อุปกิเลส ๑๑ ประการ
เครื่องเศร้าหมองในการเจริญสมาธิ
๑.วิจิกิจฉา ความสงสัยในโอภาสนิมิต จิตคลาดเคลื่อนจากสมาธิ แสงสว่างจึงดับ
๒.อมนสิการ จิตไม่กำหนดนึก ว่านั้นอะไร นี่อะไร ทำให้จิตเลื่อนลอย จิต
จึงเคลื่อนจากสมาธิ แสงสว่างก็ดับ
๓. ถีนมิทธะ จิตละเลยการกำหนดรูปนิมิต จิตจึงง่วงเหง่าหาวนอน จิต
จึงเคลื่อน จากสมาธิ รูป จึงดับ แสงสว่างจึงดับ
๔.ฉมฺภิตตฺต ความไหวจิต ไหวกาย เพราะจิตเห็นรูปน่ากลัว จิตจึงเคลื่อน
จากสมาธิ แสงสว่าง รูปนิมิตจึงดับ
๕.อุพพิลวิตก ความที่จิต รวบรัด เพ่งเล็งดูรูปนิมิตมากมาย จิตกำเริบฟุ้งซ่าน
จิตจึงเคลื่อนจาสมาธิรูปนิมิต และแสงสว่างจึงดับไป
๖.ทุฎฐุลล ความกำหนดจิตดูรูปนิมิตมาก แต่กำหนดดูแต่ช้าๆ จิตคลาย
ความเพียรลง เกิดความ กระวนกระวาย จิตจึงเคลื่อนจากสมาธิรูปนิมิต
โอภาสนิมิตจึงดับ
๗.อจฺจารทฺธวิริย กำหนดความเพียรมากเกินไป จิตจึงคลาดเคลื่อนจากสมาธิ
รูป แสงสว่างจึงดับไป
๘.อติลีนวิริย กำหนดความเพียรน้อยเกินไป อ่อนเกินไป จิตเคลื่อนจาก
สมาธิ รูป แสงสว่างจึงดับ
๙.อภิชปฺปา การกำหนดดูรูปปราณีต ตัณหาเกิด จิตจึงเคลื่อนจากสมาธิ รูป
และแสง สว่างจึงดับไป
๑๐.นานตฺตสญฺญา การกำหนดดูรูปหยาบ รูปปราณีตพร้อมกัน จิตแยกเป็น
สองฝ่าย จิต จึงเคลื่อน จากสมาธิรูปนิมิต และโอภาสนิมิตหายไป
๑๑. อตินิชฌายิตตฺต การเพ่งเล่งรูปมนุษย์ อันปราณีต เกิดความยินดี จิต
เคลื่อนจากสมาธิ รูป แสงสว่างจึงดับ
คำตอบในแนวปฏิบัติ ก็คือ เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้น
ก็พึงตั้งมั่นอยู่ ในฐานจิต ประการหนึ่ง
พึงตั้งอยู่ใน บริกรรมนิมิต ประการที่สอง
พึงตั้งอยู่ใน อุเบกขานิมิต ประการที่สาม
เมื่อแสงสว่างสมบูรณ์ ด้วยเอกัคคตา คือ มีอารมณ์เดียวเป็นสมาธิ แสงสว่างก็จะเปลี่ยน เป็นนิมิตเอง
จะพัฒนานิมิตเป็นไปตามลำดับ
เหตุผลที่ไม่อธิบายในส่วนวิปัสสนา นั้นยังไม่มีความจำเป็น เพราะมุ่งให้จิตเป็นสมาธิก่อนนะจ๊ะ
เจริญธรรม