ขณิกสมาธิ คือ สมาธิที่พึ่งเริ่มจับตัวได้ชั่วขณะ หรือ ปะเีดี๋ยวปะด๋าว
สำหรับ ผู้รู้ทางปริยัติ ก็จะว่าเป็นสมาธิ ที่มีชั่วขณะ แต่สำหรับผู้ปฏิบัติภาวนาแล้ว ขณิกะสมาธิ มีถึง 3 ระดับ
แบ่งออกเป็น หยาบ กลาง และประณีต เท่าที่ผู้ฝึกในกรรมฐาน
สำหรับ ขณิกสมาธิ หมายถึงจิตที่เดินเข้าสู่ องค์แห่งปีติทั้ง 5 ไ้ด้
พูดเทียบอารมณ์ในกรรมฐาน แล้ว ผ่าน วิตก ผ่าน วิจาร เข้าสู่ปีติ ก็ ระดับ 3 ของปฐมฌานแล้ว
อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ยังไม่มั่นคง
สำหรับ อุปจาระสมาธิ เป็นสมาธิที่เฉียดเป็น ฌาน แต่ผลของ สมาธิ ตั้งจิตอยู่ในความสุขสมาธิ
พูดเทียบอารมณ์ในกรรมฐาน แล้ว ผ่าน วิตก ผ่าน วิจาร เข้าสู่ปีติ และ สุข ก็ ระดับ 4 ของปฐมฌานแล้ว
ผู้ได้ อุปจาระสมาธิ ในปฏิสัมภิทามรรค และ อภิธรรม ปริจเฉทที่ 9 นั้นกล่าวว่า จิตตั้งอยู่ในสุขตั้งแต่ 1 ทิวาราตรี ( 24 ชั่วโมง ) ดังนั้นในสายสุกขวิปัสสก ย่อมเข้า อุปจาระสมาธิ แล้วพิจารณาองค์ วิปัสสนา ย่อมสำเร็จ มรรค ผล ในวิปัสสนา สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลสุกขวิปัสสก เจริญอุปจาระสมาธิในองค์วิปัสสนา ที่รูแจ้งในวิปัสสนา นี้เรียกว่า ผลสมาบัติ
อัปนาสมาธิจะเป็นพวกที่เล่นฌานใช้กัน คือจะดำดิ่งไม่รับรู้ภายนอก อยู่ในองค์อย่างเดียว จัดเป็นสมถะร่วนๆ
อัปปนาสมาธิ นั้นหมายถึงจิต ที่รวมเป็นเอกัคคตารมณ์ คือ รวมศูนย์จิตได้เป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ( ในส่วนรูปฌาน )
อากาสานัญจายตนะฌาน อากิญจัญยายตนะ วิญญานัญจายตนะฌาน เนวนาสัญญายตนะฌาน ( อรูปฌาน ) ผู้ที่เข้าฌานได้ ไม่ได้ตัดอารมณ์ภายนอก แต่หากมีอารมณ์ รับรู้ได้ทั้งภายในและภายนอก ในแนวกรรมฐานทั่วไปนั้น จัดเป็นสมถะัล้วน ๆ อาจจะใช่ แต่ถ้าผู้ใดได้ฝึก อานาปานสติ อันประกอบด้วย สโตริกาญาณ 16 และ ญาณสติถึง 200 ญาณสติ ก็ไม่ได้เป็นสมถะ อย่างที่ท่านทั้งหลาย เข้าใจ
นี่เป็นข้อความที่ปรากฏใน อานาปานสติสูตร และ ฌานุเบกขาสูตร ตัตรมัชฌุเบกขาสูตร ในพระอภิธรรม