ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ เปิดบันทึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙"  (อ่าน 2076 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ.!! เปิดบันทึก.."หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน น่าศรัทธาเหลือเกิน.!!

จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้บันทึกถึงอดีตชาติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้บันทึกไว้ว่า ในหลวงเคยเกิดเป็น "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า" และ "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" และเคยเกิดเป็นพระราชโอรสของ "พระเจ้าตวันอธิราช" และ "พระเจ้าพรหมมหาราช" (พระเจ้าตวันอธิราช ไปเกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช") ทั้ง ๒ ครั้ง

ต่อมา พ.ศ. ๙๐๐ สมัยเชียงแสน พระเจ้าตวันอธิราช เกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช" ส่วน พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ตามไปเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรกนามว่า "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่สิ้นพระชนม์ในสมัยทรงพระเยาว์ พระราชสมบัติจึงตกแก่พระโอรสองค์รองคือ "พระเจ้าชัยสิริ" (หลวงปู่ธรรมชัย) ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์จักรกรี สืบสันติวงศ์ถึงปัจจุบัน พระเจ้าพรหมมหาราช มีพระเชษฐาคือ "พระเจ้าทุกขิตะ" (หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล)

ย้อนกลับมาสมัยสุวรรณภูมิ พ.ศ.๒๔๖ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ พระองค์นี้ได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน (พ่อ-ลูก) พระเจ้าตวันอธิราช กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุวรรณภูมินี้ ได้วางรากฐานการสร้างพระบารมีไว้ให้พระราชโอรสของพระองค์ ในฐานะที่จะทรงเป็นกษัตริย์ต่อไปภายภาคหน้า อาทิ การสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง ส่งเสริมอาชีพของราษฏร โรงพยาบาลเพื่อสงเคราะห์พสกนิกร ฯลฯ ส่วนด้านพระพุทธศาสนา ได้โปรดสร้างวัด โรงเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมี พระโสณะ กับ พระอุตตระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีการมอบ "พัศยศ" สำหรับผู้สอบบาลีได้



ต่อมาก็มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ไทยขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระองค์แรกของเมืองไทย จนได้สืบต่อวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงบัดนี้ อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังนานาประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่วนภายในประเทศอาณาเขตของพระองค์ ก็เสด็จเยี่ยมเยือนไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกด้วย พระราชจริยวัตรของ พระเจ้าตวันอธิราช นี้ มีลักษณะที่ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระราชจริยวัตรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของพระเจ้ากรุงสยาม ทุกประการ

ฉะนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีในด้านพระศาสนา เช่น พิธีกวนข้าวทิพย์ การสวดมนต์ หรือ พิธีการนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ตลอดถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ตามโบราณราชประเพณี เรามีการสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็น มรดก มานานนับพันปี (ทั้งหมดนี้เป็นรากฐาน ที่พระเจ้าตวันอธิราช วางไว้ให้ พระราชโอรสคือ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ทั้ง ๒ พระองค์ต่างก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเข้มข้น)

ต่อมาหลังจากพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยที่ดำเนินรอยตามพระยุคคลบาทของสมเด็จพระราชบิดา ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็น พระโพธิสัตว์ เช่นเดียวกันและก่อนที่ พระโสณะ จะนิพพาน ก็ยังได้พยากรณ์ไว้อีกว่า

"พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า จะมาเกิดที่ "กรุงเทพมหานคร" เมื่อนั้น "สุวรรณภูมิ" จะฟื้นชื่อมีคนรู้ทั่ว..."



สอดคล้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบันที่ได้ทรงตรัสพยากรณ์ไว้ดังนี้

"ดูก่อนอานนท์..ตถาคตสงสารสัตว์เป็นล้นพ้น ที่มีอายุขัยอยู่ใกล้ยุคกึ่งสมัยคือในหลังพุทธกาลนี้ แต่ในเวลานั้นจะมี "พระมหากษัตริย์ธรรมิกราช" ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในอุปถัมภ์ของ "พระมหาเถระโพธิสัตว์" พระโพธิสัตว์สองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้ามาบำรุงพระพุทธศาสนาของตถาคต สมณชีพราหมณ์จะตามเสด็จเป็นอันมาก ในระยะนี้จะเป็นยุค "ชาวศรีวิไล" ดังนี้ (หลักฐานหนึ่ง ทางด้านโบราณวัตถุได้แก่ กระเบื้องจาร ที่ขุดได้จาก ซากเมือง คูบัว จ.ราชบุรี ก็ได้ยืนยันว่า พ่อกับลูกคู่นี้ ทรงเป็นหน่อเนื้อพระบรมพงศ์พระโพธิสัตว์ทั้งสองพระองค์ ได้ตั้งความปรารถนา "พุทธภูมิ" ประเภท วิริยาธิกะ คือจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลา ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปล์ จึงจะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ)

ในชาติปัจจุบัน ของ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า (พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดชมหาราช)

นอกจากนี้หลวงพ่อเคยถวายพระพรไว้ ณ พระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐... ในตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า

"เขาพูดกันว่าผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ..?"



หลวงพ่อถวายพระพรว่า

"เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน..แต่เวลานี้บารมีเป็น "ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว..ไม่ใช่ไม่สำเร็จ.. พุทธภูมิ นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ"  วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"

สรุปในหลวงเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ในสมัยสุวรรณภูมิ และเกิดเป็น พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า ในสมัยเชียงแสน ปรารถนา พุทธภูมิ ประเภท วิริยาธิกะ ตอนนี้บารมีใก้ลเต็ม และต้องเกิดสร้างบารมีอีก ๕ ชาติ



ขอบคุณที่มาจาก : หนังสือ ธัมมวิโมกข์ โดย พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) palungjit.org
เรียบเรียงโดยเสาวลักษณ์ แสงสุวรรณ : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/350548
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
นี่จึงเป็นสาเหตุ ให้ แผ่นกระเบื้องจาร วัดเพชรพลี ถูกกองโบราณ กรมศิลป์ ประกาศว่า เป็นของปลอม จัดทำขึ้นมาในภายหลัง เพราะเอาข้อความไปเกี่ยวกับ เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน นี่เอง

 :49:
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

      แค่ผมเชื่อก็พอ..เพราะผมอ่าน สุวรรณภูมิจบแล้ว....ผมภูมิใจ...ในยุค  ไทยลว้า  นี้มาก

เคร่งกว่า ยุคหลัง

  การสงครามก็เก่ง    พระพุทธเจ้าเสด็จมาตามคำนิมนต์  ด้วย

   สุนาปรันตชนบท  ของพระปุณณะเถระ 
หรือโตนดหลวง  บ้านพ่อกล่อม แม่กุน

พระพุทธเจ้าแวะเสด็จมาตามนิมนต์

แวะมารับ  ฤาษีสัตตบรรณที่เขานางพระจันทร์

ไปสวดมนต์ตามนิมนต์ พร้อมพระอรหันต์  รวมพระองค์ 500 รูปเสด็จทางอากาศ มาลงบ้านพ่อกล่อม แม่กุล

แวะถ้ำฤาษีเขางู เสด็จประทับบนแท่นหิน

ได้เงารังสีแดด  พระองค์สั่งให้ปั้นแกะรูปตามเงาตกกระทบผนัง


   และยังเสด็จ ไปเยี่ยมชนชาวน้ำเหล่าพญานาคราชที่นิมนต์ไว้ใต้บาดาลท้องสมุทร


  เสร็จการงานนิมนต์บ้านพ่อกล่อม  แม่กุลแล้ว

แวะมาส่ง ฤาษีสัตบรรณ และเสด็จกลับฝากรอยพระพุทธบาทเอาไว้ให้ฤาษี

เหตุที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเพราะ...


น้องชายท่านปุณณะ กับสมุนบริวาร  เอาเรือออกสมุทรไปตัดไม้จันทร์แดงบนเกาะกลางสมุทร

เทวดาสิงอยู่ในไม้ จะคว่ำสำเภา กลางสมุทรเสียให้ได้

น้องชายกลัว จึงนึกถึงพี่ปุณณะเถระให้ช่วย

พี่คุยกับเทวดาทางจิตที่ติดไม้มา

บอกให้นำไม้ไปสร้างศาลาใหญ่แล้วนิมนต์

พระพุทธเจ้ามารับ..การถวายศาลาด้วย

ส่วนเหล่าน้องชายและสมุนต้องถือศิลบวชในกาล

ถวายศาลา

เล่าคร่าวๆเท่านี้นะ

รายละเอียด  ไปหาอ่าน

หนังสือ  สุวรรณภูมิ

มีขายที่  วัดพระปฐมเจดีย์
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา