แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - prachabeodee
|
หน้า: [1] 2 3 4
|
1
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ปุจฉา : "มิตรรักแฟนธรรม" ถามว่า หากไม่นำเถ้าอังคาร ไปลอยแม่น้ำ จะเป็นอะไรไหม.?
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2017, 02:07:32 am
|
ยังมีอีกเรื่อง...ที่น่าคิด...เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวทางเฟสทางไลน์...ทีมีบริการบรรจุ อัฐทิธาตุ ใส่หัวจรวด...แล้วยิงออกสุ่ห้วงอวกาศ.....ถ้ามีลักษณะนั้นๆจริง....วงจรของจิตวิญญาณ...ตามความเชื่อ,ตามคติ...ต่างๆ คงต้องเปลี่ยนไปแล้ว... เช่น....อาจจะส่งไปสุ่ จักวาลอื่นๆภพภุมิอื่นๆ,พุทธเกษตรอื่นๆ ข้ามเวลา,ข้ามขีดจำกัดในลักษณะเดิม...เช่น..อาจไปจุติเป็นพรหม,มหาพรหมอยุ่ขอบๆจักรวาลใดจักวาลหนึ่ง...ก็เป็นได้ เพ้อเจ้อ....ไปแล้วจร้า......ขออภัยด้วย...ตามปะสาของคนยังอยุ่ในธาตุ๔ขันธ์๕....อิอิ
|
|
|
2
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ปุจฉา : "มิตรรักแฟนธรรม" ถามว่า หากไม่นำเถ้าอังคาร ไปลอยแม่น้ำ จะเป็นอะไรไหม.?
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2017, 01:51:55 am
|
คงไม่อ้างหลักใดๆหรอกนะ...เพราไม่มีความรุ้มากพอแน่นพอ..ที่จะอ้าง... แต่...จิตก่อนตาย..หากยังไม่นิพพานแล้ว..ย่องต้อง ..ข้องอยุ่ในสิ่งใด,สิ่งหนึ่งภพใดภพหนึ่งเสมอๆ ธาตุทั้ง4. ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ.. ก็เป็นที่ๆจิตจะยึดครองได้....อาศัยได้... จิตถ้ายึดติดอยุ่กับธาตุดิน(เถ้าอังคาร)..เมื่อไปลอยน้ำแล้วย่อมไหลไปสุ่มหานที-มหาสมุทร...ซึ่งละอองไอน้ำก็จะระเหยกลายเป็นไอน้ำ---เป็นเมฆฝนตกลงมาสุ่พื้นดิน..จิตที่ติดอยุ่ก็จะได้ไปจุตติตามสถานที่ต่างๆ ตามกระแส มรสุมตะวันตกเฉียงใต้,ตะวันออกเฉียงเหนือ(ถ้าจิตนั้นมากับธาตุน้ำก็สามสรถคำนวนตามหลักวิทยาศาตร์ได้เลยว่า..วิญญารนั้มาเกิดจากทิศทางใด)....ที่ข้าพเจ้าเข้าใจได้เพราะ ก่อนมาเกิดจิตข้าพเจ้าลอยออกมาจากปากถ้ำ...ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ ตี๑-ตี๒ เราจะลอยขึ้นไปสุงมากเบามาก...พอเวลาชาย-หญิงเสพสังวาสกัน..มันจะมีแรงดึงดุดที่สุงมากๆ...ดึงดุดให้เราตกลงมาชนิดที่ต้านไม่ได้...รถ้สึกตัวอีกที...ก็มาเกิดแล้ว.... โปรดใช้วิจารณญาณในหารรับฟังด้วยจร้า...
|
|
|
7
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เว็บกรรมฐาน เป็นเว็บที่มีเนื้อหา ด้านการภาวนามาก คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ
|
เมื่อ: มีนาคม 20, 2015, 11:56:18 pm
|
สาธุ. สาธุ. สาธุ. .......ป้าก็ไม่ได้เดินสายมัชฌิมาโดยลำดับ....แต่ป้าก็ยังติดตามอ่านทุกๆคำถามและคำตอบที่น่าสนใจ....จริงแล้วสายนี้เป็นสายที่ทำแล้วได้จริงมีผลจริง แต่คนที่ทำได้น่ะมีน้อยต่อน้อนนัก. ยิ่งกว่ารายการ "หนึ่งในร้อยอีกน๊ะ. และคนสมัยนี้ชอบอะไรที่ง่ายๆอยุ่ด้วย...มันก็ยิ่งน้อนลงไปอีก.......สายนี้ถ้ามีคนปฎิบัติแล้วได้ผลของการปฎิบัติแม้ว่าจะน้อย(ไม่กี่คน) ก็สาธุด้วยแล้ว.....อย่าไปน้อยอกน้อยใจเลย และสมาชิกทุกๆท่านที่ให้ความเห็นมาก็ดีๆทั้งน้าน. ป้าขอขอบคุณจากใจจริง..ทุกๆท่าน. ขอให้ตั้งใจปฎิบัติจริงๆเถอะ. ผลย่อมเกิดจริง ไม่มากก็น้อยตามแต่ผลแห่การปฎิบัตินั้นๆจะมีผลอย่างไร
|
|
|
8
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หัวเลี้ยว หัวต่อ ระหว่าง สมถะ และ วิปัสสนา สำหรับสายเจโตวิมุตติ
|
เมื่อ: ตุลาคม 20, 2014, 09:48:29 am
|
ฉันสับสนหลายครั้ง เพราะเรียนมาผิดจากครูอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้วยความเคารพพอจะเข้าวิปัสสนาขั้นที่ 13 ก็ถอยออกจากฌาน อย่างที่ครูอาจารย์ทั้งหลายสอนกัน พอฉันถอยออก สมาธินิมิตก็ดับ สุขก็เกิดแทน ขณะนั้นฉันไม่สามารถเห็นอะไรเลยนอกจากสุข มันสบาย ๆ อยู่อย่างนั้นจนผ่านไปนานก็ยังไม่สามารถเข้าขั้นที่ 13 ได้ ฉันเลยถอยจิตออกไปยังฌานที่ 2 ปีติ ก็เกิดอย่างโลดโผน กายฉันโยกไป โยกมา สติพยายามพิจารณาความไม่เที่ยงตามขั้นที่ 13 แต่มันเหมือนเป็นคำพุดเข้าไปสะกดไม่เป็นธรรมชาติ สุดท้ายก็สูญเสียเวลาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งครูฉันเข้ามาบอกว่า ไม่ต้องถอยให้ปฏบัติตามท่านดังนี้...." .................. ข้าพเจ้าไม่ได้ปฎิบัติตามแนงทาง มัชชิมา...แต่ก็ขอสาธุ...ด้วยกับท่านพระคุณเจ้าที่มีสติที่ละเอียด...มากพอที่จะจับได้ถึงสิ่งที่ปกติบุคคลทั่วไปสังเกตุไม่เหพบ(ในสภาวะนั้น..) ......
|
|
|
10
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คุยกับ...สมาธิ
|
เมื่อ: ตุลาคม 08, 2014, 03:49:51 pm
|
ส่วนที่เป็น ทฤฎีก็รู้แล้ว(อย่างแตกฉาน)ซึ่งมีให้อ่านมีให้จำมากมายหลายวิธี... ส่วนการที่ทำสมาธิไม่ได้...น่าจะเนื่องมาจากบุคคลนั้นไม่รู้จักการรวมจิต,ยังไม่รู้ว่าตนเอง ณ.ขณะนั้น ตนเองกำลังอยู่ที่ตรงไหน??....(สติไม่ได้รวมตัวกับจิต,มรรคไม่ สมังคี).....ไม่ฉลาด(และไม่เฉลียวใจ)ในการตามจิตหรือไม่เข้าใจตนของตนเอง .....เมื่อขยับ...มันก็เขยือน...เมื่อเขยื่อน มันก็เปลี่ยนแปงไป......เดี๋ยวก็ไป...เดี๋ยวก็มา...เดี๋ยวก็มี...เดี๋ยวก็หาย.....เพราะขยับจึงเข้าใจความสงบ เมื่อสงบ ก็เห็นความเคลื่อนไหว..... ผู้ปฎิบัติทุกคน...ถ้ามีความแน่วแน่... มีความพยายามอยู่อย่างพอเพียง...มีสติที่มากพอ....มีความฉลาดเฉลียว...สมาธิก็มีเองไม่ต้องอยากได้...มันก็เกิด.....ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่มีเจตนาดีต้งใจในการทำสมาธิ....และขอให้มีความเฉลียวใจซักนิด การพัฒนาทางจิตเราก็จะเกิดเอง....โดยไม่ต้องสงสัย
|
|
|
16
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การตกอยู่ใต้อำนาจการควบคุมโดยพลังจิต(โดยวิชาใดวิชาหนึ่ง,เดรัชฉานวิชา)
|
เมื่อ: เมษายน 01, 2014, 09:23:14 pm
|
เรื่องของเรื่อมีอยู่ว่า ดิฉัน....ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่ง...ซึ่งแกสามารถทำให้บุคคล๓คนอยู่ด้วยกันได้(ทั้งๆที่ทั้งสามคนมีลักษณะนิสัยและพื้นฐานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง)....ซึ่งแปลกมากเวลาไม่ได้ไปพบแกก็จะหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ไม่เป็นสุข..พอไปอยู่ต่อหน้าแกก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง..ซึ่งแกก็มักจะขอบริจาคปัจจัยเพื่อสร้างถาวรวัตถุเช่นศาลาหรืออื่นๆ....ซึ่งดิฉันก็นึกว่ามีอาการอย่างที่เล่ามาคนเดียว....คนอื่นๆก็มีลักษณะอาการเหมือนๆกัน...ดิฉันจึงสงสัยว่า นี่เป็นแรงอธิฐาน(เพราะแกชอบอ้างว่า-แกอธิฐานต่อพระพุทธรูปเพื่อให้กิจกรรมนั้นเป็นไปเพื่อดำรงหรือสืบต่อศาสนา)หรือเป็นการผูกจิต,ครอบงำจิตหรือว่าเป็นเมมตามหานิยมกันแน่....แต่ก็ไม่ไช่เป็นแบบงมงายจนไม่รู้สึกตัวหรอกเจ้าค่ะ.....พระคุณเจ้าที่ว่านี้อายุมากแล้วเจ้าค่ะ ๗๐กว่าๆแล้วค่ะ คงตัดเรื่องสิเน่ห์หาเรื่องชู้สาวไปได้เลยเจ้าค่ะ....ซึ่งดิฉันสัมผัสได้ถึงแรงนี้แต่ดิฉันก็ไม่สามารถหลุดไปจากแรงเหล่านี้ได้พระคุณเจ้าว่าดิฉันเป็นอุปทาน ฤเปล่าเจ้าค่ะ??? ขอความกระจ่างด้วยเถิดเจ้าค่ะ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ....และยังมีอีกหลายเรื่องซึ่งเกิดกับลูกศิษย์คนอื่นๆเช่นกันแต่ไมขอเล่าเพราะไม่ไช่เกิดกับตนเองเจ้าค่ะ?
|
|
|
18
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การปฏิบัติธรรม "ด้วยการปฏิเสธฌานสมาธิ" จะสำเร็จได้อย่างไร.?
|
เมื่อ: มกราคม 02, 2013, 11:08:55 pm
|
" ขอเพียงอย่างพึงด่วนสรุปว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เท่านั้นก็พอ"....... ดิฉันขออนุโมทนาด้วยกับประโยคนี้เจ้าข้า.......เพราะเป็นการแสดงถึงการปรับมุมมองได้กว้างขวางและครอบคลุม.........ส่วนที่จะต้องได้ฌาณด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องแล้วแต่ วาสนาบารมีของผู้ปฎิบัติแต่ละคนที่เคยสั่งสมมารวมทั้งในปัจจุบันกรรมด้วย.... แม้แต่ผู้ที่ได้ฌาณเองก็เถอะถ้าไม่ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาจนเกิดปัญญารู้แจ้งห็นจริงแล้ว ฌาณที่เกิดที่ได้นั้นก็เป็นเพียงโลกีย์ฌาณเช่นกัน ซึ่งก็ต่างกันที่มุมมองทั้งสิ้น......ส่วนสายที่ปฎิเสธฌาณนั้นเล่า.....เมื่อปฎิบัติเข้าๆมองไปเห็นไปรู้ไปเมื่อถึงจุดหนึ่งปฎิบัติไป,ดำเนินจิตไป...ถูกส่วน...ฌาณก็เกิดโดยตัวมันเองอยู่เช่นนั้นเอง....จะไม่เอาจะไม่เป็น....ฤก็ไม่ไช่ เพระจะถือว่าเป็นการหรอกตัวเองไปเท่านั้น.....
|
|
|
19
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สุกขวิปัสสก กับ อภิญญา และ วิชชา เกี่ยวข้องกันอย่างไรคะ
|
เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 10:29:13 pm
|
ถ้าปารถนาบ้านหลังใหญ่ๆโตๆ.....ก็ต้องทำงานหนักทำงานมาก เพื่อจะได้ทำความปารถนาให้เป็นจริง....พวกนี้ต้องทำให้แจ้งให้อิ่มก่อนจึงจะพอแก่ใจจึงจะทิ้งได้(เรียกว่าพวก ฌาณ,อภิญญา วิสัย).......... ถ้าต้องการบ้านเพียงแค่ที่หลับนอนก็เพียงพอแล้ว(หลังเล็กๆ)......ก็ไม่ต้องดิ้นรนมากก็อยู่ได้แล้ว(เป็นพวก สุขวิปัสโก)............ ผลทั้งสอง ก็เป็นวิมุตติทั้งสิ้น..แต่นิสัยต่างกัน,เวลาต่างกัน,ผลแห่งการปฎิบัติก็ต่างกัน....ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด...เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาและหรือบารมีที่สั่งสมมา...แต่อดีตชาติและนิสัยของผู้ปฎิบัติเองว่าชอบ(ถนัด)ไปในทางไหน................
|
|
|
20
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การบูชา ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเรื่องผิด หรือ ไม่ คะ
|
เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 10:14:23 pm
|
ไม่ไช่เฉพาะ ท้าวเวสสุวรรณอย่างเดียวหรอก....แม้แต่ พระพรหม,พระอินทร์,หรือเทพต่างๆ....ก็มีเยอะแยะ.....ที่ได้รับการบูชาการยกย่อง....ซึ่งก็มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป.... แล้ว...ยังมีพระภูมิเจ้าที่อีก...ที่ยังได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง... ซึ่งก็แล้วแต่จุดประสงค์ที่บูชามากกว่า..... และก็อีกปัจจัยหนึ่งคือผู้ที่บูชามีความเชื่อถือหรือจำเป็นมากน้อยแค่ไหน...ถ้าเรามีที่พึ่งที่ดีแล้ว....อะไรๆก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา....แต่ถ้าเราเองยังไม่มีกำลังพอที่จะมีที่พึ่งทางใจได้แล้ว...ก็ต้องทำไปบูชาไป.....หรือพูดง่ายๆคือถ้าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงๆแล้วก็อาจไม่ต้องบูชาก็ได้หรือถ้าจะบูชา ก็เข้าใจในเหตุผลที่ต้องบูชา .............................................................. การพูดว่า "การบูชากราบไหว้เป็นเรื่องงมงายนั้น"...ไม่ถูกต้องเลย....ควรดูที่เจตนาและหรือความจำเป็นมากกว่า......ดังคำว่า "ไม่เชื่อไม่ศัทธาก็ไม่ควรลบหลู่"...........และการมองการกระทำนั้นๆ เราก็ต้องเข้าใจผู้กระทำนั้นๆด้วย....เราก็จะเข้าใจเหตุผลได้อย่างลึกซึ้งและถูกต้องตามความเป็นจริงที่สุดอย่างรอบด้าน...... อาเมน...................
|
|
|
22
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: รู้ไว้สู้ภัยพิบัติ;ร่วมอธิษฐานจิตสลายภัยพิบัติด้วยเทคนิคเต๋า
|
เมื่อ: กันยายน 20, 2012, 09:15:11 pm
|
บ้างก็สวดมนต์ช่วยโลกไม่ให้เกิดภัยภิบัติ,บ้างก็ช่วยกันปิดไฟประหยัดพลังงาน,บ้างก็ปลูกป่าเพื่อลดโลกร้อน.......ไม่เคยได้ยินใครพูดเลยว่ามนุษย์นี่...เกิดมากเกินไปแล้ว,หรือบอกว่ามันเป็นธรรมดาของวัฎฎจักหรือดุลยภาพของโลกที่กำลังเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยของมันเอง.....ซึ่งทุกๆเรื่องก็มักจะเอามนุษย์เองเป็นตัวตั้งเป็นศูนย์กลางซึ่งไม่ค่อยยอมรับซักเท่าไหร่เลยว่า มนุษย์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติของโลกนี้.......อยู่บนจุดหนึ่งของเส้นแห่งกาลเวลา....(จุดที่มีความแปรเลี่ยนของธรรมชาติน้อยจนทำให้เราเห็นว่าไม่เปลี่ยนแปลง)..ถ้าเรามองให้กว้างใกลออกไปกว่านี่(ซึ่งอาจมองผ่านอดีตโดยการศึกษาประวัติศาสตร์และมองไปในอนาคตโดยการใช้ญาณ(วิชชาแห่งเหตุและผล)ซึ่งรวมทั้งการพยากรณ์,การศึกษา,การคาดการณ์โดยใช้สรรพเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน-หรือรวมทั้งการรู้ด้วยฌานในสมาธิ....ก็ตามที.... มุมมองเราก็จะกว้างไกลออกไปอีกมากเห็นถึงช่วงชีวิตหนึ่งของความเป็นมนุษย์นั้นเป็นเพียงช่วงหนึ่งที่สั้นมากๆ...ซึ่งอาจเป็นช่วงหนึ่งของกาลเวลาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านของโลกในช่วงหนึ่งก็ได้.......การสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้ภัยภิบัติลดลงหรือเลื่อนไปผัดไป.....ก็ได้เพียงหนึ่ง(ซึ่งอาจเลื่อนได้ซัก ๑๐๐๐ปีหรือมากกว่านั้น)แต่วัฎฎจักรของความเป็นอย่างนี้ก็เป็นของมันอยู่......เพราะนั้นทางที่ดีที่สุดคือเข้าใจสภาวะและปรับตัวให้อยู่กับสภาวะนั้นๆให้ได้....ซึ่งการสวดมนต์ภาวนาให้โลกพ้นภัยก็ไม่ผิด เพราะเป็นลักษณะหนึ่งของโลกนี้อยู่เอง.......อาเมน...ไม่ได้ติ,ไม่ได้ว่าและก็ไม่ได้ชมหรือไม่ได้โมทนา....และก็ไม่ได้เฉยด้วย....
|
|
|
24
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หลายท่าน บอกว่า ปีติและสุข เป็นธรรมขวาง พระนิพพาน
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2012, 09:10:09 pm
|
การที่จะบอกว่า เป็นธรรมขวางหรือไม่ขวางนั้น....ป้าว่ายากที่จะตัดสินได้....ป้าว่าต้องดูที่ใจตนเองเท่านั้น..ถ้ามีแล้วหรือเป็นสภาวะนั้นแล้วไม่ยึดไม่ติดในอารมณ์นั้นๆและ/หรือก้าวข้ามผ่านไปได้.....(อาจจะด้วยปัญญา,ด้วยองค์สมาธิด้วยความอะไรก็แล้วแต่)...ก็ไม่น่าจะถือว่าขวางทางนิพพานกลับเป็นองค์หรืออารมณ์ให้พิจารณาก้าวข้าม(เป็นการทดสอบจิตของตนเองได้ระดับหนึ่ง)ได้.... แต่ถ้าจิตเราเองไปหลงในอารมณ์นั้นๆหรือไปแช่ไปติดกับอารมณ์นั้นๆ(ไม่จำเป็นต้องเป็นปิติธรรมอย่างเดียวหรอกอย่างอื่นๆก็มีเช่นสุข,ความเงียบ,ความเป็นอิสระ เป็นต้น)....อย่างนี้ก็เรียกว่า "ธรรมปิติเป็นเตรื่องขวางกันพระนิพพาน..... "ผู้ใดกล่าวเสียเช่นนี้แล้ว ต้องเรียกว่าหมดวาสนาเจโต อภิญญา เข้าข่ายจักเป็นเสีย วิปัสสก เท่านั้น ซึ่งพิจารณาแล้วก็ เหมาะควรแก่ผู้คนในยุคนี้ หรือสังเกตจะพบว่ากลุ่มพวกที่ชอบฤทธิ์ อภิญญา อย่างเก่งก็อาศัยเครื่องราง ขมังคาถา บ้า มงคลวัตถุ ประมูลเช่า แค่นั้นจริงๆ ผู้ที่จะใฝ่ภาวนาจริงจังถึงสุขเอาสุขเป็นบาทฐานภาวนามีน้อยหายากแล้ว เว้นเสีย แต่ครูอาจารย์ที่ลี้เร้นร้างสังคมมีอยู่บ้าง แต่ก็ยากจะเจอ ครับ!" ........................................................................... ปิติในที่นี้ คงเป็นองค์ธรรมในสมาธิ ไช่หรือไม่...... แต่ป้าว่ายังมีปีติอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ไช่ในองค์สมาธิ แต่เป็นธรรมมะปีติที่เกิดในขั้นตอนวิปัสสนา(ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร...ป้าไม่ถนัดในข้อธรรมะที่เป็นตัวหนัวสือ)ปิตินี้ จะเป็นลักษณะเบาตัวเบาตน ไปก็ง่ายมาก็คร่องละเอียดมากๆไม่ต้องแสวงหาก็ไม่เดือดร้อนกำลังเต็มเปียม.......ซึ่งลักษณะนี้ก็ไม่เที่ยงเช่นกัน...ถ้าใครไปยึดหรือก้าวร่วงไม่ได้ก็ เป็นธรรมขวางพระนิพพานเช่นกัน....
|
|
|
26
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "จับหลับ" หลับอย่างมีสติ
|
เมื่อ: ธันวาคม 21, 2011, 02:55:24 pm
|
ขอบคุณมาก...ที่ให้ความกระจ่างเรื่อง ภวังค์...กับการออกมารับอารมณ์... เพราะป้าเป็นอยู่ตรงนี้บ่อยมากๆ...แล้วป้าก็ขอถามต่ออีกเรื่อง..เรื่องการตกภวังค์นี่...บางครั้งนานมากๆ(เป็นชั่วโมงเลยก็มี)...เราจะทำอย่างไรให้มันออกมารับอารมณ์ได้มั่งล่ะ...ซึ่งน่าจะเรียกว่าป้าติดอยู่ในนี้นานมาก...แล้วนานๆมันจะโพล่ออกมารับข้างนอกซักทีอ่ะ...(สังเกตุได้ว่าเวลาไปอยู่ในนั้นมันนิ่งมากเหมือนเวลามันวิ่งช้ามาก,ไม่ต้องมีธุระมากในการรับรู้หรือคิดปรุงแต่ง....ไม่สว่างไม่มืดแต่มันเบาใจดี-แต่เวลามันออกมารับอารมณ์ ดูเหมือนว่าเวลามันจะเดินไปเร็วมากและเหมือนว่าใจเราจะต้องรับธุระมากมาย)............ ส่วนในข้อแรกที่จิตเราไปรู้ข้างนอกน่ะป้าไม่ไช่หมายถึงฝัน..(เพราะป้าเข้าใจ..ในลักษณะที่เราฝันก็จะมี...การที่ฝันแล้วเราสามารถจำความฝันออกมาได้และบางครั้งรู้ว่าฝันแต่จำเอาออกมาไม่ได้)
|
|
|
28
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "จับหลับ" หลับอย่างมีสติ
|
เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 10:05:46 am
|
"การจับหลับ" ..... ตามที่หลวงพ่อจรัญ ได้กล่าวมานั้น......ป้ายังมีข้อสงสัยอยู่บางประการ...ดังนี้ ๑. ในกรณีที่รู้ตัวอยู่ตลอด..แม้ขณะหลับก็ตาม...แล้วเผอิญไปรับรู้ในสิ่งต่างๆรอบข้างโดยบังเอิญ(ไม่ไช่ฝันน๊ะ)แล้วเราก็รู้ตามไปในเรื่องนั้นๆ จะเรียกว่ามีสติอยู่หรือไม่(หมายถึงว่าเข้าใจความหมายในสิ่งที่เข้าไปรู้นั้น).. ๒. แล้วในขณะเวลาที่เริ่มจะตื่น (ลำดับการตื่นขึ้นมารับรู้)มีขั้นตอนหรือไม่???เพราะ ป้าเคยมีประสพการณ์ที่ค่อยๆตื่นออกมาทีละน้อยๆ...ก่อนที่จะมีการปรุงแต่งความคิดเต็มตัว(เพราะบางที-ขั้นการตื่นมาแล้วป้าไม่รู้เลยว่า ป้าเป็นใคร,ชื่ออะไร,มีสถานะเป็นอย่างไร-แล้วจึงค่อยออกมารับรู้ได้เต็มๆ..) ๓. อันนี้อาจไม่เกี่ยวกับสติหรือการ"จับหลับ"ซักเท่าไหร่-คือการฝันซ้อนฝัน..?? มันเป็นการปรุงสัญญาซ้อนสัญญาหรือไม่??...
|
|
|
29
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การฝืนธรรมชาติ จะเข้าถึงธรรมชาติ ได้อย่างไร ?
|
เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 10:13:20 am
|
คำว่าธรรมชาติ นี่ ค่อนข้างกว้างและก็จำกัดความได้ลำบาก เพราะ จริงๆแล้ว แม้คำว่า "ผิดธรรมชาติ"ก็ยังถือเป็นลักษณะของธรรมชาติอย่างหนึ่งได้เช่นกัน....เพียงแต่อาจเป็นลักษณะที่ไม่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก(ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยปรุงแต่งในขณะนั้น..) .........ซึ่งก็ขึ้นอยู่กันมุมมองหรือหลักในการใช้แยกหรือเจตนาในการแยกสิ่งนั้นๆ...ทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็เป็นสิ่งที่กำหนดขึ้นเท่านั้น...... ดังนั้น....น่าจะใช้ คำว่า มัชฌิมาปฎิปทาน่าจะดีกว่า .....เช่น ผู้ที่มีปิติอันเกิดแต่ใจ,ผู้อยู่ในฌาณหรือผู้เป็นพระอริยะเจ้า......ก็ไม่หิว.........แต่ก็ต้องกิน เพราะโลกนี้,กายนี้ยังต้องเป็นไปตามกฎ(ธรรมชาติ)ที่เป็นไปในโลกนี้...โลกนี้ดำเนินไปได้ด้วยลักษณะอย่างนี้..........(เหตุปัจจัยเขาเป็นอย่างนี้)
|
|
|
31
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: กาละเทศะ ในการภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
|
เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 07:49:02 pm
|
ดิฉันเป็นคนนอก(ไม่ได้ปฎิบัติตามแนวมัชฌิมาฯ..)แต่ดิฉันก็เข้าใจแนวปฎิบัตินี้พอสมควร....... ดังนั้นพระคุณเจ้าอย่าเพิ่งถอดใจในการสอนแนวปฎิบัตินี้........ของเป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ..... เหตุที่การปฎิบัติแนวสติปัฎฐาน๔ได้รับความนอยมอย่างแพร่หลายประการหนึ่งที่มีผลก็คงเป็นเพราะมนุษย์สมัยนี้เน้นไปในทางพัฒนาสมองกันมาก(บางครั้งมากจนเครียดโดยไม่รู้ตัว)..การเน้นการคิดมากๆก็คือการเอาความปรุงแต่งมาด้วยนั่นเอง.ทำให้การได้สมาธินั้นน้อยยิ่งนักแล้วยิ่งไม่เน้นการปฎิบัติด้วยแล้วยิ่งยากส์ กันไปใหญ่เลย........และก็ด้วยเหตุนี้แหละทำให้แนวสติปัฎฐาน๔ได้รับความนิยมมาก(น่าจะเป็นยุคของแนวปฎิบัติสติปัฎฐาน๔) ......อย่างไรก็ดี แนวมัชฌิมาแบบลำดับก็ยังคงมีอยู่...(แต่อาจน้อยเต็มทีเพราะได้สมาธิกันน้อยมากๆ)..
|
|
|
33
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อย่ามุ่งภาวนา ด้วยการวัดที่เวลา หรือการเห็นสภาวะ
|
เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 10:45:04 am
|
ต้องขอแย้งพระคุณเจ้าหน่อยแล้วล่ะเจ้าค่ะ.... ในสายปฎิบัติภาวนาเพื่อดูทุกข์หรือดูเวทนากับไม่เป็นดั่งพระคุณเจ้าพูด เพราะสานนี้จงใจนั่งให้นานเป็นหลายชั่วโมง(๓-๔ชั่วโมง)เพื่อจุดประสงค์ให้เกิดทุกข์เวทนาแล้วพิจารณาจิตโดยไม่ไห้จิตหลบเข้าไปนิ่งหรือหลบเข้าไปในฌาณเพื่อดูการดีดดิ้นของจิต,ดูการปรุงแต่งของจิต,ดูการไม่ยอมรับความจริงของจิต....... ............................................... ส่วนการนั่งเพื่อไม่ให้เห็นสภาวะนั่น ดิฉันเห็นด้วย.......เพราะถ้าเห็นสภาวะนั่นคือการตกไปสู่การปรุงแต่งเสียแล้ว(สติไม่ไวพอทำให้ตกอยู่ภายใต้การปรุงแต่งของกิเสลแล้ว)..........
|
|
|
34
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: คุณว่านี่...!!!...เป็นคำสอนศาสนาพุทธหรือเปล่า???
|
เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 10:27:55 am
|
นี่.....คงไม่ไช่คำสอนในพุทธศาสนามั๊ง....แต่คงเป็นความรู้ที่เห็นกันทั่วไปในทุกๆศาสนาหรือในกลุ่มคนที่สามารถสัมผัสได้แล้วรวบรวมกันขึ้นมา..........ซึ่งก็ไม่เหมือนกันจึงทำให้แบ่งกันเป็นชั้นเป็นก๊กเป็นเหล่า...... ............................................................................................... ซึ่งป้าเท่าที่เห็นหรือสัมผัสได้ก็ไม่ไช่ลักษณะนี้ (ที่ป้าเห็นก็เป็นเพียงรูปคนธรรมดา-แต่มีผิวพรรณวรรณะที่ผ่องกว่าคนทั่วๆไป-ซึ่งอาจเป็นเพียงเทวดาชั้นต่ำๆก็เป็นได้..กับอีกจำพวกหนึ่งที่ใส่ชุดขาวทั้งหมด,ที่มักไปชุมนุมกันในศาลาที่กว้างขวางมากๆและมีพระอริยะเจ้ามาแสดงธรรมเป็นปกติ....ซึ่งไม่มีอาทิตย์แต่มีสว่างนวลตาเย็นใจ..ก็เท่านั้น....ซึ่งป้าก็ไม่ว่าที่เขาว่าเห็นเป็นแบบนั้นหรือป้าเห็นผิดไป,ก็ไม่ว่า..เพราะเทวดามีหลายลักษณะแล้วแต่จะปรุงแต่งของจิตและบารมีที่เคยสั่งสมมา...ไม่เหมือนกัน..... .................................................................................................. ส่วนธรรมที่พุทธองค์สั่วสอนนั้นไม่ไช่ทางเหล่านี้,ที่ท่านสอนจริงๆแล้วหลักๆแล้วก็คือหลักแห่งความจริง(อริสัจจ์๔)และทางพ้นทุกข์ทางแห่งความดับสนิทแห่งทุกข์ เท่านั้นนั่นคือนิพพานนั่นเอง....ส่วนอื่นๆคือส่วนประกอบหรือเป็นเพียงข้อธรรมประกอบเท่านั้น....หรือถ้าเอากันจริงๆแล้ว.....เรื่องที่เอามาให้วิจารณ์นี้กลับเป็นธรรมเมาหรือเป็นการหลงทางนิพานเสียมากกว่า......
|
|
|
35
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การฝึกสมาธิ ให้สำเร็จโดยอาศัยการถ่ายพลังจิต เป็นไปได้หรือไม่ครับ
|
เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 10:09:48 am
|
จริงแล้วการได้สมาธิหรือเห็นธรรมหรือเกิดปัญญาขึ้น....ต้องอาศัยกาลังของตนเองทั้งสิ้น..ดังพุทธพจน์ที่ว่า...... "ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้ทางเดินให้เท่านั้น....ส่วนที่เธอจะเดินตามทางหรือไม่และจะเดินถึงหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอเองทั้งสิ้น" ................................................................................................. แต่อย่างไรก็ตาม......การได้อาจารย์ที่มีภูมิปัญญาที่สามารถแนะนำหรือชี้ทางที่ถูกต้องได้ก็นับว่าดีเหมือนเรามีกัลยาณมิตรที่คอยแนะนำหรือประคับประคองให้เดินไปตามทางทีถูต้อง......ไอ้ที่สามารถถ่ายพลังให้กันได้นั้นป้าว่าก็มีอยู่(เป็นความเห็นส่วนตัว-โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล)แต่ไม่สามารถอธิบายให้เป็นคำพูดได้(เหมือนกับการแผ่เมตตา),ในโลกแห่งความเป็นจริง(ที่จับต้องได้)...อย่างน้อยๆทางด้านจิตวิทยาก็เป็นการให้กำลังใจในการปฎิบัติธรรมแก่ผู้เป็นศิษย์(คล้ายการน้อมนำ-เหนี่ยวนำให้รู้ให้เห็น).......... ส่วนในด้านส่วนตัวเราเองแล้วก็ควรใช้ความสามารถของตนเองจะดีกว่าถึงแม้ว่าจะมีการถ่ายถอดพลังได้จริงก็ตามเพราะไม่เป็นการพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ......และเกิดขึ้นจริงเป็นปัจจัตตังผลย่อมแน่นอนกว่า......
|
|
|
37
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ธรรมกายหมกเม็ดชำระพระไตรปิฎก (เป็นเพียงข้อกล่าวหา)
|
เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 09:35:23 am
|
ธรรมมะเป็นของกลาง.......ใครเห็นอย่างไรก็ไปอย่างนั้น.......ปรมัตถ,กับบัญญัติไม่เหมือนกัน...... ............อาจเป็นเพราะเหตุนี้กระมังจึงทำให้เกิดเป็นนิกายใหม่ๆเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีหลายๆนิกาย........และนี่ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดนิกายใหม่ต่อๆไปในอนาคตกาลข้างหน้า.............. .................ป้าไม่มีความเห็น..........เพราะอีกไม่ช้าไม่นานก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่านี้ก็ได้.......
|
|
|
38
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ควรใช้ธรรมะอะไรดีครับ ถ้าเพื่อนยืมเงินแล้วไม่คืน
|
เมื่อ: มีนาคม 22, 2011, 10:06:07 am
|
ง่ายนิดเดียว....ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องเท่านั้นเอง.....ว่ากล้าที่จะให้ยืมก็ต้องกล้าที่จะรับผลอันนั้นทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจ.......บางครั้งผู้ยืมเงินมีนิสัยอย่างนั้น...ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นทีนี้วิธีแก้ก็มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับแต่ละคนไม่เหมือนกัน..... สำหรับป้าถ้าพบคนประเภทนี้ ก็จะให้ยืมแต่ให้ไม่มาก....แล้วก็ต้องทำใจด้วยว่าไม่ได้คืนก็ไม่เป็นไร แต่จะไม่ให้ยืมเพิ่มอีกเพราะถือเป็นเงื่อนไขที่เราตั้งขึ้นถ้าไม่ยอมคืนหนี้เก่า..เราก็จะไม่ได้ยืมอีก,หรืออาจจะเอาสิ่งของไว้เป็นประกันก็ได้...หรือเราเองก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นมากจนเกินไป....การยืมเงินก็ไม่เกิดขึ้น......
|
|
|
39
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภิกษุณีนิรามิสา
|
เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 09:36:25 am
|
นี่ก็เป็นความเห็นที่มีจุดยืนต่างกันขึ้นอยู่กัยหลักที่นำมาใช้.....ว่ายึดหลักใดหรือยืนอยู่ ณ.จุดไหน...... ...................................... เป็นกฎ,เป็นระเบียบ,เป็นความเชื่อเป็นหลักยึดที่แตกต่างกัน....... .......................................... ในสมัยพุทธกาลไม่มีบัตรเครดิต,ไม่มีโทรศัพท์,ไม่มีทีวี,ไม่มีเน็ต,ไม่มีแม้แต่รถยนต์.......ถ้ายึดเอาสมัยพุทธกาลเป็นหลัก....สิ่งเหล่านี้ก็ผิดหมดเป็นข้อห้ามหมด...แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว..ก็ยังใช้ได้อยู่,เป็นอยู่,เพราะเหตุว่าเราผู้ปฎิบัติเราได้ยึดเอาหลัก ทางสายกลาง(มัชฌิมาปฎิปทา)เป็นแนวปฎิบัติหลือเป็นตัวกำหนด............ ........................................... ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เกิดข้อแตกต่างขึ้น.......
|
|
|
40
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นั่งกรรมฐาน แล้วปวดขา ทำอย่างไรดีคะ
|
เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 09:22:45 am
|
นี่เป็นการนั่งแค่ 20 นาทีก็ปวดเข่าเสียแล้ว..... ในสายปฎิบัติบางสาย....(สายหลวงพ่อธี,แม่วิ-วัดถ้ำวัว,เชียงใหม่)....เขานั่งกันเป็น3-4ชั่วโมงโน่นแน่ะ...ไม่ให้หลบเข้าไปในฌาณด้วยอีกต่างหาก...เขาให้ดู,เจ็บดูปวด,ดูใจดีดดิ้นดูการปรุงแต่งเพื่อหนีความทุกข์,ดูจนเห็นและเข้าใจการเกิดความทุกข์.....คือเผชิญกับมันตรงๆโดยไม่ปรุงโดยไม่แต่ง(ยากน๊ะ..เพราะอย่างไรเสียก็มักจะมีปรุงแต่งไม่มากก็น้อย,ไม่หลบไม่ซ่อนก็คิดเข้าข้างอัตตาอยู่บ้าง).......3-4 ชั่วโมง... ........................................................................................... เพราะทน-อด...จึงได้ชื่อว่าอดทน.........ทุกๆความพยายามย่อมมีผลทั้งสิ้น....ตราบใดที่เหตุสมบูรณ์แล้ว(สมควรแก่เหตุ)....ผลย่อมเกิดขึ้นเสมอ.............พยายามต่อไป...........(ซาดังเงโย----)
|
|
|
|