การประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ต้องกระทำดังนี้[๙] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อจะเรียกนันทะให้ถูกต้อง ควรเรียกว่า ‘กุลบุตร’
เมื่อจะเรียกนันทะให้ถูกต้อง ควรเรียกว่า ‘ผู้มีกำลัง’
เมื่อจะเรียกนันทะให้ถูกต้อง ควรเรียกว่า ‘ผู้น่ารัก‘(๑-)
เมื่อจะเรียกนันทะให้ถูกต้อง ควรเรียกว่า ‘ผู้มีราคะจัด‘(๒-)
ภิกษุทั้งหลาย เว้นแต่ว่า นันทะจะเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในการบริโภค ประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ ประกอบด้วยสติและสัมปชัญญะ นันทะจึงจะสามารถประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้
@@@@@@
ภิกษุทั้งหลายในข้อนั้น วิธีคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย สำหรับนันทะ ดังนี้ คือ
หากนันทะจำเป็นต้องมองดูทิศตะวันออก นันทะต้องสำรวมจิตทั้งหมด มองดูทิศตะวันออกด้วยคิดว่า
‘เมื่อเรามองดูทิศตะวันออกอยู่อย่างนี้ บาปอกุศลธรรม คือ อภิชฌาและโทมนัสจักครอบงำจิตของเราไม่ได้’
นันทะต้องเป็นผู้มีสัมปชัญญะในการมองดูนั้นอย่างนี้
หากนันทะจำเป็นต้องมองดูทิศตะวันตก ฯลฯ
จำเป็นต้องมองดูทิศเหนือ ฯลฯ
จำเป็นต้องมองดูทิศใต้ ฯลฯ
จำเป็นต้องมองดูทิศเบื้องบน ฯลฯ
จำเป็นต้องมองดูทิศเบื้องล่าง ฯลฯ
จำเป็นต้องมองดูทิศเฉียง
นันทะต้องสำรวมจิตทั้งหมดมองดูทิศเฉียง ด้วยคิดว่า
‘เมื่อเรามองดูทิศเฉียงอยู่อย่างนี้ บาปอกุศลธรรมคืออภิชฌาและโทมนัสจักครอบงำจิตของเราไม่ได้’
นันทะต้องเป็นผู้มีสัมปชัญญะในการมองดูนั้นอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ วิธีคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายสำหรับนันทะ
@@@@@@
วิธีรู้จักประมาณในการบริโภค สำหรับนันทะ ดังนี้ คือ
นันทะต้องพิจารณาโดยแยบคายแล้วฉันอาหาร ไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อความมัวเมา(๓-) ไม่ใช่เพื่อประดับ(๔-)ไม่ใช่เพื่อตกแต่ง(๕-) แต่เพื่อให้กายนี้ดำรงอยู่ได้ เพื่อให้ชีวิตินทรีย์เป็นไป เพื่อบำบัดความหิว
เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ ด้วยคิดเห็นว่า
‘โดยอุบายนี้เราจักกำจัดเวทนาเก่าเสียได้ และจักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ความดำรงอยู่แห่งชีวิต ความไม่มีโทษและการอยู่โดยผาสุกจักมีแก่เรา’
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือวิธีรู้จักประมาณในการบริโภคสำหรับนันทะ
@@@@@@
วิธีประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ สำหรับนันทะ ดังนี้ คือ
นันทะต้องชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกางกั้น(๖-) ด้วยการจงกรม ด้วยการนั่งตลอดวัน
ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกางกั้นด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดปฐมยามแห่งราตรี
สำเร็จสีหไสยาโดยตะแคงข้างขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติ-สัมปชัญญะ ทำอุฏฐานสัญญา(ความหมายใจว่าจะลุกขึ้น)ไว้ในใจ ในมัชฌิมยามแห่งราตรี
ลุกขึ้นชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกางกั้นด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือวิธีประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ สำหรับนันทะ
@@@@@@
วิธีมีสติสัมปชัญญะ สำหรับนันทะ ดังนี้ คือ
เวทนาปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ และปรากฏดับไปแก่นันทะ สัญญาปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ และปรากฏดับไปแก่นันทะ วิตกปรากฏเกิดขึ้น ปรากฏตั้งอยู่ และปรากฏดับไปแก่นันทะ
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ วิธีมีสติสัมปชัญญะสำหรับนันทะ
@@@@@@
ภิกษุทั้งหลาย เว้นแต่ว่า นันทะจะเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในการบริโภค ประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ ประกอบด้วยสติและสัมปชัญญะ นันทะจึงจะสามารถประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้อย่างนี้แล
เชิงอรรถ :-(๑-) ผู้น่ารัก ในที่นี้หมายถึงผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ (องฺ.อฏฺฐก.อ.
๓/๙/๒๑๖)
(๒-) ผู้มีราคะจัด ในที่นี้หมายถึงมีราคะมาก (องฺ.อฏฺฐก.อ. ๓/๙/๒๑๖)
(๓-) เพื่อความมัวเมา หมายถึงความถือตัว ความลำพองตน ความทะนงตน ความเห่อเหิม ในที่นี้หมายถึง ความถือตัวว่ามีกำลังเหมือนนักมวยปล้ำ ความถือตัวเพราะมานะ และความถือตัวว่าเป็นชาย(องฺ.ฉกฺก.ฏีกา ๓/๕๘/๑๕๕) และดู องฺ.ติก. (แปล)
๒๐/๑๖/๑๕๙-๑๖๐, องฺ.ฉกฺก. (แปล)
๒๒/๕๘/๕๔๙, อภิ.วิ. (แปล)
๓๕/๘๔๕/๕๕๐(๔-) เพื่อประดับ ในที่นี้หมายถึงเพื่อให้ร่างกายอ้วนพีอวบอิ่มเหมือนหญิงแพศยา (องฺ.ฉกฺก.ฏีกา ๓/๕๘/๑๕๕, วิสุทธิ. ๑/๑๘/๓๓)
(๕-) เพื่อตกแต่ง ในที่นี้หมายถึงเพื่อประเทืองผิวให้งดงามเหมือนหญิงนักฟ้อน (องฺ.ฉกฺก.ฏีกา ๓/๕๘/๑๕๕, วิสุทธิ. ๑/๑๘/๓๓)
(๖-) ธรรมเครื่องกางกั้นในที่นี้หมายถึงนิวรณ์ ๕ ประการ คือ
๑) กามฉันทะ (ความพอใจในกาม)
๒) พยาบาท(ความคิดร้าย)
๓) ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม)
๔) อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและร้อนใจ)
๕) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) (องฺ.ปญฺจก. (แปล)
๒๒/๕๑/๘๙)
อ้างอิง :-
นันทสูตร ว่าด้วยพระนันทะ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/_mcu/m_siri.php?B=23&siri=82