ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร พระครูธรรมานุกูล ( ภู จนฺทเกสโร)  (อ่าน 3027 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


พระครูธรรมานุกูล ( ภู จนฺทเกสโร) พ.ศ. 2435-2467 ( 32 ปี)

ชาติภูมิ
เดิมชื่อ ภู เป็นบุตรของนายคง นางอยู่ เกิดที่หมู่บ้านตำบลวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก ในปี พ.ศ. 2373 ปีขาล
เมื่อ อายุได้ 6 ขวบ มารดาบิดาได้นำไปบรรพชาที่วัดท่าคอย ได้เล่าเรียนอักขรสมัย(ภาษาขอม) และหนังสือไทยกับอาจารย์วัดท่าแค ต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทในปีพ.ศ. 2394 ณ พัทธสีมาวัดท่าคอย โดยมีพระอาจารย์อ้น วัดท่าคอยเป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์ดำ วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์มา วัดน้ำหัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "จนฺทเกสโร"
ภายหลังอุปสมบท แล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดท่าแคชั่วระยะหนึ่ง แล้วจึงออกธุดงค์จากจังหวัดตากพร้อมกับพระพี่ชาย ชื่อ "หลวงปู่ใหญ่" ไปตามสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับการบำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐานฝึกปฏิบัติตามขั้นตอนจนเชี่ยวชาญ ได้เข้ามาจำพรรษาที่กรุงเทพมหานคร พักอยู่ที่วัดสระเกศ วัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส-ปัจจุบัน) วัดม่วงแค วัดท้ายตลาด(วัดโมฬีโลกยาราม-ปัจจุบัน) ตามลำดับ
ต่อมาได้ย้ายมาอยู่จำ พรรษาที่วัดอินทรวิหาร (วัดบางขุนพรหม-ในขณะนั้น) ในปีพ.ศ. 2432 และได้รับแต่งเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2435 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูธรรมานุกูล" และได้ยกเป็นกิตติมศักดิ์เมื่อปี พ.ศ. 2466 เนื่องจากท่านชราภาพมาก หลวงปู่ภูมรณภาพ เมื่อวันเสาร์ ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2476ตรงกับขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา เวลา 01.15 น. รวมสิริอายุได้ 104 ปี 83 พรรษา
ความ สัมพันธ์ใกล้ชิดได้รับใช้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ภายหลังได้เข้ามาอยู่จำพรรษาที่กรุงเทพมหานครแล้ว ท่านได้ศึกษาวิปัสสนาธุระกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หลวงปู่ภูถือเป็นพระที่มีความใกล้ชิดกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มากรูปหนึ่ง เคยออกธุดงค์ร่วมกันหลายครั้ง แม้ตอนอยู่วัดอินทรวิหาร ก็ได้ไปลงอุโบสถที่วัดระฆังเสมอ เป็นศิษย์ที่ได้รับการไว้วางใจของสมเด็จนั้นตลอดมา แม้ในการก่อสร้างองค์หลวงพ่อโต เมื่อสมเด็จ ฯ มรณภาพแล้ว ท่านก็ได้รับเป็นธุระด้วยดีตลอดมา จวบจนถึงกาลมรณภาพ ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่แล้วเสร็จ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2463 ตรงกับปีวอก พระครูสังฆบริบาล(แดง) แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาช่วยปฏิสังขรณ์ต่อ ก็สำเร็จได้ในบางส่วน + พระครูสังฆบริบาล (แดง) นั้น ตามประวัติ ท่านอุปสมบทที่แขวงตะนาว เมื่อ อุปสมบทแล้ว ได้ไปสร้างวัดเขาขั้นบันได ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้กลับเข้ามาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบารมีของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นเวลา 5 พรรษา เมื่อสมเด็จ ฯ สิ้นพระชนม์แล้ว ได้มาร่วมกับหลวงปู่ภู สร้างหลวงพ่อโตจนสำเร็จเป็นบางส่วน

ขอบคุณที่มาประวัติ
http://www.watindharaviharn.org/history_board.html
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;