ผมเห็นว่า..สัมมาทิฐิ..อีกนั้นแหละครับ...
เพราะทุกวันนี้...หาผู้ที่มีสัมมาทิฐิ...ยากมากครับ...
หลายๆคน..หลายๆรูป...ที่เป็นผู้ปฎิบัติธรรมเอง..ก็ไม่มี..สัมมาทิฐิ..ทั้งๆที่ศึกษา..พระไตรปิฎกเล่มเดียวกันครับ...
เช่น...
ผู้ปฎิบัติธรรมที่ไม่ใช่พระสงฆ์...
เข้าใจว่าการปฎิบัติ...ต้องได้ฌาณ..ต้องได้ญาณ...ได้นิมิต...ได้ปิติ..ได้อะไรต่อมิอะไร..แต่ลืมนึกว่าว่าพระพุทธเจ้าสอนให้ลดละกิเลส..จน..ดับกิเลสหมดสิ้นไปในที่สุด..ทั้งๆจริงๆแล้วสิ่งที่อยากได้เหล่านั้นจะต้องเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย...ของการลดละกิเลสหรือการปฎิบัติมรรค ๘ ให้ครบองค์แห่งมรรคในทุกๆผัสสะกระทบสัมผัสเท่านั้น...และส่วนใหญ่จะมองกิเลสผู้อื่นไม่เคยกระทำใจภายในใจดูกิเลสตัวเอง...ลดละกิเลสตัวเอง..อีกต่างหากครับ
พระสงฆ์ส่วนมาก...
ก็มีการพยายามตีความพระไตรปิฎกเข้าข้างกิเลสในตนโดยไม่รู้ตัว...ไม่ว่าจะเป็น..กฐิน(เงิน)..ผ้าป่า(เงิน)..รับเงินได้....ทำบุญ(เงิน)...พระเครื่อง(เงิน)...สรุปก็คืออยากได้เงินนะครับ..และยังสอนให้..ฆารวาสว่าให้เงินพระได้อีกต่างหาก..ครับ..แล้วศาสนาพุทธจะไม่เสื่อมได้อย่างไร..ในเมื่อพระสงฆ์สาวกส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้อยู่...มีตำแหน่งบริหารสงฆ์ในประเทศนี้อยู่ครับ..ซึ่งก็ทำให้คนธรรมดาปกติที่มีปัญญาทางโลก(ฉลาดแกมโกง)..ก็ไปบวชเป็นพระสงฆ์..เพื่ออาศัยหาเงินโดยวิธีดังกล่าวข้างต้น..แต่หากยึดตามคำสอนพระพุทธเจ้า..คือพระสงฆ์รับเงินไม่ได้เกิด ๕ บาสก...เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นครับ...ซึ่งจริงๆแล้วพระที่ปฎิบัติดี..ปฎิบัติชอบท่านไม่รับเงินครับ..ซึ่งเท่าที่ผมเห็นท่านก็บอกว่าไม่ได้ลำบากอะไร(เท่าที่ท่านบอกนะครับ..ส่วนหากผมคิดเองผมว่าท่านก็ลำบากครับ)
การที่โลกุตระจะเจริญได้..ไม่ว่าฆารวาส..พระสงฆ์ที่อยู่ในพุทธศาสนา..จะต้องลดละกิเลส...ลดละการสะสม..ลดละความใหญ่โต...การเจริญของโลกุตระ..จะวัดที่การทำงานเพื่อส่วนรวม..ไม่ใช่เพื่อตัวเพื่อตน...ซึ่งมันจะขัดกับใจเราเองทำได้ยากยิ่ง..จึงหาผู้ที่เป็นลักษณะนี้ยากครับ(หากมันง่ายคงมีพระโสดาบัน..พระอรหันต์เยอะแยะไปหมดแล้วครับ)...ซึ่งจะทำให้โลกก็เจริญ...โลกุตระก็เจริญ..โดยไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเยอะจนทำลายล้างโลกอย่างปัจจุบันนี้ครับ
ตรงนี้เป็นความเห็น..ความรู้สึกต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนะครับ...แต่ก็ยังโชคดีอยู่ที่ยังมีพระสงฆ์บางส่วนที่ตั้งใจบวชเพื่อนิพพานจริงๆอยู่บ้างครับ
ความเห็นจากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์)