ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - หมิว
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10
321  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คุณคือต้นไม้ชนิดไหน ??? ... แม่นมากๆ ... ^^ ( คลายอารมณ์สไตล์ธรรมคะ ) เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 03:15:09 pm
คุณคือต้นไม้ชนิดไหน ??? ... แม่นมากๆ ... ^^
 
ต้นไม้ที่เรารู้จักก็สามารถนำมาทำนายลักษณะนิสัยของคุณได้เหมือนกันโดยดูจาก วันเกิดของคุณและนำมาเทียบกับชื่อต้นไม้ของเราคุณจะมีลักษณะนิสัยเป็นอย่าง ไรนะ ?

สำหรับผู้ที่เกิดในช่วงระหว่างวันต่างๆ ดังนี้

คุณคือต้นไม้ชนิดไหน??? ... แม่นมากๆ ... ^^
 
ต้นไม้ที่เรารู้จักก็สามารถนำมาทำนายลักษณะนิสัยของคุณได้เหมือนกันโดยดูจาก วันเกิดของคุณและนำมาเทียบกับชื่อต้นไม้ของเราคุณจะมีลักษณะนิสัยเป็นอย่าง ไรนะ ?

 
สำหรับผู้ที่เกิดในช่วงระหว่างวันต่างๆ ดังนี้ ...

 
23 Dec - 1 Jan ........................ APPLE TREE
2 - 11 Jan ............................... FIR TREE
12 - 24 Jan ............................. ELM TREE
25 Jan - 3 Feb ......................... CYPRESS TREE
4 - 8 Feb ................................ POPLAR TREE
9 - 18 Feb .............................. CEDAR TREE
19 - 28 Feb ............................ PINE TREE
1 - 10 Mar ............................. WEEPING WILLOW TREE
11 - 20 Mar ........................... LIME TREE
21 Mar ................................. OAK TREE
22 - 31 Mar .......................... HAZELNUT TREE
1 - 10 Apr ............................ ROWAN TREE
11 - 20 Apr .......................... MAPLE TREE
21 - 30 Apr .......................... WALNUT TREE
1 - 14 May ............................ POPLAR TREE
15 - 24 May ......................... CHESTNUT TREE
25 May - 3 Jun ..................... ASH TREE
4 - 13 Jun ............................ HORNBEAM TREE
14 - 23 Jun ................ ........ FIG TREE
24 Jun ................................. BIRCH TREE
25 Jun - 4 Jul ....................... APPLE TREE
5 - 14 Jul ............................ FIR TREE
15 - 25 Jul .......................... ELM TREE
26 Jul - 4 Aug ..................... CYPRESS TREE
5 - 13 Aug ......................... POPLAR TREE
14 - 23 Aug ....................... CEDAR TREE
24 Aug - 2 Sep ................... PINE TREE
3 - 12 Sep ..........................WEEPING WILLOW TREE
13 - 22 Sep ........................ LIME TREE
23 Sep ............................... OLIVE TREE
24 Sep - 3 Oct ..................... HAZELNUT TREE
4 - 13 Oct ........................... ROWAN TREE
14 - 23 Oct ......................... MAPLE ! TREE
24 Oct - 11 Nov ................... WALNUT TREE
12 - 21 Nov ......................... CHESTNUT TREE
22 Nov - 1 Dec ..................... ASH TREE
2 - 11 Dec ............................ HORNBEAM TREE
12 - 21 Dec .......................... FIG TREE
22 Dec ................................. BEECH TREE

 
 

เฉลย
APPLE TREE ก็เหมือนๆ กับต้นแอปเปิลนั่นแหละ สวยงาม เต็มไปด้วยเสน่ห์ ดึงดูด เฟิร์ทสุดๆชอบผจญภัย ค่อนข้าง อ่อนไหว เลยตกหลุมรักอยู่บ่อยๆ ชอบรักและให้คนอื่นรักถ้าเป็นคนรักก็จะเป็นประเภทอบอุ่น มีเมตตา มี ความสามารถพิเศษและเต็มไปด้วยจินตนาการ

FIR TREE - The Mysterious
เป็น คนที่มีรสนิยมแบบไม่ธรรมดา รักศักดิ์ศรี ชอบฝันกลางอากาศ ชอบสิ่งสวยงามขี้หงุดหงิดและดื้อรั้นอีก ต่างหาก ออกจะเป็นคนเชื่อในตัวเองมากจะใส่ใจกับคนที่ใกล้ตัวมากเท่านั้น ถ้าเป็นคนรักก็จะเป็น ประเภทไม่เคยพอมีคนรักและศัตรูเยอะพอกัน

ELM TREE - The Noble-Mindedness เป็นคนที่มีรูปร่างสวยงาม รสนิยมการแต่งกายดีเยี่ยมไม่ค่อยจะให้อภัยใครซักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนานชอบเป็นผู้นำ ไม่ชอบตาม ถ้าเป็นคู่รัก จะเป็นคู่รักที่ซื่อสัตย์เป็นคนที่มีความคิดทัศนคติที่กว้างไกล สามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน และอยู่ในโลกของความจริง

CYPRESS TREE - The Faithfulness เป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง ปรับตัวเก่ง รับความเป็นจริงของโลกได้ มองโลกในแง่ดีและต้องการเงินที่จะพาตัวเองไปสู่ความรู้ ไม่ชอบความโดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นคู่รักที่มีความต้องการโน่นต้องก ารนี่อยู่ตลอดเวลาไม่เคยพอแต่ก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้
 
POPLAR TREE - The Uncertainty
ดู เป็นคนที่ชอบการตกแต่ง ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองจะมีแรงกำลังใจก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องสร้างให้มี จริงๆเป็นคนที่ต้องการความตั้งใจและตั้งมั่นเป็นอย่างมาก ชอบอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ช่างเลือกเลยมักจะโดดเดี่ยว มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะออกไปในทางปรัชญา เป็นคนที่ไว้ใจได้และเป็นคู่รักที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจังในเรื่องการใช้ ชีวิตคู่

CEDAR TREE - The Confidence
จะ เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยสวย แต่รู้วิธีปรับตัว ชอบความหรูหราสุขภาพพลานามัยดี ( ข้อทดแทนที่คุ้มค่ากับความไม่สวย) ไม่ค่อยจะมีอาการอายกระมิดกระเมี้ยน มั่นใจในตัวเอง มุ่งมั่น แต่กลับไม่ค่อยอดทนมีความสามารถพิเศษเยอะ รอคอยรักแท้ และเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้รวดเร็ว

PINE TREE - The Particularity เป็นคนที่ยอมอะไรได้ง่ายๆ แต่ก็รู้จักวิธีที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใครได้ง่ายๆแต่กลับตกหลุมรักง่ายและเลิง่ายด้วย ( แปลกนะ ?)

WEEPING WILLOW TREE - The Melancholy เป็นคนที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความเศร้า ดึงดูดเพศตรงข้าม มีจิตใจเมตตาชอบทุกสิ่งที่สวยงามและมีรสนิยม ชอบการเดินทาง ช่างฝัน ซื่อสัตย์ดูเหมือนจะโดนรอบได้ง่าย แต่กลับยากที่จะมีชีวิตร่วมกับคนอื่นเป็นคนที่มีความตั้งมั่น มักจะเจ็บปวดทรมานเพราะความรักแต่บางครั้งก็มีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ได้ถ้า เนื้อคู่มี ลักษณะความเป็นผู้นำ
 
LIME TREE - The Doubt เป็นคนที่ยอมรับความเป็นไปในชีวิต ไม่ค่อยชอบการต่อสู้แข่งขันไม่ชอบการเป็นลูกจ้าง ออกจะเป็นคนที่ขี้เกียจ บอบบางแต่เสียสละเพื่อเพื่อนได้ มีพรสวรรค์และความสามารถเยอะแต่ไม่ดึงออกมาใช้ชอบบ่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ขี้อิจฉา แต่ก็จงรักภักดี
 
HAZELNUT TREE - The Extraordinary เป็นคนที่มีเสน่ห์ เข้าอกเข้าใจคนอื่น รู้วิธีการที่จะสร้างความประทับใจกระตือรือร้นที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ให้ กับสังคม เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นแต่ขี้หงุดหงิด เป็นคนรักที่ซื่อสัตย์ มั่นคงและเที่ยงตรงในการตัดสิน

ROWAN TREE - The Sensitivity
เป็น คนที่เต ? มไปด้วยเสน่ห์ ร่าเริง มีพรสวรรค์ ไม่เป็นคนที่หลงตัวเองแต่ชอบเรียกร้องความสนใจ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นคนที่ต้องพึ่งพาคนอื่นแต่ขณะเดียวกันก็อยากเป็นอิสระ มีรสนิยม มีความสามารถทางศิลปะเป็นเพื่อนที่ดี แต่มักไม่ให้อภัยใครง่ายๆ

MAPLE TREE - Independence of mind เป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย เต็มไปด้วยจินตนาการ ขี้อาย เก็บตัว แต่ทะเยอทะยานหยิ่ง ชอบมี ประสบการณ์แปลกใหม่ แต่บางครั้งเป็นที่ประหม่า ซับซ้อนมีความทรงจำดีเรียนรู้อะไรได้ง่ายมีชีวิตรักที่ซับซ้อนและชอบสร้าง ความประทับใจ

WALNUT TREE - The Passion
เป็น คนที่มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความตรงกันข้าม เป็นคนที่หลงตัวเอง ก้าวร้าวไม่เห็นแก่ตัว มีการตอบโต้ที่คาดไม่ถึง มีความทะเยอทะยานไม่มีที่สิ้นสุดโอนอ่อนบ้างในบางครั้ง ขี้อิจฉา ไม่ค่อยอะลุ้มอล่วยอะไรง่าย เป็นจอมวางแผนอัจฉริยะ

CHESTNUT TREE - The Honesty
เป็น คนที่สวยแปลกๆ ( สวยแบบไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร)เป็นคนที่ไม่คิดจะสร้างจุดสนใจให้กับ ใคร มีความยุติธรรมเกิดมาเป็นนักการทูต เจรจาพาทีเก่าง แต่เป็นคนขี้โมโหและอ่อนไหวไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเอง หาคู่แท้ยากมาก

ASH TREE - The Ambition เป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูด มีชีวิตชีวา ทำอะไรตามอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจกับคำวิจารณ์ทะเยอทะยาน ฉลาดเต็มไปด้วยความสามารถ เชื่อใจได้เป็นคนรักที่ค่อนข้างระมัดระวัง ใช้สมองมากกว่าหัวใจในการจัดการกับความรักแต่ก็ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับการ ใช้ชีวิตคู่
 
HORNBEAM TREE - The good taste เก๋ไก๋ มีเสน่ห์ มีรสนิยม ชอบความสะดวกสบายในชีวิตมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต ขณะเดียวกันอารมณ์ ก็ขึ้นๆ ลงๆชอบฝันถึงการมีคนรักแบบประหลาด เลยไม่ค่อยจะแฮปปี้ในชีวิตคู่ไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น และไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง
 
FIG TREE - The Sensibility เป็นคนเข้มแข็ง มีความตั้งมั่น ไม่ขึ้นกับใคร ไม่ชอบให้ใครต่อต้านเป็นคนรักครอบครัว รักเด็กและสัตว์เลี้ยง มีอารมณ์ขันมีความสามารพิเศษและฉลาด

OAK TREE - Robust nature เป็นคนกล้าหาญ เข้าแข็ง รุนแรง ไม่ขึ้นกับใคร ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ปักหลักในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่และเป็นนักปฏิบัติ

BIRCH TREE - The Inspiration เป็นคนมีชีวิตชีวา ดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นมิตร ไม่เสแสร้ง อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ชอบทำอะไรที่เกินตัวชอบชีวิตตามธรรมชาติ รักความสงบไม่ค่อยมีอารมณ์รุนแรง ความทะเยอทะยานก็ไม่ค่อยมี เต็มไปด้วยจินตนาการ

OLIVE TREE - The Wiadom เป็นคนอบอุ่น มีเมตตา เป็นคนมีเหตุมีผล มีความอดทนสูง ร่าเริง รักสงบเป็นคนยุติธรรม ขี้สงสาร ไม่ขี้อิจฉา รักการอ่านและเป็นเพื่อนของคนที่มีบุคลิกซับซ้อน

BEECH TREE - The Creative เป็นคนมีรสนิยมดี มักจะเป็นพะวงเรื่องการแต่งกายและวัตถุนิยมมีพื้นฐานชีวิตและอาชีพที่ดี มัธยัสถ์ เป็นผู้นำที่ดีมีช่วงเวลาที่วิเศษสุขในชีวิตเสมอ และยังคงความฟิตของร่างกายตลอดเวลา
322  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุดยอด นักปลอม ตัวฉกาจ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 03:09:04 pm

























323  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปรัชญา คู่รัก คู่ขา คู่แต่ง เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 03:03:47 pm
คู่รัก : คอยคุณที่หน้าอำเภอ(แต่ง)
คู่ขา : คอยคุณที่หน้าโรงแรม
คู่แต่ง : คอยคุณที่หน้าอำเภอ(หย่า)
 
คู่รัก : นัดเจอกันในงานเลี้ยง
คู่ขา : นัดเจอกันหลังงานเลี้ยง
คู่แต่ง : เธออยู่บ้าน ฉันจะไปงานเลี้ยง
 
คู่รัก : เปิดหนังโรแมนติก ร้องไห้ด้วยกันตอนจบ
คู่ขา : เปิดหนังเอ๊กซ์ ดูด้วยกันไม่ทันจบ
คู่แต่ง : ซื้อทีวีรุ่นจอเดียว แยกได้สองช่อง
 
คู่รัก : ไม่พยายามคิดเรื่องทะเลาะกัน
คู่ขา : ไม่พยายามคิดเรื่องเป็นคู่กัน
คู่แต่ง : พยายามคิดเรื่องเป็นโสด
 
คู่รัก : สนใจทุกเรื่องร่วมกัน
คู่ขา : สนใจเรื่องเดียวเหมือนกัน
คู่แต่ง : สนใจเงินในบัญชีธนาคารร่วมกัน
 
คู่รัก : โลกนี้เป็นของเราสองคน
คู่ขา : เรื่องนี้รู้แค่เราสองคน
คู่แต่ง : เรื่องทั้งโลกกลาย เป็นเรื่องระหว่างเราสองคนได้ทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องของพ่อตาแม่ยาย และญาติสนิทมิตรสหาย
 
คู่รัก : โทรศัพท์ถึงคุณเพื่อบอกว่า "รักเธอเหลือเกิน"
คู่ขา : เซ็กซ์โฟน
คู่แต่ง : โทรศัพท์มาเพื่อบอกว่า "กลับดึก ไม่ต้องคอย"
 
คู่รัก : ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือ บทกวีหวานกลั่นจากหัวใจ
คู่ขา : ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือ หมายเลขโทรศัพท์คู่ขาคนใหม่
คู่แต่ง : ทุกครั้งที่เขียน คือ เช็คส่วนบุคคล และบันทึกค่าใช้จ่าย
 
คู่รัก : ตาสบกันริมถนน
คู่ขา : ลิ้นพันกันบนโซฟา
คู่แต่ง : หลังชนกันบนเตียง
 
คู่รัก : แสดงความอาทรให้เขาสังเกต
คู่ขา : แสดงอาการเมื่อโดนสะกิด
คู่แต่ง : แสดงอารมณ์โดยไม่สะกด
 
คู่รัก : กล่าวคำอำลาว่า "รักเธอ"
คู่ขา : กล่าวคำอำลาว่า "อย่าลืมกินยาคุม"
คู่แต่ง : กล่าวคำอำลาว่า "ซักผ้าด้วย"
 
คู่รัก : เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงอ่อนหวาน
คู่ขา : เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงกระเส่า
คู่แต่ง : เรียกคุณว่า ที่รัก ชงกาแฟแก้ว
 
คู่รัก : สนใจขนาดนิ้วสวมแหวน
คู่ขา : สนใจขนาดยกทรง
คู่แต่ง : สนใจรอยลิปสติกที่ปกเสื้อ
 
คู่รัก : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาตั้งใจฟัง และขำกลิ้ง
คู่ขา : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาบอกว่าหยุดเถอะ วันนี้ต้องทำเวลา
คู่แต่ง : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาให้คุณช่วยอธิบายอีกห้านาที พยักหน้าเข้าใจ และก้มหน้าอ่าน หนังสือพิมพ์ต่อ
 
คู่รัก : เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะเข้ามาช่วยคุณอย่างกุลีกุจอ
คู่ขา : เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะเข้ามาทำอะไรสักอย่าง จนคุณไม่อยากจะทำอาหารต่อ
คู่แต่ง : เมื่อคุณอยากทำอะไรสักอย่างทาน เธอจะขอให้คุณเผื่อเธออีกจาน
324  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โฉมหน้าผู้บริจาค ช่วยเหลือผู้ประสพภัยแผ่นดินไหว ในจีน เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 03:01:44 pm




325  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สามเณรที่ได้รับการบวช โดยพระพุทธเจ้า เทียบเท่ากับพระ ทายัชชอุปสัมปทา เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 12:34:12 pm
ในประวัติพระทัพพมัลลบุตรเถระ
ข้อความหนึ่งว่า
      "พระพุทธองค์จึงทรงบวชให้ด้วยการยกท่านจากการเป็นสามเณรขึ้นเป็นพระภิกษุในวันนั้น ด้วย
      พระดำรัสว่า “อชฺชโต ปฏฺฐาย ภิกฺขุ โหหิ” ซึ่งแปลว่า เธอจงเป็นภิกษุตั้งแต่วันนี้ไป การบวช
      ด้วยวิธีนี้เรียกว่า “ทายัชชอุปสัมปทา” แปลว่า การรับเข้าหมู่โดยความเป็นทายาท ทั้งนี้เพราะ
      พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า ท่านมีคุณสมบัติสมควรที่จะเป็นพระภิกษุเพราะเป็น
      พระอรหันต์ และปฏิบัติหน้าที่เทียบเท่าพระ (ในพระพุทธศาสนามีสามเณรที่ได้รับการบวชด้วย
      วิธีนี้ ๓ รูป คือ สามเณรสุมนะ, สามเณรโสปากะ และสามเณรทัพพะ)"


326  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: จิตปภัสสร เป็นเช่นไร เมื่อ: มกราคม 17, 2011, 03:02:25 pm
กรรมฐาน สมถะวิปัสสนา จะช่วยระงับกิเลสอย่างไร คะ

  เคยสงสัยเหมือนกัน แต่ ตอนนี้เข้าใจแล้วคะ ว่าถ้าจิตเราฝึกฝนไว้ดี จิตก็ผุดผ่องมากขึ้น

ดังนั้น จิตผุดผ่อง นี้จะเกิดได้ก็ต้องฝึกกรรมฐาน ฝึกแล้วก็จะเห็นความเบาบางของกิเลสไปเรื่อยๆ

อนุโมทนากับลุงปุ้ม คะ

 :25:
327  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: อยากมีสุข..ก็ไล่ความทุกข์.. เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 12:38:06 pm
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว รู้สึก ว่า อารมณ์ดีมากเลยคะ

 อาจจะเป็นเพราะว่ายามที่จิตเราไม่รู้ความจริง ก็มักจะอมทุกข์ ทั้ง ๆ ที่ทุกข์ไม่ได้สร้างความสุข ให้เลย

 ขอบคุณเจ๊หมวยคะ กับเรื่องดี ๆ   

:58:
328  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ต่อไปนี้คุณผู้ชายที่ชอบ "ไข่แล้วทิ้ง" ผิดกฏหมาย คร้า..... เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 03:24:40 pm
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กับกฏหมายอันนี้ ถึงเวลาที่ผู้ชายทุกคนจะต้องปฏิบัติกับสตรีอย่าง

สุภาพบุรุษแล้ว ไม่ใช่มาหวังแต่...ตลอด ควรจะต้องรับผิดชอบด้วย

 :88:
329  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 เรื่องแสนธรรมดาที่ห้ามทำเด็ดขาด เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:47:14 pm
5 เรื่องแสนธรรมดาที่ห้ามทำเด็ดขาด
เรื่องธรรมดา ในชีวิตประจำวัน ที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเรา ห้ามทำเด็ดขาด


1. การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน

ตอน เช้าตื่นมากิจวัตรที่ต้องทำคือการแปลงฟัน แต่ถ้าหากคุณไปนอนบ้านคนอื่น หุหุ คนจะรู้ไหมว่าในแปลงสีฟันเขามีเชื่อโรคมากน้อยแค่ไหน การใช้แปรงสีฟันร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย

2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ

เวลา ไปห้างสรรพสินค้าจะมีเครื่องเป่ามือให้แห้งผมเห็นแล้วช่างดัดจริตตาเสียนี้ กระไร ไม่รุ้คนที่มาเป่านี้ดัดจิตจริงๆ ที่ว่าแบบนี้เพราะว่า เครื่องเป่ามือเนียมันไม่เห้นจะมีความจำเป็นอะไร ที่บ้านของคุณผมก็เชื่อว่าไม่มี แต่เวลาไปห้างเนียของเป่าไว้ก่อน ดูเทห์หรอืไงไม่ทราบ แล้วคุรรู้หรือไม่ว่า การที่เป่ามือด้วยเครื่องอะ ท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น

3. การนั่งบนชักโครกสาธารณะ

เวลา ปวดท้องเข้าห้องน้ำไม่เคยปราณีใคร นึกมันจะปวดก็จะปวดขึ้นมากระทันหัน ห้องน้ำสาธารณะก็ถือว่าเป็นสรวงสวรรค์ดีๆ นี้เองของคนอยกาถ่าย555 สำหรับ หลายๆ คนหนุ่มๆ (เกย์เก้) สาวๆ นั่งที่ปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นถ้าหากท่านชายหรือท่านหญิงเกิดจะนั่งถ่าย ก็ควรจะเอาเช็คชูสะอาดๆ มารองไว้บนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ผมใช้มาทุกครั้ง และเคล็ดลับของผมอีกอย่างจะเอาพกขวดน้ำเอ่ไว้เพื่อล้างให้สะอาดอีกด้วย

4. การกลั้นจาม

คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้

5. กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ

การ รับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว
330  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / โอวาท หลวงพ่อทวด เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:31:20 pm

พูดมาก เสียมาก
พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์

"มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่งานส่วนตัว
…มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว
…มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่นอนมาก
…มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ได้นอนในไม่ช้า"

“นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา” (๓จบ)
331  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / "กำลังใจ"....พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา) เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:21:43 pm

"กำลังใจ"....พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา)


ใจของเรานี่มันอยู่ในกรง

ยิ่งกว่านั้นมันยังมีเสือที่กำลังอาละวาดอยู่ในกรงนั้น

ด้วยใจที่มันเอาแต่ใจของเรานี้

ถ้าหากมันไม่ได้อะไรตามที่มันต้องการแล้วมันก็อาละวาด

เราจะต้องอบรมใจด้วยการปฏิบัติภาวนาสมาธิ

นี่แหละที่เราเรียกว่า "การฝึกใจ"

…. ขอให้จำไว้ว่า ถึงจะขี้เกียจ ก็ให้พยายามปฏิบัติไปขยันก็ให้ปฏิบัติไป

ทุกเวลาและทุกหนทุกแห่งนี่จึงจะเรียกว่า "การพัฒนาจิต"

ถ้าหากปฏิบัติตามความคิดความเห็นของตนแล้ว

ก็จะเกิดความคิดไป ความสงสัยไปมากมาย

มันจะพาให้คิดไปว่า "เราไม่มีบุญ เราไม่มีวาสนา

ปฏิบัติธรรมก็นานนักหนาแล้วยังไม่รู้ยังไม่เห็นธรรมเลยสักที"

การปฏิบัติธรรมอย่างนี้ ไม่เรียกว่าเป็น "การพัฒนาจิต"

แต่เป็น "การพัฒนาความหายนะของจิต"
332  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 06:40:32 pm


333  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ทีมมัชฌิมา สระบุรี มีรายละเอียด ของทุ่งทานตะวันบ้างหรือป่าวคะ เมื่อ: ธันวาคม 28, 2010, 03:54:35 pm


แผนที่ชมทุ่งทานตะวัน
334  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ทีมมัชฌิมา สระบุรี มีรายละเอียด ของทุ่งทานตะวันบ้างหรือป่าวคะ เมื่อ: ธันวาคม 28, 2010, 03:46:47 pm










ขอบคุณภาพจาก

http://play.kapook.com/photo/show-59819
335  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปริศนา 10 เรื่อง ... เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:31:37 pm
ปริศนา 10 เรื่อง ...

อันดับ 10 : มนุษย์หิมะ - เยติ ( The Abominable Snowman)

 

 
     สถานที่นี้ก็อยู่ทวีปเอเซีย ในหุบเขาหิมาลัย ในประเทศเยติ สถานที่นี้ได้มีการพบ อโบมิเนเบิ้ล สโนว์แมน หรือที่ชาวเซอร์ปาร์เรียกว่า เยติ มีประวัติอันยาวนานมากที่สุดในบรรดาเรื่องราวของมนุษย์วานรทั้งหมดของชาว ภูเขา มันเข้าไปพัวพันอยู่ในความเพ้อฝัน ศาสนา ตำนาน เล่ห์ลวง และการค้า คนที่เคยเห็นมันเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ มูลของมันถูกนำมาวิเคราะห์ รอยเท้าถูกบันทึกภาพไว้และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยบันทึกภาพไว้และทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง มันถูกจัดให้เป็นตำนานโดยนักบุกเบิกในปลายยุค 1950 และ 1960 แต่ตอนนี้หลักฐานกากรดำรงอยู่ของมันดูเหมือนจะหนักแน่นขึ้นทุกวัน นอกจากนั้นมันยังเป็นอสูรกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทือกเขาหิมาลัย เป็นตำนานในหมู่ของชาวเนปาล โดยเฉพาะชาวเชอร์ปาผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง ณ วัดแห่งหนึ่งในร่มเงาของเทือกเขา เอเวอร์เรส ท่านเจ้าอาวาสบอกว่ามักจะมีฝูงเยติมาเยือนทางวันอยู่เสมอในแต่ละปี

 
 
 
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)

 

 
     สถานที่ท่องเที่ยวที่ต่อไปต้องบินไปถึงทวีปอเมริกาใต้ ในทะเลทรายทางภาคใต้ ที่ราบสูงของประเทศเปรู ที่นั้นมีลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพแปลกๆ มากมาย และเป็นข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ แต่สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น แต่รีบๆ ไปเที่ยวหน่อยล่ะ เพราะปัจจุบันลายเส้นพวกนี้นับวันยิ่งจางหายไปเนื่องจากรอยล้อรถของพวกนัก ท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ลบของเดิมที่มีมาไปจนเกือบหมดแล้ว

 
 
 
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)

 

 
     ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก โดยอาณาบริเวณนี้กินกว้างจากฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวด้า มันกินพื้นที่ตั้งห้าแสนตารางไมล์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ เช่น เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน ถ้าใครจะไปพิสูจน์ก็แขวนพระดีๆ หน่อยล่ะ

 
 
 
อันดับ 7 : ป้อมปราสาทสยองขวัญ (The Tower of London)

 

 
     สถานที่นี้ตั้งอยู่ในลอนดอนครับ มีชื่อเสียงมาก ถามใครต่างรู้จัก จัดได้ว่าเป็นสถานที่โบราณที่มีเรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะที่นั้นเป็นสถานที่ ทั้งกษัตริย์ ราชินี เชื้อพระวงศ์ ตอลอดจนขุนนางชั้นสูงต่างล้วนจบชีวิตลงที่นี้มาก โดยการตัดคอ และมีหลายคนเห็นผีหัวขาดบ้าง ไม่ขาดบ้างปรากฏในปราสาทนี้นับครั้งไม่ถ้วนเลยครับ ในปัจจุบันเราก็สามารถเยี่ยมสถานที่ตั้งนี้ได้อย่างสบายใจ โชคดีอาจเจอผีก็ได้น่ะ

 
 
 
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)

 

 
     สถานที่นี้ตั้งอยู่ในอเมริกา(ไม่บอกไม่รู้น่ะเนี้ย) ปรากฏในเคโรเระโดยน่ะจะบอกให้ พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

 
   
อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน ( THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)

 

 
     เมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาซูเซตต์ สหรัฐอเมริกา คดีแห่งปริศนา(เกิดขึ้น 1962-2001) ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? มันฆาตกรระดับโลกอีกคนที่ถูกนำไปสร้างหนังมากที่สุดอีกคนหนึ่ง เหยื่อของมันส่วนมากเป็นหญิงชรา ผลงานของมันมีถึง 13 ศพ ทุกรายถูกทารุณกรรมทางเพศ บางครั้งโดนกัด ทุบด้วยของหนัก ถูกแทง และจัดศพแผ่หลาราวกับถ่ายหนังโป๊ ที่น่าสังเกตคือทุกศพโดนรัดคอด้วยของใช้ของผู้ตายเอง เช่น ถุงน่อง กางเกงในยืด ฯลฯ และมัดในรูปของหูกระต่ายวางที่ใต้คางเหยื่อ คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอ ซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอ ซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา??? ปัจจุบันนี้เขายังมีการเปิดทัวร์ให้ไปเยี่ยมชมสถานที่การฆาตกรรมของเหยื่อ ทั้งหมดด้วยน่ะ ราคาก็ไม่แพง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคอฆาตกรรม สืบสวน สอบสวนได้ดีเลยแหละ

 
 
 
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส ( THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
   

   
     ทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง ปัจจุบันเราสามารถไปท่องเที่ยวที่นั้นได้อย่างสบายเลยแหละเพราะเขาเปิดเป็น สถานที่ท่องเที่ยวแล้ว พร้อมที่พักกับกล้องส่อง กล้องวงจรต่างๆ เผื่อถ่ายติดแล้วส่งรายการเรื่องจริงผ่านจอได้เลย

 
 
 
อันดับ 3 : คฤหาสน์วินเชสเตอร์ Mystery House

 

 
     คนที่อ่าน"Executional มหาสงครามออนไลน์ถล่มจักรวาล"คงร้องอ๋อกับสถานที่นี้ คฤหาสน์วินเชสเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ซานโฮโซ แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ถูกสร้างในปีศตวรรษที่ 19 มันยังคงสภาพมานานเป็นเวลานานถึง 38 ปี และในปี 1974 ได้ถูกบันทึกเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศ นอกจากในแง่การก่อสร้างอันพิสดารแล้วยังมีชื่อว่าเป็นบ้านผีสิงอีกด้วย คฤหาสน์หลังนี้มีมูลค่า 5,500,000 ดอลล่าร์สหรัฐ มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง สูง 4 ชั้น (เดิม 7) ห้องใต้ดินสองชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างประมาณหมื่นบาน เตาผิง 47 เตา บันได 40 ที่(376 ขั้น) และห้องจัดเลี้ยงอีก 2 ห้อง ว่ากันว่าซาร่า สร้างคฤหาสน์นี้ขึ้นเพราะผีบอกให้สร้างเอาไว้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงผี และมีสิ่งที่แปลกก็เช่นบันไดที่ขึ้นไปโดยไม่สิ้นสุด ประตูห้องกลลวง หน้าต่างที่ไม่รู้จะสร้างมาทำไม ห้องกลไก ฯลฯ
ปัจจุบันนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม สำหรับทัวร์มีทั้งปกติในตอนกลางวันและทัวร์กลางคืน (ต้องมีไกด์นำทางกันหลง แต่ก็ระวังล่ะไกด์ก็เคยหลงมาแล้วเหมือนกัน)

 
 
 
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)

 

 
     เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป ปัจจุบันไม่รู้เขาจะเปิดหรือเปล่า แต่จากการเดาน่ะเขาคงไม่เปิดแล้วแหละเพราะรัฐบาลเขากลัวนักท่องเที่ยวมาทำ ความเสียหายบนเกาะนี้

 
 
 
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)

 

 
     คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1888 ที่ ตรอกไว้ท์แช็พเพล ในลอนดอน ประเภทอังกฤษ มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดเหี้ยมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร? เหมือนกับของบอสตัน ปัจจุบันเราสามารถไปท่องเที่ยวจุดเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมที่นั้นได้อย่างสบาย เลยแหละเพราะเขาเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว พร้อมที่ไกด์ชราที่มาเล่าความหลังสมัยยังเด็ก แถมเป็นตอนกลางคืนอีก โอ้มันสนุกอะไรเช่นนี้ อย่างกับบ้านผีสิง
336  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีสลัดรักผู้ชาย นิสัยเสีย เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:04:20 pm
ทำไมโลกนี้ถึงได้มีแต่ผู้ชายแย่ ๆ เต็มไปหมด? คำถามนี้กลายเป็นคำถามโลกแตกไปแล้วค่ะ เพราะไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า ทำไมประชากรชายนิสัยเสียถึงได้เพิ่มขึ้นขนาดนี้ เพราะหันหน้าไปทางไหนก็เห็นเพื่อนสาวหลายคนต่างโอดครวญถึงชีวิตรัก  พอได้ฟังก็ยิ่งเพิ่มความแค้นกับผู้ชายนิสัยเลว ๆ อย่างนี้ทวีเพิ่มขึ้นไปอีก สงสัยจริง ๆ ว่าผู้ชายดี ๆ หายหน้าหายตาไปไหนหมด หรือถูกครอบครองไปหมดแล้ว  เหลือแต่พวกแบดบอยให้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงกันต่อไป
 
          ถ้าคุณกำลังคบอยู่ชายคนหนึ่งพอดี และอยากจะบอกเลิกเสียเต็มที เพื่อที่คุณจะได้ครอบครองชีวิตซึ่งเป็นของคุณเองอีกครั้ง ที่สำคัญคุณจะได้เชิดหน้าใช้ชีวิตเพื่อคบกับชายหนุ่มที่แสนดีเสียที แต่วิธีบอกเลิกแบบเดิม ๆ มันก็แสนธรรมด๊าธรรมดาไปแล้ว บอกเลิกไปก็ใช่ว่าผู้ชายพวกนี้จะไม่ได้นะคะปล่อยไว้ไม่ได้ อย่างนี้ต้องหาวิธีเด็ด ๆ มาใช้หักหลังผู้ชายนิสัยเสียเกิน Labelle มีวิธีบอกเลิกเก๋ ๆ มาให้ลองใช้กัน ได้ผลไม่ได้ผลยังไงบอกต่อด้วยนะคะ
 
 โกหกหน้าตาย
          จริงอยู่ว่าที่คุณบอกเลิกกับเขาก็เพราะว่านิสัยเสียหลาย ๆ อย่างของเขาที่คุณทนไม่ได้ แม้จะทดลองทนมานานแล้ว แต่ผู้ชายพวกนี้บอกเหตุผลจริง ๆ ไปก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านหรอก โกหกไปเลยหาเหตุผลเจ๋ง ๆ อย่าง "คุณทำให้ฉันรู้ตัวว่าเป็นเลสเบี้ยนแน่นอน" หรือ "ฉันมีผู้ชายใหม่ซะแล้ว  ขอโทษนะ" พูดจบก็เชิดหน้าขึ้นแล้วเดินตรงออกไปเลยค่ะ
 
 มาสร้างครอบครัวกันเถอะ
          พวกเพลย์บอยทั้งหลายกลัวเหลือเกินกับเรื่องการโดนผูกมัด ดังนั้น การมีครอบครัว การมีลูก คือสิ่งที่เขาทั้งหลายออกอาการกลัวสุดขั้ว ลองแกล้งทำบอกเขาสิว่าคุณอยากแต่งงาน อยากมีลูกกับเขา คุณแฟนตัวดีของคุณหายเงียบเข้ากลีบเมฆแน่ แต่ถ้ายังไม่ยอมไปก็แกล้งทำเป็นซื้อหนังสือแม่และเด็กมาอ่าน รับรองว่าคราวนี้หายจริง
 
 สร้างสถานการณ์
          ลองให้เพื่อนที่สวยและเซ็กซี่ที่สุดในกลุ่มของคุณแอบมายั่วยวนเขา แล้วบังเอิญว่าคุณมาเห็นพอดี แสดงละครเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่าไปเลย ออกอาการโมโหโกรธา น้ำหูน้ำตาไหลได้ก็จะดีมาก และบอกเลิกไปตรงนั้นเลย  หลักฐานมัดตัว (ที่คุณสร้าง) มันมีอยู่แล้ว ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวคุณด้วยอยู่ที่แฟนตัวแสบของคุณต่างหาก
 
 ไซโค
          ให้บรรดาเพื่อนสุดเลิฟของคุณ ใครก็ได้ แกล้งทำเป็นแฟนเก่าโรคจิต ส่งอีเมล์ขู่ไปหาแฟนของคุณว่า ถ้าเขาไม่เลิกกับคุณจะต้องโดนดีแน่ ๆ ใช้ข้อความที่แรก ๆ ดูเบา ๆ และค่อย ๆ หนักขึ้นหนักขึ้น ซึ่งจะทำให้เขาประสาทเสีย แต่ควรจะสร้างอีเมล์ขึ้นมาใหม่นะ ไม่งั้นอาจจะโดนจับได้ หมดสนุกกันพอดี ซึ่งวิธีนี้คุณก็จะได้เห็นธาตุแท้ด้วยว่าแฟนคุณน่ะ ขี้ขลาดตาขาวแค่ไหน
 
 เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ
          อย่างเวลาที่ออกไปข้างนอกกันสองคน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือโรงหนัง แกล้งทำเป็นตดเสียงดัง ไม่ก็เรอออกมาหน้าตาเฉยต่อหน้าเขาเลแล้วก็บอกลองถามว่าเขารับได้หรือเปล่า  ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกกันไปซะ  แต่ขอบอกก่อนว่าอันนี้เฉพาะคุณสาว ๆ ที่ไม่แยแสสายตาชาวบ้านและขอให้แน่ใจว่าไม่มีคนรู้จักอยู่ในร้านด้วย ทำให้เขาขายหน้าเล่น ๆ จะเป็นไรไปล่ะ
 
 ย้ายถิ่นฐาน
          แกล้งทำเป็นส่งโปสเตอร์จากสถานที่อื่น ๆ มาหาเขาพร้อมด้วยข้อความสั้น ๆ ว่า "จะไปเที่ยวพักผ่อนคนเดียว อีกหนึ่งปีเจอกัน" รับรองว่าเขาอึ้งแน่ วิธีนี้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายอะไรเลย เพราะคนแบบนี้พูดไปก็เท่านั้น ชิ่งไปอย่างนี้แหละ สะใจดีชอบ....
 
 อย่าเพิ่งมีคนใหม่
          ไม่ควรที่จะมีแฟนใหม่ก่อนบอกเลิกกับแฟนคนปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ตัวคุณเองต่างกับแฟนเท่าไหร่ ทางที่ดีควรจะบอกเลิกให้เสร็จสรรพก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ คนอื่นจะได้ไม่มองคุณในทางที่ไม่ดีประมาณว่าจับปลาสองมือ และคุณจะได้คบกับแฟนใหม่ได้อย่างสบายใจด้วย
 
 ทำในที่สาธารณะ
          ผู้ชายนิสัยเลว ๆ อย่างนี้ต้องประกาศให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ค่ะ ไม่ต้องไปหาหรอกที่ส่วนตัวเพื่อที่จะบอกเลิก  คุยกันเลยต่อหน้าสาธารณชน แต่ไม่ถึงขนาดตะโกนโหวกเหวกอันนั้นก็ละครทีวีไปนิดนึงแต่งานนี้คุณต้องเข้ม แข็งสักหน่อย อย่าร้องไห้เชียวละ สู้สู้ สู้ตายค่ะ
 
 อย่ารู้สึกผิด
          หลังจากที่บอกเลิกกันไปแล้ว อย่ามัวมานั่งจับเจ่ากับความเศร้าอยู่เลย  เข้าใจว่าไอ้รักมันก็รัก แต่ถ้าผู้ชายมันนิสัยแย่มาก ๆ ก็อย่าไปแคร์เลยค่ะ รักตัวเองไว้จะดีกว่า คุณยังมีคนรอบข้างที่ยังห่วงคุณอย่างบริสุทธิ์ใจไม่ ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนผู้ชายน่ะ มีเยอะแยะเหมือนผัก ไม่ตายก็หาใหม่ได้ เชื่อสิ
 
          อย่าลืมว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม อย่าทำให้ผู้ชายแย่ ๆ คนหนึ่งเข้ามาทำให้คุณกลายเป็นคนกลัวความรักไปเลยล่ะ หันมาดูแลตัวเองทั้งกายและใจ พร้อมเปิดรับกับความรักครั้งใหม่ของคุณอาจจะอยู่ใกล้ ๆ แค่เอื้อมนี้ก็ได้  โชคดี...กับความรักครั้งใหม่ค่ะ
 
337  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นำไตเติ้ล ตัวอย่าง วีดีโอ กรรมฐาน ชุดพิเศษ จะจัดทำเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 11:58:51 am
 :13: :13: :13:

เยี่ยมคะ แต่พระอาจารย์ไม่ปล่อย วีดีโอออกสักตอนหรือ คะ

 :25:
338  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ภาษิตจีน เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 01:55:05 pm
++ คัมภีร์จีน ว่าไว้... ++

---------------------------------

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

การวางเฉยเป็นมารยาทที่ดี แต่มากนักมักเป็นคนลับลมคมใน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ผู้ที่สามารถควบคุมความโกรธไว้ได้

เป็นผู้มีปัญญายอดเยี่ยม

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

การทำงานอย่าเอาแต่ทิฐิของตน ต้องเข้าใจเหตุผลของงาน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

อารมณ์โกรธเข้าประตูหน้า สติปัญญาก็โผออกประตูหลัง

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

เมื่ออยากจะรู้ความในใจเขา ต้องฟังเขาพูด

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ถอยสักก้าว ทะเลดูกว้าง ท้องฟ้าสดใส

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

คบหากันเพราะรูปโฉม ความงามร่วงโรย ความรักก็สลาย

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ผู้ให้ไม่หวังผล ผู้รับไม่ควรลืม

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ใคร่ครวญต้องช้า ๆ ลงมือทำต้องรวดเร็ว

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ยามรุ่งเรืองไม่ประมาท ยามตกยากต้องอดทน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

คุณธรรมความดีไม่ได้อยู่ที่ลิ้น หากเก็บไว้ในใจ

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

คนรักของเพื่อน อย่าได้รังแกล่วงเกิน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ปัจจุบันละเลยเรื่องเล็กน้อย ภายหน้าเสียใจอย่างใหญ่หลวง

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

หญิงขี้เกียจกับเตียงที่อบอุ่น ย่อมแยกจากกันยาก

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

การกล่าววาจากระทบผู้อื่น เหมือนคมมีดกรีดหัวใจ

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ผู้มีความเพียรอย่างแรงกล้า

เท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

มารยาทดีงามต่อคน เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ภายใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดมาก สำหรับผู้มีใจพากเพียร

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

คุณความดีคือเว้นจากการทำบาป และยังไม่คิดจะทำบาปอีกด้วย

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

กิจกรรมทั้งมวล ความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ความมัธยัสถ์เป็นหนทางแห่งความร่ำรวยที่ยิ่งใหญ่

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ไม่มีสิ่งใดไม่ประสบความสำเร็จ หากมีความขยันอดทน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ขอให้ทุกคนจงสดับ อย่าได้ไม่รู้จักประมาณตน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

รายได้น้อย รายจ่ายมาก ยังให้ทุกข์ได้ทั้งชีวิต

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ความโกรธทำให้ตนเองรับทุกข์ทรมาน

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

คนโง่เท่านั้นมักอวดตนเป็นคนฉลาด

คัมภีร์จีน..ว่าไว้

ความรู้ทำให้รู้จักถ่อมตน ไร้ความรู้ทำให้จองหองอวดดี

339  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เห็นเพืื่อน ขโมยของ และเราก็ไปเห็นตอนที่เขาทำ ควรทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 01:36:26 pm
เดินผ่านไป ...
เห็นเพืื่อน ขโมยของ และเราก็ไปเห็นตอนที่เขาทำ ควรทำอย่างไรดีคะ

เจ้าทุกข์ก็นั่งร้องไห้ เพราะสูญเสียของที่ถูกขโมย

ส่วนเจ้าเพื่อนนั้น ก็ขโมยของเขาไป ซึ่งเป็นเพื่อนเรา

เราควรทำอย่างไรดีคะ ที่จะไม่เป็นบาปกรรม กับเรา

ควรแจ้งตำรวจ ดีหรือป่าวคะ

หรือควรจะเฉย ๆ อยู่อย่างนี้

  :smiley_confused1:
340  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ปรับปรุง ICon ให้แล้ว ตามคำแนะนำของสมาชิก เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 11:41:43 am
เว็บบอร์ดสวยขึ้นเลยคะ

 :25:
341  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 8 กระบวนท่าของคุณผู้ชายที่ พิชิต ปัญหา ทุกเรื่อง ของหญิงสาว อ่านไว้จะได้รอด เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 03:51:02 pm

8 ท่าไม้เด็ด ของคุณผู้ชายที่คุณสาว ๆ ควรรู้ไว้เพื่อรับมือ ส่วนคุณผู้ชายก็จะได้ทราบค่ะว่า ท่าไม้เด็ดของคุณนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้ให้ถูกกาลเทศะและเพื่อให้สมานฉันท์

         เพราะชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่คู่สามีภรรยาย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา และบนสังเวียนของการโต้เถียง ฝ่ายคุณผู้หญิงย่อมได้เปรียบ เพราะเป็นเพศที่มีความถนัดทางการใช้วาจาเป็นอาวุธ แต่ใช่ว่าคุณผู้ชายจะหมดทางสู้...เขาก็มีอาวุธลับ แม่ไม้ต่าง ๆ นานา มาโรมรันคุณได้เหมือนกัน

    แม่ไม้ที่ 1  ทำหูทวนลม

        เชื่อว่าพวกเราชาวดาวศุกร์คงเจอไม้นี้บ่อย ๆ เมื่อเราเอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังทำท่าจะเป็นปัญหา เช่น "ชั้นว่ามีบางอย่างที่เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นนะ" สำหรับพวกดาวอังคารแล้ว คำพูดแบบนี้เท่ากับตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง และเหมือนการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเราอยากจะหลุดพ้นวิถีชีวิตที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ๆ อย่างนี้เต็มทน

        หรือถ้าเราเง้างอดว่า "อะไรกัน? คุณให้ฉันทำไข่เจียวแค่เนี้ยเหรอ? นี่คุณกำลังหาว่าชั้นขี้เกียจ รึว่าทำอะไรไม่เป็นรึไง นี่รู้ไหม ฉันน่ะมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้คุณทานนะ แต่ที่สำคัญฉันงงมากที่คุณดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย คุณทำท่าเหมือนว่าอยากเลิกกับชั้นยังงั้นแหละ....” ไม่ว่าเราจะพยายามระบายความอัดอั้นตันใจแ ละต้องการให้เขาหันมาปรับความเข้าใจเพียงไร เขาก็ทำเหมือนกับว่าเราบ่นไปงั้น ๆ แล้วทำเป็นหูทวนลมเสีย

    แม่ไม้ที่ 2  ทำเป็นฉุน

        นี่คือกลยุทธ์ของผู้ชายที่ใช้มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ เวลาเข้าตาจนถูกคุณภรรยาซักไซร้ไล่เรียง เขามักจะชิงทำท่าโกรธเกรี้ยวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นการปกป้องตัวเอง มิให้ฝ่ายหญิงตั้งรับทัน และเป็นการตัดบทปิดประเด็นที่เป็นความกันอยู่

    แม่ไม้ที่ 3  คิดเอาเอง

        "เฮ้อ! เหนื่อยเหลือเกิน" แค่คำพูดลอย ๆ ที่เราบ่นกับตัวเอง เพราะเหนื่อยจากการงานหรือจากการดูแลลูกเต้า ฝ่ายเขาพานเข้าใจไปเองว่าเราพูดกระทบ เขารู้สึกเกลียดเข้าไส้ แทนที่จะหันมาใส่ใจไถ่ถามด้วยความห่วงใย หรือรีบเข้ามาช่วยทำงาน กลับมาโกรธเราแล้วงอนตุ๊บป่องไปเลย

    แม่ไม้ที่ 4  เบี่ยงเบนประเด็น

        เมื่อเจอเรื่องที่รู้ตัวว่าไม่มีทางโต้แย้งได้แน่ ๆ คุณสามีก็มักจะมีแทคติกง่าย ๆ ในการตั้งรับสายตาจ้องจับผิดของภรรยา อย่างเช่น เมื่อถูกภรรยาต่อว่า "เมื่อคืนคุณดื่มไวน์มากไปหน่อยนะ แถมซดเบียร์อีก 3 ขวด" เขารู้ว่ายากจะปฏิเสธ (เพราะหลักฐานปรากฏอยู่ทนโท่) จึงทำเป็นรีบยอมรับผิด และออกปากว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก แล้วหาเรื่องมาพูดกลบเกลื่อนบรรยากาศคุกรุ่น หรือเฉไฉไปเรื่องอื่น เช่น นี่ถ้าเป็นลุงผมนะ คุณไม่มีทางจับได้หรอก แฮะ ๆ

    แม่ไม้ที่ 5  ขอโทษไปงั้น ๆ

        การกล่าวคำ "ขอโทษ" หรือ "เสียใจ" ทำนองว่า "ผมขอโทษละกัน...ถ้าคุณเห็นว่าผมผิด" พ่อเจ้าประคุณอาจไม่ได้เอ่ยออกมาจากใจจริง แต่เป็นการตบตาเพื่อยุติเรื่องราวชวนสยอง (ที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำมือภรรยา) หรือไม่ก็เป็นคำพูดประเภทว่า "เอาละ ผมยอมรับว่าคุณเป็นฝ่ายถูก ส่วนผมมันเป็นคนที่เฮงซวยที่สุดในโลก" (เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดเย้ยหยันประชดประชัน)

    แม่ไม้ที่ 6  ทำเป็นบูดบึ้ง

        แทนที่จะจับเข่าพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ว่ามีเรื่องใดไม่สบอารมณ์ คุณผู้ชายกลับชักสีหน้าบูดบึ้งขมึงทึงสัก 2-3 วัน เพื่อให้เรารู้สึกว่า "ผมเริ่มไม่สบอารมณ์" หรือ "ชักจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ" และถ้าเรายังเฉยอยู่ เขาก็จะงึมงำว่า "ผมว่าเราแยกกันอยู่สักพักจะดีกว่า"

    แม่ไม้ที่ 7  ทำเป็นอมทุกข์

        ถ้าการชักสีหน้ายังไม่บรรลุผล พ่อตัวดีของเราอาจแสร้งทำตัวอมทุกข์อย่างสาหัสใ ห้คุณสงสารจนต้องเป็นฝ่าย เข้าไปเอาใจ เช่น ก้มหน้าก้มตาทำงานเยี่ยงทาส ถึงเวลากินก็ไม่กิน หอบหมอนไปนอนตากยุงนอกห้อง เป็นต้น

    แม่ไม้ที่ 8  หันหลังให้แล้วเดินจากไป

        ด้วยวิธีที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าผู้ชายยังไม่สามารถเอาตัวรอด หรือเอาชนะผู้หญิงได้ เขาอาจใช้ไม้ตายนี้ เพราะรู้ดีว่าทักษะในการโต้ตอบด้วยวาจาไม่เก่งกาจเท่าผู้หญิง เขาคิดว่า "พูดไปก็เท่านั้น ยังไงซะคุณก็เป็นฝ่ายชนะเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรอกนะ แต่ผมรู้ว่าผมเถียงสู้คุณไม่ได้" ที่สุดเลยใช้วิธีหันหลังให้แล้วเดินจากไป ปล่อยให้เราอึ้ง ทึ่ง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว

ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมม้วยมรณาด้วยคำพูดหวานหูด้วยกันทุกราย จำไว้นะพวกเรา

ที่มาจาก thaiza
342  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุดยอดเกินบรรยาย!!!...10 ตำนานแพทย์ทางเลือกทั่วโลก วิธีบำบัดที่คุณต้องตะลึง !! เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 11:14:25 am
สิบตำนานแพทย์ทางเลือกทั่วโลก วิธีบำบัดที่คุณต้องตะลึง ....

....สุดยอด เกินบรรยาย !!!

สิบตำนานแพทย์ทางเลือกทั่วโลก วิธีบำบัดที่คุณต้องตะลึง ....

ระยะหลังนี้ ในเมืองไทยมีการพูดถึง “การแพทย์ทางเลือก” หนาหูขึ้น
ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือก ในกรณีที่แพทย์แผนปัจจุบัน ไม่สารถดูแลหรือเยียวยาได้
หรือ บางกรณี ถึงกับเป็นทางเลือก ที่อาจะทดแทนแพทย์แผนปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นองค์ความรู้ท้องถื่น ที่ได้รับการพิศูจน์ผล มาเป็นเวลายาวนาน
ตัวอย่าง “การแพทย์ทางเลือก” ต่อไปนี้ ได้รวบรวมจากเวบไซต์ในอินเตอร์เนต
ซึ่งไม่สามารถยืนยันประสิทธิผล

 

 


 

การบำบัดโดยใช้โคลน

ในมณฑลเหลียวหนิง (Liaoning province ) ทางตะวันออกของจีน ทั้งนี้มีความเชื่อกันว่า โคลนซึ่งมีแร่ธาตุปนอยู่ สามารถลดทอน และ บรรเทาอาการปวดจาก โรคไขข้ออักเสบ การบาดเจ็บสมองจากการกระแทก เป็นต้น (ภาพนี้ถ่ายเมื่อ สค. 2006)

 

 

การใช้พิษของผึ้ง...

ชายจีนผู้นี้ รับการบำบัด โดยใช้พิษจากการต่อยของผึ้ง เพื่อรักษาอาการ  โรคข้ออักเสบ (arthritis) โรคเยื่อจมูกอักเสบ (rhinitis) ที่คลีนิคในเมืองซีอาน (Xi’an) ของมณฑชานซี (Shaanxi ) ทางตะวันตกของจีน หมอทำการรักษา โดยให้ผึ้งต่อยผู้ที่มาบำบัด เพื่อถ่ายพิษของผึ้งเข้าสู่ร่างกาย เพื่อรักษาอาการข้ออักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ ดังกล่าว (เมย. 2006)

 


มัจฉาบำบัด...

ในรีสอร์ทน้ำพุร้อนของฮาโคเนะ เมืองการท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่น มีการรักษาโดยใช้(คุณหมอ)ปลาที่แหวกว่ายไปมารอบๆขาของผู้ที่มารับการบำบัด รีสอร์ทเปิดคลีนิกรักษา โดยมี (คุณหมอ) ปลากว่าพันตัว ปลาเหล่านี้ เรียกว่า Garra rufa มีอยู่ทางตะวันตกของทวีปอาเซีย  ปลาจะกินเซลล์ผิวหนังส่วนที่ตายไปแล้วเป็นอาหาร ซึ่งมีผลช่วยรักษาโรคผิวหนังของผู้มาบำบัด (เมย. 2006)

 

เต่า...บำบัด

ชายคนนี้จับเต่าเทอราพิน (terrapin) เพื่อใช้ในการบำบัด โดยเชื่อกันว่า การสัมผัสของเต่า สามารถรักษาอาการโรคปวดข้อ (rheumatism) หรืออาการปวดเมื่อย ร่างกายอื่นๆได้การรักษาดังกล่าว มีขึ้นในเมืองที่ห่างจากกรุงพนมเป็ญไปประมาณ 20 กิโลเมตร
ความเชื่อ ในเรื่องพลังบำบัดเหนือธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ เช่น เต่า วัว และ งูมีอยู่อย่างแพร่หลายในกัมพูชา (24 พค. 2006)

 

 

แมงป่อง...บำบัด..

หญิงสาวผู้นี้ รับการบำบัดตามตำนานแบบจีนโดยใช้แมงป่องที่ตายไปวางบนใบหน้า
การบำบัดเช่นนี้ มีในเมือง จีนัน (Jinan) เมืองหลวงของมณฑชางดง (Shandong) ทางตะวันออกของจีน (มิย. 2006)

 

 

ผลวอลนัท...กับการรักษาโรค

หญิงจีนผู้นี้ รับการบำบัดตามตำนานแพทย์แผนโบราณ โดยใช้ลูกวอลนัทแปะอยู่บนตา พร้อมทั้ง moxa ที่ลุกติดไฟที่ตา และในรูหู (มิย. 2006)
 

 

งู...คลายเครียด..

หญิงตะวันตกผู้นี้ รับการบำบัด โดยใช้งูเลื้อยไปมาบนร่างกาย
 

 



หมักโคลน...

โคลนสีดำ ที่โปะทั่วตัวของผู้บำบัด ในรีสอร์ทการท่องเที่ยว ที่เมือง ซูหนิง (Suning) ในมณฑล เสฉวน (Sichuan ) ทางตะวันตกฉียงใต้ของจีน เชื่อกันว่าดินโคลนซึ่งมีแร่ธาตุปนอยู่มากนี้ จะช่วยทำให้ผิวดีดได้ (พค. 2007)

 

กบเป็น ๆ...แก้ปวดท้องและไอ...

ชายจีนวัย 66 ผู้นี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านของเมืองชางราว(Shangrao) ในมณฑลเจียงซี ( Jiangxi) ทางตะวันออกของจีนเขากินกบเป็นๆ ทั้งนี้ มีที่มาจากว่า เมื่อ 20 เศษ เขามีมาอาการปวดบริเณช่องท้อง และไออยู่เป็นประจำ กระทั่ง ได้รับคำแนะนำจากผู้เฒ่าของหมู่บ้าน ให้กินกบเป็นๆเพื่อบำบัด (พค. 2007)

 

 

รักษาโรคไต..ไส้ติ่งอักเสบ...และมะเร็ง..

นี่เป็นอีกวิธีบำบัดในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อผู้บำบัด นำผึ้งให้ไปต่อยผู้ที่มารักษาจากโรคเกี่ยวกับหูเจ้าของสำนักผู้นี้เชื่อว่า การต่อยของผึ้ง ตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีคุณสมบัติพิเศษ ที่ช่วยในการเยียวยาอาการต่างๆได้  ซึ่งได้แก่ การบำบัด โรคเกี่ยวกับไต ไส้ติ่งอักเสบ หรือแม้กระทั่งมะเร็ง (กค. 2007)
343  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่ เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 11:18:53 am
ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่

  มีใครบ้างคะ

   :25:
344  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การจัดถาด กรรมฐาน เพื่อบูชา นั้นมีความหมายอย่างไร ครับ เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:23:52 am
เรื่องของ ถาดขัน 5 นั้น มีการบูชาใคร หรือ สิ่งใดบ้างคะ

เพราะหนูคิดออกเพียง 3 คะ คือ บูชาพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์

 ขัน ที่ 4 เป็น พ่อแม่ ขัน  5  เป็น ครู ใช่หรือป่าวคะ

 คิดได้เหมือนกราบ 5 ครั้ง


 :25:
345  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหล้าปั่น, ภัยซ่อนเร้น ล่าเหยื่อวัยรุ่น-นักดื่มหญิง เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 08:45:57 pm
เหล้าปั่น, ภัยซ่อนเร้น ล่าเหยื่อวัยรุ่น-นักดื่มหญิง
จากสถิติข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า อัตราการดื่มของนักดื่มหน้าใหม่มีถึงปีละ 260,000 คน อายุน้อยที่สุด 9 ขวบ และเคยพบเด็ก 5 ขวบที่ลองดื่ม ข้อมูลตั้งแต่ปี 2539-2550 พบว่า เยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มประจำเพิ่มขึ้นกว่า 70%

จากการสำรวจพบว่า ร้านขายเหล้ากว่า 83.3% ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนหอพักนักศึกษากลายเป็นที่ขายเหล้ามากถึง 25% ในขณะที่ร้านเหล้าปั่นขยายตัวมากขึ้นกว่า 3 เท่า และส่วนใหญ่อยู่ในรัศมี 200 เมตรรอบมหาวิทยาลัย

นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ และผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีวิธีการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนคือ เปิดสถานจำหน่ายสุราใกล้สถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในรูปของการจำหน่ายสุราเป็นการเฉพาะแบบบาร์หรือผับ แอบแฝงในลักษณะร้านขายเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไป ซึ่งมีการนำเหล้ามาปั่นกับน้ำแข็ง ผสมน้ำตาล ผสมสี ผสมกลิ่นให้ดูเหมือนกับว่าเป็นน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ ทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษาดื่มได้ง่ายและสะดวก คล้าย ๆ กับไวน์คูลเลอร์ในยุคหนึ่ง แต่ไวน์ คูลเลอร์ยังมีขวดมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจน แต่นี่เหมือนน้ำผลไม้ปั่นตามร้านที่ขายน้ำผลไม้ปั่น ที่เรียกว่า สมูทตี้ ซึ่งเหล้าปั่นมีการปรุงคล้าย ๆ กัน

อัตราการดื่มของผู้ดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง มีการดื่มเพิ่มขึ้น เพราะมีการปรุงแต่งให้เป็นน้ำหวานหรือพันช์ ที่ดื่มง่ายและหน้าตาไม่เหมือนเหล้า แต่เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปะปนอยู่ เพื่อชูรส ซึ่งเป็นวิธีส่งเสริมการตลาดที่แนบเนียน

การดื่มสุราไม่เหมือนการดื่มน้ำอัดลมทั่วไป ตรงที่น้ำอัดลมดื่มแล้วไม่ติด ไม่ได้มีผลต่อสมอง แต่สุราถ้าดื่มแล้ว ทำให้เกิดภาวะเสพติด เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะไปควบคุม หรือแทรกแซงการทำงานของสมอง เมื่อดื่มติดต่อกันหลายครั้งแล้วรู้สึกมีความสุขจากการดื่มสุรา ก็จะเกิดภาวะเสพติดสุรา

ถ้าดื่มเพียงเล็กน้อยระยะต้น แม้สุราจะไปแทรกแซงหรือควบคุมการทำงานของสมอง แต่อาจไม่ได้ทำลายสมองมากนัก แต่ถ้าดื่มติดต่อกันระยะยาวหรือเป็นประจำวันละ 2-3 แก้ว ก็จะทำให้สมองถูกทำลาย มีภาวะเสื่อมของสมอง นอกจากจะทำลายตับแล้ว ยังทำลายสมองและเกิดโรคภัยไข้เจ็บหลายชนิด

ที่สำคัญคือ การดื่มสุราทำให้การศึกษาเล่าเรียนทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเมื่อสุราดื่มเข้าไปแล้ว จะทำลายสมองหรือแทรกแซงการทำงานของสมอง จะให้เด็กและเยาวชนไม่สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาในทางที่ดีและเหมาะสม

ประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชน ถ้าดื่มสุราจะควบคุมพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าโดยปกติเด็กหรือเยาวชน ความสามารถของสมองส่วนหน้าที่จะไตร่ตรอง ควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทำได้น้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮอร์โมนเพศเริ่มทำงาน ก็จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แปรปรวนเป็นพื้น

ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะมีความก้าวร้าวจากฮอร์โมนเพศเข้า ไปเสริมทักษะทางสังคมก็มีน้อย ถ้าหากเด็กเยาวชนไปดื่มสุรา ก็มักจะก่อความรุนแรง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเวลาที่เมาสมองถูกแทรกแซงโดยสุรา ก็จะทำให้ไม่สามารถไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ก่อนที่จะมีพฤติกรรมเลวร้าย ไม่เพียงเรื่องการใช้ความรุนแรงอย่างเดียว ยังรวมถึงเรื่องความก้าวร้าวทางเพศ

ปกติแล้วในวัยเยาวชน ฮอร์โมนเพศทำงานจะควบคุมตัวเองในเรื่องทางเพศได้น้อยมาก ยังไม่มีทักษะในการควบคุม อีกประการด้วยแรงกระตุ้นทางเพศ หรือ sexual stress จะรุนแรงกว่าทุกวัย เพราะฮอร์โมนเพศจะมีความเข้มข้นมากเป็นพิเศษ ประกอบกับร่างกายมีความกระตือรือร้นที่จะไปมีเพศสัมพันธ์เป็นพื้นอยู่ เมื่อดื่มสุราเข้าไปก็ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยในเรื่องเพศ หรือดื่มจนครองสติไม่ได้ ถ้าดื่มแล้วยังพอมีสติอยู่บ้างก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเมื่อมีอารมณ์เพศ เช่นกัน นี่เป็นที่มาของการกระทำความผิดทางอาญาในด้านเพศ สุราจึงเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการกระทำความผิดทางอาญาที่สำคัญที่สุดปัจจัย หนึ่ง

นอกจากนี้ พบว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจำนวนมากก็เกิดขึ้นจากการดื่มสุรา ปัจจัยที่กระตุ้นให้เด็กกระทำความผิด หน่วยงานวิจัยจากสถานพินิจ พบข้อเท็จจริงว่า ภายใน 5 ชั่วโมงที่เด็กหรือเยาวชนเหล่านี้ดื่มสุรา 4 ใน 10 คน ก่อการกระทำความผิด

จุดนี้เป็นประเด็นที่ร้ายแรงมาก ถ้าหากปล่อยให้มีร้านจำหน่ายสุราอยู่ใกล้โรงเรียน หรือสถานศึกษา โดยเฉพาะไม่ได้เป็นรูปของการจำหน่ายสุราแท้ ๆ อย่างชัดเจน แต่แฝงตัวอยู่ในรูปของน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ปั่น ทำให้การควบคุมทำยาก

"เหล้าปั่นดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะเจือจางก็จริง แต่เป็นการล่อเหยื่อที่ร้ายแรง เพราะการดื่มเหล้าปั่นนั้นดื่มง่าย ดื่มสะดวกมากกว่าดื่มสุราแท้ ๆ เพราะคนที่ไม่เคยดื่มสุราก็สามารถดื่มได้สบาย ๆ เพราะไม่ต่างจากน้ำหวานหรือน้ำผลไม้มากนัก แต่ในระยะยาวจะทำให้เสพติดได้ หรือถ้าดื่มปริมาณมากพอสมควรก็ทำให้เมาได้"

นายสรรพสิทธิ์กล่าวด้วย ว่า เราไม่ได้ขัดขวางเรื่องการจำหน่ายสุรา เพียงแต่ควรมีข้อแม้และเงื่อนไขว่า รูปแบบการจำหน่ายสุราแบบสุราปั่น ถ้าจะจำหน่ายให้ไปจำหน่ายในสถานที่ที่จำหน่ายสุราโดยเฉพาะ ไม่ใช่ปะปนกับน้ำผลไม้ปั่น หรือไปจำหน่ายในสถานบริการ เพราะในสถานบริการมีกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไป เพราะอย่างน้อยหากมีเด็กหรือเยาวชนเข้าไปในสถานบริการ ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ยังเห็นและรับรู้ได้ แต่ถ้าจำหน่ายตามร้านทั่วไป ผู้ปกครองจะไม่รู้ว่าเด็กกำลังดื่มน้ำผลไม้ปั่นหรือสุราปั่น

ดังนั้น การจำหน่ายเหล้าปั่นลักษณะนี้ต้องยุติในทันที และควรมีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแลไม่ให้จำหน่ายให้แก่เด็ก โดยเฉพาะการออกเป็นกฎกระทรวง ไม่ให้ใส่แอลกอฮอล์ในน้ำหวานหรือในน้ำผลไม้ปั่น จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อีกประการคือ การควบคุมสถานที่จำหน่ายสุรา ผับหรือบาร์ ไม่ควรตั้งอยู่ในบริเวณใกล้โรงเรียนหรือสถานศึกษา
346  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ร็อตไวเลอร์ กัดเด็ก 3 ขวบเย็บ 25 เข็ม ส่วนสุนัขหนีรอดไปได้ (ไอเอ็นเอ็น) เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 08:44:43 pm
น่าสงสารเด็กนะคะ  ขอให้หายไว ๆ นะคะ

 และอยากให้คนเลี้ยง ระมัด ระวัง เพิ่มขึ้น คะ

  เรื่องเหล่านี้ เชื่อว่า กรรมจะตามทันในไม่ช้า คะ

   :'(
347  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตของเรา ต่างอะไรกัน ผ้าขี้ริ้ว (อีกมุมที่น่าคิด) เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 12:39:04 pm

ชีวิตของเรา ต่างอะไรกัน ผ้าขี้ริ้ว (อีกมุมที่น่าคิด)
   1.ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบาก

เพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบาย

ความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้มอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

   2.ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา

เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว

มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด

   3.ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด

เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน
ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า

ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี

เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง

   4.ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายาม

ทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้มีประโยชน์

ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต

ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น

   5.ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร เหมือนคนที่ยอมตัวอาสา

ทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน

ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม

คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน

   6.ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่ง

ที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็น

ของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้

บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้

ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร

   7.ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด เหมือนคนควรพอใจ

ที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงาน

ปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ

มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคน

ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น

   8.ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน

ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้

เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย

คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน

   9.ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่

เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท

จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อ

คำปรามาสของผู้อื่น รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจ

ในสิ่งนั้น  มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า

เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ

ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก

เราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง

ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได

้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต

อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่า
348  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความรักของคนตาบอด เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 12:06:51 pm
ความรักของคนตาบอด



คุณเคยเห็นคนตาบอดไม๊ ?
 
 
 คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่....
 
 
 คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ
 
 
 เช่น..ตลาดนัด...
 
 
 พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ
 
 
 ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง...
 

 คนสองคน...ที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด...
 
 
 เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...
 
 นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆเครื่องนึง...
 
 
 กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้
 
 
 ก็คือขันอลูมิเนียม...
 
 
 อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน..
 
 
 ผมไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนักหรอก..
 
 
 แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...
 
 
 และดูเหมือนเขาก็ หวัง ว่าคุณจะต้องชอบมัน...
 
 
 ผมเห็นเขาจับมือกัน...
 
 
 วินาทีนั้น...
 
 
 ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด..
 
 คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า....
 
 
  ตนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ...
 
 
 เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...
 
 
 คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร..
 
 
 คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น.
 
 
 เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน....
 
 
 ไม่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี
 
 
 ให้กังวลใจ...เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้...
 
 
 ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน...
 
 
 ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน..
 
 
 คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย " ใ จ " ล้วนๆ...
 
 
 ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น.
 

 คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง...
 
 
 คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก...
 
 
 คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน...
 
 
 พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ.... ?
 
 คุณรู้หรือเปล่า.....คนตาบอด
 
 
 จับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน...
 
 
 คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไม๊... ?
 
 
 :-)
 
 
 ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี...
 
 
 หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่ การงาน ที่ดีเหลือเกิน...
 
 
 หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด...
 
 
 แต่พวกเราหลายๆคนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก...

 
  หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น. .

 
 เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ...
 

 อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...
 
 
 ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า...
 
 
 วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน...
 
 
 ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข....
 
 
 ตอนที่ผมเขียนกระทู้นี้อยู่...พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว...
 
 
 พวกเขาคงไม่มีงานที่ต้องทำดึกๆ เหมือนผมหรอก...คุณว่าไม๊
 
 
 ?
   ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆในวันนี้....
 
 
 ผมเชื่อว่าครั้งหน้า.ที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น...
 
 
 คุณอาจมองเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น...
 
 
 ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ...
 
 
 เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้...
 
  Ps... ขอบคุณ...ที่อ่านจนจบ....
349  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สลดเด็กอังกฤษหัวโตขึ้น 3 เท่า แพทย์เผยไม่เคยพบมาก่อน ( กรรมอันใด ฤา ) เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 11:56:46 am
สลดเด็กอังกฤษหัวโตขึ้น 3 เท่า แพทย์เผยไม่เคยพบมาก่อน





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก     cosmo360.blogspot.com

          เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ ตีแผ่เรื่องราวสุดสลดของเด็กทารกวัย 10 เดือน จากอังกฤษคนหนึ่ง ที่ป่วยเป็นโรคสมองบวมน้ำซึ่งไม่อาจรักษาให้หายได้ ขณะที่ทางพ่อแม่เด็กวอนขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรักษาชีวิตเด็กไว้ แม้ความหวังจะริบหรี่และไม่เคยมีใครรอดชีวิตก็ตาม

          โดยทารกผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ มีชื่อว่า น้องเคล้าส์ ป่วยเป็นโรคสมองบวมน้ำ หรือ Hydrocephalus ทำให้ศีรษะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า 3 เท่าของเด็กปกติ ซึ่งพ่อและแม่ของน้องเคล้าส์ได้เปิดเผยว่า ในช่วงแรกเกินนั้น เคล้าส์มีขนาดศีรษะเหมือนเด็กปกติทั่วไป คือประมาณ 35 เซนติเมตร แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปประมาณขวบเดือนที่ 8 พวกเขากลับพบว่า ศีรษะของเคล้าส์เริ่มขยายใหญ่ขึ้น และวัดขนาดได้ถึง 104 เซนติเมตรในขณะนี้ จึงวอนให้ทีมแพทย์ช่วยเหลือเคล้าส์อย่างถึงที่สุด

          ด้าน ดร. เดวิด จิเมเนซ กุมารแพทย์แห่งโรงพยาบาลในซานแอนโตนิโอ รัฐเท็กซัส ได้กล่าวว่าสำหรับกรณีของเคล้าส์นั้น เขาได้เริ่มเจาะเอาน้ำออกมาบางส่วนแล้ว และจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะศีรษะของเคล้าส์นั้นมีขนาดใหญ่มาก ทีมแพทย์เองก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้หรือไม่ เพราะตั้งแต่ทำงานมา ก็ไม่เคยเจอผู้ป่วยที่มีสมองบวมได้ขนาดนี้มาก่อน ขณะที่ภาวะสมองบวมน้ำของ เคล้าส์กำลังจะทำให้เคล้าส์ตาบอดถาวร หูหนวก และสมองอาจจะถูกทำลายไปแล้วก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้ทีมแพทย์ไม่สามารถตรวจสอบและสรุปอะไรได้เลย ขณะที่ทางพ่อแม่ของเคล้าส์ก็เฝ้าแต่อธิษฐาน ขอให้ลูกมีชีวิตรอดและสู้กับโรคนี้ต่อไป แม้ว่าความหวังจะริบหรี่ก็ตาม

          สำหรับโรคสมองบวมน้ำ เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีน้ำในสมองเป็นจำนวนมาก  ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสมองโดยกำเนิด คือมีการไหลเวียนและดูดซึมผิดปกติ ทำให้เกิดน้ำขังอยู่ในกะโหลก และส่งผลให้ศีรษะบวมขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เด็กไม่สามารถกลืนอะไรได้ และขยับศีรษะไม่ได้เพราะน้ำหนักของศีรษะถ่วงไว้ แต่หากเป็นในระยะแรกจะสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการผ่าตัดแล้วต่อสายยางดูดน้ำให้ไปไหลเวียนใต้ผิวหนัง หรือเจาะกะโหลกดูดน้ำออกมา แต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์เกี่ยวกับองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง เช่น ปริมาณน้ำในสมอง เนื้อสมอง เป็นต้น แต่จากหลายกรณีที่ผ่านมา เด็กมักจะเสียชีวิตในที่สุด เพราะศีรษะมีขนาดใหญ่ หนัก และทำให้เป็นแผลติดเชื้อ ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
blogspot.com
350  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ไม่มีวันหมดแน่ๆ(แต่ตอบแทนบุญคุณเพื่อนมันหมดได้ไหม) เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 03:22:47 pm
คนเรา เกิดมา ก็มาแต่ตัว เพิ่งมามัว เมามาย เอาหลายสิ่ง

ยามเราตาย เอาอะไร ไม่ไหวติง นอนแน่นิ่ง ทิ้งตัวเรา อยู่ในโลง.....


    สติ มาปัญญาเกิด สติ เตลิด เพราะคิดมาก.....จ้า

 :58:
351  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การ เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 02:06:13 pm


ดอกบัวเจ็ดดอก คืออะไร

การ เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก มีที่มาจากภาพปริศนาธรรม ดอกบัวเจ็ดดอกที่รองรับรอยพระบาทของเจ้าชายสิทธัตถะวันประสูติ เดินได้เจ็ดก้าว มีดอกบัวรองรับเจ็ดดอก

พระอาจารย์กุสลจิตโต ไขปริศนาธรรม (เดินเจ็ดก้าวดอกบัวเจ็ดดอกรองรับ) มาเป็นกรรมฐาน "เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก" เดินตามรอยเท้าเจ็ดก้าว เดินไปเจ็ดก้าวกระทบส้นเท้าเดินกลับเจ็ดก้าวกระทบส้นเท้า ตามรอยเท้าเจ้าชายสิทธัตถะองค์น้อย

พรรษาแรกแห่งการบวชของพระอาจารย์ กุสลจิตโต(๒๕๓๖)ท่านตั้งสมมุติฐานว่า พระพุทธเจ้าประสูติ เดินได้เจ็ดก้าวมหัศจรรย์ยิ่งนัก ในโลกนี้จะมีใครเกิดแล้วเดินได้เจ็ดก้าวมีอีกบ้างไหม ท่านพิจารณาแล้วไม่มีใครนอกจากพระพุทธเจ้า พระอาจารย์กุสลจิตโต ตั้งสมมุติฐานต่อว่าจะเดินตามรอยพระพุทธเจ้าก็ต้องเดินให้ได้เจ็ดก้าวตามแบบ อย่างเจ้าชายสิทธัตถะ เดินตามไปเรื่อยๆ ต่อไป เจ้าชายน้อยสิทธัตถะก็คือพระพุทธเจ้า

พระอาจารย์กุสลจิตโต จึงเกิดการค้นหา เดินอย่างไรจะเดินไปได้เจ็ดก้าว เดินกลับได้เจ็ดก้าวท่านทดลองค้นหาอยู่สามวัน จึงค้นพบ "เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก" และท่านใช้ศิลปะการเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอกนี้ค้นหาชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน


ข้าพเจ้า นางสาววรรณฤดี รัตนะ อาจารย์สอนวิชาพุทธศาสนา โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ได้ทดลองทำความเข้าใจชีวิตด้วยการเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก จากปี พ.ศ.๒๕๔๓ ถึงปัจจุบัน ได้ดอกบัวเจ็ดดอกในหัวใจ คือ หาทุกข์ พบทุกข์ เรียนทุกข์ รู้ทุกข์ ผ่านทุกข์ ถึงธรรม สำราญใจ

จึงนำมาแนะนำให้นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ได้ทดลองฝึกในคาบเรียน และได้จัดค่าย สติภาวนาดอกบัวเจ็ดดอก ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๗

ทำอะไร ใน ดอกบัวเจ็ดดอก

คำตอบคือ ฝึกสติ ฝึกปัญญาอันเลิศ เกิดพุทธะภายในตัวเอง ฝึกด้วยตัวเองรับรองตัวเองได้ว่าทุกข์ลดลง

ทำไมต้องเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก
พัฒนา จิต อารมณ์แจ่มใสเบิกบานทำงานนอกในด้วยใจร่าเริง สร้างวินัยเฝ้าดูตนเพียรอดทน ค้นหาพุทธะภายใน เปิดใจเรียนรู้ สู่การสร้างสรรค์ตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทำอย่างไรให้เกิดพุทธะภายใน
๑. เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอกให้ถูกต้อง
๒. ฝึกสติสัมปชัญญะและโยนิโสมนสิการขณะสัมผัสทั้งหก เปิดให้อายตนะทั้งหกทำงาน อย่างอิสระ
๓. ร่างกายผ่อนคลาย กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
๔. ดื่มน้ำมากๆ เพื่อระบายความร้อน
๕. เดินนานๆ เพื่อฝึกความอดทน เดินจนเกิดทุกข์ เรียนรู้ทุกข์ เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์จากชีวิต เกิดการปล่อยวาง
๖. เดินเป็นประจำ เพื่อการเรียนรู้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง
๗. สนุกสนานกับการเดิน เพื่อให้เกิดจิตเบิกบาน ยอมรับชีวิตตามความเป็นจริงไม่มีอคติ เดินเจ็ดก้าวกระทบให้ลงจังหวะเพลง
๘. ขณะเดินจงกรมปล่อยให้คิดอย่างเสรี คิดดี คิดชั่ว ปลดปล่อยความคิดอดีตออกมาให้หมด คิดเข้าสู่กระบวนการโยนิโสมนสิการ คิดแบบอริยสัจสี่ คิดแก้ปัญหาด้วยปัญญา
๙. หายใจให้ถูกวิธี หายใจเข้าลึก ท้องน้อยป่อง หายใจออกท้องแฟ่บ เพื่อให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้เต็มที่
๑๐.มีวินัยในการเดิน เดินให้ถูกต้อง ปล่อยให้คิด ดื่มน้ำมากๆ หายใจให้ถูกต้อง



มรรคปฏิบัติขณะเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก

ทางจิต
ปล่อย ให้คิดอย่างเสรี คิดดี คิดชั่ว ปล่อยให้คิดออกมา ไม่มีการกล่าวโทษตัวเอง เดินจงกรมไปด้วยคิดไปด้วย คิดโยนิโสมนสิการ คิดยอมรับชีวิตตามความเป็นจริง ไม่ตำหนิตนเอง วางใจ วางทีท่าชีวิตด้วยจิตเบิกบานท่ามกลางความทุกข์ ไม่มีอคติเมื่อตาเห็น ไม่มีอคติเมื่อหูได้ยิน ไม่มีอคติกับทุกเรื่อง

ใคร มีอดีตที่เจ็บปวด เดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอกก็จะมีความคิดในอดีตที่เจ็บปวดออกมาในทุกแง่มุมอย่า หนีความจริง อย่าหลอกตัวเอง อย่าบังคับจิตไม่ให้คิด จะปวดหัว อย่าบังคับสายตา อย่าเดินเกร็งตัว ปลดปล่อยให้ความคิดที่เจ็บปวดออกมา อย่าไปหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่เจ็บปวด จึงต้องมีพี่เลี้ยงช่วยที่จะให้คิดถึงอดีตที่เจ็บปวดได้ พี่เลี้ยงคือ เสียงเพลง เดินให้ลงจังหวะเพลง เดินให้เร็ว เดินให้ลงจังหวะ เดินให้เร็ว ๘ รอบต่อนาที

เดินคิด สืบสวน สอบสวน ชีวิตตัวเอง ตรวจสอบ ประเมินผลชีวิตตนเองที่ผ่านมา คิดต่อไปถึงการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมชีวิตของตนอย่างไร ที่จะออกมาจากวังวนแห่งความทุกข์นั้น จะคิดวางแผน จัดการชีวิตอย่างไรที่จะไปสู่ความก้าวหน้าความสำเร็จ คิดไปเลย เดินคิดได้อย่างเต็มที่

ทางกาย
ขณะเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก เดินให้ถูกต้อง ตามแบบของการเดินจงกรมดอกบัวเจ็ดดอก ซึ่งเป็นสาระที่สำคัญมากที่สุด เพราะแบบการเดินเจ็ดก้าว เท้ากระทบส้นชัดเจนถูกต้องจิตเบิกบานนี้จะก่อเกิดสติสัมปชัญญะอย่างรวดเร็ว สนุกสนานกับการเดินให้ลงจังหวะเพลง หายใจยาวลึกถึงท้องน้อย หายใจออกอย่างผ่อนคลาย ให้ลงจังหวะกับการก้าวกระทบและลงจังหวะกับการเดินและเสียงเพลง

การ กระทบของส้นเท้าจะมีผลต่อสมองโดยตรง เพราะกระทบส้นเท้าซ้ายจะไปโดนปลายเส้นประสาทที่โยงไปกระทบเส้นประสาทสมองซีก ขวา กระทบส้นเท้าขวา จะมีผลต่อปลายประสาทที่โยงใยไปกระทบเส้นประสาทสมองซีกซ้าย

เมื่อสมอง ซีกซ้าย และสมองซีกขวา ถูกกระทบอย่างสมดุล ทำให้สมองสองซีกแข็งแรง เกิดปัญญา เกิดไหวพริบในการตัดสินปัญหาชีวิต เกิดสมาธิจิตนำไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้ได้รวดเร็ว

ในสมองก็ปล่อยให้ คิด ทำจิตใจให้มาสนใจสนุกกับการเดินด้วยลูกเล่น ลีลา ร่าเริงกับการเดินให้ลงจังหวะเพลง ไม่เกร็งกล้ามเนื้อ หน้ามองตรง มองทุกอย่างที่ผ่านมาอย่างอิสระ กระดูกสันหลังตรง

เดินให้เร็ว ๘ รอบต่อนาที ความเร็วของการเดินจะเกิดเป็นแรงเหวี่ยงที่จะให้ความคิดหลุดออกไปจากสมองได้ อย่างรวดเร็ว เดินเร็ว ๘ รอบต่อนาที จะทำให้เดินลงกับจังหวะเพลง จะเกิดความเพลิดเพลินสุนทรีย์ในจิตใจ เกิดการผ่อนคลายเส้นประสาทสมองได้อย่างรวดเร็ว
***เดินนาน ๆ รับรู้สภาวะทุกข์ ปวดขา ปวดเมื่อยตามความเป็นจริง ปัญหามา ปัญญาเกิด หาปัญญา
***ขณะ เดินเร็ว ๘ รอบต่อนาที เดินนาน เกิดกระบวนการสันดาปภายใน ความร้อนจะเกิดขึ้น เพราะต้องใช้พลังงานมาก จะรู้สึกร้อนเหงื่อออกเหนื่อย หิวเร็ว จะรู้สึกปากแห้ง คอแห้ง รู้สึกกระหายน้ำ อย่าทิ้งไว้ แสดงว่าร่างกายขาดสมดุล น้ำไม่เพียงพอ จุดนี้จะเป็นตัวก่อโรคภายในร่างกายเกี่ยวกับระบบการหายใจ

ให้หยุดการ เดินจงกรม และไปดื่มน้ำมากๆ ๑ ลิตร และกลับมาเดินใหม่ จะรู้สึกอึดอัดที่ดื่มน้ำมาก ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ เดินจงกรมต่อไป น้ำจะซึมซับเข้าสู่เซลล์ประสาท เซลล์สมอง ซึมซับเข้าสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย จะสร้างความสดชื่นให้ชีวิตชัดเจน

หลังจากดื่มน้ำแล้ว การเดินจงกรมเร็ว ๘ รอบต่อนาทีจะทำให้เกิดการหิวเร็วขึ้น ต้องรับประทานให้สมดุล กล่าวได้ว่า ปลูกบัวให้งามต้องถึงน้ำถึงปุ๋ย ใส่น้ำ ใส่ปุ๋ย ให้กับชีวิต ให้สมดุล คุณภาพชีวิตจะเกิดขึ้น

เดินนานๆ รับรู้สภาวะทุกข์ ปวดขา ปวดเมื่อยตามความเป็นจริง ปัญหามา ปัญญาเกิด หาปัญญามาแก้ไขด้วยรอยยิ้ม เดินลงจังหวะเพลง จิตไม่อยู่กับความเจ็บ จิตมาสนุกกับการเดินลงจังหวะเพลง ไม่มีอคติต่อความเจ็บ ยอมรับความเจ็บด้วยจิตเบิกบาน เจ็บก็รู้ว่าเจ็บ เดินต่อไป จนเห็นภาวะความเกิดดับของความเจ็บ เห็นภาวะการเกิดดับของความคิด จนเกิดปัญญาเห็นชีวิตตามความเป็นจริงทุกอย่างทุกสภาพเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรน่ายึดถือ ยึดติด เมื่อไรก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น จิตเกิดการปล่อยและวาง ภาวะความทุกข์ทั้งหลายก็จะจางคลายไปโดยอัตโนมัติ

นอก จากความปวดเมื่อยแล้ว ขณะเดินนานๆ จะเกิดความเหนื่อยเพราะเดินเร็ว เดินนานอย่าถอย เดินต่อไป มีลีลาลูกเล่นกับการเดิน และหายใจยาวลึกต่อไป ขณะกระทบส้นเท้า หายใจเข้าลึกถึงท้องและผ่อนลมหายใจออก ถึงจุดหมุนกระทบส้นเท้าให้หายใจเข้าให้พอดี จิตอย่าไปอยู่กับความเหนื่อย ให้จิตสนุกกับการเดิน จิตสนุกกับการหายใจยาวลึก หายใจผ่อนคลาย รับรู้ว่าเหนื่อยตามความเป็นจริง และมาแก้ไขความเหนื่อยด้วยการหายใจผ่อนคลาย อย่าถอนความเร็ว ยังคงเดินเร็ว ๘ รอบต่อนาทีอย่างสม่ำเสมอต่อไป ความเหนื่อยเกิดขึ้นความเหนื่อยตั้งอยู่ ความเหนื่อยก็ดับไป

เมื่อสามารถผ่านสภาวะทุกข์หลายรูปแบบ สภาวะทุกข์ทางความคิดก็ปล่อยให้คิดออกมาให้หมด ความคิดปัญญาเกิดมาแทนที่

สภาวะทุกข์ ปวดเท้า เมื่อยขา มีลีลาลูกเล่นกับการเดินผ่อนคลายเส้น ความปวดขาก็หายไป
สภาวะทุกข์ ความเหนื่อย เดินต่อไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ หายใจผ่อนคลายยาวลึกข้าไป
ความเหนื่อยก็หายไป

สุดท้ายสิ้นสุดการเดินจงกรมดอกบัว ๗ ดอก แผ่เมตตา ส่งความรักปรารถนาดีให้กับทุก
สรรพสิ่ง และยืดเส้นคลายเส้น ให้เลือดลมเดินได้สะดวกยิ่งขึ้น
และจบด้วยการนั่งเจริญสติพุทธลีลา เคลื่อนไหวมือตามแบบอย่างสมเด็จพ่อพระพุทธเจ้า
ในสามปาง ปางมารวิชัย ปางปฐมเทศนา และปางสมาธิ เป็นการผ่อนคลายสมอง ผ่านเส้นประสาทมือ
และหายใจยาวลึกประกอบการเคลื่อนไหวนิ่ง เป็นการเก็บพลังชีวิต
ผล ทั้งกายและใจ เข้าสู่สภาวะโล่ง โปร่ง เบาสบาย จิตเป็นสมาธิ พร้อมที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ฝึกไปเรื่อยๆฝึกประจำ อะไรเกิดขึ้น
สติจะคม ปัญญาจะไว ไหวพริบจะมีสันติสุขเต็มที่ สุขนอกสงบใน

เดินจงกรมดอกบัว ๗ ดอกและ พุทธลีลา


แหวกว่ายทะเลทุกข์
ข้ามแดนนรก สู่แดนพุทธะ
ทำแบบฝึกหัดบำบัดทุกข์หลากหลายที่เข้ามาเยือนชีวิต
ด้วยจิตแจ่มใส
ญาณวิเศษ คือ ฝึกสติสัมปชัญญะอย่างสนุกสนานร่าเริง
กับพี่เลี้ยงคือ เสียงเพลง
บนพื้นฐาน ๗ ก้าวเท้ากระทบ ตามรอยเท้าเจ้าชายสิทธัตถะ
ดอกบัว ๗ ดอกบอกความเบิกบานใจ
ผนวกกับการปลดปล่อยความคิด คิดดีคิดชั่ว คิดออกมาอย่างเสรี
บนกระบวนการคิดโยนิโสมนสิการ ทุกรูปแบบ
ทั้งอริยสัจสี่ อิทัปปัจจยตา
เห็นที่มาของปัญหา เกิดปัญญา
จัดการกับชีวิต ด้วยจิตพุทธะ
มีสรณะ คือ พระรัตนตรัย


น.ส. วรรณฤดี รัตนะ
๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๗

สอบถามรายละเอียดทางmsn boy7lotus@ hotmail.com


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=7lotus&group=2
352  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฟัง รายการ RDN เรื่องการให้ธรรมทาน แล้ว จำไม่ค่อยทัน ในเรื่องของการให้ เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 01:56:34 pm
อยากให้พระอาจารย์ สรุปเรื่องการให้ธรรมทาน ให้อ่านเพิ่มคะ ได้ฟังแล้วจดไม่ทันและไม่รู้พระอาจารย์จะพูดอีกตอนไหน คะ

 :25:
353  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: คลิปกัมพูชา เหยียบกันตาย 339 ศพ ในคืนลอยกระทง เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2010, 02:17:45 pm
ลอยกระทงเขมร เหยียบกันตายกว่า 300 ศพ!
ลอยกระทงเขมร เหยียบกันตายกว่า 300 ศพ!

(23 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า งานประเพณีลอยกระทงของกัมพูชาที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ กลายเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ หลังจากมีผู้คนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และเกิดการเบียดเสียดกัน ทำให้เกิดการเหยียบกันตายและมีคนพลัดตกลงในแม่น้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ในช่วงค่ำของวันที่ 22 พ.ย. ชาวกัมพูชาเดินทางเที่ยวงานลอยกระทงกันอย่างคับคั่ง และเกิดเป็นโศกนาฏกรรม ซึ่งทางการเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้กว่า 339 ราย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นายฮุน เซน ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ด้วยตนเองอยู่หลายครั้ง

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณเกาะเพชร หรือไดมอนด์ ไอส์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่การจัดคอนเสิร์ตคือวันลอยกระทง และจะมีกิจกรรมการแข่งขันเรือ ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นสะพานเหนือแม่น้ำโตนเลสาป เมื่อผู้ร่วมงานมีอาการเป็นลมหน้ามืดล้มลงไปพร้อมๆ กัน ทำให้กลุ่มคนที่เบียดเสียดจากด้านหลังตกใจ-แตกตื่น พยายามวิ่งหนีออกจากบริเวณดังกล่าว ทำให้กลายเป็นการเหยียบกันในท่ามกลางฝูงชน และมีผู้ร่วมงามบางคนพลัดตกลงไปในแม่น้ำ ได้รับบาดเจ็บและเ้สียชีวิตเป็นจำนวนมาก

โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพจำนวนมากเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณดัง กล่าว ในขณะที่รถพยาบาลต้องนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งไปยังโรงพยาบาล ซึ่งมีระยะทางห่างไกลจากสถานที่เกิดเหตุนับชั่วโมง สำหรับการลอยกระทงครั้งนี้รัฐบาลกัมพูชาได้คาดการณ์เบื้องต้นว่า จะมีชาวกัมพูชากว่า 2 ล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยวในงานครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้น 3 วันติดต่อกัน โดยมีไฮไลท์เป็น การแข่งเรือ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชามากที่สุด
354  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กี่ครั้งที่ต้องทะเลาะกัน...เพราะคนอื่น เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2010, 02:14:46 pm



กี่ครั้งที่ต้องทะเลาะกัน...เพราะคนอื่น

"ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน
แต่มีใครเคยนับบ้างว่าที่ผ่านมา
มีกี่ครั้งที่เราทะเลาะกันเพราะคนอื่น"
............................................................


เพราะตลอดชีวิต
เราต้องเกี่ยวข้องกับคนมากมาย
ชีวิตจึงต้องแยกออกเป็นหลายส่วน
และแต่ละส่วนลเวนต้องการการดูแลที่เหมาะสม
การจะให้ชีวิตกับความรัก
เดินจับมือกันไปได้อย่างลงตัว
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

.
.
.
.
.
ท่ามกลางความหลากหลายของวิถีชีวิต
ท่ามกลางผู้คนที่ต่างก็มีความคิดเห็นของตัวเอง
ทำให้หลายครั้งที่เราต้องทะเลาะกันเพราะคนอื่น
ด้วยไม่อาจจะแยกแยะได้ว่า
ส่วนไหนคือชีวิต ส่วนไหนคือความรัก

เวลาไหนควรเด็ดขาด และเวลาไหนควรโอนอ่อน
เมื่อสองสิ่งล้ำเส้นกันปัญหาจึงเกิด

"การใช้ชีวิตในเรื่องความรัก
ไม่ได้ใช้แค่หัวใจ
หรือแค่รู้ว่าเรารักใคร
และใครรักเราเท่านั้น
แต่เราต้องมีหัวใจที่เด็ดขาด"
.
.
.
.
กล้ายอมรับและกล้าตัดสินใจด้วยตนเอง
อย่าปล่อยให้สิ่งแวดล้อม
มีอิทธิผลมากกว่าสมองและหัวใจ

<<อย่ารอให้รักจากไปแล้วจึงเข้าใจว่ารักกัน>>
355  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ใช้ "ยาสมาธิสั้น"รักษาเด็กที่มีอาการซนผิดปกติให้มีสมาธิ อาจตายอย่างเฉียบพลัน เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 01:59:05 pm
องค์การอาหารและยาสหรัฐเตรียมประกาศห้าม ใช้ "ยาสมาธิสั้น"รักษาเด็กที่มีอาการซนผิดปกติให้มีสมาธิหรือนิ่งอาจส่งผลทำ ให้"ตายเฉียบพลัน" ไม่ทราบสาเหตุ อย.ควบคุมปริมาณการสั่งนำเข้ามาจำหน่ายในไทย

วารสารทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา เผยผลการศึกษา พบว่า การใช้ "ยาสมาธิสั้น" อาจสัมพันธ์กับสาเหตุของการ "ตายอย่างเฉียบพลัน"  ไม่ทราบสาเหตุในเด็ก  องค์การอาหารและยาสหรัฐ (US FDA)  เตรียมจะประกาศผลการศึกษา รวมถึงผลสรุปว่าจะห้ามใช้ยานี้หรือไม่ภายในเดือนธันวาคมปีนี้  ล่าสุดคาดว่าจะเลื่อนการรายงานไปเป็น สิงหาคม2553 ขณะที่สำนักงานคณะ กรรมการอาหารและยา(อย.) ติดตามเฝ้าระวังการใช้ยาอย่างใกล้ชิด  เฉพาะควบคุมปริมาณการสั่งนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ไม่ให้เพิ่มในอัตราที่เกินความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าอย.ทำให้ยาขาดแคลน จึงขอความร่วมมือสถานพยาบาลทุกแห่งให้เบิกยาแค่พอใช้หากมีการประกาศห้ามใช้ จะได้ไม่ต้องสูญเสียยามากเกินไป


นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และคณะร่วมกันแถลงว่า  "ยาสมาธิสั้น" ที่ใช้รักษาเด็กที่มีอาการซนผิดปกติให้มีสมาธิหรือนิ่งมากขึ้น และ มีข่าว ว่า ขาดแคลน อย. สั่งยาเข้ามาในประเทศจำนวนน้อย  เนื่องมาจาก อย.ได้ติดตามรายงานจากวารสารทางการแพทย์ที่ตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายน 2552  ซึ่งองค์การอาหารและยาสหรัฐ ได้ให้มหาวิทยาลัยโคลัมเบียศึกษาวิจัยถึงสาเหตุของความชุกจากผลข้างเคียงที่ เกิดขึ้นมากมายกับเด็ก โดยใช้เวลาศึกษานานพอสมควร และพบว่า


"การใช้ยาสมาธิสั้นมีความสัมพันธ์กับการเสีย ชีวิตอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุในเด็กซึ่งองค์การอาหารและยาสหรัฐ มีความวิตกกังวลกับเรื่องนี้มาก ถึงขั้นอาจห้ามใช้ยานี้ แต่อย่างไรก็ตาม ได้ให้มีการศึกษาทบทวนอีกครั้งทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ ซึ่งเดิมจะประกาศผลการศึกษา รวมถึงผลสรุปว่าจะห้ามใช้ยานี้หรือไม่ ภายในเดือนธันวาคมปีนี้"


ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติมจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ คาดว่าจะเลื่อนการรายงานออกไป คาด ว่าจะทราบผลในเดือนสิงหาคม 2553 ส่วนในผู้ใหญ่จะทราบผลในเดือนตุลาคม 2553 โดยผลสรุปดังกล่าวจะทำให้ทราบว่าจะประกาศห้ามใช้ยานี้หรือไม่ ในส่วนของ อย. เอง เมื่อทราบข่าวนี้ได้เชิญราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และกรมสุขภาพจิต เพื่อปรึกษาหารือ ซึ่งผู้แทนแพทย์ทุกคนต่างแจ้งว่าสามารถควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวในไทย


อย่างไรก็ตาม อย. ต้องติดตามและควบคุมการใช้ยาสมาธิสั้น โดยเจาะจงให้แพทย์ที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น รวมทั้งให้แพทย์เพิ่มความระมัดระวังการใช้ และเฝ้าระวังอาการข้างเคียงของผู้ป่วยที่รับประทานยานี้ นอกจากนี้ อย.จะไม่สั่งยานี้เข้ามาเพิ่มมากจนเกินความเหมาะสมหรือผิดปกติ เพราะนอกจากจะเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคแล้ว ยังป้องกันการสั่งเข้ามาโดยเสียประโยชน์ หากมีการประกาศยกเลิกการใช้


นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการ ฯ (อย.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในไทยมียาสมาธิสั้นอยู่ 4 ตัว คือ ยา Ritalin ขนาด 10 mg. ต่อเม็ด, ยา Rubifen ขนาด 10 mg. ต่อเม็ด, ยา Concerta ขนาด 18 mg. ต่อเม็ด และยา Concerta ขนาด 36 mg. ต่อเม็ด ยาประเภทนี้กินแล้วติดได้ จึงจัดเป็นวัตถุเสพติด ในปีนี้ อย.ได้ปรับระบบการจัดซื้อยา ให้มีการแข่งขันจากบริษัทชั้นนำ เพื่อให้ได้ยาที่มีคุณภาพดีและราคาถูกซึ่งผลปรากฏว่าได้ยาจากบริษัทเดิมของ ประเทศเยอรมนี และสเปน ทั้งนี้ ทำให้ราคายาลดลงจากราคาเดิม 35 เปอร์เซ็นต์ โดยปกติมีการสั่งซื้อยาดังกล่าวจาก อย.จำนวนไม่เกิน 6 แสนเม็ดต่อเดือน ในวันนี้ ( 30 พ.ย. 52 ) มียาสมาธิสั้นเข้ามาที่ อย. จำนวน 140,000 เม็ด และในช่วงสัปดาห์ถัดไป จะมียาสมาธิสั้นเข้ามาอีก 1,500,000 เม็ด ซึ่งจะเพียงพอใช้ประมาณ 2 เดือนเศษ แต่ถ้ามีการประกาศห้ามใช้จริง อย.ยังมีการเตรียมการโดยมียาตัวอื่นที่ได้รับอนุญาตทะเบียนตำรับยาและผ่าน การติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาแล้ว ใช้ทดแทนได้ แต่อาจมีราคาแพงขึ้น ในขณะเดียวกัน หากไม่มีการห้ามใช้ยาดังกล่าว อย.ได้มีการเตรียมนำเข้ายานี้อีก 5,400,000 เม็ด โดยจะทยอยนำเข้าให้เหมาะสม ไม่ให้มากจนเกินไป

ที่มา
http://www.rssthai.com/reader.php?r=15882&t=health
356  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 7 เทคนิคดูแล "ลูกสมาธิสั้น" อย่างสร้างสรรค์ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 01:24:59 pm
ได้ ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของลูกสมาธิสั้น หรือสมาธิบกพร่อง คงต้องรับบทหนักกันหน่อย เพราะเด็กในกลุ่มนี้จะมีความบกพร่องในการใส่ใจ การคงสมาธิ ทำให้วอกแวก อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น วู่วาม หรือทำอะไรโดยไม่ทันได้คิด จึงมักประสบอุบัติเหตุจากความซน และความไม่ระวังของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

           
       ในเรื่องนี้ พญ.อังคณา อัญญมณี จิตแพทย์ เด็ก และวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ บอกว่า การดูแลลูกที่เป็นสมาธิบกพร่อง พ่อแม่ต้องมีความรู้ และความเข้าใจ เพราะเด็กในกลุ่มนี้จะมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเรียน การเล่น หรืออื่น ๆ ดังนั้น เด็กไม่ได้แกล้งซน แกล้งไม่เชื่อฟัง หรือขาดความรับผิดชอบ แต่มันเป็นอาการผิดปกติการทำงานของสมอง ทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
       
       "ลูกที่มีสมาธิ บกพร่อง เป็นเด็กเลี้ยงยากที่พ่อแม่มักเกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย บางครั้งจึงใช้วิธีตีลูก เพื่อให้ลูกทำในสิ่งต้องการ แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกเป็นว่าลูกไม่ได้แกล้งดื้อ หรือแกล้งซน เมื่อเป็นเช่นนี้จะยิ่งทำให้ลูกมีอาการของตัวโรคมากขึ้น นำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าว และใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นท่านนี้กล่าว
       
       ดังนั้น พ่อแม่ของเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น หรือสมาธิบกพร่อง จำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิคที่ถูกต้อง เพื่อช่วยในการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่างของเด็ก ซึ่งการตี หรือการลงโทษทางร่างกาย เป็นวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ได้ผล และจะมีส่วนทำให้เด็กมีอารมณ์โกรธ หรือแสดงพฤติกรรมดื้อต่อต้าน จนก้าวร้าวมากขึ้น

ที่มา
Fwd mail

       
       7 เทคนิคดูแลลูกสมาธิสั้นอย่างสร้างสรรค์
       
       1. ลดสิ่งเร้า
       
       สิ่งเร้าเป็นตัวสำคัญที่ทำให้สมาธิของลูกน้อยลง ดังนั้นการลดสิ่งเร้า สมองจะไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ทำให้เด็กไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ นำไปสู่การมีสมาธิกับสิ่งสำคัญได้มากขึ้น
       
       สำหรับวิธีลดสิ่งเร้านั้น คุณ หมอแนะนำว่า พ่อแม่ควรจัดบ้านให้เรียบง่าย และเรียบร้อย ไม่ควรมีลวดลายสีฉูดฉาด หรือของตกแต่งบ้านมากเกินไป พร้อมทั้งจัดของให้เป็นระเบียบ เก็บของในตู้ทึบแทนตู้กระจก
       
       - ควรจัดที่เงียบ ๆ ให้ลูกได้ทำงาน หรือทำการบ้าน ต้องไม่มีเสียงโทรทัศน์รบกวน ส่วนบนโต๊ะควรมีเฉพาะสมุด ดินสอ และยางลบ
       
       - มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างสงบ พูดกับเด็กด้วยเสียงเบา ไม่ตะโกน โวยวาย รวมทั้งพ่อแม่ไม่ควรทะเลาะ หรือใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูก
       
       - หัดให้ลูกอยู่ในบรรยากาศที่สงบ หรือทำกิจกรรมเงียบ ๆ เช่น หัดให้นั่งเล่นในสนามหญ้าเงียบ ๆ ลดการเที่ยวศูนย์การค้า ไม่ซื้อของเล่นให้มากเกินไป อีกทั้งจำกัดเวลาดูโทรทัศน์ เล่นเกม และคอมพิวเตอร์
       
       ด้านสภาพแวดล้อมที่โรงเรียน ควรจัดให้เด็กมานั่งใกล้ ๆ ครู ไม่ควรให้นั่งใกล้ประตูหน้าต่าง หรือเพื่อนที่ชอบเล่น ชอบคุย

       2. เฝ้ากระตุ้น
       
       - จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่คอยติดตาม และตักเตือนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กเล็กไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ตลอดเวลา แม้จะรู้ และเข้าใจว่าควรทำสิ่งใดก็ตาม
       
       - เด็กต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่ และครูตลอดเวลา
       
       - ทำบันทึกร่วมกันระหว่างพ่อแม่ และครู
       
       วิธีการกระตุ้น
       
       - เตือนเด็กเมื่อถึงเวลาทำงาน หรือเตือนเมื่อหมดเวลาเล่น
       
       - โน้ตข้อความสำคัญในที่ที่เด็กเห็นได้ง่าย เช่น กล่องดินสอ โต๊ะเรียน ผนังห้อง หรือกระดาน
       
       - ตั้งนาฬิกา หรือเครื่องจับเวลาให้เด็กเห็นชัด ๆ ขณะทำงาน เพื่อให้เด็กกะเวลาได้ดีขึ้น และตั้งใจทำงานให้เสร็จทันเวลาที่กำหนด
       
       - แบ่งงานให้สั้นลง โดยให้เด็กได้พักเป็นช่วง ๆ
       
       - แนะเคล็ดวิธีช่วยจำให้ลูก เช่น การย่อ ทำสัญลักษณ์ ผูกเป็นโคลง
       
       - ให้เด็กอ่านออกเสียง หัดขีดเส้นใต้ขณะเรียน
       
       3. หนุนจิตใจ
       
       - เด็กมักทำสิ่งต่างๆ ไม่สำเร็จ เพราะได้รับแต่คำตำหนิติเตียน หมดความมั่นใจ เด็กจึงต้องการกำลังใจอย่างมากจากพ่อแม่ และคุณครู
       
       - ระวังที่จะไม่เข้มงวด จับผิด แต่ควรเปิดโอกาสให้เด็กคิด
       
       - ช่วยเด็กหาวิธีแก้ไขจุดอ่อน เช่น ขี้ลืม
       
       - หาเรื่องตลกขำขันมาคุยกับเด็ก เล่นกับเด็กอย่างสนุกสนาน หรือพาเด็กออกกำลังกายบ้าง
       
       - ชมเด็กบ่อย ๆ เมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดี หรือมีความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ
       
       - บอกสิ่งที่สังเกตได้ในทางบวก เช่น เหนื่อยไหม แม่เห็นลูกทำมานานแล้ว วันนี้ลูกคิดได้เร็วกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะ หรือ ทำมาได้ตั้ง 3 ข้อแล้ว เอ้าเหลืออีก 2 ข้อเองคนเก่งของพ่อ

 

 4. ให้รางวัล
       
       เด็กที่สมาธิบกพร่อง มักจะเบื่อ และขาดความอดทน แต่หากมีรางวัลตามมา เด็กจะรู้สึกท้าทาย และมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น โดยการให้รางวัล ควรให้ง่ายๆ บ่อยๆ มากกว่าที่ให้เด็กทั่วไป และต้องให้ในทันที
       
       นอกจากนี้ควรเปลี่ยนรางวัลบ่อยๆ เพื่อให้เด็กได้สนุก และสนใจ อาจให้เด็กได้ลองคิดรางวัลเองบ้าง หรือให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเด็กเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการให้แต้ม/รางวัลแก่เด็กตลอดเวลา
       
       สำหรับการให้รางวัล ถือเป็นแรงจูงใจที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเด็กได้ โดยมีขั้นตอนการให้รางวัลง่ายๆ คือ
       
       - ระบุพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นทดแทนพฤติกรรมปัญหา (เลือกให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่มีผลต่อเด็กในระยะยาวก่อน)
       
       - ให้รางวัลกับพฤติกรรมใหม่ทุกครั้งที่เห็น
       
       - หลังจากฝึกได้ 1-2 สัปดาห์ เริ่มใช้การลงโทษแบบไม่รุนแรง เช่น Time out ตัดสิทธิ์ อดรางวัล เมื่อเกิดพฤติกรรมปัญหา
       
       - ใช้วิธีการให้รางวัลมากกว่าการลงโทษ
       
       5. การพูดกับเด็ก
       
       - ไม่พูดมาก ไม่เหน็บแนม ประชดประชัน ไม่ติเตียน
       
       - บอกกับเด็กสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าต้องการให้ทำอะไรในตอนนี้
       
       - หากไม่แน่ใจว่าเด็กฟังอยู่ เข้าใจ พ่อแม่ควรให้เด็กทบทวนว่าสิ่งที่สั่ง หรือพูดไปคืออะไรบ้าง
       
       อย่างไรก็ดี หากเด็กไม่ทำตามคำสั่ง พ่อแม่ควรใช้วิธีเดินเข้าไปหา จับมือ แขน หรือบ่า สบตาเด็ก พูดสั้น ๆ จากนั้นให้เด็กพูดทวน หากเด็กไม่ทำ ให้พาไปทำด้วยกัน หลีกเลี่ยงการบังคับ หรือออกคำสั่งตรงๆ แต่ใช้วิธีบอกกับเด็กว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้าง เช่น หากต้องการให้เด็กเริ่มต้นทำการบ้าน แทนที่จะสั่งให้เด็กทำการบ้านตรงๆ อาจพูดว่า “เอาล่ะได้เวลาทำการบ้านแล้ว...หนูจะเริ่มทำภาษาไทยก่อน หรือจะทำเลขก่อนดีจ้ะ” เป็นต้น
       
       6. นับสิ่งดี
       
       - หาเวลาหยุดพักสั้น ๆ ในแต่ละวัน
       
       - เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เด็กไม่ได้ตั้งใจทำตัวให้มีปัญหา แต่เด็กมีความผิดปกติในการทำงานของสมอง ทำให้คุมตัวลำบาก หยุดตัวเองได้ยาก และไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้
       
       - ให้อภัยแก่เด็ก ตัวเราเอง และทุกคนที่อาจไม่เข้าใจในพฤติกรรมของลูก
       
       - คิดถึงความน่ารัก และความดีในตัวเด็ก และตัวเรา (พ่อแม่) เอง
       
       7. มีขอบเขต
       
       - มีตารางเวลา หรือรายการสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้เด็กรับรู้ขีดจำกัด และช่วยควบคุมให้เด็กทำตามง่ายขึ้น
       
       - เรียงลำดับกิจกรรมง่าย ๆ ให้ชัดเจน และแน่นอน เช่น เวลาตื่น เวลานอน เวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ
       
       - ไม่ปล่อยปละละเลย หรือตามใจมากเกินไป เพื่อไม่ให้เด็กสับสนและผัดผ่อนต่อรองบ่อย ๆ
       
       การ ดูแลลูกสมาธิสั้น สำคัญที่สุด พ่อแม่ต้องมีทัศนคติต่อเด็กในทางบวก ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าลูกไม่ได้แกล้งซน แกล้งดื้อ จากนั้นใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมที่ไม่ทำลายความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองของ เด็กให้ลดลงตามวิธีที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อรู้จักลูกของเราแล้ว เรามาเลี้ยงเขาอย่างสร้างสรรค์กันดีกว่า
357  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประกาศ อนุโมทนา บุญกุศลเรื่อง กิจกรรมการเผยแผ่เว็บ www.madchima.org เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 11:49:55 am
ไว จังเลยครบปีแล้ว แต่หนู ยังคิดว่า เว็บนี้ทำมาหลายปี แล้ว

ไม่น่าเชื่อ ว่าเว็บนี้ตั้งได้แค่ 1 ปี แถมติด 1 ใน 10 ด้วย


อนุโมทนา คะ

 :25: :25: :25:
358  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / คำสอนเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 02:25:19 pm
คำสอนเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต



........คน เรา เมื่อมีลาภก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีศุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา เปนของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดร้อนเนื้อร้อนใจ ก่อนที่จะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราแลคนอื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาว่าร้ายใส่เราอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวนกลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ

ธมฺมวิตกฺโก
359  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: มีหนังสือ ธรรมะ ไฟล์ PDF ให้โหลดอ่านคะ เชิญตามเข้ามาเลยนะคะ เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 09:41:54 pm


ขอบคุณคะ มีหลายเล่มเลย โหลดเล่มนี้มาอ่านแล้วคะ

 :25: :25:
360  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / สาเหตุที่ทำให้เว้บช้า จากการทดสอบ เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 09:28:51 pm


สาเหตุหนึ่งจากที่ดู นะคะไม่ใช่เกิดจากโหลดเว็บจาก host เองหรอกคะ



ที่เห็นได้ชัด ๆ เลย ว่ารอเว็บสถิติ อยู่คะ ถ้า server ที่ฝั่งสถิติมี overload ก็จะทำให้เว็บไม่โหลดหน้า



เนื่องด้วยเครื่องที่ใช้งานเป็นระบบของโรงเรียน speed วิ่งที่ 6 mb



จะเห็นได้ว่า ปัญหาจริง ๆ อาจจะอยู่ี่ Tracker ของเว็บสถิติเองด้วยคะ

 :smiley_confused1:
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10