระนครศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มยาว หลวงพระบาง ” แต่คนทั่วไปเรียนเพียง “ นครหลวงพระบาง ” ตั้งแต่ครั้งนั้นเพราะเหตุว่าพระบางเจ้า ได้ประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญแห่งพระนครนี้ตลอดมาแต่โบราณกาล จนตราบเท่าทุกวันนี้

          พระบางเป็นพระพุทธรูปสำคัญของอาณาจักรล้านช้าง แต่ชาวอีสานมีความเลื่อมใสมาก มักจะจำลองพระบางมาประดิษฐานไว้ที่วัดสำคัญๆ ของท้องถิ่น เช่น พระบางวัดไตรภูมิ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พระบางวัดพระเหลาเทพนิมิตร อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ (ตั้งแต่สมัยอยู่ในเขตปกครองจังหวัดอุบลราชธานี) รวมทั้งพระบางวัดใต้ ดังกล่าวนี้ ด้วยชาวบ้านชาวเมืองถือว่า “ พระบางวัดใต้ ” เป็นองค์แทนของพระบางเจ้า ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของนครหลวงพระบาง

หอไตรวัดทุ่ง

          วัดทุ่งศรีเมือง สร้างในสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 3 โดยเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ ญาณวิมลอุบลคณาภิบาล สังฆปาโมก (สุ้ย) เจ้าคุณเมืองอุบลฯ สมัยนั้นเป็นผู้สร้าง

          หอไตร หรือหอพระไตรปิฎก หอไตรวัดทุ่งศรีเมืองสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2385 โดยท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ ญาณวิมลอุบลคณาภิบาล สังฆปาโมก (สุ้ย) เป็นผู้อำนวยการสร้างและญาคูช่าง (พระช่างชาวเวียงจันทร์) เป็นช่างผู้ควบคุมการก่อสร้างหอไตรวัดทุ่งฯ ก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลังตั้งอยู่กลางสระน้ำ แผนผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านหน้ามีสะพานไม้ทอดสู่ฝัง ตัวอาคารเป็นเรือนเครื่องสับขนาดสี่ห้อง ตกแต่งด้วยฝาไม้ประกนบานหน้าต่างและประตูเขียนลายรดน้ำเทวดา โครงสร้างอาคารยึดต่อกันด้วยการเข้าเดือย ลักษณะเด่นของหอไตรหลังนี้คือ เป็นการผสมกันระหว่างศิลปะสามสกุลช่างอย่างลงตัว คือ ไทย พม่า และลาว ได้แก่ช่อฟ้าใบระกาทำตามแบบศิลปะไทยภาคกลาง หลังคาเป็นชั้นลด มีไขราปีกและไขราจั่ว ส่วนอิทธิพลศิลปกรรมพม่า ซึ่งส่งผ่านมาทางลาวล้านช้าง ปรากฏที่ชั้นหลังคาทางจั่วซ้อนกัน หน้าบันแกะสลักลวดลายเป็นรูปพันธุ์ไม้ มีรูปลิงและนกแทรกอยู่ทางด้านตะวันออก ระหว่างชั้นลดของหน้าบันสลัดลายไทย ลายกระจังรวน และลายประจำยามก้ามปู คันถวายด้านซ้ายและวานเป็นของประตูทางเข้า สลักเป็นเทพพนม คันทวยอื่นๆ รอบอาคารสลักเป็นรูปพญานาค บริเวณกรอบล่างของฝาปะกนมีลวดลายสลักโดยรอบ เป็นรูปสัตว์ใน 12 ราศี สัตว์ในป่าหิมพานต์ และคติธรรมพื้นบ้านอีสาน เช่น “ หาบช้างซาแมว ” “ กาคาบเต่า ” เป็นต้น ภายในหอไตรตรงกลางเป็นห้องเก็บพระไตรปิฎกยกฐานสูงขึ้นอีกชั้นหนึ่ง มีบันไดประตูขึ้นทางทิศตะวันออกผนังห้องด้านนอกตกแต่งลวดลายไทย ลงรักปิดทองหอไตรได้มีการบูรณะซ่อมแซมตั้งแต่สมัยพระครูวิโรจน์รัตโนบล โดยการเปลี่ยนหลังคากระเบื้องไม้เกล็ด เป็นสังกะสี

          พ.ศ. 2523 สมัยพระราชรัตโนบล (พิมพ์) เป็นเจ้าอาวาส กรมศิลปากรได้ซ่อมแซมใหม่คือ เปลี่ยนหลังคา จากสังกะสีมาเป็นกระเบื้องเสาตอนล่างจากพื้นลงไปในสรพได้โบกซีเมนต์เสริมต้น เสา และปี พ.ศ. 2545 สำนักงานโบราณคดีที่ 8 กรมศิลปากรได้ดำเนินการซ่อมหอไตร และปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านหน้าของหอไตร โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,710,000 บาท และหอไตรแห่งนี้เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 3 ของดีเมืองอุบลฯ เมื่อสมัยก่อนจนมีคำกล่าวจนติดป่าว่า “ พระบทวัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง ” เสมือนว่าเป็นคำขวัญประจำเมืองอุบลฯ ในสมัยนั้น เช่นเดียวกับคำขวัญของจังหวัดอุบลราชธานีในสมัยนี้ และยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้รับรางวัลผลงานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นเมื่อ พ.ศ. 2527 อีกด้วย หอไตรวัดทุ่งศรีเมือง กรมศิลปกรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 98 ตอนที่ 104 วันที่ 30 มิถุนายน 2524

ภูมิปัญญาคนโบราณ

    * ระหว่างตัวอาคารและบันได จะไม่มีรอยต่อทั้งนี้เพื่อป้องกันมด ปลวกจะเข้าตัวอาคาร ทำลายใบลานให้เสียหาย บันไดเดินเข้าหอไตร
    * พื้นอาคารจะเป็นร่อง เพื่อระบายความชื่น ทำให้ใบลานไม่กรอบและเสียหายง่าย
    * ตัวอาคารจะใช้การเข้าลิ่มแทนตะปู ตัวอาคารทั้งหลัง จะใช้ลิ่ม รอบอาคารจะแกะสลัก คติธรรมสอนใจไว้รอบอาคารอย่างสวยงามและลงตัว

          ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้อุบลราชธานี จะมีศิลปวัตถุ โบราณสถานจำนวนมาก จนมีคำกล่าวว่า “ อุบลบานหมากมูนมัง ” แม้กระนั้น “ พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง ” ก็ยังมีคุณค่าล้ำ เป็นปูชนียศิลปโบราณคู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานีตลอดไป


ให้เครดิตที่นี่นะครับ
http://guideubon.com/news/view.php?t=34&s_id=57&d_id=57
67  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อยากถามนักภาวนาทุกท่าน อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เราได้ภาวนาและภาวนาสำเร็จครับ เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 10:44:02 am
สำหรับผม ก็ยังคิดไม่ออก เพราะยังปฏิบัติไม่สำเร็จ

 แต่คิดไว้ในใจ ก็คือ เวลา .... ที่เราสละไว้ให้กับการ ปฏิบัติ ภาวนา อาจจะน้อยเกินไปครับ

 :035:
68  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ควรบอกความจริงเรื่องการจำนำให้ลูกทราบ หรือ ไม่คะ เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2011, 10:59:10 am
เห็นด้วยครับ ควรบอกพวกลูก ๆ ให้ทราบกับความลำบากของพ่อแม่ บ้างครับ

เพราะเหมือนเราปิดหู ปิดตาลูก ๆ นะครับ วันนี้คุณยังโชคดีนะครับที่ยังมีของไปจำนำแลกเงินกลับมาได้

แต่ที่ผมอยู่เขตภาคเหนือ ครับบางบ้านยังไม่มีอะไรไปแลกเลยครับ รอแต่น้ำใจของผู้ใจบุญครับ

เด็กบางคนมาโรงเรียน ต้องใส่ของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซิบแตกก็มีครับ

รองเท้าแตะ ครับ ดีว่าในปัจจุบัน หนังสือของทางโรงเรียนมีให้ อาหารกลางวันมีให้ นมโรงเรียนพอมีเลี้ยงครับ

มิฉะนั้น ถ้าทางรัฐ ไม่อุดหนุนเรื่องพวกนี้ รับรองเลยครับ ผู้ปกครองเดือดร้อนกว่านี้อีกครับ

 :014: :014: :014:
69  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: แบบนี้ดีไหม เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 10:10:46 am
ถ้ามีศรัทธา ก็ดีครับ ผมอยู่ลำปาง ผมเองก็ำทำครับ เพราะพระสามเณร ท่านก็มีเหตุจำเป็นต้องใช้ปัจจัย
เช่นจ่ายค่าเทอม เรียนหนังสือ ที่วัดบุญญวาทย์ มีการเรียนทางโลก ส่งเสริมให้พระเณร มีรายได้เพื่อได้ศึกษาเล่าเรียนครับ

 :25:
70  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: server มีปัญหา ดิสก์แคช 1 ชม. 11.07 - 12.10 น. เมื่อ: เมษายน 30, 2011, 07:22:46 pm
ถึงว่าช่วงบ่าย ผมก็เลยไม่ได้ฟัง รายการ RDN เลยครับ
 :13:
71  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เวลาเราทำบุญอะไรก็ตาม ไม่มีความศรัทธา จะได้บุญบ้างหรือไม่ เมื่อ: เมษายน 02, 2011, 11:50:04 am
คุณ nongyao น่าจะเป็นคนที่ชอบทำบุญ และพาลูกทำบุญบ่อยนะครับ

เพราะอ่านแล้วรู้สึกได้ว่า คุณเป็นคนมีเหตุผลมาก ๆ ไม่ละความพยายามในการทำบุญ และสร้างกุศล

ขอให้สำเร็จธรรมกันโดยไวนะครับ

 :25: :25: :25:
72  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สลด! เด็กหญิงป.5 ผูกคอตาย เครียด ผลสอบไม่ผ่าน เมื่อ: เมษายน 02, 2011, 11:47:02 am
เด็กอายุแค่ 10 ขวบ ก็เครียดแล้ว เป็นเรื่องแปลก ส่วนมากก็จะแค่น้อยใจเท่านั้นไม่น่าเชื่อ

 :34:
73  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: รายการ RDN ช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงครับ เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 06:44:48 pm
ตั้งแต่เดือน ธ.ค.53 มานี้ค่าไฟแพงขึ้นนะครับ เป็นเพราะว่า การไฟฟ้าได้นำค่าโหลด factor มาคูณเพิ่มในหน่วยค่าไฟฟ้า จากเดิมถึง 60% เลยนะครับมีคนบอกว่ารัฐบาลรับภาระจ่ายค่าไฟฟ้าให้ประชาชนที่ประหยัด 90 หน่วย
ผมได้ทดสอบที่บ้านพ่อ แม่ 1 หลัง บ้านลูกน้อง ผม 1 หลัง มีบ้านเลขที่ มีเตอร์ของการไฟฟ้า

  บ้านหลังที่ 1 บ้านพ่อแม่ผม มีอยู่ 2 คน ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 15 นาที ทุกวันในตอนเช้า และเิปิดพัดลมตอนนอนช่วงค่ำ ๆ ถึงเช้า ดูทีวี 21 นิ้ว เปิดไฟในบ้าน 20 watt 2 ดวง ตู้เย็น เบอร์ 5 หนึ่งตู้ ไม่มีการใช้ไฟฟ้ารายการอื่น ๆ ทดสอบอยู่ 3 เดือนครับ แล้วครับ ไม่สามารถใช้ไฟได้ต่ำกว่า 5 หน่วยต่อวันครับ เพราะตู้เย็นเล่นไป 3 หน่วยต่อวันแล้วครับ ทีรู้เพราะบางวันไม่อยู่บ้านไปเฝ้านากัน มีแต่ตู้เย็นอยู่ที่บ้านผมได้ไปจดหน่วยให้ทุกวัน

  สรุปแล้ว ก็ไม่สามารถเซฟค่าไฟที่ 90 หน่วยได้ครับ เพราะใช้ตกวันละ 5 หน่วยครับ

   


  เคสที่ 2 บ้านลูกน้องผมเองจ้างมาช่วยทำไร่ ปลูกให้ห่างจากเรือนพ่อแม่ผม 115 เมตร มีหม้อไฟ บ้านเลขที่ต่างหาก สำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดังนี้ครับ 1 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1 หมือใช้หุงข้าว ทานกัน 2 คนผัวเมีย ในตอนเช้า ทีวี 14 นิ้ว 1 เครืิ่อง กับจานดาวเทียม พัดลมเปิดตอนหัวค่ำ และ ตอนนอน ไฟฟ้า 20 วัตต์ 2 ดวงเปิดตอนค่ำถึง 4 ทุ่มทุกวัน อแดปเตอร์ชาจ์แบตส่องกบ 6 โวลต์ตัวเล็ก 1 ตัว ไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างอื่น กับวิทยุฟังอีก 1 เครื่อง บ้านนี้สามารถใช้ไฟได้ต่ำกว่าบ้าน พ่อแม่ผมบ้างเล็กน้อย เพราะไม่มีตู้เย็น

   สรุปแล้วทดลอง 3 เดือนมาแล้วครับ ค่าไฟฟ้าก็เกิน 80 หน่วยครับ เพราะใช้ไฟฟ้า อยู่วันละ 3 - 4 หน่วยครับ ก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดีครับ

  คิดดูิสิครับ ขนาดประหยัดขนาดนี้ยังต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเลยนะครับ

  ส่วนบ้านที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยตามสถิติที่ทางหน่วยงานรัฐประกาศนั้น มีจำนวนเพียง 4 ล้านครอบครัวครับเองครับที่ผมอ่านมา จากประชากรคนไทย 70 ล้านคน

   ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ได้ทำการบวก ค่า ft กับผู้ใช้ไฟเกิน 90 หน่วย ซึ่งรู้ดีอยู่แล้วว่า ที่จะทำได้ต่ำกว่า 90 หน่วยนั้นเป็นไปได้ยากครับ การบวกค่า ft นี้อยู่จากเมื่อก่อนต่ำกว่า .5 ปัจจุบันอย่างเดือนปัจจุบันล่าสุดนั้น ค่า ft เป็น .8688 ดูที่ บิลไฟฟ้าได้นะครับ เกือบ 1 บาทแล้ว เกิดอะไรขึ้นครับ ปกติการคิดเงินค่าไฟฟ้าจะมี rate อยู่แล้ว
แต่ค่านี้ถูกบวกขึ้นมาอีกต่างหาก คิดดูถ้าท่านใช้ไฟฟ้า 100 หน่วย เท่ากับต้องจ่าย ค่า ft อีก 80 บาทครับ

   ที่หลาย ๆ คนบอกมาว่า ทำไม่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ก็แหงละครับ มันแพงด้วยเหตุผลนี้ครับ แถม ยัง vat อีก 7 เปอร์เซ็นด้วย

    ความฉลาดของยุค อภิสิทธิ์นะครับ เมื่อก่อนนั้นเกิน 80 หน่วยรัฐบาลรับภาระกึ่งหนึ่ง ที่ ไม่เกิน 150 หน่วย
ตอนนี้กึ่งหนึ่ง นี้ไม่มีแล้วครับ เพราะผมดูจากบิลที่บ้าน พ่อแม่ ผม นั้น 110 หน่วย ก็จ่ายกันเต็ม ๆ ครับ

ที่ผมอธิบายให้ฟัง เพราะเหตุผล ที่รายการ RDN นั้นยกรายการลงนั้นเป็นเพราะค่าไฟฟ้าคงพุ่งขึ้นจากเดิมเป็นแน่

ยุคนี้ค่าเงินบาท รู้สึกจะต่ำลงนะครับ เพราะอะไรก็แพงขึ้นครับ

 :08:
74  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 06:21:05 pm
ผมคิดว่า ผู้ถามน่าจะมีเจตนาอะไรลึก ๆ ในใจ ผมเดาเอาว่า ตอนนี้กำลังต้องการที่ไม่ต้องการแต่ง ใช่หรือไม่ครับ

ดังนั้นถ้ารู้ข้อผิดพลาด แล้วเข้าใจเรื่องราวปัญหารวม ๆ ของคู่ที่ต่างวัย ก็ถือได้ว่ามีหลักธรรมคุ้มครองเบื้องต้น

ยิ่งถ้าใฝ่ภาวนาด้วย ตอนนี้ก็เหมือนบ่วงที่มาผูกมือ นะครับ

  มีคำกล่าวว่า ปุตตัง คีเว บุตร คือ บ่วงผูกคอ

               สามีภริยา หัตเถ สามีภรรยา คือ บ่วงผูกข้อมือ

               ธนัง ปาเท ทรัพย์ คือ บ่วงผูกข้อเท้า

         ถ้าใส่บ่วงมือแล้ว ยากที่จะลงมือในการภาวนา โดยเฉพาะคู่้หญิงชาย ที่อายุต่างกัน คุณธรรม ประสพการณ์ชีวิต ความรอบคอบ ย่อมแตกต่างกันครับ

    ok ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดพลาด ก็ให้คำแนะนำอย่างชาวธรรม อย่างนี้นะครับ

      :coffee2:
75  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ธรรมกายหมกเม็ดชำระพระไตรปิฎก (เป็นเพียงข้อกล่าวหา) เมื่อ: มีนาคม 24, 2011, 11:36:52 am
 :97: :97: :97:
76  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ใจขุ่น ไม่สามารถ ภาวนากรรมฐานได้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2010, 09:28:26 am
จะลบความขุ่นในใจอย่างไรดีครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ผมทำงานเป็นราชการประเภทตงฉิน ไม่เคยขอความช่วยเหลือ
จากใคร ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวผมเอง และเรื่องของคนในครอบครัว ในชีวิตการ
ทำงานเป็นข้าราชการสายครูถึง 27 ปี

ต่อมาวันหนึ่ง น้องสาว ก็มาหาผม โดยอ้างว่าแม่ให้มาขอให้ช่วย

เรื่องที่ขอ ก็คือ การฝากหลานเข้าเรียน ในสถานศึกษาที่ดีที่สุดของจังหวัด

ซึ่งทำให้ผมอึดอัดมาก เพราะไม่เคยบากหน้าไปขอร้องใคร แม้เรื่องของลูกผมเอง
เพราะลูกผมยังเรียนโรงเรียนวัดเลยครับ

หลังจากชั่งใจ อยู่นานประกอบ กับแม่ โทรมารบเร้า ให้ไปทำ

ก็เลยพาใจที่ ชอกช้ำไปพูดกับผู้ใหญ่ ที่คิดว่าจะช่วยเหลือได้ แต่ผู้ใหญ่ท่านนั้น
ก็เรียกเงินในการดำเนินการให้ หลายบาทมาก พร้อมกับส่งสายตาเหยียดหยามผม
เหมือนทำนองว่า ได้ทีมีชัยเหนือผมแล้ว ผมรู้สึกขุ่นเคืองในใจแต่เก็บอารมณ์ยิ้มพูดตอบ
ไปว่าจะถามทางน้องสาวก่อนครับ

ผมก็เก็บอารมณ์ขุ่นไว้ในใจ ฝืนใจเป็นอย่างมาก กับการที่ต้องมาโดนดูถูกเหยียดหยาม
ซึ่งผมนำความมาบอกให้กับน้องสาว แทนที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ กับพูดทำนอง
ตัดพ้อต่อว่า ผมไม่มีน้ำยาเอาเสียเลย แค่หลานคนเดียวก็ฝากไม่ได้

ผมก็มานั่งนึกดูว่า ไอ้หลานคนนี้ พ่อแม่มันก็ไม่เคยพามาไหว้ผมสักครั้ง แต่ผมกลับ
ต้องมาหมองเสียภาพพจน์ เสียความรู้สึก แทนที่จะมาเสียให้กับคนในครอบครัว

ตอนนี้ผมตัดสินใจว่า ไม่ช่วย ยืนยันปณิธาน  ซึ่งส่งผลให้ผมมีเรื่องกระทบกับ
คนในครอบครัว ตั้งแต่ เมีย ลูก แม่ น้องสาว ทุกคนมองผมต่างไปคนละแบบ

เมีย ที่ลูกตัวเองไม่ช่วย กับไปช่วยลูกน้องสาว
ลูก ก็คิดว่ารักหลาน มากกว่าลูกในไส้
แม่ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้แม่สักครั้งไม่ได้
น้องสาว ช่วยก็ไม่ได้ ทำให้หลานหน่อยก็ไม่ได้
คนที่ไปขอร้อง ใช้สายตาเหยียดหยาม และพูดนินทาผมว่า พอถึงเรื่องตัวเองมันก็ตงฉินไม่ได้แล้ว

ผมพยายาม ข่มตา ข่มใจ ปฏิบัติ ภาวนากรรมฐาน แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติกรรมฐาน ได้อย่างเมื่อก่อน
เพราะอารมณ์ มันจะเข้าไปเกิด ภาพพวกนี้ขึ้นมาในใจ

ปรึกษา เพื่อนสมาชิกช่วยแนะนำทางให้หน่อย
หน้า: 1 [2]