ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชุดประจำชาติที่เพิ่งสร้างใหม่  (อ่าน 634 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ชุดประจำชาติที่เพิ่งสร้างใหม่
« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2016, 11:58:31 am »
0


ขบวนเสียมกุก( เสียมก๊ก หรือก๊กสยาม) เจ้านายและไพร่พลนุ่งถุงเหมือนโสร่ง ใส่เสื้อแนบเนื้อ บนหัวมีเครื่องประดับเป็นดอกไม้ใบไม้ มีขนาดและลักษณะต่างกันตามฐานะทางสังคม อยู่ในขบวนเกียรติยศจากบ้านเมืองเครือญาติใกล้ชิดของกษัตริย์กัมพูชา ภาพสลักราว พ.ศ. 1650 บนระเบียงปราสาทนครวัด



ชุดประจำชาติที่เพิ่งสร้างใหม่

ไทยเป็นอาณานิคมทางอ้อม ความทันสมัยของไทยจึงเป็นไปตามแบบของประเทศในอาณานิคม ชุดไทยดั้งเดิมไม่เคยมี เพิ่งมีสมัยหลังๆ เมื่อปลุกสำนึกชาตินิยมหลังเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยาม เป็นไทย สมัยรัฐบาล ป. พิบูลสงคราม ราว พ.ศ. 2482

มีผู้รู้ตั้งข้อสังเกตว่า ชุดไทยมีขึ้นเลียนแบบชุดประจำชาติของประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้น เมื่อประกาศอิสรภาพแล้วต่างแสวงหาอัตลักษณ์เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวร่วมกัน ซึ่งง่ายที่สุดและเร็วที่สุดคือสร้างชุดประจำชาติ

ไทยอวดอ้างว่าไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นชาติตะวันตก แต่มีปมอย่างเดียวกับพวกตกเป็นเมืองขึ้น เลยต้องสร้างชุดไทยไว้ยึดเหนี่ยวด้วย ขณะเดียวกันก็ขายได้ในตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งเท่ากับเล่นละครย้อนยุคเพื่อการตลาด

 ans1 ans1 ans1 ans1

ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย เน้นว่า สยาม คือ ไทย ถ้าจริงตามนี้ เครื่องแต่งกายเก่าสุดของไทยก็นุ่งถุงหรือโสร่งทั้งหญิงและชาย โดยมีดอกไม้และใบไม้เป็นอุบะประดับบนหัว พบในภาพสลักเสียมกุกที่ปราสาทนครวัด ราว พ.ศ. 1650 (ก่อนมีรัฐสุโขทัยเกือบร้อยปี)

แต่หลักฐานวิชาการรอบด้าน ยืนยันสอดคล้องกันว่า ชาวสยามประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์ร้อยพ่อพันแม่ ไม่ใช่ไทยพวกเดียว แต่มีภาษากลางใช้สื่อสารกันด้วยภาษาไทย (หรือไท-กะได, ไทย-ลาว) เครื่องแต่งตัวของคนทุกชาติพันธุ์ เป็นไปตามความเชื่อของแต่ละกลุ่มที่มีต่างกัน ตั้งแต่ต่างกันเล็กน้อย จนถึงต่างกันมาก ทั้งหมดไม่ใช่ชุดประจำชาติ เพราะยุคนั้นไม่มีสำนึกรัฐชาติ



ผู้เขียน : สุจิตต์ วงษ์เทศ
ที่มา : มติชนออนไลน์
เผยแพร่ : 10 เม.ย. 59
http://www.matichon.co.th/news/101564
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ