ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทึ่ง.! ติวพระธรรมทูตรู้ "ทำเกษตรอินทรีย์"  (อ่าน 1552 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28500
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ทึ่ง!ติวพระธรรมทูตรู้ทำเกษตรอินทรีย์

'มจร'จับมือ'พศ.'จัดสัมมนาพระธรรมทูตไทยในต่างแดน พระพรหมบัณฑิตแนะชาวพุทธกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกัน ทึ่งพระธรรมทูตต้องรู้จักการก่อสร้างและเกษตรอินทรีย์

18พ.ค.2556 สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม  ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  โดยมีพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศและพระธรรมทูต มจร ที่ผ่านการอบรมรุ่นที่ 19 จำนวน 165 รูปเข้าร่วม  ภายใต้การดำเนินการของ มจร และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ต่อจากนั้นนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถวายความรู้เรื่องแผนและแนวทางการดำเนินงานการขับเคลื่อนงานพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ช่วงบ่ายพระพรหมบัณฑิต  อธิการบดี มจร ปาฐกถาเรื่องยุทธศาสตร์การเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศความว่า ต้องการให้พระธรรมทูตได้ศึกษาถึงเป้าหมายของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ส่งพระธรรมทูตไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างแดนเป็นอย่างไร พร้อมขอให้ศึกษาเป้าหมายของศาสนาอื่นๆด้วย และเป้าหมายของประเทศไทย


การส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่ในต่างประเทศที่ผ่านมานั้นไม่เป็นยุทศาสร์ของชาติต่างคนต่างทำ เพิ่งจะเริ่มกำหนดเมื่อมีการสร้างวัดไทยที่พุทธคยาประเทศอินเดีย  ทุกวันนี้ยุทธศาสตร์ต้องเป็นองค์รวมไม่ใช่เป็นปัจเจกบุคคลเหมื่อนแต่ก่อน

 :25: :25: :25:

หลังจากสหประชาชาติประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันวิสาขบูชาโลกและมีการจัดงานที่สหประชาชาติประจำประเทศไทยภายใต้การดำเนินการของ มจร  จึงทำให้ได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆจากรัฐบาลและต่างประเทศเพราะถือว่านี้คืองานของชาติ   ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ จึงทำให้การจัดงานราบรื่นดี

อีก 2 ปีข้างหน้านี้จะเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว  ยังไม่มีการกำหนดเลยว่าจะใช่ภาษาอะไรในการสื่อสาร ทำให้ทุกวันนี้ประเทศไทยยังตีบทไม่แตกต่างคนต่างทำไม่ได้ทำเป็นองค์รวม ดังนั้น มจร จึงไม่รู้ว่าจะเข้าไปช่วยอย่างไร จึงต้องมาดูว่ายุทธศาสตร์พระธรรมทูตอยู่ตรงไหน

ขณะนี้มีการกำหนดแล้วว่าการสื่อสารด้านเศรษฐกิจนั้นต้องใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นจะมัวศึกษาภาษาเพื่อนบ้านแต่ละประเทศก็คงไม่ทันการ  มจร จึงกำหนดยุทธศาสตร์ตั้งสถาบันภาษาขึ้นมาเน้นการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและสื่อสารให้รู้ว่ามีเป้าหมายเพื่อประสานรองรับประชาคมอาเซียน จึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้านงบประมาณ

นอกจากนี้การสื่อสารระหว่างประชาคมอาเซียนจะมีการนำไอทีเข้ามาช่วย ดังนั้นการเทศน์ต่อไปนี้สามารถเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านได้ พระธรรมทูตจึงต้องมีความพร้อมด้านภาษา  ด้านการคมนาคมก็จะมีการเชื่อมกันระหว่างอาเซียนโดยจะมีถนนตัดผ่านและจะมีการเวนคืนที่ดินแม้นว่าพื้นที่ของ มจร จะถูกกระทบบ้างก็คงต้องยอมและเพราะนี้คือยุทธศาสตร์ชาติ

 :49: :49: :49:

ดังนั้นงานของพระธรรมทูตไม่ใช่สนองศรัทธาของญาติโยมเท่านั้น แต่เป็นการสนองยุทธศาสตร์ชาติด้วย จึงควรเริ่มจากการวางแผนด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์และกุศโลบาย โดยขอให้ชาวพุทธไม่ว่าจะเป็นนิกายใดประเทศใดมาร่วมกันกำหนด ไม่ควรสร้างคนละดวงต้องการสร้างดาวดวงเดียวกันอย่างประเทศไทยก็ไม่ควรแยกเป็นธรรมยุตกับมหานิยาย มากำหนดธรรมวิชัยร่วมกัน

"อย่างเช่นความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างเช่นกรณีปราสาทพระวิหารก็สามารถใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาความขัดแย้งได้เพราะเป็นเมืองพุทธด้วยกัน ไม่ใช่เพียงการส่งลูกสาวไปแต่งงานกับชาวกัมพูชาเท่านั้น" อธิการบดี มจร กล่าว

ด้านพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร  ในฐานะประธานโครงการ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีพระสงฆ์ที่ผ่านการฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 1,385 รูปรวม 18 รุ่น และครั้งนี้ เป็นรุ่นที่ 19 มีพระสงฆ์ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการอบรมจำนวน 98 รูป ทั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และฝึกอบรมให้เป็นพระธรรมทูตที่มีความรู้ความสามารถด้านพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีจริยาวัตรที่ดีงาม


 :s_good: :s_good: :s_good:

หลักสูตรอบรมพระธรรมทูต แบ่งออกเป็น 2 ส่วนประกอบด้วย
     ภาควิชาการ จำนวน 20 วัน ภาคปฏิบัติ กล่าวคือ กิจกรรมฝึกปฏิบัติและศึกษาดูงานการปฏิบัติศาสนกิจของพระธรรมทูตสายต่าง ประเทศ ณ แดนพุทธภูมิ นมัสการสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย เนปาล ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-2 เมษายนที่ผ่านมา
    โดยเริ่มที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย และไปสิ้นสุดที่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล
    กิจกรรมสาธารณูปการฝึกการปฏิบัติงานก่อสร้างและงานเกษตรสาธิต 20 วัน
    การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน 30 วัน
    และสุดท้ายการฝึกทักษะเพื่อการทำงานเป็นทีมในงานวันประสาทปริญญา ของมหาวิทยาลัยและงานวิสาขบูชาโลกนานาชาติ 10 วัน

พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ยังกล่าวถึงกรณีที่พระธรรมทูตต้องรู้งานก่อสร้างและงานเกษตรว่า
    การก่อสร้างถือว่าเป็นงานหนึ่งด้านสาธารณูปโภคที่พระธรรมทูตจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและคุมงาน
    จึงจำเป็นต้องมีความรู้ ส่วนงานเกษตรนั้นเพราะถือว่าเป็นวิถีของชาวบ้าน
    เกษตรในที่นี้ก็คงยึดเกษตรอินทีย์พอเพียงตามวิถีพุทธ
    เพราะว่าเป็นการเกษตรที่ไม่มีการเบียดเบียนกัน


นายนพรัตน์กล่าวเสริมว่า ก็เพื่อให้พระธรรมทูตมีความรู้แนะนำประชาชนได้ ซึ่งไม่ถือว่ามีความผิดแต่อย่างใดเพราะไม่ได้ลงมือทำเองเป็นเชิงพาณิชย์


ขอบคณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130518/158786/ทึ่ง!ติวพระธรรมทูตรู้ทำเกษตรอินทรีย์.html#.UZlvGUrSi85
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทึ่ง.! ติวพระธรรมทูตรู้ "ทำเกษตรอินทรีย์"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2013, 09:03:43 am »
0
สุดท้าย ยุคนี้ พระสงฆ์ ก็มีหน้าที่ สอน และ ก่อสร้าง เท่านั้น
 กิจหลักของพระสงฆ์ จริง ๆ หายไป เพราะค่านิยม ทางสังคม การจะเป็นพระสงฆ์ จริง ๆ คือ ต้องออกจากระบบการศึกษาสมัยใหม่ ของพระสงฆ์ เพราะการศึกษาสมัยใหม่นั้น มีค่านิยมที่เป็นไปทาง สังคมนิยม

  :49:
บันทึกการเข้า

ฟ้าใหม่แจ่มใส

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 226
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทึ่ง.! ติวพระธรรมทูตรู้ "ทำเกษตรอินทรีย์"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2013, 09:12:53 am »
0
ปั้จจุบัน ถ้าพระสงฆ์ มัวแต่สอนเรื่อง ปฏิบัติภาวนา นิพพานนั้น คนไม่สนใจ หรอกคะ

  st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องว่า ยายกบ เพราะชวนมาศึกษาธรรมะ