บางครั้งอาการที่จิตแส่ส่ายฟุ้งซ่านไม่ลงรวมเป็นสมาธิ เพราะไม่มีหลัก สุดท้ายก็ลงเอยที่เวทนา
อาการทั่วไปดังกล่าว ก็เป็นกันทุกคน บ้างก็ว่าแบบนั้นดีแบบนี้ดี ก็เอามันมั่วไปทุกอย่าง
สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเวทนา เข้าครอบงำ
บางคราวให้การงานกับจิตน้อยเกินไป มันก็มีเวลาเเอบไปคิดเรื่องอื่นได้อีก สุดท้ายก็ฟุ้งระจายไปตามขันธ์ ๕
เพราะขันธ์5 ไม่ใช่ขันน้ำนะโยม จะได้ตั้งอยู่กับที่
บริกรรมพุทโธ แต่จิตมันปรุงแต่งไปไกลได้เป็นสิบกิโล ร้อยโล นั่นมันเป็นธรรมชาติของจิต
ลองให้งานมันมากขึ้นอีกหน่อย
เช่นถ้าพุทโธแล้วยังเอาไม่อยู่
หาภาชนะ ที่รองรับพุทโธ ดู ตั้งจุดขึ้นมา ที่ใดก็ได้ แนะให้ดีกว่านะ เอาตรงนี้นะ ตั้งจุดตรงที่ต่ำกว่าสะดือ สองนิ้วมือ
นึกคิดนิมิตจุดขาวๆดำๆขึ้นมา หรือ นึกให้มันรู้ว่าจุดมันมีอยู่ตรงนี้ แล้วบริกรรมพุทธคุณ คือพุทโธ ลงไปใส่ ที่ภาชนะคือจุดนี้ที่รองรับ พุทโธ ที่ว่านั่นดู
ส่วนเรื่องอารมณ์ หากมันยังดิ้นส่ายก็ให้ปล่อยวางเป็นอุเบกขาคือ วางเฉย ไม่ไปยินดีหรือยินร้าย
ที่บอกไว้นี้ มีสามเรื่อง สามนิมิต
กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เรียกว่า นิมิต 3 ประการ
1.บริกรรมนิมิต (บริกรรมพุทธคุณ) เช่นพุทโธ พุทโธ คือชื่อ หรือเรียกว่าพระนามของพระพุทธเจ้า ก็ได้นะ
2. ปัคคหะนิมิต (จุด) หรือภาชนะรองรับพุทธคุณ คือพุทโธ
3. อุเบกขานิมิต ปล่อยวางวางจิตไม่ยินดี ยินร้าย ใดๆ เลิกคิดเรื่องทั้งหลาย ในขณะทำสมาธิ
จิตต้องอยู่กับนิมิตทั้งสาม ตรวจดูเอาเอง
ส่วนเรื่องเหน็บชา ถ้าจิตอยู่กับ สามนิมิตนี้ เรื่องเหน็บชาคงไม่เห็นหรือเห็นจิตก็ไม่สนใจ
ถ้าจิตจับสามนิมิตนี้อยู่ จิตก็จะเข้าสู่ปีติตามลำดับ
การทำสมาธิเบื้องต้นแนะนำได้เเค่นี้....เพราะถ้ามากกว่านี้ท่านต้องไปขึ้นกรรมฐาน มาก่อน
ฝึกอย่างน้อยวันละ 30 นาที
ขอให้มีกฏกติกาให้แก่ตัวเอง
รวมถึงผู้อื่นที่มาใหม่ก็นำไปใช้ได้ เช่นกันตามนี้
ขออนุโมทนาสาธุ