ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ  (อ่าน 7122 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

utapati

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2009, 10:50:45 am »
0
 ;) เวลานั่งกรรมฐาน ทำอย่างไรจะให้นั่งกรรมฐานได้นาน ครับแบบว่า เหน็บชามักจะเล่นงานผมสัก 10 นาที
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2009, 02:45:48 pm »
0
;) เวลานั่งกรรมฐาน ทำอย่างไรจะให้นั่งกรรมฐานได้นาน ครับแบบว่า เหน็บชามักจะเล่นงานผมสัก 10 นาที

คุณ utapati ครับ ผมไม่ทราบว่าคุณขึ้นกรรมฐานกับพระอาจารย์สนธยาแล้วหรือยัง
เรื่องนี้พระอาจารย์จะตอบได้ดี


แต่ไหนๆคุณก็ถามแล้ว ผมจะแสดงความเห็นส่วนตัวให้ทราบ
อย่าถือว่าผมสอนนะ แค่เล่าสู่กันฟัง

    - อาการเหน็บชาเกิดกับคนส่วนใหญ่ จึงเป็นเรื่องปรกติ
    - ที่คุณรู้สึกถึงอาการเหน็บชา เนื่องจากคุณเอาจิตเข้าไปรับรู้มัน(ส่งจิตออกนอก)
    - คุณต้องหาวิธี(กุศโลบาย)ทำให้จิตส่งออกไปรับรู้อาการเหน็บชาให้น้อยลง
    - คำบริกรรมต่างๆจะช่วยคุณได้ เช่น พุทโธ พองหนอยุบหนอ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่คุณชอบ
       บริกรรมแล้วสบายใจ ไม่อึดอัด (ศัพท์ทางธรรมเรียกว่า วิหารธรรม คำบริกรรมต่างๆถือว่า
       เป็นวิหารธรรม)
    - โดยส่วนตัวผม ผมท่องคาถาที่ผมชอบ ท่องแบบเร็วๆ
    - ผมมีความลับจะบอก ผมท่องคาถาเงินล้าน(ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)แล้วมีปิติ
      อาการปวดเมื่อยต่างๆจะดับไปด้วย


หากคุณต้องการดับเวทนาต่างๆคุณต้องฝึกเข้าฌานให้ได้ ถามพระอาจารย์ได้เลยครับ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 08:25:22 am »
0
ทางด้านกายภาพ
   
      สามารถแกร็งกล้ามเนื้อในส่วนบริเวณที่เป็น เหมือนวิธียืดหยุ่นกล้ามเนื้อทางยิมนัสติก

   แต่สุดท้าย ก็คือ ทน  ทน  อดทน (ตะบะ)

    :'(
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 12:02:36 am »
0

สาธุ สาธุ สาธุ ท่านพระอาจารย์ ปัญญสโก ภิกขุ และ ท่าน RAPONSAN ตอบไว้ดีแล้ว

st12 st12 st12 st11



- ผมขอเสริมในแบบทางโลกอีกนิดนึงนะครับ

1. อาการที่เส้นตรึงก็ทำให้เกิดเหน็บชาได้ง่ายครับ..ดังนั้นให้ ยืดเส้น ยืดขา ยืดแขน บิดยืดเอว ยิดตัว บ่อยๆ ก่อนกรรมฐาน จะนั่งได้นานขึ้นเพราะเลือดลมมันเดินได้ดีขึ้น หลังจากนั่งก็บิดยืดเส้น โดยท่านนั่งขัดสมาธิบิดเอื้ยวยืดตัวไปด้านข้างหรือหลัง คลายขาออกยืดขาเขาปลายนืิ้วแต่ปลายเท้า สลับข้างทำทุกครั้งหลังภาวนาเสร็จ เวลาลุกขึ้นจะไม่เหน็บกินไม่หน้ามืด

2. ท่าที่นั่ง เรานั่งขัดกันให้เกิดความเจ็บปวดง่ายการขัดกันของเส้นนเอ็นเส้นเลือดทำให้เลือดลมสูบฉีดลำบากก็ก่อให้เกิดเหน็บชาได้



3. จิตตั้งมั่นเมื่อไหร่ มันก็เป็นอารมณ์เดียวไม่ยึดจับเอาความเจ็บปวดแล้ว กล่าวคือ ถ้าเราถึงสมาธิในขณะที่ทรงสมาธิได้นั้นมันจะไม่จับเวทนานั่นเอง ซี่งโดยนัยยะที่ท่านผู้รู้หรือพระปฏิบัติทั้งหลายท่านจะสอนว่า..กายมันแค่ธาตุดินมันเจ็บปวดไม่เป็น แต่เพราะเอาใจเข้ายึดครองมันเวทนาจึงมี มันจึงเจ็บเป็นปวดเป็น โดยส่วนตัวผมแล้วถ้าภายใน 10 นาทีที่กรรมฐาน จะพึงตั้งว่า จิตรู้สิ่งใดสิ่งนั้นล้วนสมมติ ของจริงแท้คือ พุทโธ คือ ลมหายใจนี้ เอาจิตมารู้ของจริงคือพุทโธปักหลักไว้ที่ปลายจมูกดูลมเข้าออกไป เมื่อจิตตั้งมั่นขึ้นมาหน่อยมันจะไม่จับอาการที่เจ็บปวดแล้ว มันจะมีแต่ลมและนิมิตรงหน้าเท่านั้น



ผมไม่ใช่ผู้ถึงธรรม ไม่ใช่ผู้รู้ และก็ไม่รู้ธรรมอะไรนะครับ..แค่จดจำมา ไม่มีศีล ทาน ภาวนาดีงาม ตอบไปแบบบ้านๆที่คิดว่าน่าจะเป้นประโยชชน์ได้ในระดับปุถุชนจะพอตรึกนึกคิดเพื่อการปฏิบัติได้ก็เท่านั้น ก็แบ่งปันกันไปเท่าที่มีครับ หากไม่ช่วยอะไรก็ขออภัยไว้ด้วยครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 01, 2016, 12:06:59 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ช่วยแนะวิธี หน่อยครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2016, 12:42:59 am »
0

    บางครั้งอาการที่จิตแส่ส่ายฟุ้งซ่านไม่ลงรวมเป็นสมาธิ เพราะไม่มีหลัก สุดท้ายก็ลงเอยที่เวทนา

        อาการทั่วไปดังกล่าว ก็เป็นกันทุกคน บ้างก็ว่าแบบนั้นดีแบบนี้ดี ก็เอามันมั่วไปทุกอย่าง

        สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเวทนา เข้าครอบงำ



    บางคราวให้การงานกับจิตน้อยเกินไป มันก็มีเวลาเเอบไปคิดเรื่องอื่นได้อีก สุดท้ายก็ฟุ้งระจายไปตามขันธ์ ๕

       เพราะขันธ์5   ไม่ใช่ขันน้ำนะโยม จะได้ตั้งอยู่กับที่


   บริกรรมพุทโธ    แต่จิตมันปรุงแต่งไปไกลได้เป็นสิบกิโล ร้อยโล นั่นมันเป็นธรรมชาติของจิต




         ลองให้งานมันมากขึ้นอีกหน่อย


         เช่นถ้าพุทโธแล้วยังเอาไม่อยู่


   หาภาชนะ ที่รองรับพุทโธ  ดู  ตั้งจุดขึ้นมา   ที่ใดก็ได้  แนะให้ดีกว่านะ เอาตรงนี้นะ ตั้งจุดตรงที่ต่ำกว่าสะดือ สองนิ้วมือ


    นึกคิดนิมิตจุดขาวๆดำๆขึ้นมา หรือ นึกให้มันรู้ว่าจุดมันมีอยู่ตรงนี้  แล้วบริกรรมพุทธคุณ คือพุทโธ ลงไปใส่ ที่ภาชนะคือจุดนี้ที่รองรับ พุทโธ ที่ว่านั่นดู


     ส่วนเรื่องอารมณ์ หากมันยังดิ้นส่ายก็ให้ปล่อยวางเป็นอุเบกขาคือ วางเฉย ไม่ไปยินดีหรือยินร้าย


    ที่บอกไว้นี้  มีสามเรื่อง สามนิมิต 

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เรียกว่า นิมิต 3 ประการ

       1.บริกรรมนิมิต (บริกรรมพุทธคุณ) เช่นพุทโธ พุทโธ คือชื่อ หรือเรียกว่าพระนามของพระพุทธเจ้า ก็ได้นะ

      2. ปัคคหะนิมิต  (จุด) หรือภาชนะรองรับพุทธคุณ คือพุทโธ

      3. อุเบกขานิมิต ปล่อยวางวางจิตไม่ยินดี ยินร้าย ใดๆ เลิกคิดเรื่องทั้งหลาย ในขณะทำสมาธิ


    จิตต้องอยู่กับนิมิตทั้งสาม  ตรวจดูเอาเอง

     ส่วนเรื่องเหน็บชา   ถ้าจิตอยู่กับ สามนิมิตนี้  เรื่องเหน็บชาคงไม่เห็นหรือเห็นจิตก็ไม่สนใจ

      ถ้าจิตจับสามนิมิตนี้อยู่ จิตก็จะเข้าสู่ปีติตามลำดับ


     การทำสมาธิเบื้องต้นแนะนำได้เเค่นี้....เพราะถ้ามากกว่านี้ท่านต้องไปขึ้นกรรมฐาน มาก่อน

        ฝึกอย่างน้อยวันละ 30 นาที 

         ขอให้มีกฏกติกาให้แก่ตัวเอง


      รวมถึงผู้อื่นที่มาใหม่ก็นำไปใช้ได้  เช่นกันตามนี้



      ขออนุโมทนาสาธุ

       
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา