คณะสงฆ์โชเกเกาหลีใต้ ค้านส่งพระพุทธรูปล้ำค่าคืนญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ : พระพุทธรูปประทับยืนหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในยุคอาณาจักรรวมซิลลา ศตวรรษที่ 8 และรูปหล่อพระโพธิสัตว์เคลือบทองสัมฤทธิ์ในยุคราชวงค์โครยอ ศตวรรษที่ 14 ซึ่งถูกชายเกาหลีใต้ 5 คนขโมยจากวัดในญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม 2012 และลักลอบนำกลับมายังเกาหลีใต้ จนถูกศุลกากรจับกุมได้เมื่อปลายเดือนมกราคม 2013 นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายทั้ง 5 คน และมีคำสั่งให้ส่งพระพุทธรูปคืนแก่เจ้าของ
คำสั่งดังกล่าวได้สร้างความโกรธแค้นให้กลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวเกาหลีใต้ ที่อ้างว่าขณะนี้พระพุทธรูปโบราณได้กลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริงแล้ว ขณะที่คณะสงฆ์โชเกได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง เรียกร้องให้รัฐบาลคิดทบทวนอย่างรอบคอบว่า ควรส่งพระพุทธรูปทั้งสององค์คืนให้ญี่ปุ่นหรือไม่
โดยระบุว่า ในยุคอาณานิคม ระหว่างปี 1910-1945 กองทัพญี่ปุ่นได้ปล้นสะดมพระพุทธรูปดังกล่าวกลับไปประเทศของตน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้พยายามเรียกคืนโบราณวัตถุต่างๆที่ถูกปล้นไป ดังนั้น รัฐบาลจึงควรโต้แย้งว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นของเกาหลี
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รูปหล่อพระโพธิสัตว์ สร้างขึ้นในปี 1330 เป็นสมบัติของวัดบูเซือก เมืองเซียวซาน จังหวัดชุงเชือง จึงควรมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์ไปอยู่ที่วัดในญี่ปุ่นได้อย่างไร ก่อนตัดสินใจว่าจะส่งคืนหรือไม่ และพวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่า พระพุทธรูปล้ำค่าทั้งสององค์นี้ ควรได้รับการดูแลรักษาไว้ในสถานที่ที่ควรจะอยู่”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวมีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระพุทธรูปประทับยืน ซึ่งพร้อมจะขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติได้ทันที เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นได้ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว________________
(จาก Koreatimes)
จีนตรวจสอบภัตตาคารหรูในปักกิ่ง ใช้วัดโบราณทำเป็นร้านอาหาร
จีน : เมื่อเดือนมกราคม 2013 ทางการปักกิ่งเผยว่า กำลังตรวจสอบภัตตาคารหรูหรา 2 แห่งในนครปักกิ่งที่ใช้อาคารของวัดโบราณเปิดเป็นภัตตาคารให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ตั้งแต่ปี 2011 ว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
โดยภัตตาคารดังกล่าว ใช้อาคารของวัดซิซูและวัดซองซู ที่อยู่ใกล้กันในเขตดองเช็ง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุ 600 ปี และ 300 ปีตามลำดับ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครองในปี 1984 ซึ่งภายใต้กฎหมายจีนระบุว่า ห้ามนำสถานที่ดังกล่าวไปใช้ในทางธุรกิจ ยกเว้นได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ
เซา เจียนหมิง เจ้าหน้าที่กฎหมายของกองมรดกทางวัฒนธรรมนครปักกิ่ง กล่าวว่า กำลังตรวจสอบว่า การเปิดภัตตาคารเพื่อการค้านี้ ได้รับใบอนุญาตหรือไม่
อนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ ทางกองฯมีแผนส่งเสริมให้ปี 2013 มีการลงทุนจากภาคเอกชน เพื่ออนุรักษ์และบูรณะสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ของนครปักกิ่ง____________
(จาก Xinhua)
ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9560000025840 (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 147 มีนาคม 2556 โดย เภตรา)