ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องขำๆ ของการใช้ ศัพท์กับพระสงฆ์ ( ฮาหน่อยนะครับ )  (อ่าน 10571 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

อัจฉริยะ

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 123
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากให้ ทุกคนได้ยิ้ม บ้าง ( ก็เท่านั้น )



ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
        “  พระไม่ฉันรองเท้านะโยม”...ไม่ต้อ งเอารองเท้าใส่มานะ.....
 
 
พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก
หมอ: เป็นอะไรครับ
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ
 
หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม
 
หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซรับจ้างจำวัดได้เ หรอ
พระ: ( ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้
 
  หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง
  พระ : !\=-+#@ %^&*( + ๐"ฯ , ?
 
จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน......................... 
หมอ:   อ๋ออออออออออออออออออออออออออ
 

ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก   แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"
 
อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง   ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้   โยมก็สวนกลับทันที   " ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
 
อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก   และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก   และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว   หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ
 
อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
" พระอาจารย์เหรอคะ    นี่อาตมาเองนะคะ"
" หา อะไรนะ"
" พระอาจารย์เหรอคะ    นี่อาตมาเองค่ะ"
" ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
" อ๋อ ขอโทษค่ะ"
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า " เจริญพร"
" ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย
 
ข้างต้นก็คือ    สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม   จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว   หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น   พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
" ถวายสังฆทานค่ะ"
 
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
" ไม่ต้องค่ะ " โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
" ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ"  (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)
พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ
นะหลวงพี่"

อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า " คิกขุ แปลว่า น่ารัก 
สังโฆ   แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ
พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย
แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้   มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา " หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
" ไปไหนล่ะโยม"    " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้   แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่   ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
 
จากตัวอย่างข้างต้น   คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน   แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง   ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น   เช่นงานบวช   งานศพ
 
ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์ก ลางของชุมชน   ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น
ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด   ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์
แสงที่แสลงใจแล้ว   ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่   ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
" แม่ๆ พระมาขอข้าว"
" มาเยอะไหมลูก"      " มา 2   อัน"
โห   เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
 
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน เด็กๆด้วย
 "ถ้าพระกิน  เรียก  ฉัน"
 " พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
 " พระป่วย เรียก อาพาธ"
 " พระตาย   เรียก  มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
 " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
 "เรียกคนมาดู"
บันทึกการเข้า

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้เป็นเรื่องจริง ๆ ทีเีดียว ไม่ต้องอื่นไกล เพราะตัวผมเองลูกหลาน

ก็ยังคำไม่ค่อยจะถูกกับพระสงฆ์ เพราะความห่างเหิน ของคนยุคใหม่

กับพระสงฆ์ คนยุคใหม่อยากให้พระสงฆ์ ฉลาด แต่ ไม่ให้พระสงฆ์ศึกษาวิทยาการ

พอพระสงฆ์ศึกษาวิทยาการ ก็พากันประโคมว่าไม่เหมาะไม่สม

เพียงมองพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่นำไปใช้ในทางที่ผิด

แต่พระสงฆ์ที่ใช้ในทางที่ถูกนั้น ไม่ได้รับการประโคมออกมา

ดังนั้นผลงานที่พระสงฆ์ท่านได้สร้างสรรค์ออกไปในทางดี

จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก



นาน ๆ ไป คนก็จะเลิกนับถือพระสงฆ์

ผมเคยไปนั่งมองหน้าวัดบวร และ นั่งจดคนที่เดินผ่านพระสงฆ์ แล้วยกมือไหว้ หรือทำคารวะนั้น

ผมนั่งจดอยู่่ 3 วัน ๆ ละ 6 ชั่วโมง ก็เห็นว่า

มีคนเดินผ่านสวนทางกับพระสงฆ์ จำนวนมากกว่า หมื่น แต่ที่ไหว้กราบ แสดงคารวะนั้นมีเพียง จำนวน 100 กว่า ๆ 

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องของพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมไทยพุทธ เริ่มจะจางหายไปจากใจคนไทย

เพราะกำลังเดินตามชาวต่างชาติ การไหว้พระสงฆ์เป็นเรื่องโง่ เด็กสมัยใหม่จะคิดอย่างนี้

พระสงฆ์อาศัยชาวบ้านกิน เป็นพวกขี้เกียจนี่ก็อีกหนึ่งความคิดของชนรุ่น 18 - 35 ปี



ซึ่งการรณรงค์ หรือการเผยแผ่ ของพระสงฆ์ นั้นมีจุดอ่อนในปัจจุบันกันเอง

คือพระสงฆ์ที่เผยแผ่นั้น ไม่สามารถเข้าถึงธรรม ระดับที่ควรจะเป็นได้

พระสงฆ์ยุให้ชาวบ้าน ทะเลาะกัน อันนี้ผมเจอบ่อย ๆ

ทำไม ? ทำไม ? ท่านมาชวนผมไปทะเลาะ ด้วยแน่

 แน่นอนคนมีการปฏิบัติ แบบผมต้องมองโลกอย่างเข้าใจ

  แต่ที่ชี้ิไว้ ก็เพราะการเผยแผ่ในปัจจุบัน พระสงฆ์เหล่านี้เป็นผู้เผยแผ่ไงละครับ

  จึงไม่ทำให้ลูกศิษย์ สิ้นกิเลส ตามที่ควรจะเป็น


  โอ๊ย.... ร่ายยาวอีกแล้ว เดี๋ยวพระอาจารย์จะบ่นคนแก่

 อนุโมทนาครับ


บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา