หัวข้อ: "พิสูจน์ไม่ได้" ไม่ใช่ว่าเราพิสูจน์ไม่ได้แล้วผู้อื่นจะพิสูจน์ไม่ได้ เริ่มหัวข้อโดย: แมนแมน ที่ เมษายน 16, 2012, 09:10:13 am (http://sarakhamlive.com/uploads/2010-08-12/h11281598733.jpg) คำว่า "พิสูจน์ไม่ได้" ไม่ใช่ว่าเราพิสูจน์ไม่ได้แล้วผู้อื่นจะพิสูจน์ไม่ได้ อย่างนักวิทยาศาสตร์เองก็ใช่ว่าจะพิสูจน์ได้ทุกเรื่อง - กาลิเลโอ ตั้งทฤษฎีว่าโลกกลม แต่ว่าพิสูจน์ให้ผู้อื่นดูไม่ได้ เลยต้องติดคุกยันแก่ - ไอน์สไตน์โชคดีหน่อย ที่สามารถพิสูจน์ทฤษฎีของตนเองได้ ด้วยปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้งในรอบหลายร้อยปี - พี่น้องตระกูลไรท์พยายามแล้วพยายามอีก จนพิสูจน์ได้ว่าคนสามารถบินได้ ไม่เช่นนั้นก็เป็นคนบ้าต่อไป พระพุทธองค์ตรัสชัดเจนในคราวตรัสรู้ใหม่ ๆ ว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้นลุ่มลึกยิ่งนัก เหลือวิสัยที่คนในโลกที่จิตใจเต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง จะพึงเข้าใจได้ แต่เพราะยังมีคนที่มีธุลีในดวงตาน้อย คือ ในจิตใจมีโลภ โกรธ หลง น้อย จะสามารถเข้าใจสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ได้ อย่างเช่น อุปติสสะ กับ โกลิตะ โตมาก็เที่ยวดูการละเล่นอย่างคนอื่นเขา แต่ดูไปดูมาก็รู้สึกเบื่อ เห็นว่าไม่มีแก่นสาร จึงชวนกันออกค้นหาสัจธรรม คนในโลกอื่น ๆ คิดได้อย่างนี้ไหม คือ เห็นว่าโลกนี้ไร้แก่นสาร ความสุขในโลกล้วนน่าเบื่อและไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะฉะนั้น วิธีพิสูจน์ให้หายสงสัยน่ะมี แต่มันยากตรงที่เราต้องละตัณหาคือความอยาก ละมานะคือความถือดี ละทิฎฐิคือความยึดถือ ให้ทำทานเพื่อให้จิตใจปล่อยวางจากวัตถุ ก็ไม่เอาไม่อยาก เพราะว่าจิตใจยึดเหนี่ยวทรัพย์เหนี่ยวแน่น ให้รักษาศีลเพื่อให้จิตใจไม่คิดร้ายใคร ก็ไม่เอา เพราะว่าเราอยากจะดีกว่าผู้อื่น อยากเอาเปรียบผู้อื่นอยู่ร่ำไป ให้นั่งสมาธิเพื่อให้ละความยึดถือ ให้ใจปล่อยวาง ให้ละวางความสงสัยก็ไม่เอา เพราะว่าอยากมีเวลาไปแสวงหาสิ่งที่เป็นกิเลส แล้วจะทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้ยากที่สุดในโลก แต่มันจะไม่ยากหากเรายอมละวางสิ่งเหล่านั้น อย่าว่าแต่สมัยนี้ที่ผู้คนจิตใจตกต่ำเลย ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เองทั้ง ๆ ที่ทรงเห็นสิ่งเหล่านี้ทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ไม่เคยตรัสเล่าให้ใครฟัง แต่พอพระโมคคัลลานะเห็นเปรตเท่านั้นแหละ พระพุทธองค์ก็ทรงยืนยันว่าจริง และตรัสบอกว่าทรงเห็นมาตั้งแต่ตรัสรู้ใหม่ ๆ แล้ว แต่ไม่ได้ตรัสเล่าเพราะไม่มีพยาน ผู้ที่ฟังจะไม่เชื่อแถมยังจะปรามาสว่าเพ้อเจ้อ ทำให้ผู้นั้นมีบาปกรรมร้ายแรงติดตัวไปอีก ในสมัยพุทธกาลซึ่งมีพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์มากมายพระองค์ยังต้องระวังขนาดนี้ แล้วในยุคนี้จะยิ่งต้องระวังกันขนาดไหน อีกทั้งกรรมกิเลสที่อยู่ในจิตใจผู้คนนั้น จะทำให้เรื่องดีกลับเป็นร้ายได้เสมอ เราเคยไหมทั้ง ๆ ที่เราไม่มีเหตุผล แต่เราก็เถียงเพื่อเอาชนะ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงสนับสนุนให้ใช้ปาฏิหาริย์ในการเทศนาเพื่อให้ผู้คนละวางกิเลส มากกว่าจะเป็นไปเพื่อความศรัทธาเพียงอย่างเดียว หากอยากพิสูจน์ว่านรกสวรรค์มีจริงไหม อาจจะยาก แต่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงนำมาตรัสสั่งสอนนั้นเป็นเรื่องจริง ที่คิดจินตนาการเอาไม่ได้นั้น ไม่ได้ยากมาก เพียงแค่เราฝึกทำสมาธิ ละวางนิวรณ์คือมลทินที่ปิดบังจิตใจเอาไว้ให้เบาบางลงไป เราก็สามารถพิสูจน์ให้ตัวของตัวเองประจักษ์ได้แล้วว่า ยังมีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ไม่เห็นอีกมาก ยิ่งนิวรณ์ดับไปมากเท่าไร ยิ่งเข้าใจมากขึ้น มากจนวิทยาศาสตร์เป็นวิชาของเด็กอนุบาลไปเลย พิสูจน์ไ่ม่ได้ หรือไม่ได้พิสูจน์ หรือพิสูจน์ไม่ถูกวิธี ก่อนที่จะสรุปอะไรน่าจะลองพิสูจน์ให้ถูกวิธีดูก่อน จากคุณ : พักผ่อน |