ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเรามีชีวิตอยู่ได้ไ่ม่เกิน เดือน คุณอยากทำอะไร ?  (อ่าน 3066 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

chusri sakunwong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าชีวิตของเราต้องจบลงด้วยโรคร้าย ในเวลาเพียงไม่เืดือนเดียว

เราควรทำอะไรดี จะฝึกกรรมฐาน อะไรที่จะช่วยให้เราได้ึถึงความปรารถนานั้นได้

 :bedtime2: :bedtime2: :25: :25:
บันทึกการเข้า

samathi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 93
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมคงหนักใจ ถ้ารู้ขนาดนี้ เป็นจริง เรื่องการประกอบอาชีพ ไม่เป็นกังวล แล้วครับ

ผมจะมุ่งหน้าไปที่วัดใด วัดหนึ่ง เรียนบอกเจ้าสำนักว่า ผม.....จะมีชีวิตถึงตรงนี้ ด้วยโรค...นี้

ผมอยากภาวนาจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต.....

ผมจะภาวนา ให้มากที่สุดครับ

และผมจะทำอภัย อโหสิกรรม ตลอดเวลา



คนที่เขียนแบบนี้ น่าจะเลศนัย นะครับ ต้องการบอกอะไรครับ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จะยุติ สิ่งที่คิดว่าไม่มีประโยชน์ ออกจากชีวิตคะ

   เรื่องการทำมาหากิน

   เรื่องการเรียน

   เร่งสร้างผลบุญ ถ้ามีทรัพย์มาก ก็ต้องรีบทำทานให้มากขึ้นคะ เพราะเอาไปไม่ได้

   สิ่งใดที่เป็นผลบุญ ที่ระงับไว้ เพราะต้องการเสบียงชีวิต จะเปิดโครงการขึ้น

   และที่ขาดไม่ได้ ทุ่มเทชีวิต กับการภาวนา โดยเข้าไปในสำนักที่มีพระอริยะ ( หาเทียบเคียงได้ไม่ยาก )

     อย่างน้อยไปทำบุญกับเนื้อนาบุญ ก่อน

   คนที่มีชีวิตสั้นนั้น เป็นเพราะว่า ฆ่าชีวิตผู้อื่น คะ

   ดังนั้นต้องมอบชีวิต ต่อ ชีวิต สร้างกุศล

       แต่ที่แน่นอน ลองติดต่อ คุณ Utapati ดูดีกว่าไหมคะ ว่า ท่านรอดมาได้อย่างไรถึงปัจจุบัน

     ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน ความตายเป็นของแน่นอน

       หนู อาจจะไปก่อนคุณครู Chusri ก็ได้คะ

    อยากให้กำลังใจ คะ แต่ จะ กล่าวคำใด ก็คงไม่เท่ากับ พระธรรม กล่าวกับเราหรอกคะ

     พระอาจารย์เคยสอนหนูอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่หนูคิดอะไรไม่ออกครั้งหนึ่งว่า

      ยามที่ชีวิตเราสับสน จนคิดว่าหมดหนทาง  ให้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ไปไว้ที่หัวเตียง

      แล้วนั่งพนมมือขอพร ขอบารมีจากพระพุทธองค์ ถ้าจะร้องไห้ก็ให้พนมมือร้องอยู่อย่างนั้น

      เมื่อร้องไห้จนไม่รู้อย่างไร ก็ให้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาทำไม ทำไมเราต้องเกิดมา มีรหัสแห่ง

      ชีวิตอย่างไร มีกรรมอย่างไร ถึงต้องมีเรา จากนั้นให้หายใจเข้า ออก แล้วกล่าวพระนามของ

      พระพุทธเจ้า ไปเรื่อย ๆ ทำไปจนหลับ ตื่นขึ้นก็ให้กล่าวเป็นคำแรก

         หนูทำอยู่ 1 อาทิตย์ จึงตัดสินใจคุยกับแฟนเรื่อง ไม่เปลี่ยนศาสนา คะแล้วก็ตัดสินใจเลิก

      รากันไป เพราะวิถีชีวิต อุบาสิกา คะ

         มีเรื่องนาง ธนัญชานี พระอาจารย์ส่งมาให้อ่าน แต่เสียดายว่า เมล์ถูกลบทิ้งไปโดยไม่ตั้งใจ

     เป็นเรื่องของอุบาสิกา ที่มั่นคงต่อ พระพุทธเจ้า นางจะกล่าวคำสรรเสริญ พระพุทธเจ้า ตลอดเวลา

     โดยที่นางไม่เกรง ต่ออิทธิพล ของศาสนา และ สามี และใคร ๆ

        คิดว่าเรื่องนี้ คุณปุ้ม หรือ คุณธรรมธวัช หรือ ทีมมัชฌิมา คงจะช่วยโพสต์ให้ได้อ่าน นะคะ

     

     สุดท้าย คำพูดพระอาจารย์ คะ

     ธรรมะข้อแรก คือ

     "ตราบใดที่มีลมหายใจ ตราบนั้นชีวิตเรายังมีหวัง ตราบใดที่มีชีิวิต ตราบนั้นการภาวนาก็ยังมีโอกาส"


     ธรรมะสวัสดี คะ

     :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ควรแก่การอนุโมทนา ด้วยถึงความไม่ประมาท เป็นปัจจุบัน
 
   พระโสดาบัน ระลึกได้วันละครั้ง
 
   พระอริยะบุคคลขั้นสูง ระลึกได้ตลอดเวลา
 
   ยิ่งระลึกได้มาก ก็ยิ่งเป็นบุญกุศล เพราะตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
 
     พระอาจารย์ ได้เดินทางไปเยี่ยมคนใกล้ตาย หรือ จะตาย หลายท่าน ส่วนใหญ่จะระลึกถึงความตายไม่ได้
 
    เพราะเกรงกลัว ต่อความตาย จึงพยายามที่จะมีีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวกัน
 
    สำหรับผู้ภาวนาที่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ระลึกถึงความตายได้แล้ว ไม่เกรงกลัวต่อความตาย แต่จักใช้เวลา
 
    ที่เหลืออยู่เพื่อการภาวนา สังสารวัฏฏ์นี้เป็นทุกข์ การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป ความสิ้นสุดแห่งทุกข์คือการ
 
    ไม่กลับมาเกิด พึงหายใจเข้า ออก เพื่อพระนิพพาน
 
    ไม่ต้องเข้าใจว่า  นิพพาน คืออะไร พึงอะไรอธิษฐาน ชีวิตนี้ จิตนี้ เพื่อพระนิพพาน และหน่วงพระนิพพาน
 
  ไว้ เป็นลมหายใจเข้า และ ออก พึงใช้เวลากับกาลนี้เถิด
 
    ในโลกนี้ไม่มีใคร ไม่ตาย ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล และบัณฑิต ทุกคนล้วนสู่ความตาย
 
    จะตายเร็ว หรือ ตายช้า ก็จักต้องตาย
 
    เมื่อกำหนดจิต หน่วงพระนิพพานแล้ว
 
     พึงกำหนดไปในกายว่า กายนี้ สักว่ากายนี้ เบื้องบนตั้งแต่ศรีษะลงไป เบื้องต่ำตั้งปลายเท้าขึ้นมา
 
   มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก เป็นต้น เราพึงกำหนดความเสื่อมอันเกิด
 
   ขึ้นจากกาย
 
       กายทั้งหมด นี้เป็นของไม่เที่ยง ตั้งอยู่ไม่ได้ มีความแ่ก่ ความเจ็บ ความชรา และ ความตายเป็นที่สุด
 
       กายทั้งหมด นี้เป็นทุกข์ เพราะทนอยู่ไม่ได้
 
       ให้กำหนดจิตไปอย่างนี้ จนกระทั่ง จิตเห็น ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์จริง ก็จักมองเห็น ขั้นตอนนี้ต่อไป
 
    ขั้นตอนนี้ จิตจักเห็นโทษในกาย
 
     บุญเข้ามา จิตผ่องใส มีความสว่างเกิดขึ้นในจิต แสดงว่าสร้างผลกรรมฝั่งบวกมาก จิตนี้ดีเป็นกุศล
 
    มีผลเบื่องต้น คือ มนุษย์ ขึ้นไป
 
     บาปเข้ามา จิตหดหู่ ดำมืด แสดงว่าสร้างผลกรรมฝั่งลบมาก จิตนี้ไม่ดีไม่เป็นกุศล มีผลไปในอบายภูมิ 4
 
     เมื่อบุญเข้ามากใจผ่องใส คุณธรรมเกิดจากกุศล พึงภาวนาต่อไปว่า บุญย่อมทำให้เราติดอยู่โลกและ
 
 สังสารวัฏฏ์ เมื่อตายแล้วก็กลับมาทุกข์อย่างนี้อีก ให้อธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าชี้นำทาง การไม่กลับมาเกิด
 
 ( ถึงตรงนี้แล้วค่อย ติดต่อกลับมา )
 
    เมื่อบาปเข้ามา รู้ตัวแล้วมีอบายภูมิ รออยู่ หากบาปนั้นไม่เป็นอนันตริยกรรม ไม่ต้องทุกข์หรือร้อนใจไป
 
 ให้ภาวนาต่อไป ข้าพเจ้าจักไปนิพพาน ข้าพเจ้าจักไปนิพพาน จนออกจากการภาวนา เร่งทำกุศลให้ถึงพร้อม
 
 เพิ่มเติม รีบขวนขวายบุญเสบียงโดยไว อย่ารอช้า เริ่มที่การภาวนา พุทโธ ให้มากขึ้น สร้างบุญทางใจ และ
 
 สร้างบุญทางกายด้วย และหมั่นภาวนาจนใจเห้นสว่างแล้ว ( ก็ค่อยมาคุยกันใหม่นะ )
 
 
    อย่ารอช้า อย่ารอท่า อย่ารออะไร รู้ตัวแล้วรีบขวนขวายเถิด
 
   เจริญพร
 
  ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ