ตรวจสอบด้วยตนเอง
ขณิกะสมาธิ หยาบ และ กลาง ตรวจสอบได้ว่า มีความตั้งมั่นอยู่กับ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (วิตก) และคงอยู่อย่างนั้นได้อย่างต่อเนื่องชั่วระยะเวลาหนึ่ง
อาการที่มีขณิกสมาธิ คือ จิตแจ่มใส ใจเบิกบาน รับรู้ได้ไว มีสติตื่นอยู่ รู้ตัวทั่วพร้อม อันนี้เป็นคุณสมบัติของขณิกะสมาธิ
ขณิกะสมาธิ ขั้นละเอียด รับรู้วิตก สามารถจับพระลักษณะ ได้ชัดมีวิตก คือพระลักษณะ เข้าถึง ปีติคืออิ่มใจ และ มีความปราโมทย์ ยินดีในความสงัดที่สงบระงับ จากนิวรณ์เบื้องต้น คือ คลายลงจากนิวรณ์ แต่นิวรณ์ยังไม่หมด สำหรับผู้ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เบื้องต้นก็จะได้ ขณิกะสมาธิขั้นละเอียด ตั้งแต่ห้องที่ 1 พระธรรมปีติ
อุปจาระสมาธิขั้นหยาบ และขั้นกลาง ผู้ฝึกภาวนาจะเข้าถึงพระรัศมี เป็นอุคคหนิมิตภายในอารมณ์แน่วนิ่ง กับอารม์นั้น นิวรณ์ทั้งดับ 5 ดับหายไปเป็นช่วง เีดี๋ยวเกิด เดี๋ยวดับ สลับกันไปเป้นบางครั้ง แต่ความปราโมทย์จะเป็นพลังผลักดัน ให้กาย และ จิตมีความสุข
สำหรับกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ผู้ฝึกจะได้ตั้งแต่ห้องพระธรรมปีติ และห้องพระยุคลธรรม 6 เป็นต้นไป
อุปจาระขั้นเต็ม ( อุปจาระฌาน ,อุปจาระขั้นละเอียด)
ผู้ฝึกภาวนาเมื่อปฏิบัติมาได้ถึง ตรงนี้จะมีความสุขที่แนบแน่น มีธรรมสถิตย์เป็นสุขทิพย์ฝ่ายพุทธ เรียกว่าสุขนิโรธธรรม ถ้าฝึกโพชฌงค์ 7 มาโดยตรงเรียกว่า ผลสมาบัติ แต่ถ้าเป็นการฝึกพุทธานุสสติ เรียกว่า สุขขั้นประณีต สุขส่วนนี้แตกต่าง จากสุขที่มีเป็นสมาบัติทั่วไปเพราะมี พระพุทธเจ้าปรากฏชัดเจนแจ่มแจ้ง ในขณะนั้น ฝึกส่วนนี้มาถึงตรงนี้ ละสังโยชน์ สามประการ สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จัดเป็นสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี
อัปนาสมาธิ ชั้นหยาบ มี 5 คู่
มีอคุคหนิมิิตเป็นอารมณ์ มีจิตตรงวางด้วยเอกัคคตา อุเบกขา เป็นบางขณะ มีเกิดดับหายเป็นช่วง เนื่องด้วย อุคคนิมิต เปลี่ยนสลับกับ ปฏิภาคนิมิต เป็นบางช่วงบางตอน จิตตั้งมั่นใน องค์แห่ง ฌาน ทั้ง 5 มีอุเบกขาเป็นกำลัง แต่ยังไม่มั่นคง
จิตเข้าไปเป็นอัปปนาอย่างหยาบ 5 คู่ ผ่านลำดับตั้งแต่ ชั้นหยาบ ไปสู่ชั้นกลาง และชั้นประณีิต
1.วิตก เกิด
2.วิตก ดับเป็นอุเบกขา
3.วิตกเกิด วิจาร เกิด
4.วิตกดับ วิจารดับ เป็นอุเบกขา
5.ปีติเกิด
6.ปีติดับ เป็นอุเบกขา
7.สุขเกิด
8.สุขดับ เป็นอุเบกขา
9.เอกัคคตา เกิด
10.เอกัคตา รวมกับ อุเบกขา
การเกิดส่วนนี้จัดเป็นการเข้าอัปปนาจิตแบบ อนุโลม ชัดเจนด้วย วสี
อัปปนาสมาธิ ขั้นกลาง มี 5 คู่
มีปฏิภาคนิมิตเป็นอารมณื มีจิตวางด้วยเอกัคคตา และอุเบกขาธรรม ต่อเนื่องจากขั้นหยาบ ทวนกลับเป็นอนุโลม และ ปฏิโลม
จิตเข้าเป็นอัปปนาอย่างกลาง 5 คู่ผ่านลำดับ ขั้นหยาบ ไปสู่ขั้นกลาง และขั้นประณีต
1.เอกัคคตา รวมกับ อุเบกขา ดับ
2.เอกคัคตา เกิด
3.สุขเกิด
4.สุขดับ
5.ปีติเกิด
6.ปิีติดั้บ
7.วิตกเกิด วิจารเกิด
8.วิตกดัีบ วิจารดับ
9.นิมิตเกิด
10.นิมิตดับ
ส่วนนี้เรียกว่า ยถาภูตญาณสมาบัติ เป็นไปตามกลไกของจิตที่เริ่มเป็นสมาธิ มีวสี
อัปปนาสมาธิขั้นละเอียด
สำเร็จปฐมฌาน เมื่อจิตของผู้ภาวนา ๆ ผ่านขั้นหยาบและขั้นกลาง นิมิต ที่แท้จริงก็จะปรากฏเด่นชัดมิได้หายไป รู้ชัดจ้งแจ่มใสในนิมิตนั้น นิมิต ที่ปรากฏไม่เรียกว่า วิตก ไม่เรียกว่า อุคคหนิมิต ไม่เรียกว่า ปฏิภาคนิมิต ในที่นี้เรียกว่า ปฐมฌาน ในปฐมฌานประกอบด้วย องค์ 5 ประการ คือ
1.วิตก 2.วิจาร 3.ปีติ 4. สุข 5. เอกัคคตา ธรรมทั้ง 5 นี้มีอยู่ในนั้นมิได้จางขาดหาย ถ้าฝึกพระอานาปานสติ ปฐมฌาน นี้เรียวกว่า วิสุทธิธรรม มีระดับตั้งแต่ขั้นหยาบ ขั้นกลาง และขั้นประณีต เช่นกัน แต่เห็นว่าไม่ควรอธิบายในที่นี้ ตรงนี้จับต้องได้ด้วยจิต เรียกว่า รูปปรมัตถ์ จึงได้จัดเป็น รูปฌาน เพราะเหตุนี้
ก็พัฒนาไปเรื่อย เป็น ทุติยฌาน เพราะดับวิตกวิจาร
เป็น ตติยฌาน เพราะดับ ปีติ
เป็น จตุตถฌาน เพราะดับ สุข
เป็นปัญจมฌาน เพราะได้วางอุเบกขา เป็นสมาบัติ
อธิบายพอให้เข้าใจแต่เพียงเท่านี้ ใครอยู่ตรงไหนก็โปรดทบทวนตามนี้ นะจ๊ะ
เจริญพร / เจริญธรรม