ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 วิธีขับรถปลอดภัยในช่วงหยุดยาว  (อ่าน 1175 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28484
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
10 วิธีขับรถปลอดภัยในช่วงหยุดยาว
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2011, 09:54:22 pm »
0

10 วิธีขับรถปลอดภัยในช่วงหยุดยาว

เดือนธันวาคม นับเป็นหนึ่งในเดือนสุดโปรดของมนุษย์ทำงานอย่างเรา เพราะเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวหลายวัน สภาพอากาศที่เป็นใจ อีกทั้งยังมีโบนัสออกมาช่วงสิ้นปีอีก ทำให้หลายคนเตรียมวางแผนเดินทางไกล เพื่อให้รางวัลกับตัวเอง หลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี สำหรับผู้ที่ชอบขับรถเดินทางไกลนั้น นอกจากจะต้องวางแผนจองโรงแรมและเลือกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากคือ ตรวจสอบเส้นทางและเตรียมความพร้อมของรถคู่กายเพื่อความปลอดภัย การเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ นานา ตั้งแต่เสียงร้องของเด็กที่เข้ามารบกวนโสตประสาทขณะขับรถ ภาวะรถติด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาพของถนนในช่วงหลังน้ำท่วม เป็นต้น หลังจากเตรียมความพร้อมทุกอย่างแล้ว อย่าละเลยสิ่งง่ายๆ ที่ไม่ควรมองข้าม อย่างวิธีการขับขี่อย่างถูกต้อง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเองและครอบครัว

10 เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการขับรถเพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

1. เข็มขัดนิรภัย ถือว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่สำคัญที่สุด การคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกวิธีนั้น ควรคาดเข็มขัดให้อยู่รอบสะโพก ไม่ให้เข็มขัดนิรภัยพาดบริเวณหน้าท้อง และไม่ควรรัดเข็มขัดนิรภัยจากด้านหลังหรือใต้แขน เนื่องจากจะทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก

2. สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรใช้ที่นั่งสำหรับเด็กและคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุด  โดยควรจัดวางไว้ที่เบาะหลัง และหันหน้าไปทางด้านหลังรถ ส่วนเด็กอายุ 1-3 ปีนั้น ควรนั่งที่นั่งสำหรับเด็กเช่นกัน แต่สามารถหันหน้าไปทางหน้ารถได้ สำหรับเด็กอายุ 4-7 ปี ซึ่งโตเกินกว่าที่จะนั่งเก้าอี้นิรภัย แต่เข็มขัดนิรภัยที่มากับที่นั่งปกติของผู้ใหญ่ก็ยังไม่พอดีกับตัว ควรใช้ที่นั่งเสริม (booster seat) แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยของที่นั่งปกติ เพื่อยึดเก้าอี้เสริมให้ติดกับเบาะรถ

ทั้งนี้ ควรให้เด็กเล็กนั่งบริเวณเบาะหลังของรถ เพราะการทำงานของถุงลมนิรภัยอาจทำอันตรายต่อเด็กเล็กได้ อีกทั้งบริเวณประตูหลังของรถ ยังสามารถตั้งไม่ให้สามารถเปิดจากภายในรถได้ เพราะลดความเสี่ยงจากความซุกซนของเด็กน้อยได้อีกชั้น



3. ควรปรับที่วางศีรษะให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและผู้นั่งรู้สึกสบายมากที่สุด ไม่ควรวางสิ่งของด้านบนหรือรอบๆ ที่เก็บถุงลมนิรภัย มิฉะนั้น อาจทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จนทำให้ผู้ที่อยู่ในรถบาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ บริเวณที่เป็นลิ้นชักเก็บของหน้ารถ ก็ไม่ควรเหน็บสิ่งของไว้ที่ฝาลิ้นชัก เพราะสิ่งของที่เหน็บไว้อาจพุ่งใส่ผู้นั่ง เมื่อต้องเหยียบเบรกกะทันหัน

4. ผู้ขับขี่ควรทำความรู้จักและความคุ้นเคยกับรถและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ ควรตรวจตราและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่ควรตรวจสอบให้เรียบร้อย ก่อนออกเดินทาง คือ เกจ์วัดความลึกของดอกยาง ความดันลมยาง รวมถึงระดับของน้ำมันเครื่องและน้ำในหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่

5. ขับรถอย่างมีความรับผิดชอบ เคารพกฎหมายและมีความรู้เรื่องระดับความเร็วของแต่ละสถานที่  นอกจากนี้ ควรพกใบขับขี่และรายละเอียดของประกันติดรถไว้เสมอ

6. วางแผนล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยประมาณระยะเวลาที่เหมาะสมของแต่ละจุดหมายปลายทาง รวมถึงขับรถตามความเร็วที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนด และเว้นช่องว่างกับรถที่อยู่ด้านหน้าอย่างน้อย 3 วินาที เพื่อความปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าเบรกอย่างกะทันหัน

7. จัดสิ่งของหรือกระเป๋าที่หนักที่สุดให้อยู่ใต้สุด เพื่อให้สิ่งของนั้นไม่เคลื่อนมากระแทกโดนผู้โดยสารเมื่อต้องหยุดกะทันหัน หรือเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

8. ถึงแม้ว่าช่วงหยุดยาวจะเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองก็ตาม แต่กฎทองที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรจำไว้คือ  “อย่าขับรถในขณะเมาเหล้า”

9. หากรู้สึกเหนื่อยให้หยุดพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เดินทางในระยะทางไกล อาจต้องการแวะพักบ่อยขึ้น เพื่อช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น



การเลือกใช้รถสักคันที่ได้ติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอย่างครบครันนั้น จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น  เช่น

Advance Trac ซึ่งจะตรวจจับการทำงานของแกนและตัวหมุน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทรงตัวของรถได้เป็นอย่างดี

ระบบเตือนเข็มขัดนิรภัย (Belt-Minder Technology) ที่จะช่วยเตือนให้ผู้โดยสารด้านหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ

เทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) ที่จะควบคุมการติดต่อสื่อสารและระบบความบันเทิงภายในรถ โดยที่มือไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย

ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Program :ESP) ที่จะช่วยควบคุมการทรงตัวของรถในทุกสภาพถนน

ระบบตรวจจับภาพในส่วนที่เป็นจุดบอด (Blind-Spot Monitoring System) ซึ่งจะจับภาพและส่งสัญญาณเตือน หากมีรถอีกคันเข้ามาใกล้ในส่วนที่เป็นจุดบอด


ถึงแม้ว่ารถในปัจจุบันจะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อช่วยลดความ เครียดของผู้ขับขี่สักเพียงใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ ความพร้อมของผู้ขับขี่ที่ควรขับขี่อย่างมีสติและใจเย็น ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวคราวนี้เป็นทริปที่น่าจดจำที่สุดอีกทริปหนึ่ง



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/life/222390
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2011, 09:56:10 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ