อาจจะหลุดไปบ้าง หลายคำถาม เพราะไปอยู่ลึกหลายหน้า ก็ขออภัยกันไว้ล่วงหน้า นะจ๊ะ
ขอแยกประเด็นคำถาม นะจ๊ะ
1.ทำไม เราต้องภาวนาเพื่อการไม่กลับมาเกิด ด้วยคะ เพื่ออย่างอื่นไม่ได้หรือ ?
2.จากที่ได้พยายามอ่าน เนื้อหามาโดยตลอดข้อความก็เชิญชวน ปฏิบัติภาวนาเพื่อการไม่กลับมาเกิดอย่างนี้ ก็ต้องเดินแนวทางกลับเส้นทางนี้
3.แต่สำหรับคนที่ไม่มีความรู้สึกเบื่อโลก คือยังอยู่กับสังคม มีความสุขอยู่อย่างนี้ จำเป็นต้องปฏิบัติอย่างนั้น หรือคะ
4. แล้วเราจะภาวนา เพื่อ ให้มีความสุขอย่างนี้ จะสำเร็จในองค์กรรมฐาน หรือไม่คะ
5.คือไม่เข้าใจว่า ผลการปฏิบัติ จะมีผลคือต้องมีใจ เพื่อการไม่กลับมาเกิดเท่านั้นใช่หรือไม่คะ
1.ทำไม เราต้องภาวนาเพื่อการไม่กลับมาเกิด ด้วยคะ เพื่ออย่างอื่นไม่ได้หรือ ?
พระพุทธศาสนา มีเป้าหมายการสอน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนไปสู่เป้าหมายเดียวเท่านั้น คือ การเป็นพระอรหันต์ การเป็นพระอรหันต์ คือ การสิ้นสุดการมีกิเลส และไม่มีการเกิดอีกต่อไป ส่วนในระหว่างที่ไปสู่เป้าหมายนั้น ก็มีสร้างบารมีเพื่อเป้าหมาย ย่อ ๆ มี 3 ประการ คือ ทาน ศีล และ ภาวนา
2.จากที่ได้พยายามอ่าน เนื้อหามาโดยตลอดข้อความก็เชิญชวน ปฏิบัติภาวนาเพื่อการไม่กลับมาเกิดอย่างนี้ ก็ต้องเดินแนวทางกลับเส้นทางนี้
เส้นทางอื่นไม่มีอีกแล้ว มีเพียงเส้นทางเดียว ประกอบด้วยองค์ 8 คือ พระอริยะมรรค ผู้ที่ต้องการเป็นพระอรหันต์ ก็ต้องเดินเส้นทางนี้เท่านั้น แต่เส้นทางไม่ได้ไปง่าย ๆ ถึงแม้จะเส้นทางปรากฏ แต่ผู้ไปกลับมีน้อยลง เพราะบุคคลที่มีความปรารถนาการไม่กลับมาเกิด เริ่มมีน้อยลง ในยุคนี้กล่าวได้ว่า เป็นยุคของ เวไนยะ บัวเหล่าสาม เป็นจำนวนส่วนใหญ่
3.แต่สำหรับคนที่ไม่มีความรู้สึกเบื่อโลก คือยังอยู่กับสังคม มีความสุขอยู่อย่างนี้ จำเป็นต้องปฏิบัติอย่างนั้น หรือคะ
ก็ยังไม่ต้องไป ซึ่งเป็นธรรมดา คนที่ได้นิพพิทา แบบชาวโลก มิใช่ นิพพิทาที่เป็นญาณ ก็มักจะกลับไป กลับมาอย่างนี้ หากแต่ถ้าได้ นิพพิทานุปัสสนาญาณ จริง ๆ แล้ว ความเบื่อหน่ายต่อโลก ก็จะทำให้หาวิธีการที่ออกจากโลก นะจ๊ะ ดังนั้นวิธีการที่จะไปสู่ นิพพิทานุปัสสนาญาณนั้น มีได้สถานเดียว คือต้องภาวนา กรรมฐาน นะจ๊ะ ให้เลือกเอากรรมฐาน ที่เหมาะสมแก่ตนเอง และจริต ฐานะ สัปปายะ
4. แล้วเราจะภาวนา เพื่อ ให้มีความสุขอย่างนี้ จะสำเร็จในองค์กรรมฐาน หรือไม่คะ
การปฏิบัตกรรมฐาน ไม่ได้มุ่งที่ความสุข แต่มุ่งให้รู้จัก ความสุข และโทษของความสุข ทั้งหยาบ และ ทิพย์ ทั้งสุข และ ทุกข์ ทั้ง อสุขมทุกข์ ( มิใช่สุขและทุกข์ ) ทั้งหมดนั้นนี้เรียกว่า เวทนา
เวทนา จะเกิดแบบไหน ก็เป็นเวทนา และ เวทนาเป็นเครื่องบังคับ ให้คนมัวเมา และ หลงทางยึดติด คนที่เสพอบายมุข ก็เพราะคิดว่า เป็นความสุข เป็นต้นฉันใด มวลหมู่เทวดาทั้งหลาย ย่อมหลงไหลในอำนาจอันเป็นทิพย์ ฉันนั้น บุคคลผู้ที่จะสละโลก จิตจึงต้องเหนือโลก คือ เหนือเวทนา ด้วยประการทั้งปวง
เวทนา มีสองส่วน เวทนา ที่เกิดขึ้นแก่กาย เรียกว่า เวทนาภายนอก
เวทนา ที่เกิดขึ้นแก่ใจ เรียกว่า เวทนาภายใน
เวทนา ทั้งสองนั้น เป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ ให้ได้ ทั้งภายใน และ ภายนอก
เมื่อกำหนดเวทนา ได้ทั้งภายใน ได้ทั้งภายนอก จิตก็จะรู้ ถึงความเกิดของเวทนา และ ความเสื่อมของเวทนา
เมื่อรู้ความเกิดขึ้น และ ความเสื่อมไปของเวทนา ก็จะเห็นธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมที่ชื่อ ว่า การเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปของเวทนา เห็นตรงนี้ก็สำเร็จธรรมได้ตามลำดับ ตั้งแต่พระโสดาบัน ขึ้นไป
5.คือไม่เข้าใจว่า ผลการปฏิบัติ จะมีผลคือต้องมีใจ เพื่อการไม่กลับมาเกิดเท่านั้นใช่หรือไม่คะ
ผลการปฏิบัติ ไม่ต้องไปทำความเข้าใจ ใด ๆ ทั้งสิ้น สำคัญที่เหตุปัจจัย ของการภาวนามากกว่า การไม่กลับมาเกิดมาจากเหตุ คือ การเจริญพระอริยะมรรค มีองค์ 8 ให้สมบูรณ์ นะจ๊ะ
เจริญธรรม / เจริญพร