ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มาดื่มน้ำรักษาโรคกันเุถอะ  (อ่าน 3259 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
มาดื่มน้ำรักษาโรคกันเุถอะ
« เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 08:17:28 am »
0
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ



จากหนังสือพิมพ์จีน
       ในเร็ว ๆ นี้ มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้ นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำ น้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำ อันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้ สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้ นายแพทย์แนะนำบ่อย ๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุก ๆ วัน
        วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่าง ๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผล ตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ 1.26 ก.ก. เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียวจะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อย หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อย ๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้ หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้ ทุกเช้าควรปฏิบัติดี่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัยในระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดี่มน้ำ รักษาโรคต่าง ๆ ส่งไปให้เพี่อนฝูง เพี่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ ควรจะเผยแพร่ไห้มากขึ้น ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าและทดลอง ดู วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่าง ๆ" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ใหญ่ผลิตโลหิตใหม่ มากขึ้นซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ดูด ธาตุต่าง ๆ จากอาหารต่าง ๆ ผลิตให้เป็นเม็ดโลหิตคนบางส่วน เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจาง มีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของผู้ใหญ่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่าง ๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็น โลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่าง ๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน
        มหาวิทยาลัยของมณฑลต่าง ๆ ในประเทศจีน ได้ผ่านการทดลอง ได้ประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน วิธีดื่มน้ำรักษาโรค สามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้ คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาทความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็นปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยี่อสมองอักเสบโรคตับ โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โมงล่อ (ดากหลุด) โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่าง ๆ ตาออกเลือดสตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่าง ๆต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มน้ำมาแล้ว
       1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่าเคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าวว่าตอนที่อายุ 20 ปี กระเพาะอาหารเป็นแผล เน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปี ได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ ได้ผล ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดี่มน้ำสุกอย่างนี้ ตี่นแต่เช้าหน้าไม่ล้าง ปากไม่ บ้วน ดี่มน้ำสุก 5 แก้วทุก ๆวัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นาย แพทย์สั่งเสร็จไม่ให้ยาก็กลับไป วันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมง ปัสสาวะ 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้ว ๆ มา วันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มาก ต่อจากนั้นสามเดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้ปฎิบัติดื่มน้ำมา ยังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น
       2. เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุกวัน ไม่นานเยื่อสมอง ที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นโรคหัวใจและเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำได้ 15 วัน โรคหัวใจ โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อย ๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้ สองเดือนน้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำ นวดไฟฟ้า และรักษาด้วยวิธีเข็มแทง แบบหมอจีนเวลานี้หายไปเองหมดแล้ว
       3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้ายสักหลาดในลำไส้ผลิต โลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมาจากไหน แต่ธาตุต่าง ๆ จะต้องมาจากอาหาร อย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมาก กลายเป็นของเหลวลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่าง ๆ เสร็จ ส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่ทวารหนักเป็นของที่ไม่ มีประโยชน์สำหรับร่างกาย
       4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ 1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้องเป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อย ๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3 เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือนเห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้น เป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์เดียวก็ หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต
       ผู้ที่ดี่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีกก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ลผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้วไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้กำลังสัก 20 นาที คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มาก ๆ และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด
       ดี่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะปัสสาวะ 3 ครั้งติด ๆ กัน แต่ต่อไป 3-4 วัน การถ่ายท้องจะ เป็นปกติภายใน 7-8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแต่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับ ประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่ หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่าง ๆ นี้
        ข้อควรทราบ หลังจากอาตมาได้ทราบตามข้อนี้ และได้ปฏิบัติตาม รู้สึกว่าโรคต่าง ๆ ที่คนชราโดยมากเป็นอยู่บัดนี้รู้สึกว่าเริ่ม เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมจึงขอยืนยันมาให้ทราบ เป็นการกุศลต่อไป ท่านที่รับหลักการนี้ไปปฏิบัติแล้ว ถ้ามีประโยชน์ดีควรเผยแพร่ต่อไป เพื่อเป็นการกุศล หลวงพ่อสารี่ วัดโคกเนียนตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จ้งหวัดพัทลุง

ภาพประกอบจากเว็บ
http://learn.chanpradit.ac.th/m32550/3.12_g1/Water.html
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มาดื่มน้ำรักษาโรคกันเุถอะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 08:17:51 am »
0


 

โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆครั้ง

 

 

    น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิด เมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง น้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ ส่วนที่เหลือ จึงมีปริมาณแร่ธาตุ ชนิดต่างๆ เข้มข้นขึ้นมาก และเกินมาตรฐานการบริโภค น้ำที่ต้มเดือดนานๆ ไอออนของซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำ จะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย และแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ และอาจมากจนเกินขีดจำกัด ความสามารถของร่างกาย ในการกำจัดขับถ่ายออกมา จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง

บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มาดื่มน้ำรักษาโรคกันเุถอะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 08:29:38 am »
0
อ่านเถอะ เกี่ยวกับเรื่องน้ำ



เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง

ซึ่งลงบทสัมภาษณ์ของดาราสาวสวยระดับนางเอก

ท่านหนึ่ง เกี่ยวกับร่างกายของเธอที่มีการผิดปกติ

เธอมีอาการอุจจาระไม่ออก เมนส์ไม่มา แถมเธอยัง

เข้าใจว่าการที่เมนส์มาบ้างไม่มาบ้างแล้วแต่อารมณ์นั้น

เป็นเรื่องปกติขอผู้หญิงซะอีก



เธอบอกว่าไม่ชอบดื่มน้ำเพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อย

ส่วนใหญ่พวกดาราก็มักเป็นอย่างนี้ เพราะต้องอยู่

แต่ในกองถ่าย จะหาห้องน้ำสะอาดๆ ยาก

เลยต้องอั้นอุจจาระปัสสาวะเอาไว้หรือแก้โดยการไม่ดื่มน้ำ

จะได้ไม่ต้องปัสสาวะ



พฤติกรรมดังกล่าวนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะดาราหรอกครับ

มีอีกหลายอาชีพที่เป็นกันอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะ

ภาวะสังคมที่รีบเร่งแข่งขันกัน

ท่านที่ทำงานนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์หรือพนักงานทำบัญชีด้วยแล้ว ไม่ค่อย

อยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำกัน กลัวจะเสียเวลาทำงานหรือลืมเข้าห้องน้ำก็มี



พอทำอย่างนี้ไปนานๆ เข้าร่างกายเราก็สร้างความคุ้นเคยว่า

ไม่ต้องอุจจาระไม่ต้องปัสสาวะกันเลย

โดยร่างกายเข้าใจว่าวิธีการนี้ถูกต้อง



ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซนต์ เลือดเราประกอบด้วยน้ำ

90 กว่าเปอร์เซนต์

กระดูกเราก็ประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซนต์ ร่างกายเราเสียน้ำวันละ 2

ลิตรเศษ แล้วเรารับน้ำเข้า

ไปเพียงพอหรือไม่

ถ้าไม่พอเราก็ถือว่าขาดน้ำร่างกายและอวัยวะภายในจะรวนผิดปกติไปหมด เลือด

เราจะข้นหนืด

ยากที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่างๆของร่างกาย

หัวใจเองนั่นแหละ

จะตีบตันเสียก่อน ต้องทำบายพาสกันวุ่นวาย ความจำก็จะเสื่อม

หรือเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเลือดเลี้ยง

สมองไม่พอ เส้นเลือดก็จะตีบตันหมดหรือไม่มีเลือดจะขึ้นไปเลี้ยง



จากประสบการณ์ที่พบคนไข้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม

เป็นถึงระดับผู้บริหารใหญ่ๆก็หลายท่าน ดื่มน้ำวันละ

2-3 แก้ว ไม่เกิน 500 ซี.ซี. เลือดก็ข้นหนืด

เต็มไปด้วยไขมันสังเกตุได้หัวตาเหมือนกับเอาพู่กันป้ายสี

ขาวไว้ และก็ฟันธงได้เลยว่าทุกรายถ้าดื่มน้ำอย่างนี้คลอเรสเทอรอลสูงทุกคน

รอให้เส้นเลือดอุดตันได้

เลย



เมื่อไปหาหมอ หมอก็จะจ่ายยาละลายลิ่มเลือดให้กิน

มันก็เหมือนเราเอาสารส้มแกว่งในตุ่มน้ำเพื่อให้น้ำ

ใส ตะกอนเมื่อมันนอนก้นน้ำก็จะใส

แต่ถ้าเอาอะไรไปแกว่งทำให้น้ำกระเทือนตะกอนก็ยังจะลอยขึ้นมา

ทำให้น้ำขุ่นอีกอยู่ดี เช่นเดียวกัน เมื่อเรากินยาเลือดก็จะใส

แค่ตะกอนในร่างกายมันยังไม่ออก ยังนอน

ก้นอยู่ในร่างกายเรา ดังนั้นเราต้องใช้น้ำพาตะกอนเหล่านั้นออกมาให้ได้

ไม่อย่างนั้นมันก็จะกลับไปอุด

ตันเส้นเลือดเราอีก



เมื่อร่างกายขาดน้ำลำไส้ก็แห้ง

ไม่มีน้ำที่จะพอเอาอุจจาระออกมาได้ของเสียก็จะสะสมอยู่ในลำไส้ และ

ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าร่างกายอีก

เลือดเราก็ยังสกปรกและข้นหนืดมากขึ้นไปอีก และลอง

พิจารณาดูครับว่า

เลือดที่เสียเมื่อเข้าไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายแล้วนั้นจะให้เกิดปัญหาตามมาอีก

มากมายเพียงใด



ที่ถูกแล้วเราควรจะอุจจาระ 1-3 ครั้งทุกๆวัน

ออกมาเป็นเส้นไม่เล็กนักปริมาณพอสมควรกับอาหารที่

เราทานเข้าไป ไม่ใช่ทานเข้าไป 1 กิโลกรัม ถ่ายออกมา 1 ขีด

ที่เหลือหายไปไหนหมดมันเข้าไป

บำรุงร่างกายเราทั้งหมดหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงตัวโตเท่าช้างแน่



การที่รอบเดือนหายไป 5-6 เดือนหรือมาๆหยุดๆ

แล้วแต่อารมณ์นั้นไม่ใช่เรื่องปกติของผู้หญิงทั่วไป ที่ถูก

แล้วรอบเดือนจะช้าเร็วไม่ควรเกิน 7 วัน ถ้าผิดไปจากนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง

ยกเว้นแต่ตั้งครรภ์



สำหรับดาราสาวท่านนี้ ดื่มน้ำน้อยมาก เลือดคงจะข้นหนืด

ผนังมดลูกคงจะแห้งไม่ลอกหลุดออกมาเมื่อมี

ไข่ตกและไม่ได้รับการผสมพันธุ์

เลือดนั้นก็ยังสะสมเป็นของเสียอยู่ที่ผนังมดลูกเดือนแล้วเดือนเล่า เมื่อ

ช่องทางการขับของเสียดำเนินไม่ได้ตามธรรมชาติ

ร่างกายก็จะสร้างรั้วขอบเขตเป็นถุง เป็นเนื้องอก

มาหุ้มห่อของเสียนั้นไว้

ของเสียก็จะค่อยๆกลายเป็นเนื้องอกและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด



ช่องทางในการขับของเสียออกจะมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกันคือ



1. ไต ขับออกมาทางปัสสาวะ

2. ลำไส้ใหญ่ ขับออกมาทางอุจจาระ

3. ปอด ขับออกมาทางลมหายใจ

4. ผิวหนัง ขับออกมาทางเหงื่อ

5. รอบเดือน ขับออกมาทางประจำเดือน



เมื่อช่องทางการขับของเสียไม่สมบูรณ์

หรือถูกปิดกั้นมันก็จะต้องพยายามหาทางออกให้ได้ เช่น ออกมา

เป็น สิว ฝ้า กระ ฝี ริดสีดวง



สิ่งเหล่านี้เป็นของเสียที่ร่างกายพยายามขับออกมาทั้งนั้น

ดังนั้นถ้าเรามี อาการดังที่กล่าวมา ก็ขอให้

เราจงเข้าใจด้วยว่าร่างกายเรามีของเน่าเสียอยู่ภายในแล้ว

มันเป็นสัญญาณเตือนภัยที่เราไม่ควรมอง

ข้าม หรือกินแต่ยา

ฉีดยากดอาการเหล่านี้ไว้ไม่ให้แสดงออกเพราะนั่นไม่ใช่วิธีการรักษา

หรือบำบัดโรค

ต่างๆให้หายไป แต่กลับเป็นการทำให้โรคหรืออาการนั้นรุกคืบไปเรื่อยๆ

เหมือนรุกใต้ดินโดยที่เราไม่รู้

สึกอะไร จะรู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อสายเสียแล้ว...



ที่มา : คอลัมน์แพทย์แผนไทย - นิตยสารตั้งตัว ฉบับเดือน เมษายน
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มาดื่มน้ำรักษาโรคกันเุถอะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 08:30:20 am »
0
ถ้าอยากได้รับประโยชน์จากน้ำมากที่สุด ต้องดื่มอย่างถูกหลักการด้วย


1 ดื่มทุกครั้งที่กระหาย แต่อย่าดื่มพรวดพราดทีละมากๆ เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ระบบขับถ่ายอย่าง ไต ปอด ม้าม รวมทั้งระบบย่อยด้วย


2 ทฤษฏีที่ว่า ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วนั้น ให้รวมถึงน้ำจากผัก ผลไม้ น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ ด้วย


3 ถ้ารับประทานอาหารที่รสไม่จัดจนเกินไป คุณจะไม่กระหายน้ำเลย แต่ถ้าทานเนื้อสัตว์ของหวานจัด หรืออาหารแห้งๆ ทอด ย่าง ปิ้ง ร่างกายก็จะเรียกหาน้ำมากขึ้นทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานหนัก ร่างกายจะทรุดโทรมลงก่อนวัยอันควร ทางที่ดีเราจึงควรทานอาหารที่รสชาติกลางๆ เท่านั้น



4 ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัด เพราะทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิน้ำที่เย็นกว่าให้เท่ากับอุณหถูมิร่างกาย ก่อนนำไปใช้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง ระบบย่อยอาหารไม่ดี หรือปวดประจำเดือนจึงควรดื่มน้ำอุ่นๆ หรือน้ำในอุณหภูมิธรรมดาเท่านั้น


5 ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร เพราะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ร่างกายจะได้รับสารอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน จะช่วยลดการกระหายน้ำได้


6 หากคุณต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ควรดื่มตอนที่เพิ่งลุกจากเตียงหมาดๆ 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร และหลังจากอิ่มแล้วครึ่งชั่วโมง


-----------------------------------------
ขอขอบคุณนิตยสาร SPICY

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babali-bigsize&month=02-08-2010&group=37&gblog=14
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง