หัวข้อ: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ เริ่มหัวข้อโดย: ส้ม ที่ มีนาคม 24, 2013, 12:05:51 pm ask1
ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ อยากทราบว่า ถ้าข้าวยาคู เป็น ข้าวต้ม สมัยครั้งพุทธกาล ใส่บาตรกันอย่างไร พระใช้ช้อน หรือ ใช้มือจ้วง คะ สมัยนั้น มีใครพอทราบ แจกความรู้เป็นวิทยาทาน ด้วยคะ :c017: :c017: :c017: หัวข้อ: Re: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 26, 2013, 03:14:47 pm ans1 ans1 ans1 ยาคุ, ยาคู น. ข้าวต้ม; เรียกขนมชนิดหนึ่งทําด้วยข้าวอ่อนว่า ข้าวยาคุ หรือ ข้าวยาคู. (ป.). มธุ [มะ-] น. นํ้าหวาน, นํ้าผึ้ง. (ป., ส.). ปายาส [ปายาด] น. ข้าวชนิดหนึ่งที่หุงเจือด้วยนํ้านมและนํ้าตาล, ข้าวเปียกเจือนม. (ป.). มธุปายาส น. ข้าวปายาสเจือนํ้าผึ้ง ใช้เป็นของหวานในงานรื่นเริง. (ป.). __________________________________________ พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ans1 ans1 ans1 ยาคู ข้าวต้ม, เป็นอาหารเบาสำหรับฉันรองท้องก่อนถึงเวลาฉันอาหารหนัก เป็นของเหลว ดื่มได้ ซดได้ ไม่ใช่ของฉันให้อิ่ม เช่น ภิกษุดื่มยาคูก่อนแล้วไปบิณฑบาต ยาคูสามัญอย่างนี้ ที่จริงจะแปลว่า ข้าวต้มหาถูกแท้ไม่ แต่แปลกันมาอย่างนั้นพอให้เข้าใจง่ายๆ ข้าวต้มที่ฉันเป็นอาหารมื้อหนึ่งได้อย่างที่ฉันกันอยู่โดยมาก มีชื่อเรียกต่างออกไปอีกอย่างหนึ่งว่า โภชชยาคู โภชชยาคู ข้าวต้มสำหรับฉันให้อิ่ม เช่น ข้าวต้มหมู เป็นต้น มีคติอย่างเดียวกันกับอาหารหนัก เช่น ข้าวสวย ต่างจากยาคูที่กล่าวถึงตามปกติในพระวินัย ซึ่งเป็นของเหลวใช้สำหรับดื่ม ภิกษุรับนิมนต์ในที่แห่งหนึ่งไว้ ฉันยาคูสามัญไปก่อนได้ แต่จะฉันโภชชยาคูไปก่อนไม่ได้ ปายาส ข้าวสุกที่หุงด้วยนมโค นางสุชาดาถวายแก่พระมหาบุรุษในเวลาเช้าของวันที่พระองค์จะได้ตรัสรู้ ปายาส ข้าวสุกที่หุงด้วยนมโค นางสุชาดาถวายแก่พระมหาบุรุษในเวลาเช้าของวันที่พระองค์จะได้ตรัสรู้ __________________________________________________ พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ans1 ans1 ans1 ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่าง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กะพราหมณ์นั้น ผู้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูกรพราหมณ์ ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่างนี้ ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ ผู้ให้ข้าวยาคู ชื่อว่าให้อายุ ๑ ให้วรรณะ ๑ ให้สุข ๑ ให้กำลัง ๑ ให้ปฏิภาณ ๑ ข้าวยาคูที่ดื่มแล้วกำจัดความหิว ๑ บรรเทาความระหาย ๑ ทำลมให้เดินคล่อง ๑ ล้างลำไส้ ๑ ย่อยอาหารใหม่ที่เหลืออยู่ ๑ ดูกรพราหมณ์ ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่างนี้แล. __________________________________________ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=5&A=1509&Z=1565 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=5&A=1509&Z=1565) ans1 ans1 ans1 เรื่อง "ข้าวมธุปายาส" ตรัสไว้ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ทีปังกรพุทธวงศ์ที่ ๑ ว่าด้วยพระประวัติพระทีปังกรพุทธเจ้า http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=6874&Z=7263 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=6874&Z=7263) หัวข้อ: Re: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ เริ่มหัวข้อโดย: เท่ากับผลรวม ที่ มีนาคม 26, 2013, 03:42:40 pm เรื่องนี้ จะยังไม่จัดเด็มนะครับ เพราะว่า ข้าวมธุปายาส นั้นน่าจะเป็นข้าว คลุกน้ำผึ้ง หรือ น้ำอ้อย ประมาณนี้
:s_hi: หัวข้อ: Re: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 26, 2013, 04:34:44 pm ask1 (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/08/Y10951852/Y10951852-26.jpg) ขอบคุณภาพจาก http://topicstock.pantip.com/ (http://topicstock.pantip.com/) ans1 ans1 ans1 เรื่องนี้ตอบไม่ได้ ข้อมูลที่หาได้ ขัดแย้งกัน ไม่เป็นที่ยุติ เพราะทางใต้ ถ้าเอ่ยคำว่า "ข้าวยาคู" จะหมายถึง "ข้าวมธุปายาสยาคู" และ เมื่อดูวิธีทำ ก็เหมือนกับการทำข้าวมธุปายาสทุุกประการ แถมยังบอกว่า ข้าวยาคู มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ข้าวยาโค" ขอให้ดูรายละเอียดในสองเว็บนี้ครับ http://nrt.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=120:2010-02-05-10-14-41&catid=50:2008-10-29-14-45-52&Itemid=84 (http://nrt.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=120:2010-02-05-10-14-41&catid=50:2008-10-29-14-45-52&Itemid=84) และ http://www.prapayneethai.com/th/rite/south/view.asp?id=0708 (http://www.prapayneethai.com/th/rite/south/view.asp?id=0708) วิธีทำข้าวมธุปายาสหรือข้าวทิพย์ในเว็บมัชฌิมา อยู่ในลิงค์นี้ครับ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=608.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=608.0) แต่หากมาดูความหมาย ตามพจนานุกรมต่างๆ ก็จะพออนุมานได้ว่า ข้าวยาคู คือ ข้าวต้ม ส่วนข้าวมธุปายาส น่าจะข้าวที่นำมาปั้นเป็นก้อนๆได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อดูวิธีการทำข้าวยาคู จากอีกเว็บหนึ่ง คือ http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html (http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html) ได้กล่าวถึงวิธีทำข้าวยาคูไว้ว่า "วิธีทำข้าวยาคูคือการเอาข้าวจากนาในขณะที่กำลังออกรวงอ่อน ๆ ยังไม่ทันเป็นเมล็ด และมีสภาพเป็นน้ำนมอยู่ในรวงข้าว ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าข้าวกำลังออกนม น้ำข้าวในรวงข้าวเช่นนั้นเขาเรียกว่านมข้าว ให้ตัดเอารวงข้าวมาสักจำนวนหนึ่งแล้วมาตำด้วยครก คือตำทั้งรวง ทั้งใบข้าว จากนั้นก็คั้นเอาน้ำไปเคี่ยว ผสมด้วยแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อย หากชอบหวานก็ใส่น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เคี่ยวจนกระทั่งน้ำนมข้าว แป้ง และน้ำตาลเข้ากัน ซึ่งจะมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียก มีสีเขียวอ่อน ๆ เหมือนสีเขียวของขนมเปียกปูน เอามาตั้งไว้ให้เย็นแล้วกินได้เลย" เรื่องข้าวยาคูในลิงค์นี้ จะเสนอโดยพิสดารในกระทู้ถัดไป ask1 (http://www.dhammajak.net/board/files/_75_611.jpg) ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/ (http://www.dhammajak.net/) ans1 ans1 ans1 ข้าวยาคูที่เป็นข้าวต้มใส่บาตรแล้ว จะฉันกันอย่างไร ใช้มือหรือใช้ช้อน.? เรื่องนี้ เผอิญผมเกิดไม่ทัน เลยไม่ทราบ (ล้อเล่น) คุณส้มถามได้ละเอียดจริงๆ ละเอียดมากครับ ลองดูซิว่า ระหว่างผมกับคุณส้มใครจะละเอียดมากกว่ากัน ขอให้ดูใน "มหาปรินิพพานสูตร" ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า [๑๑๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จแวะจากหนทาง แล้วเสด็จเข้าไปยังโคนไม้ต้นหนึ่ง รับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้นให้เรา เราเหน็ดเหนื่อยนัก จักนั่ง ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่พระอานนท์ปูถวายแล้ว ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้ว จึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยนำน้ำมาให้เรา เราระหาย จักดื่มน้ำ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อกี้นี้ เกวียนประมาณ ๕๐๐ เล่ม ข้ามไปแล้วน้ำนั้นน้อย ถูกล้อเกวียนบดแล้ว ขุ่นมัวไหลไปอยู่ แม่น้ำกกุธานทีนี้อยู่ไม่ไกล มีน้ำใสจืด เย็น ขาวมีท่าราบเรียบ น่ารื่นรมย์ พระผู้มีพระภาคจักทรงดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ และจักทรงสรงสนานพระองค์ (พระพุทธเจ้าตรัสถึงสามครั้ง พระอานนท์จึงยอมไปตักน้ำให้) ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วถือบาตรไปยังแม่น้ำนั้น ครั้งนั้น แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อท่านพระอานนท์เข้าไปใกล้ก็ใสสะอาด ไม่ขุ่นมัวไหลไปอยู่ ท่านพระอานนท์ ได้มีความดำริว่า น่าอัศจรรย์หนอเหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มากมีอานุภาพมาก แม่น้ำนี้ถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัว ไหลไปอยู่ เมื่อเราเข้าไปใกล้กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปอยู่ ฯ ท่านพระอานนท์ตักน้ำมาด้วยบาตรแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ เหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เมื่อกี้นี้ แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อข้าพระองค์เข้าไปใกล้ กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสวยน้ำเถิด ขอพระสุคตจงเสวยน้ำเถิด ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสวยน้ำแล้ว ฯ ______________________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0) ตอบว่า ความเป็นไปได้ในสมัยพุทธกาล ไม่น่าใช้อุปกรณ์ใดๆในการดื่มการกิน การเสวยของพระพุทธองค์น่าจะใช้มือเปิบ เวลาดื่มก็น่าจะดื่มจากบาตรโดยตรง ขอคุยเท่านี้ครับ :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 26, 2013, 04:55:03 pm (http://songkhlahealth.org/upload/pics/yakoo-01.jpg) "ข้าวยาคู" คือยาอายุวัฒนะที่มีผลจริง Q&A - ไขข้อสนใจจากไพศาล ถาม : ดิฉันได้อ่านหนังสืออายุวัฒนะที่คุณไพศาลเขียน มีความสนใจเรื่องข้าวยาคูว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องพูดกันเล่น ๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง มีความเป็นมาอย่างไร ให้ผลอย่างไร และจะหาข้าวยาคูจากที่ไหน ตอบ : เรื่องข้าวยาคูที่เขียนไว้ในหนังสืออายุวัฒนะนั้นเป็นเรื่องจริง เผอิญครูบาอาจารย์ของผมเป็นนักหมากรุก คือท่านบุศย์ ขันธวิทย์ เป็นครูเชิงความของผม ท่านเป็นเพื่อนรักของคุณชะลอ วนะภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในช่วงนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และได้สมญานามว่าเป็นมาเฟียมหาดไทย ท่านเป็นลูกน้องของคุณพ่วง สุวรรณรัฐ บิดาของท่านองคมนตรีพลากร สุวรรณรัฐ ในปัจจุบันนี้ คราวหนึ่งผมติดคณะไปเล่นหมากรุกกันที่ต่างจังหวัด ในขณะที่รถผ่านไปที่ทุ่งนาจังหวัดอยุธยา คุณชะลอ วนะภูติ บังเอิญเห็นตาแก่คนหนึ่งอายุมากแล้ว แต่ยังหาบข้าวเดินตัวปลิวอยู่ก็สงสัยว่าทำไมจึงมีสุขภาพดีเช่นนั้น จึงสั่งให้หยุดรถแล้วลงไปไต่ถาม ก็ได้ความว่าตาแก่คนนั้นมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว ค่อนไปทาง 90 ปี แต่จำปีเกิดไม่ได้ ตาแก่บอกว่าไม่ได้มียาอะไรกินเป็นพิเศษและไม่ได้กินอาหารอะไรเป็นพิเศษ แต่ทุกปีจะทำข้าวยาคูกินครั้งหนึ่ง คุณชะลอ วนะภูติ ก็ถามวิธีทำข้าวยาคูว่าทำอย่างไร ตาแก่คนนั้นก็บอกว่า วิธีทำข้าวยาคู คือ การเอาข้าวจากนาในขณะที่กำลังออกรวงอ่อนๆ ยังไม่ทันเป็นเมล็ด และมีสภาพเป็นน้ำนมอยู่ในรวงข้าว ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าข้าวกำลังออกนม น้ำข้าวในรวงข้าวเช่นนั้นเขาเรียกว่านมข้าว ให้ตัดเอารวงข้าวมาสักจำนวนหนึ่งแล้วมาตำด้วยครก คือ ตำทั้งรวง ทั้งใบข้าว จากนั้นก็คั้นเอาน้ำไปเคี่ยว ผสมด้วยแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อย หากชอบหวานก็ใส่น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เคี่ยวจนกระทั่งน้ำนมข้าว แป้ง และน้ำตาลเข้ากัน ซึ่งจะมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียก มีสีเขียวอ่อน ๆ เหมือนสีเขียวของขนมเปียกปูน เอามาตั้งไว้ให้เย็นแล้วกินได้เลย อาจเก็บไว้ในที่เย็นได้ 3-4 วัน ตาแก่บอกว่ากินข้าวยาคูปีละครั้งก็จะทำให้มีอายุยืน ท่านบุศย์ ขันธวิทย์ ซึ่งเป็นคนพื้นอยุธยาก็รับรองว่าวิธีการทำข้าวยาคูเช่นนี้เป็นวิธีการโบราณที่คนอยุธยาทำกินกันมาช้านานแล้ว แต่มารุ่นหลัง ๆ เหินห่างเลิกร้างกันไปเพราะไม่รู้ไม่เข้าใจถึงคุณประโยชน์ (http://food.myfirstinfo.com/thaidata/Image.asp?ID=202005) หลังจากนั้นคุณบุศย์ ขันธวิทย์ ก็ทำหน้าที่สั่งให้ญาติพี่น้องที่อยุธยาทำข้าวยาคูมาแจกจ่ายกินกันทุกปี ผมก็พลอยได้อานิสงส์ได้กินข้าวยาคูตามไปด้วย เพราะเมื่อได้ข้าวยาคูมาแล้ว ผมก็ทำหน้าที่เอาไปส่งให้กับเพื่อนฝูงและคนที่ท่านบุศย์ ขันธวิทย์ นับถือ จึงได้รับแบ่งปันมากินบ้าง ความจริงเรื่องข้าวยาคูนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องข้าวยาคูไว้ในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ทรงแสดงถึงอานิสงส์ 5 ประการของข้าวยาคูว่า 1. บรรเทาความหิว 2. บรรเทาความกระหาย 3. ลมเดินสะดวก 4. ชำระลำไส้ 5. ทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุก ทรงตรัสว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของข้าวยาคู 5 ประการเหล่านี้แล" (http://www.thaismefranchise.com/wp-content/uploads/2010/03/water-rice.jpg) แล้วมาดูกันว่าเพราะเหตุอันใดและเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร จึงเป็นเหตุให้ทรงตรัสถึงอานิสงส์ดังกล่าวนั้นของข้าวยาคู ข้อที่บรรเทาความหิวและความกระหายนั้นเห็นได้ชัด เพราะข้าวยาคูมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียกเหลว พอได้กินก็หายหิวและบรรเทาความกระหายได้ทันที ข้อที่ลมเดินสะดวกนั้น หมายถึงลมอะไร? ก็หมายถึงลมในกายนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระวินัยตอนหนึ่งว่า ลมในกายนั้นก็คือลมในกระเพาะ ลมในลำไส้ ลมในร่างกายเบื้องบน ลมในร่างกายเบื้องล่าง ลมในสมอง และศีรษะ รวมทั้งลมในเส้นเลือดต่าง ๆ กายเนื้อของเรานี้มีชีวิตเป็นปกติได้ก็เพราะลมเดินเป็นปกติ เมื่อลมทุกส่วนเป็นปกติร่างกายก็ปกติ หากลมแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ปกติก็มีความไข้หรือความไม่สบายเกิดขึ้น ไม่ต้องอื่นไกล ลมไม่ปกติในกระเพาะอาหารก็ทำให้จุกแน่น ลมในเส้นเลือดที่เดินไปหัวใจหากไม่ปกติก็อึดอัดขัดใจ ลมในสมองไม่ปกติก็ทำให้หัวอื้อ ลมในเลือดไม่ปกติก็ทำให้โลหิตไม่ปกติหรือตีบตันเป็นต้น อานิสงส์ของข้าวยาคูที่ทำให้ลมปกติจึงมีอานิสงส์มาก เพราะเป็นการปรับธาตลมในกายให้เป็นปกติ แต่วิธีการทำให้ธาตุลมเป็นปกตินั้นเสียดายที่พระพุทธองค์มิได้ตรัสไว้ในรายละเอียด คงตรัสไว้แต่ผลเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่วงการแพทย์น่าจะศึกษาค้นคว้าวิจัยกันต่อไป ข้อที่ข้าวยาคูชำระลำไส้ก็เหมือนกัน ลำไส้ที่ว่านี้หมายเอาตั้งแต่ทางเดินอาหารตั้งแต่ช่วงลำคอลงไปจนถึงกระเพาะ ถึงลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นท่อขนาดต่าง ๆ กัน ระโยงระยางกันเต็มไปหมด มีความยาวมาก คนเราเมื่อมีอายุมากเข้าลำไส้ซึ่งเป็นท่อต่าง ๆ นี้ก็สกปรกเกรอะกรัง จะเกรอะกรังขนาดไหนก็ให้ลองดูของจริงจากท่อน้ำทิ้งซึ่งเชื่อมต่อจากซิงค์ล้างอาหาร หรือที่ล้างจานนั้นเถิด ก็จะเข้าใจได้กระจ่าง และสำหรับคนที่กินไขมันมาก ๆ หรือกินของสกปรก หรือของสุก ๆ ดิบ ๆ ลำไส้ซึ่งเป็นท่อต่าง ๆ ก็ยิ่งสกปรกโสโครก ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ามีความน่าขยะแขยงดุจดังสุสาน การที่ข้าวยาคูชำระลำไส้ซึ่งหมายถึงการขจัดสิ่งเกรอะกรังสกปรกโสโครกทั้งหลายออกไป จึงส่งผลให้ลำไส้ทั้งระบบสามารถย่อยอาหารได้ดี ซึมซับธาตุอาหารได้ดี และกำจัดกากอาหารได้ดีด้วย จึงเกิดความปกติขึ้นในกายนี้ ลองนึกดูเถิด แค่ไม่ถ่ายสักวันเดียว ความพะอืดพะอมจะเกิดขึ้นสักเพียงไหน หรือแค่ลำไส้เกรอะกรังจนทำให้ท้องผูก และทำให้ถ่ายอุจจาระเป็นก้อน ๆ เม็ด ๆ ก็เป็นภาวะสุดแสนทรมาน ดังนั้นเมื่อข้าวยาคูสามารถชำระลำไส้ให้สะอาดได้ จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารสะอาด บริสุทธิ์ และเต็มที่ จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้อายุยืน สำหรับข้อที่ทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุกนั้น ตรงนี้มีความหมายมาก ยิ่งสำหรับคนปัจจุบันแล้วยิ่งมีปัญหามาก เพราะมักกินอาหารที่ย่อยยากบ้าง กินอาหารผิดเวลาบ้าง กินอาหารที่ไม่สามารถย่อยให้หมดได้บ้าง ทำให้เกิดสารตกค้างหรือเกิดความหมักหมมขึ้นในระบบย่อยอาหาร อย่างหนักหน่อยก็ก่อมะเร็งให้เกิดขึ้นในกายนี้ อย่างเบาหน่อยก็ท้องอื่ด ท้องเฟ้อ นอนไม่หลับ ฝันร้าย การที่ข้าวยาคูทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุกหมายถึง อานิสงส์ที่ทำให้อาหารตกเหลือค้าง ไม่ว่าอาหารที่กินเข้าไปใหม่หรือที่ตกค้างหมักหมม หรือที่เกรอะกรังให้สุกนั้นหมายถึง ทำให้ย่อยสลายออกไปจนหมดสิ้น จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเป็นปกติขึ้นในร่างกาย ตรองดูให้ดีเถิดก็จะเห็นว่านี่คือประจักษ์พยานหลักฐานสำคัญแห่งความเป็นสัพพัญญูของพระผู้มีพระภาคเจ้าของชาวพุทธโดยแท้ (http://kasetintree.com/wp-content/uploads/2010/11/2222.jpg) เมื่อผมยังเป็นเด็ก ๆ อยู่ที่บ้านนอก เวลาพ้นจากหน้าน้ำท่วม ข้าวก็จะเริ่มแตกรวง ผมและเพื่อนเด็ก ๆ รักที่จะไปหานมข้าวกินกันในทุ่งนา เพราะข้าวที่เพิ่งออกรวงใหม่ ๆ นั้นในรวงข้าวจะมีสีขาวเหมือนน้ำนม มีกลิ่นหอมหวาน พวกเราไปจับกลุ่มนั่งกันในทุ่งนา แล้วหักเอารวงข้าวมากินนมข้าวกันเป็นประจำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีบรรยากาศเช่นนั้นหลงเหลืออยู่อีกแล้ว หวนรำลึกถึงวัยเยาว์เมื่อใดก็เกิดความกระชุ่มกระชวยราวกับว่าเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะประหนึ่งวันเวลาเพิ่งผ่านไปแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ดังนั้นหากมีความสนใจก็น่าจะลองทำข้าวยาคูมาลองกินดู ในขณะนี้มีการค้นพบว่าการเอาข้าวกล้องมาทำให้งอกแล้วไปบด กรองเอาน้ำมากินเป็นผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการค้นพบใหม่ ๆ อันเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ที่จะทำให้อายุยืนยาวและมีอานิสงส์ทั้ง 5 ประการนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ชัด ต่างกับข้าวยาคูซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว และได้ผ่านการพิสูจน์ที่เป็นผลจริงมาแล้วนับพัน ๆ ปี. ที่มา http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html (http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html) ขอบคุณภาพจาก http://songkhlahealth.org/,http://food.myfirstinfo.com/,http://www.thaismefranchise.com/,http://kasetintree.com/ (http://songkhlahealth.org/,http://food.myfirstinfo.com/,http://www.thaismefranchise.com/,http://kasetintree.com/) |