หัวข้อ: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: rainmain ที่ มกราคม 31, 2013, 11:13:51 am ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ
1.ทำบุญ กับพระที่ทุศีล ไม่ดี ได้บุญหรือ ไม่ บุญที่ได้ จัดระดับแล้วอยู่ระดับไหน ? 2.ทำบุญ กับพระที่มีศีล แต่ไม่ได้ภาวนา คืออยู่ไปวัน ๆ เรียน ทำงานศาสนา ได้บุญหรือ ไม่ บุญที่ได้ จัดระดับแล้วอยู่ระดับไหน ? 3.ทำบุญ กับพระที่ภาวนา แต่ไม่เป็นพระอริยะ ได้บุญหรือ ไม่ บุญที่ได้ จัดระดับแล้วอยู่ระดับไหน ? 4.ทำบุญ กับพระที่เป็นพระอริยะ บุคคลล ได้บุญมาน้อยประการใด 5.ทำบุญ ถวายสังฆทาน ได้บุญมากกว่า 4 ข้อที่ผ่านมาใช่หรือไม่ ? thk56 หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: vichai ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2013, 08:46:43 am ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ 1 ได้บุญน้อยที่สุึด 2 ได้บุญมากขึ้น 3 ได้บุญมากขึ้น 4 ได้บุญมากขึ้น 5 ได้บุญมากขึ้น แต่ระัดับบุญนั้นไม่รู้ว่าจะวัดได้อย่างไร หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 07:12:29 am (http://www.bloggang.com/data/angelina-jerrry/picture/1297533821.jpg) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ๑๒. ทักขิณาวิภังคสูตร (๑๔๒) [๗๐๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารนิโครธาราม เขตพระนครกบิลพัสดุ์ ในสักกชนบท สมัยนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงถือผ้าห่มคู่หนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วถวายอภิวาทพระผู้มี-พระภาค ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ หม่อมฉันกรอด้าย ทอเอง ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาค ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์ โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ของหม่อมฉันเถิด ฯ ...........ฯลฯ............. [๗๑๐] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิกมี ๑๔ อย่าง คือ ให้ทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑ ให้ทานในพระปัจเจกสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๒ ให้ทานในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๓ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๔ ให้ทานแก่พระอนาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๕ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๖ ให้ทานแก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๘ ให้ทานในพระโสดาบัน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๙ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๐ ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๑ ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๒ ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๓ ให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ ฯ (http://www.dmc.tv/images/ScoopUpdate/Dream01/D530920/S530920p1.jpg) [๗๑๑] ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้จนประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้งในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ ในพระปัจเจกสัมพุทธ และในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ฯ [๗๑๒] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์มี ๗ อย่าง คือ ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๑ ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๒ ให้ทานในภิกษุสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๓ ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๔ เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้าแล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๕ เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๖ เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๗ ฯ (http://xn--72c9a3a4bn.dmc.tv/images/ScoopUpdate/Dream01/D530918/S530918p3.jpg) [๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯ [๗๑๔] ดูกรอานนท์ ก็ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณานี้มี ๔ อย่าง ๔ อย่างเป็นไฉน ดูกรอานนท์ ทักษิณาบางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก บางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก บางอย่างฝ่ายทายกก็ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์ บางอย่างบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายกและฝ่ายปฏิคาหก ฯ [๗๑๕] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหกอย่างไร ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกมีศีล มีธรรมงาม ปฏิคาหกเป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ฯ [๗๑๖] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายกอย่างไร ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกเป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามกปฏิคาหกเป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก ฯ [๗๑๗] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าฝ่ายทายกก็ไม่บริสุทธิ์ ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์อย่างไร ดูกรอานนท์ในข้อนี้ ทายกก็เป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามกปฏิคาหกก็เป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าฝ่ายทายกก็ไม่บริสุทธิ์ ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์ ฯ [๗๑๘] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายก และฝ่ายปฏิคาหกอย่างไร ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกก็เป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม ปฏิคาหกก็เป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายกและฝ่ายปฏิคาหก ฯ ดูกรอานนท์ นี้แล ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณา ๔ อย่าง ฯ (http://www.kunkroo.com/UserFiles/Image/63.jpg) [๗๑๙] พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้วได้ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ต่อไปอีกว่า (๑) ผู้ใดมีศีล ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดีเชื่อกรรมและผลแห่งกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนทุศีลทักษิณาของผู้นั้น ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ฯ (๒) ผู้ใดทุศีล ได้ของมาโดยไม่เป็นธรรม มีจิตไม่เลื่อมใสไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนมีศีลทักษิณาของผู้นั้นชื่อว่า บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ฯ (๓) ผู้ใดทุศีล ได้ของมาโดยไม่เป็นธรรม มีจิตไม่เลื่อมใสไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนทุศีลเราไม่กล่าวทานของผู้นั้นว่า มีผลไพบูลย์ ฯ (๔) ผู้ใดมีศีล ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนมีศีล เรากล่าวทานของผู้นั้นแลว่า มีผลไพบูลย์ ฯ (๕) ผู้ใดปราศจากราคะแล้ว ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในผู้ปราศจากราคะ ทานของผู้นั้นนั่นแล เลิศกว่าอามิสทานทั้งหลาย ฯ จบ ทักขิณาวิภังคสูตร ที่ ๑๒ จบ วิภังควรรค ที่ ๔ อ้างอิง เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๙๑๖๑ - ๙๓๑๐. หน้าที่ ๓๘๗ - ๓๙๓. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=9161&Z=9310&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=9161&Z=9310&pagebreak=0) ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706) ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/,http://www.dmc.tv/, (http://www.bloggang.com/,http://www.dmc.tv/,) http://xn--72c9a3a4bn.dmc.tv/, (http://xn--72c9a3a4bn.dmc.tv/,) http://www.kunkroo.com/ (http://www.kunkroo.com/) อธิบายศัพท์ ทักษิณา ทานเพื่อผลอันเจริญ, ของทำบุญ ปาฏิปุคคลิก เฉพาะบุคคล, ไม่ทั่วไป, ถวายเป็นส่วนปาฏิปุคคลิก คือ ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์ สงฆ์ หมู่, ชุมนุม 1. หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า เรียกว่า สาวกสงฆ์ ดังคำสวดในสังฆคุณ ประกอบด้วยคู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ เริ่มแต่ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค จนถึงพระอรหันต์ ต่างจาก ภิกขุสงฆ์ คือ หมู่แห่งภิกษุหรือชุมนุมภิกษุ (ดูความหมาย ๒), ต่อมา บางทีเรียกอย่างแรกว่า อริยสงฆ์ อย่างหลังว่า สมมติสงฆ์ 2. ชุมนุมภิกษุหมู่หนึ่งตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ซึ่งสามารถประกอบสังฆกรรมได้ตามกำหนดทางพระวินัย ต่างโดยเป็นสงฆ์จตุรวรรคบ้าง ปัญจวรรคบ้าง ทศวรรคบ้าง วีสติวรรคบ้าง เผดียง บอกแจ้งให้รู้,บอกนิมนต์,บอกกล่าวหรือประกาศเชื้อเชิญเพื่อให้ร่วมทำกิจโดยพร้อมเพรียงกัน; ประเดียงก็ว่า โคตรภูสงฆ์ พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัด ปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลืองเป็นต้น และถือตนว่า ยังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่, สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา ทายก (ชาย) ผู้ให้ ปฏิคาหก ผู้รับทาน, ผู้รับของถวาย ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 08:18:43 am (http://www.dmc.tv/images/ScoopUpdate/Dream01/D530920/S530920p2.jpg) อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ วิภังควรรค ทักขิณาวิภังคสูตร ๑๒. อรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร (ยกมาแสดงบางส่วน) ส่วนทานที่ให้แก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในศีลห้ามีผลมากกว่านั้น. ทานที่ให้แก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในศิลสิบมีผลมากกว่านั้นอีก. ทานที่ถวายแก่สามเณรที่บวชในวันนั้นมีผลมากกว่านั้น ทานที่ถวายแก่ภิกษุผู้อุปสมบทมีผลมากกว่านั้น ทานที่ถวายแก่ภิกษุผู้อุปสมบทนั้นแลผู้ถึงพร้อมด้วยวัตรมีผลมากกว่านั้น ทานให้แก่ผู้ปรารภวิปัสสนามีผลมากกว่านั้น. ก็สำหรับผู้มรรคสมังคีโดยที่สุดชั้นสูง ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าปฏิบัติแล้ว. ทานที่ให้แก่บุคคลนั้นมีผลมากกว่านั้นอีก. .......ฯลฯ............ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706) ขอบคุณภาพจาก http://www.dmc.tv/ (http://www.dmc.tv/) หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 09:23:14 am ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ ans1 ans1 ans1 ข้อแรก เป็นปาฏิปุคคลิกทาน(ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์) คำว่า "พระทุศีล" ของคุณ rainmain เมื่อกับพระสูตร น่าจะเป็น "ปุถุชนผู้ทุศีล" เมื่อเทียบกับอรรถกถา น่าจะเป็น "ภิกษุผู้อุปสมบท" ดังนั้นให้ทานพระทุุศีล ย่อมมีผลมากกว่าให้เณรและสัตว์เดียรัจฉาน ข้อสอง เป็นปาฏิปุคคลิกทาน(ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์) คำว่า "พระมีศีล" ของคุณ rainmain เมื่อกับพระสูตร น่าจะเป็น "บุคคลผู้มีศีล" เมื่อเทียบกับอรรถกถา น่าจะเป็น "ภิกษุผู้อุปสมบทนั้นแลผู้ถึงพร้อมด้วยวัตร" ดังนั้น ให้ทานพระมีศีล ย่อมมีผลมากกว่าให้พระทุศีล ข้อสาม เป็นปาฏิปุคคลิกทาน(ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์) คำว่า "พระที่ภาวนา แต่ไม่เป็นพระอริยะ" ของคุณ rainmain เมื่อกับพระสูตร น่าจะเป็น "บุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม" เมื่อเทียบกับอรรถกถา น่าจะเป็น "ผู้ปรารภวิปัสสนา" ดังนั้น ให้ทานพระที่ภาวนา แต่ไม่เป็นพระอริยะ ย่อมมีผลมากกว่า พระมีศีลแต่ไม่ภาวนา ข้อสี่ เป็นปาฏิปุคคลิกทาน(ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์) คำว่า "พระที่เป็นพระอริยะ" ของคุณ rainmain เมื่อกับพระสูตร น่าจะเป็น "ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง"(โสดาปัตติมรรค) เมื่อเทียบกับอรรถกถา น่าจะเป็น "ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล" ดังนั้นให้ทานพระที่เป็นพระอริยะ ย่อมมีผลมากกว่าพระที่ภาวนา แต่ไม่เป็นพระอริยะ อย่างไรก็ตามพระอริยะมีอยู่หลายระดับ ขอให้ดูทักษิณาปาฏิปุคคลิก ๑๔ ประการ ตั้งแต่ประการที่ ๑ ถึงประการที่ ๑๐ ผลของทานจะไล่จากมากไปหาน้อย คือ ประการแรกจะได้ผลสูงสุด ที่เหลือก็ลดหลั่นกันลงไป ข้อห้า เป็นสังฆทาน ต้องเป็นพระ ๔ รูปขึ้นไป ในพระสูตรใช้คำว่า "ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์" แถมยังตรัสอีกกว่า แม้สงฆ์นั้นจะทุศีล แต่ก็มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ดังนั้นการทำสังฆทาน ย่อมมีผลมากกว่า ปาฏิปุคคลิกทาน(ข้อแรกถึงข้อสี่) อย่างไรก็ตาม การให้ทานจะให้ผลสูงสุดก็ต่อเมื่อ ผู้ให้และผู้รับต้องมีจิตที่ปราศจากราคะ ดังพุทธพจน์ที่ว่า "ผู้ใดปราศจากราคะแล้ว ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในผู้ปราศจากราคะ ทานของผู้นั้นนั่นแล เลิศกว่าอามิสทานทั้งหลาย" :25: หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: Sitti ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 11:01:09 am แล้ว ถ้าได้ทำบุญ กับพระที่พึ่ง ออกจาก นิโรธสมาบัติ หรือ สัญญาเวทยิตนิโรธ มีอานิสงค์ มากน้อยประการใดครับ เพราะ ผมเห็นมีประกาศ ทำบุญ พระออก นิโรธกรรม หลายรูป หลายองค์ นะครับ
thk56 หัวข้อ: Re: ทำบุญแบบนี้ ได้ บุญ อย่างไร อยากให้ช่วยอธิบาย หน่อยครับ เริ่มหัวข้อโดย: Skydragon ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2013, 11:13:32 am ans1
มีคำกล่าวว่า ทำบุญมาก แต่ ได้บุญน้อย ทำบุญ แต่ ได้บุญมาก แสดงว่า ปริมาณของบุญ มิได้ อยู่ิสิ่งที่เป็น ทาน เคยฟังในรายการ RDN เรื่อง ทอกกฐิน มีชาวสวน ร่วมทำบุญกฐิน กับ เศรษฐี อนาถบิณฑิกะ ( ถ้าจำไม่ผิด ) ได้ออกเงิน ถวายเข่มใน กองกฐิน เทวดาแส่ซ้อง สรรเสริญ ผลบุญทันตา ได้เป็น เศรษฐีอย่างรวดเร็วข้ามคืน .... ผลแห่งทาน น่าจะมิได้เกี่ยวกับ เรื่อง ผู้รับเท่านั้น น่าจะเกี่ยวกับผู้ให้ ด้วย และ ความบริสุทธิ์ ของทานด้วย นะครับ :25: |