ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - kobyamkala
หน้า: 1 ... 48 49 [50] 51 52
1961  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในขณะที่ภาวนา มีใครรู้สึกร้อน ๆ บ้าง เมื่อ: มีนาคม 30, 2011, 07:41:44 am
เวลาภาวนาในกรรมฐาน ขณะภาวนามีความรู้สึกว่าร้อนจนเหงื่อแตกเลยคะ
ไม่ทราบว่าอาการอย่างนี้เป็นอาการผิดปกติ หรือไม่คะ
 :c017:
1962  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระที่ทำลายศาสนาพุทธ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 06:29:56 am
อันนี้ตอบยากนะคะ เพราะเราไม่มีความสามารถอ่านใจพระคุณเจ้าได้ว่าท่านมีอำนาจิตจึงหรือไม่
คงต้องวิเคราะห์ กันนานคะ
 :13:
1963  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อย่ามุ่งภาวนา ด้วยการวัดที่เวลา หรือการเห็นสภาวะ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 06:19:58 am
ปกติทุกครั้งที่ตนเองปฏิบัติกรรมฐานก็มักจะกำหนดเวลา และพยายามฝืนให้ได้ตามเวลา แต่ทุกครั้งที่เลิกภาวนาก็
จะมีความรูสึกว่า กรรมฐานภาวนานั้นเป็นเรื่องที่ทำยาก เหนือโลกฃะจนเราไม่สามารถที่ไปถึงได้ง่าย

แต่ครั้นได้อ่าน ที่พระอาจารย์แนะนำไว้ วันนี้ลองภาวนาดูโดยมุ่งที่ความสงบของใจเป็นกำลัง โดยทิ้งเรื่องของเวลา
ออกไปครั้งแรกก็ยังทำไม่ได้ แต่ก็พอใจที่มีความสงบเกิดขึ้นบ้างพอนึกถึงตรงนั้นแล้วมีความสุขมากๆ พอครั้งที่ สอง
ก็ภาวนาอีก ก็ไปได้อีกหน่อย แต่ก็ได้ความรู้สึกสงบมากขึ้น พอครั้งที่สามภาวนาอีกคราวนี้ภาวนาได้ดีมาก ที่สุดสามารถทรงอารมณ์ที่ความสงบระงับส่วนนี้ได้ ออกจากภาวนามาในครั้งที่สามกลับภาวนาได้เป็นเวลา สามชั่วโมง
ซึ่งรู้สึกอัศจรรย์มาก ๆ ตรงที่ตนเองไม่เคยภาวนากรรมฐานเกินสามสิบนาทีเลยทุกครั้ง

นี่เป็นเพราะอะไรคะ

 :25:
1964  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "ปิดทอง หลังพระ" เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 05:52:04 am
อ้างถึง
หากแต่ว่าในโลกปัจจุบัน มนุษย์เราปรารถนาให้ตนเองได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเสียมากกว่า ดิฉันเองพึ่งจะเข้าใจตนเองก็ตอนนี้ว่าทุก ๆ ครั้งที่มีโอกาสได้ปิดทองพระพุทธรูปคราใด ใจก็ปรารถนาจะขอให้ท่านช่วยเหลือตัวเองและดิฉันก็ว่าทุกคนก็มีความปรารถนา เช่นนั้นกันทุกคน แรกๆ ดิฉันปิดแผ่นทองที่มือ เป็นการขอความเมตตาจากพระองค์ท่าน ปิดที่อกด้านซ้ายเพิ่อกราบอาราธนาพระองค์ท่านมาสถิติที่ใจของเรา แต่เดี่ยวนี้ดิฉันเลือกที่จะปิดแผ่นทองที่พระบาทของพระองค์ท่าน ด้วยหมายจะขอเดินตามรอยบาทเพื่อจะขอออกจากวัฏสงสารนี้

อ่านแล้ว ข้อความกินใจดีคะ

 :03: :s_good:
1965  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ข่าว ฮือฮา กระทิง หนุนตักพระ ย่องจากป่าเข้าวัด ให้ป้อนกล้วยทุกวัน เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 05:50:01 am
แปลกดีนะคะ

ไม่น่าเชื่อว่า กระทิงจะชอบทำแบบนี้

ไม่รู้ว่าพระท่านเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กหรือไม่ ?

 :s_hi:

อ้างถึง
หลวงตากวางเปิดเผยว่า กระทิงตัวนี้ตั้งชื่อให้ว่า "ไอ้เศร้า" เพราะตามันเศร้าๆ และบริเวณนี้เป็นเขตธรณีสงฆ์วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม และกุฏิหลังที่หลวงตาอยู่สร้างมาก่อนแล้วราวปี 2528 ต่อมาปี 2538 จึงเข้ามาอยู่ปฏิบัติธรรม สอนกรรมฐานแก่ญาติโยม พอดีเขตธรณีสงฆ์อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อยู่ห่างตัวเมืองราว 5-6 ก.ม. มีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุโมงค์ตั้งอยู่ ทำให้มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดเข้ามาหาที่กุฏิเป็นประจำ จึงได้นำอาหารจากก้นบาตรให้ ต่อมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ได้ศรัทธามาช่วยซื้อผัก ผลไม้มาให้กินทุกวัน

เหตุเกิดที่ วัดอุโมงค์เชียงใหม่ เจ๊า......
1966  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอคำแนะนำ วิธีทำสมาธิ ขั้นกลางด้วยครับ เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 05:47:20 am
ได้อ่านตามเป็นเรื่อง ๆ เสียที คือไม่รู้ว่าเริ่มจะอ่านตรงไหนมาก่อนคะ

ขอบคุณพระอาจารย์์มากคะ

 :c017:
1967  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ตั้งกายตรง ดำรงสติ เฉพาะหน้า อันนี้มีความหมายอย่างไรครับ เมื่อ: มีนาคม 28, 2011, 05:44:42 am
กรณีเฉพาะหน้า ก็ย่อมหมายถึงปัจจุบันขณะ

 น่าจะหมายถึงให้ตัดกังวลอื่น  ๆ ออกให้นำจิตมุ่งมาที่เรื่องเบื้องหน้า

 เช่นมองเห็นเบื้องหน้า ได้ยินขณะนั้น สัมผัสขณะนั้น

  :34:
1968  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ธรรมกายหมกเม็ดชำระพระไตรปิฎก (เป็นเพียงข้อกล่าวหา) เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 08:21:31 pm
ข้อชี้แจ้งเรื่องโครงการพระไตรปิฎก

        ตามที่พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า วัดพระธรรมกายได้ เชิญนักวิชาการที่เชี่ยวชาญภาษาบาลีจากประเทศต่างๆ มาช่วยกันตรวจชำระพระไตรปิฎก โดยจะแก้ไขเรื่องไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เปลี่ยนเป็น อนิจจัง ทุกขัง  อัตตา นั้น
วัดพระธรรมกายขอชี้แจงความจริงดังนี้

1.ไม่มีใครในโลกสามารถเปลี่ยนคำสอน เรื่อง ไตรลักษณ์ ในพระไตรปิฎกได้ เพราะพระไตรปิฎกฉบับต่างๆ ทั้งฉบับสยามรัฐในประเทศไทย ฉบับพุทธชยันตีในศรีลังกา ฉบับฉัฏฐสังคายนาในพม่า ฉบับสมาคมบาลีปกรณ์ (Pali-Text-Society)-ใน ประเทศอังกฤษ ล้วนมีระบุไว้อย่างชัดเจน ใครไปแก้ไขโดยพลการ ก็จะขัดแย้งกับหลักฐานของพระไตรปิฎกทุกฉบับที่มีอยู่แล้ว ไม่มีทางที่ใครๆจะยอมรับ ผู้ทำก็มีแต่จะเสื่อมเสียไปเอง ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

2.โครงการพระไตรปิฎก ที่ทางวัดพระธรรมกายกำลังดำเนินการอยู่นั้น มุ่งรักษาคัมภีร์ใบลานตามสายจารีตต่างๆ ทั้งไทย ล้านนา ศรีลังกา พม่า ขอม ซึ่งนับวันก็จะผุกร่อนบ้าง ถูกปลวกกินบ้าง ไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย โดยถ่ายภาพดิจิตอลทำเป็นฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการพระพุทธศาสนาทั่ว โลก และขอความร่วมมือนักวิชาการทั่วโลกช่วยกันตรวจชำระ ให้ได้เป็นฐานข้อมูลพระไตรปิฎกที่สมบูรณ์ สามารถสืบค้นดูตัวต้นฉบับใบลานของทุกสายจารีต ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านระบบดิจิตอลในคอมพิวเตอร์ งานนี้เป็นงานใหญ่ต้องอาศัยความร่วมมือของนักวิชาการทั่วโลก และต้องใช้เวลานานนับสิบปี แต่ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนา
        ขณะนี้ ในสังคมไทยเรามีความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองมากพออยู่แล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันอย่าปล่อยให้ความไม่รู้หรือไม่เข้าใจ มาก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในวงการพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นอีกเลย
                                       
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวํโส
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
วัดพระธรรมกาย
 
หมายเลขโทรศัพท์ 083-5404744, 02-831-1702

http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20110323-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8E%E0%B8%81_LEFT.html
1969  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญอบรมการเจริญสติแนวทางหลวงพ่อเทียน ที่สุวรรณภูมิ 1 เม.ย.54 เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 08:03:19 pm
เชิญอบรมการเจริญสติแนวทางหลวงพ่อเทียน ที่สุวรรณภูมิ    

สถานที่  ศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย สุวรรณภูมิ (OPC)

   เวลา  0900----1600 น (ทั้งวัน)   ห้องสุพรรณหงส์  อาคารA1

                 วันศุกร์ที่   1  เมษายน   2554

      โดย  พระอาจารย์ครรชิต  อกิญจโน  จากวัดป่าสันติธรรม

                        จ  ชัยภูมิ
 
      0845            ลงทะเบียนและรับของว่าง

      0900            พอจ ครรชิตแนะนำ การปฏิบัติ และนำปฏิบัติ

      1100            อาหารกลางวัน (เจ้าภาพเลี้ยงที่ ห้องอาหารประจำศุนย์)

      1230            พอจ  นำปฏิบัติต่อ

      1430            พักทานของว่าง

      1445            ปฏิบัติ

      1530            ซักถามข้อสงสัย  ถามตอบ

      1600            ปิดการอบรม

 *****ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่กรุณาลงทะเบียนล่วงหน้า****

สอบถามและลงทะเบียนที่    0868463377  ,   0813411775  ,  0818255951





http://www.pantip.com/cafe/religious/
1970  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พม่าเขย่าเท่าปรมาณู6ลูก เมื่อ: มีนาคม 26, 2011, 07:26:56 am

เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกเกือบ 100 ครั้ง หลังเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริคเตอร์ในพม่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา แถมเป็นครั้งแรกที่ทำให้มีคนตาย  ระบุเกิดจาก “รอยเลื่อนน้ำมา” ไม่เกี่ยวธรณีพิโรธที่ญี่ปุ่น ความแรงเท่าปรมาณู 6 ลูก ส่งผลกระทบ 4 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงรายหนักสุด โบราณสถานหลายแห่งเสียหาย กฟผ.ยันทุกเขื่อนในไทยไม่กระทบ-มั่นคงแข็งแรงดี ด้านนายกฯสั่งตรวจสอบ 13 รอยเลื่อนที่มีพลังในไทย มีสิทธิ์ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริคเตอร์ กฟผ.ยันทุกเขื่อนในไทยยังมั่นคงแข็งแรงดี ขณะที่ชาวพม่าเปิดใจแผ่นดินไหวรุนแรงสุดในรอบ 40 ปี บ้านเมืองพังราบเป็นหน้ากลอง เดชะบุญคนไทยปลอดภัย ส่วนกรุงเทพฯก็สั่น โชคดีไม่มีอาคารเสียหาย แต่น่าห่วง 12 ตึกเสี่ยง เหตุอยู่ใกล้ชุมชน-ที่สาธารณะ

กรมอุตุฯแถลงแผ่นดินไหว
   
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่สำนักเฝ้าระวังแผนดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา นายต่อศักดิ์ วานิชขจร อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า เมื่อเวลา 20.55 น.วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศพม่า ที่ละติจูด 20.59 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.84 องศาตะวันออก ความลึก 10 กิโลเมตร ขนาด 6.7 ริคเตอร์ ห่างจาก จ.เชียงราย ประมาณ 56 กิโลเมตร ห่างจาก อ.แม่จันทร์และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 30 กิโลเมตร เบื้องต้นมีความเสียหายในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และบริเวณใกล้กับการเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังรู้สึกสั่นไหวในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอาคารสูงหลายแห่งใน กทม.

อาฟเตอร์ช็อกเกือบ100ครั้ง
   
จากนั้นเมื่อเวลา 02.15 ของวันที่ 25 มี.ค. มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวตามมา หรืออาฟเตอร์ช็อก (after-shock ) อีกอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ครั้ง ขนาดตั้งแต่ 3.0-6.2 ริคเตอร์ และช่วงเวลา 07.00-10.00 น.จากการตรวจสอบพบว่ามีรอยเลื่อนขนาด 3.8 ริคเตอร์ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงมีการวิเคราะห์และประสานไปตามจังหวัดต่าง ๆ มีการแจ้งเตือนอพยพผู้คน และประกาศข่าวเพื่อให้ประชาชนอย่าได้ตกใจ โดยขอให้มั่นใจว่ากรมอุตุนิยมวิทยามีอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องวัดแผ่นดินไหวทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องที่ทันสมัย มีการประสานงานกันตลอดเวลาทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าเล็กหรือขนาดใหญ่เครื่องวัดก็จะเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อจะวิเคราะห์สถานการณ์พร้อมประกาศเตือนต่อไป ทั้งนี้ ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. เกิดอาฟเตอร์ช็อกแล้วเกือบ 100 ครั้ง

ไหวบนบกไม่เกิดสึนามิ
   
นายต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ เป็นการเกิดแผ่นดินไหวบนบกจึงไม่เกิดสึนามิ ถ้าสึนามิจะเกิดขึ้นต้องมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นในทะเล โดยเฉพาะทางด้านอันดามันซึ่งอยู่ทางตะวันตก ถ้าเกิดสินามิขึ้นในฝั่งสุมาตราก็จะใช้เวลาการเตือนภัยประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งประเทศไทยนั้นจะใช้เวลาเตือนภัยนานกว่าประเทศญี่ปุ่น การเกิดแผ่นดินไหวนั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ แต่หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเราก็ควรมีการรับมือและหนีภัยที่ดีโดยเฉพาะผู้ที่ อาศัยอยู่ในอาคารสูงไม่ควรใช่ลิฟท์ และควรจะรีบออกจากอาคาร แต่ส่วนที่อยู่บนอาคารที่หนีไม่ทันควรหาที่ปลอดภัยกำบังตนเองจากสิ่งที่จะ ตกลงมาใส่ เช่นหลบใต้โต๊ะที่มีความแข็งแรง ทั้งนี้ หากเกิดแผ่นดินไหวขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจเกินไป

อาฟเตอร์ช็อกอีก3สัปดาห์
   
ด่านนายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้อำนวยการส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์” ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า มี อาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง ขนาดตั้งแต่ 3.0–6.2 ริกเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3 ริกเตอร์ ซึ่งความรู้สึกของมนุษย์จะไม่รับรู้ โดยความรู้สึกของมนุษย์จะรับรู้ว่าเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 5 ริกเตอร์ ซึ่งขณะนี้เกิดขึ้นไปแล้วประมาณ 6 ครั้ง สำหรับอาฟเตอร์ช็อกคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยยกตัวอย่างกรณีแผ่นดินไหวปี 2547 ขนาด 9.3 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาต่อเนื่องถึง 2-3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แต่แผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ ถือเป็นแผ่นดินไหวขนาดกลางอาจทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์

เหตุเกิดจากรอยเลื่อน“น้ำมา”
     
นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากการเลื่อนตัวของแนวรอยเลื่อนน้ำมา วางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ระนาบเหลื่อมซ้าย มีความยาว 150 กม. อยู่ในสหภาพพม่ายาวต่อเนื่องเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยวางตัวขนานกับกลุ่มรอยเลื่อนแม่จันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงรายของประเทศไทย การเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้เกิดจากการเลื่อนตัวของรอยเลื่อนน้ำมา ซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนอีกแนวหนึ่งของกลุ่มรอยเลื่อนน้ำมาที่เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.3 ริกเตอร์ ใน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2550 และสร้างความเสียหายใน จ.เชียงรายหลายแห่ง

ไม่เกี่ยวเหตุธรณีพิโรธญี่ปุ่น
             
ส่วนนายอดิชาติ สุรินทร์คำ โฆษกกรมทรัพยากรธรณี กล่าวถึงผลกระทบและความเสียหายว่า แผ่น ดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ที่รอยเลื่อนน้ำมาครั้งนี้ นับว่าเป็นแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง ซึ่งในพื้นที่นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต โดยรอยเลื่อนน้ำมาเป็นรอยเลื่อนที่พาดผ่านทั้งพม่า และลาว และขนานกับรอยเลื่อนแม่จันในประเทศไทย ที่มีระยะห่างราว 70 กม.  ดังนั้นจึงจะไม่ส่งผลกระทบกับรอยเลื่อนในไทย เพราะเป็นรอยเลื่อนที่ขนานกัน ไม่สามารถวิ่งมาปะทะกันได้ ส่วนที่เป็นห่วงว่ารอยเลื่อนสะกายของพม่าที่วิ่งจากทางเหนือ และมาทางด้านตะวันตกคือรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และลงทะเลอันดามันจะเกิดการสั่นไหวตามมาหรือไม่นั้น เนื่องจากรอยเลื่อนสะกายเป็นรอยเลื่อนที่อยู่บนรอยต่อของเปลือกโลก จึงไม่เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้ยังไม่มีความเชื่อมโยงกับการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นขนาด 9 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะเป็นคนละกลุ่ม ซึ่งที่ญี่ปุ่นมาจากแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกกับยูเรเชีย

ไทยมี13รอยเลื่อนที่มีพลัง
               
ขณะที่นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรฯ กล่าวว่า สำหรับการสำรวจรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทยมีทั้งหมด 13 รอยเลื่อน แต่ได้มีการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มรอยเลื่อนแม่จันอย่างละเอียด พบว่ากลุ่มรอยเลื่อนแม่จันมีความยาว 150 กม. จำนวน 17 รอยเลื่อน สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหวมาแล้วในอดีต ขนาดตั้งแต่ 5.8-6.8 ริคเตอร์ จากการขุดร่องสำรวจพบว่าในพื้นที่ จ.เชียงราย เคยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้วในอดีต จำนวน 5 ครั้งๆ สุดท้ายเมื่อประมาณ 1,500 ปีที่ผ่านมา รอบของการเกิดประมาณ 1,000 ปี โดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่าเวียงหนองหล่ม ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทั้งนี้ ถึงแม้จะประเมินว่าคาบการเกิดไหวระดับนี้จะมีโอกาสเกิด 1 ครั้งในรอบ 1,000 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสก่อน ซึ่งกรมทรัพยากรฯ ได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหวขนาดเล็ก เพื่อดูว่าจะมีการเคลื่อนตัวแบบเป็นระบบหรือไม่ เพราะถ้าเคลื่อนแบบเป็นระบบจะมีโอกาสไหวขนาดกลาง 5 ริคเตอร์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กที่เป็นระบบ

ความแรงเท่าปรมาณู6ลูก
   
นายเลิศสิน กล่าวอีกว่า การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมี 3 ลักษณะคือ แผ่นดินแบบมุดเข้าหากัน แยกจากกัน ละ ขนานกัน ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่ประเทศพม่าและส่งผลกระทบต่อประเทศไทย คือแผ่นดินไหวที่เกิดแบบขนานกัน และถือว่าเป็นการเกิดแผ่นดินที่รุนแรงที่สุดที่รับรู้ได้ในช่วงชีวิตของเรา ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยเกิดแผ่นดินไหว 303 ครั้ง ใน 303 ครั้งมีจุดศูนย์กลางที่ประเทศไทย 117 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ครั้งที่ อ. พาน จ.เชียงราย  ซึ่งไม่ได้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวโดยตรง แต่เกิดจากความตกใจและวิ่งหกล้มจนหัวฟาดพื้น แต่ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตโดยตรงจากแผ่นดินไหวที่ทำให้กำแพงบ้านล้มทับที่ อ.แม่สาย จ .เชียงราย  1 ราย อย่างไรก็ตามแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถเทียบกับการระเบิดของระเบิดปรมาณู 6 ลูก หากเกิดแผ่นไหวถึง 7.5 ริกเตอร์ จะสามารถเทียบได้กับระเบิดปรมาณู 30 ลูก

ยอดพระธาตุเจดีย์หลวงหัก
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศพม่าครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย โดยเฉพาะหลายจังหวัดในภาคเหนือ โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่มีโบราณสถานหลายแห่งได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว โดยที่วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน พบว่าส่วนปลายของยอดเจดีย์ที่เรียกว่า "ลูกหมาก" หรือ "บัวหมาก" ซึ่งเป็นส่วนที่ตั้งอยู่เหนือฐานระฆังคว่ำไปจนถึงส่วนยอดสุด ซึ่งเรียกว่า "ยอดปลี" ความยาวประมาณ 7 เมตร ได้หักโค่นลงมา และกระทบกับเจดีย์เล็กที่ตั้งอยู่ใกล้ฐานของพระธาตุเจดีย์หลวง ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออก จนทำได้แตกหักทั้งยอดเจดีย์และพระธาตุองค์เล็ก ขณะที่ตรงส่วนยอดที่เหลือของพระธาตุเจดีย์หลวงได้บิดงอไปทางทิศตะวันตก รวมทั้งมีร่องรอยแตกร้าวหลายแห่ง

รพ.ร้าว-แต่ไม่น่าวิตก
   
ทางด้าน นายแพทย์สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมด้วยนายประพนธ์ เอี่ยมสุนทร โยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงราย ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอาคารสมเด็จย่า และอาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นอาคารสำหรับเด็กทารก ได้มีการแตกร้าวหลายแห่งจนต้องอพยพผู้ป่วยลงไปนอนด้านล่าง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารอยแตกร้าวเกิดจากจุดเชื่อมต่อของอาคาร 2 หลังที่แยกส่วนกัน และมีการนำปูนมาฉาบปิด เมื่อมีแรงสั่นสะเทือนจึงทำให้ปูนฉาบเกิดการหลุดร่อนโดยไม่เกี่ยวกับโครง สร้าง จึงไม่น่าวิตกแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจะได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการประเมินความเสียหายและดำเนินการซ่อม แซมต่อไป

3รร.ฝ้าถล่ม-อาคารร้าว

นายวิศิฎฐ์  ดุลยพัชร์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต1 กล่าวว่า มีสถานศึกษาได้รับความเสียหาย 3 แห่งคือ โรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยา บ้านห้วยเคียน อ.เวียงเชียงรุ้ง ฝ้าเพดานห้องเรียน 1 ห้อง ร่วงหล่นลงมาเสียหาย โรงเรียนบ้านผาลั้ง ต.ห้วยชมภู อ.เมือง ผนังอาคารเรียนแบบ สปช.105 และอาคารห้องสมุดมีรอยร้าวยาวประมาณ 3 เมตร และโรงเรียนบ้านน้ำตกพัฒนา อ.เมือง อาคารเรียนก็มีรอยร้าว ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานวิศวกรสำรวจความเสียหายว่า จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคารหรือไม่ โดยขณะนี้ได้เร่งให้ผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 3 แห่ง รายงานความเสียหาย เพื่อขออนุมัติงบประมาณซ่อมบำรุงต่อไป ซึ่งก็โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนจึงไม่มีเด็กมาโรงเรียน

แม่สาย-เขตไม่ปลอดภัย
   
นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.เชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประกาศพื้นที่ อ.แม่สายเป็นเขตไม่ปลอดภัย พร้อมกันนี้ ได้ให้ฝ่ายปกครองของ อ.แม่สาย จัดโรงทานเพื่อทำอาหารออกแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว โดยเฉพาะชาวพม่าที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้ และได้รับตู้รับเงินบริจาคไว้หน้าที่ทำการอำเภอด้วย มีกระแสข่าวว่าที่เมืองท่าเดื่อ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ศพ และที่เมืองเลน ประเทศพม่า พบศพอีก 30 รวม จำนวนกว่า 50 ศพแล้ว ขณะนี้ ได้ให้ความช่วยเหลือรับผู้ได้รับบาดเจ็บชาวพม่าเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่ สายจำนวนหลายรายแล้ว และผู้ที่จะเดินทางจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ไปเมืองเชียงตุง ตามถนนสาย R 3 B นั้น ไม่สามารถจะสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีสะพานหลายแห่งพังเสียหาย

มท.1รุดช่วยชาวแม่สาย
   
วันเดียวกัน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.กระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังที่ว่าการ อ.แม่สาย เพื่อตรวจเยี่ยมราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแผ่นดินไหวในครั้งนี้ พร้อมมอบเครื่องยังชีพช่วยเหลือราษฎร รวม 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.แม่สาย ต.เวียงพางคำ และ ต.โป่งงาม รวม 150 ครัวเรือน ต่อมาคณะของนายชวรัตน์ได้เดินทางไปบนสะพานเขตพรมแดนระหว่างไทย-พม่า พร้อมมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับนายทหารพม่า เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวพม่าที่ประสบภัยด้วยมนุษยธรรม พร้อมกำชับให้การรักษาชาวพม่าที่ได้รับบาดเจ็บ และข้ามพรมแดนมารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สาย ซึ่งจ่อรอข้ามแดนมานับจำนวนกว่าร้อยคน

พม่าระบุรุนแรงสุดใน40ปี
   
นางนวล อายุ 40 ปี ชาวพม่าใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า แม่ของสามเณรเจ็ดเรียง อายุ 10 ปี สามเณรจากวัดเมืองเลน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวในพม่า และญาติได้นำตัวข้ามมารักษาที่โรงพยาบาลแม่สาย เล่าว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงและหนักที่สุดในรอบ 40 ปี ตั้งแต่เคยเจอมา แรงสั่นสะเทือนรุนแรงเหมือนถูกจับเขย่า ชาวบ้านต่างแตกตื่นวิ่งหนีเอาตัวรอดกัน สำหรับสภาพอาคารบ้านเรือนในเมืองเลน หลังเกิดแผ่นดินไหวพังถล่มลงมาทั้งหมด แทบไม่เหลือสภาพของเมือง ส่วนโรงพยาบาลในประเทศพม่าก็อยู่ไกลถึงเมืองเชียงตุงชาวบ้านที่พอมีเงินจึง เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลใน อ.แม่สาย แทน โดยขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ หรือค้นหาศพจากแผ่นดินไหว

แม่ฮ่องสอนไม่มีเสียหาย
             
ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ. เปิดเผยว่า สำหรับในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เกิดแรงสั่นสะเทือนนานประมาณ 40 วินาที จากนั้นในช่วงเวลา 21.45 นาที ซึ่งทิ้งระยะห่างกันประมาณ 50 นาที เกิดอัพเตอร์ช็อกตามมาอีก 1 ครั้ง แรงสั่นสะเทือนประมาณ 5.4 ริกเตอร์ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ ตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย แล้วรายงานให้ทราบแล้ว เบื้องต้นไม่พบความเสียหายหรือมีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด แต่ได้สั่งการให้ทุกอำเภอเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เผยเชื่อมโยงกับที่ญี่ปุ่น
   
นายอดิศร ฟุ้งขจร ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.เชียงใหม่ ในฐานะรองโฆษกสาขาภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า การเกิดแผ่นดินไหวในพม่าครั้งนี้เกิดขึ้นที่รอยเลื่อนฉาน ในเขตรัฐฉานของพม่า ซึ่งขนานกับรอยเลื่อนเชียงแสนประมาณ 50 กิโลเมตรไปทางเหนือ และเกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์ เมืองเซนไดญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใบเดียวกัน และมีความเชื่อมโยงเป็นพลวัตซึ่งกันและกัน อย่างกรณีที่เซนไดประเทศญี่ปุ่นนั้นแผ่นเปลือกโลกของแปซิฟิกมุดลงไปใต้ เปลือกโลกของญี่ปุ่น เหมือนวัวกระทิงที่พยายามขวิด ดันกันไปดันกันมาแล้วเปลือกแปซิฟิกก็ชนะญี่ปุ่น ส่งผลให้เปลือกโลกญี่ปุ่นขยับไป 2.4 เมตร จึงทำให้กระทบไปยังรอยเลื่อนอื่นๆ เพราะเป็นโลกใบเดียวกัน

จับตาแผ่นดินไหวเปลี่ยนทิศ
   
ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวในพม่าในครั้งนี้  สิ่งที่น่าห่วงคือรอยเลื่อนจากพม่าได้วิ่งขนานมากับลอยเลื่อนไทย แล้วมาหักศอกตรงบริเวณด้านทิศเหนือที่ จ.แม่ฮ่องสอน ไปประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งจะเกิดรอยตัดของเปลือกโลกบริเวณดังกล่าวซึ่งจะทำให้แผ่นดินไหวมีการ เปลี่ยนทิศ ตอนนี้บรรดานักวิชาการและอีกหลายหน่วยงาน กำลังจับตาว่าโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหว หรือการสะสมพลังในรอยเลื่อนที่ไม่เคยเกิดอาจเกิดขึ้น คืออาจเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน เพราะผลจากการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศพม่าครั้งนี้

น่าน-อุโบสถ700ปีแตกร้าว
   
ที่ จ.น่าน รับความรู้สึกสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน โดยผู้ที่พักในแฟลตที่พักของแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลน่าน ต่างวิ่งหนีออกจากแฟลตพักกันโกลาหล นอกจากนี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันแตกตื่น วิ่งออกมาจากอาคารสูง ขณะที่ นายทวีศักดิ์ สิงหราช รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน พร้อมด้วยนายธีระ คฤหนนท์ ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองน่าน ได้ออกสำรวจโบราณสถานสำคัญ โดยพบว่าที่วัดภูมินทร์ อ.เมือง พระอุโบสถที่มีอายุกว่า 700 ปี ผนังตัวพระวิหารโดยรอบมีรอยแตกร้าวหลายจุด ส่งผลให้ภาพวาดจิตรกรรมบนผนังได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะส่วนสำคัญคือ ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพกระซิบรักบันลือโลก ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณกรอบประตูวิหาร ซึ่งขณะนี้กรมศิลปากรที่ 7 เร่งสำรวจโบราณสถานหลายแห่ง และเฝ้าระวังสถานการณ์แผ่นดินไหวอย่างใกล้ชิด

พระคู่เมืองล้านนาเสียหาย
       
ในส่วนของ จ.พะเยา ที่วัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง (หรือวัดพระเจ้าตนหลวง) ต.เวียง อ.เมือง พระสุนทรกิตติคุณ รองเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ ได้เดินสำรวจพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองล้านนา อายุกว่า 500 ปี ที่ประดิษฐานในวิหารหลวง ปรากฏว่าพบรอยแตกร้าวบริเวณต้นแขนขวาขององค์พระเจ้าตนหลวง ความยาว 30 ซม. และที่บริเวณข้อศอก ยาว 80 ซม. กับที่ต้นขาขวา ยาว 20 ซม. นอกจากนี้พระพุทธรูปและรูปหล่อเกจิอาจารย์ มีร่องรอยขยับเขยื้อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะได้รายงานให้กรมศิลปากรมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมต่อไป นอกจากนี้พระธาตุหลวง บ้านจำไก่ หมู่ 11 ต.สันโค้ง อ.ดอกคำใต้ และพระพุทธลีลา สูง 28 เมตร บนวัดอนลโยทิพยาราม ที่ประดิษฐานอยู่บอดยอดดอยบุษราคัม ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

เผย5รอยเลื่อนที่มีพลัง
   
นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริคเตอร์ รวมถึงการเกิดอาฟเตอร์เชอร์อีกหลายครั้ง ทางสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกสำรวจรอยเลื่อนที่มีพลังที่มีอยู่ในภาคเหนือ 5 กลุ่ม ว่ามีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนหรือไม่อย่างไร สำหรับรอยเลื่อนที่มีพลังที่พาดผ่านภาคเหนือ ได้แก่ รอยเลื่อนแม่จัน คลอบคลุม จ.เชียงราย และเชียงใหม่ รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน คลอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก รอยเลื่อนแม่ทา คลอบคลุม จ.เชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน รอยเลื่อนเถิน คลอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่ รอยเลื่อนปัว ครอบคลุม จ.น่าน

หวั่นดินถล่มภาคเหนือ
   
สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวล่าสุด คาดว่าจะทำให้รอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุด เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทางสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง ต้องมีการตรวจสอบ และต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะเป็นรอยเลื่อนที่มีทางยาว ซึ่งการเกิดแผ่นดินไหวถือว่าอยู่ใกล้ประเทศไทยมาก และยังมีขนาดที่แรง สิ่งที่ตนเกิดความเป็นห่วงคือการเกิดดินถล่ม จึงกำชับไปยังแต่ละจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 17 จังหวัดภาคเหนือ ให้ระมัดระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม เพราะการเกิดแผ่นดินไหวอาจจะทำให้พื้นผิวดินเกิดการขยับและไม่แน่น จึงเกิดดินถล่มตามมาในช่วงที่ฝนตกหนัก

แพร่ผวากลัวบ้านถล่ม
           
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.แพร่ รายงานว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวทางจังหวัดได้ออกตรวจสอบยังไม่พบความเสียหาย  ยกเว้นบ้านของนางคำผิน มั่งคั่ง อายุ 59 ปี เลขที่ 100 หมู่ 5 บ้านพระหลวง ต.พระหลวง อ.สูงเม่น ที่บริเวณดังกล่าวมีแผ่นดินยุบตัวอยู่ก่อนแล้วจนทำให้บ้านทั้งหลังแตกร้าว โดยนางผินกล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงบ้านเพราะอยู่ตรงรอยยุบตัวของแผ่นดินพอดี พอแผ่นดินไหวก็มาดูรอยที่เจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาขีดเป็นเส้นตรงไว้ พบว่ามีดินยุบตัวลงเล็กน้อย บ้านนี้สร้างตั้งแต่ปี 42 ต้องจ้างช่างมายกบ้านถึง 2 ครั้ง เพราะแผ่นดิบยุบตัวจนบ้านเกือบพังมาแล้ว

ไม่กระทบทุกเขื่อนในไทย
             
นายวีรชัย ไชยสระแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาโยธา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยทั่วประเทศ กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า ขนาด 6.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งทุกเขื่อนแล้ว พบว่าไม่มีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อน เนื่องจากอยู่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ประมาณ 725 กิโลเมตร ห่างจากเขื่อนภูมิพลประมาณ 428 กิโลเมตร และห่างจากเขื่อนสิริกิตติ์ประมาณ 352 กิโลเมตร จึงขอให้วางใจว่าทุกเขื่อนของ กฟผ.มีความมั่นคงปลอดภัย

กทม.ไม่มีอาคารเสียหาย
   
ขณะเดียวกัน นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ปทุมวัน และอาคารออลซีซั่น เพลส ถนนวิทยุ เพื่อตรวจสอบผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหวในประเทศพม่า หลังจากนั้นกล่าวว่า จากรายงานเบื้องต้น ยังไม่พบว่าอาคารในกทม.ได้รับความเสียหายจากเหตุดังกล่าว แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังเพราะในกทม.มีอาคารที่สูงกว่า 15 เมตรขึ้นไปจำนวน 2,718 อาคารโดยอยู่ในฝั่งพระนคร 2,448 อาคาร ฝั่งธนบุรี 270 อาคาร และในจำนวนนี้มี 12 อาคาร ที่กทม.ต้องตรวจสอบเป็นพิเศษ

12อาคารต้องตรวจพิเศษ
   
ประกอบด้วย อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ตึก 30 ชั้น อาาคารชุดเฟิรสทาวเวอร์ตึก 22 ชั้น, ศูนย์การค้ามาบุญครอง ตึก 29 ชั้น,ตึกออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ตึก 53 ชั้นจำนวน 1 หลัง,อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ 58 ชั้น,อาคารชัยทาวเวอร์ตึก 30 ชั้น,อาคารเบญจจินดา 36 ชั้น,ตึกชินวัฒน์ 3 ตึก 32 ชั้น,อาคารไอทาวเวอร์ตึก 32 ชั้น,อาคารธนาคารทหารไทยตึก 34 ชั้น,อาคารซันทาวเวอร์ตึก 40 ชั้น 1 หลัง และ 34 ชั้น 1 หลัง เนื่องจากอาคารดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ใกล้ชุมชน ย่านธุรกิจ และที่สาธารณะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอาคารทั้ง 12 อาคารจะไม่มีความปลอดภัย

ตึกเก่าสร้างหลังปี50เสี่ยง
   
นอกจากนี้ทางกทม.ได้ทำหนังสือไปยังเจ้าของอาคารดังกล่าว เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบในด้านของความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคาร และวัสดุที่ใช้ว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนหรือไม่ถ้าเกิดเหตุ โดยอาคารส่วนใหญ่ได้ทำการจดทะเบียนการก่อสร้างอาคารก่อนปี 2550 ซึ่งไม่ได้รองรับในเรื่องของเหตุแผ่นดินไหวเอาไว้ ส่วนที่อาคารที่มีการจดทะเบียนภายหลังปี 2550 ก็อยู่ในข่ายพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2550 ซึ่งระบุไว้ว่าจะต้องเป็นอาคารที่รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ไม่ต่ำกว่า 5 ริคเตอร์ อย่างไรก็ตาม จะเร่งให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สำหรับตึกร้างหรืออาคารร้างในพื้นที่กทม.นั้น บางพื้นที่ทางกทม.ก็ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขได้ ต้องประสานความร่วมมือไปยังสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ เพื่อช่วยประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากให้กทม.เข้าไปตรวจสอบอาคาร สามารถแจ้งผ่านสายด่วนกทม.1555

โบราณสถานเสียหายหนัก
   
นางโสมสุดา ลียะวนิช อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการรายงานของสำนักศิลปากรที่ 8 จ.เชียงใหม่ ซึ่งเดินทางลงตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่ จ.เชียงราย หลังได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พบว่ามีโบราณสถานหลายแห่งใน อ.เชียงแสน ได้รับความเสียหาย ได้แก่ ที่วัดพระธาตุจอมกิตติ ฉัตรชำรุดและเอนออกจากองค์ ขณะนี้ทางสำนักศิลปากรที่ 8 สั่งดำเนินการซ่อมแซมทันที ขณะที่วัดพระธาตุเจดีย์หลวง พบปล้องไฉนขนาด 2 ใน 3 หักลงมาถูกเจดีย์บริวารแตก 1 องค์ ที่วัดพระธาตุภูเข้า พบมณฑปร้าวและผนังแยกออก และที่วัดป่าสัก พบยอดขนาดประมาณ 1 ศอกหักตกลงมา  ขณะเดียวกันยังได้รับรายงานผนังในวิหารวัดภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่าน มีรอยร้าว และที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน พบผนังและเพดานมีแนวแตกแยก โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ให้ปิดโบราณสถาน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ทอท.ยันไม่กระทบสนามบิน
   
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่านั้น ไม่กระทบกับการให้บริการอากาศยานและผู้โดยสาร โดยท่าอากาศยานชียงใหม่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ยังคงเปิดให้บริการได้ตามปกติ ซึ่งทอท. ได้มอบหมายให้ฝ่ายวิศวกรรมตรวจสอบโครงสร้างอาคารผู้โดยสาร ลานจอดอากาศยาน และทางขับ-ทางวิ่งทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อยืนยันในความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย

สพฉ.เผยตาย1เจ็บ16
   
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เปิดเผยว่า สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศ พม่า และส่งผลกระทบถึงประเทศไทย ได้รับรายงาน ณ เวลา 11.00 น. มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นางหงส์ คำปิง อายุ 55 ปี ชาว อ.แม่สาย และมีผู้บาดเจ็บ 16 ราย อยู่ที่ รพ.แม่สาย 10 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย พม่า 7 ราย โดยมีการส่งต่อชาวพม่า 4 ราย ไปรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ส่วนที่ รพ.เชียงแสน มีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัว 6 ราย เป็นคนไทย 1 ราย และชาวจีนที่มาจากฝั่งลาว 5 ราย โดยในจำนวนนี้ 3 รายถูกส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ศรีบุรินทร์ ซึ่งเป็น รพ.เอกชน ทั้งนี้ ผู้ที่ส่งต่อส่วนใหญ่มีอาการบาดเจ็บที่กระดูก มี 1 รายบาดเจ็บที่ศีรษะ ส่วนผู้ป่วยที่ไม่ได้มีการส่งต่อนั้นมีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและได้กลับ บ้านแล้ว

นายกสั่งตรวจสอบรอยเลื่อน
               
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแผ่นดินไหวในประเทศพม่า ขนาด 7 ริคเตอร์ ที่ส่งแรงสะเทือนมาภาคเหนือของไทยรวมถึงตึกสูงใน กทม.ว่า เรื่องนี้จะต้องนำไปสู่การปรับเปลี่ยนการเตือนภัยและให้ความรู้กับประชาชน รวมทั้งต้องประเมินความเปลี่ยนแปลงของภัยพิบัติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนั้นในอนาคตการก่อสร้างตึกสูงต่างๆ จะต้องคำนึงถึงเหตุแผ่นดินไหว ทั้งการป้องกันภัยและลดผลกระทบ แต่เบื้องต้นการปรับเปลี่ยนวิธีการก่อสร้างอาคารและข้อบังคับต่างๆ คงไม่จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมาย แต่สามารถใช้การปรับกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องแทน

คนไทยในพม่าปลอดภัย
   
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในพื้นที่ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวในฝั่งพม่านั้นไม่มีคนไทยอาศัยอยู่ เพราะส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ส่วนการส่งสารแสดงความเสียใจหรือการให้ความช่วยเหลือนั้น ทางกระทรวงฯกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่ าในพม่ามีความเสียหายมากน้อยอย่างไร ทั้งนี้ สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ เมืองย่างกุ้ง จะได้รายงานสถานการณ์เข้ามาเป็นระยะๆเพื่อดูความต้องการของพม่าในการส่งความ ช่วยเหลือต่อไป

เขย่าพม่าสังเวยกว่า74ศพ
     
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่าว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารพม่าคนหนึ่งเปิดเผยว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศพม่า ซึ่งรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ไปไกลถึงกรุงเทพฯแม้อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง เกือบ 800 กม.ก็ตาม รวมถึงในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และ บางส่วนของประเทศจีน ระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่าวัดระดับแรงสั่นสะเทือนได้ 6.8 ริคเตอร์นั้น มีรายงานผู้เสียชีวิต 74 ศพ ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวและบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย 400 หลังคาเรือนใน 4 หมู่บ้าน นอกนั้นยังมีบาดเจ็บอีก 111 คน แต่ตัวเลขอาจจะสูงกว่านี้ เพราะยังมีบางพื้นที่ที่เข้าไปสำรวจไม่ถึง อาคารสถานที่ราชการได้รับความเสียหายอีก 9 แห่ง ในพื้นที่ของเมืองทาร์เลย์ นอกจากนั้นก็ยังมีวัดหลายแห่งที่ปรากฏให้เห็นรอยร้าว กำลังทหารและตำรวจของพม่า พยายามติดตามหาผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เข้าไปในพื้นที่ไม่ได้เนื่องจากถนนปิด

เผยทาร์เลย์-หม่องลินโดนหนัก
   
ที่กรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของพม่า นายคริส เฮนริก ผู้อำนวยการสำนักงานองค์กรการกุศล “เวิลด์ วิชั่น” กล่าวว่า ทีมงานของเวิลด์ วิชั่น ในพื้นที่ประสบภัยแจ้งว่า เมืองที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด คือเมืองทาร์เลย์ กับ หม่อง ลิน  ทางการพยายามแจ้งตัวเลขรายงานความเสียหายและผู้เสียชีวิตบาดเจ็บอย่างต่อ เนื่อง  ทางเวิลด์วิชั่น ซึ่งรับอุปการะเลี้ยงดูเด็ก 7,000 คน โดยเงินบริจาคช่วยเหลือจากต่างชาติ มีความเป็นห่วงสภาพของเด็กๆแ
1971  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 07:39:03 am
พึ่งพา กับ พึ่งพิง

สิ่งที่ผู้หญิง ถ้ายอมแต่งงานด้วย สำหรับส่วนตัว จะมีอยู่ 2 อย่างคะ

 พึ่่งพา คือ ยามทุกข์ ก็ช่วยดูแล ยามสุข ก็ร่วมดูแล

 พึ่งพิง คือ ไว้อาศัย เหมือนบ้าน เหมือนนกอาศัยทำรังที่ต้นไม้

 แต่คุณสมบัติ ทั้งสองนี้ มิได้มีอยู่ในชนทั่วไป เพราะคุณสมบัติิ ทั้งสองนี้ มีกับคนที่มีคุณธรรม

  http://www.thailife.com/advertise-info.php?adID=16
1972  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ุถ้าคุณเก็บสร้อยข้อมูลทองคำหนัก 1 บาทได้จะทำอย่างไร เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 11:21:26 am
อนุโมทนา กับเด็กดี ด้วยคะ อยากให้สังคมเรามีเด็กดีมาก ๆ คะ

ยิ่งมีมาก ก็จะมีผู้ใหญ่ ที่ดีด้วย คะ

 :25:
1973  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: “เปลี่ยนคำด่าเป็นกำลังใจ” เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 11:20:19 am
ที่จริงความหมายเรื่องนี้ ก็หมายถึงการ กลับจิตในแง่ดี เบื้องต้น ก็เข้าท่าคะ เพราะคิดไปเสียว่า

 เขาว่า เรา เป็น ควาย เป็นต้น นั้นคือสรรเสริญเรา แต่เอาเข้าจริงมันก็นึกได้แค่ นาที 2 นาที เพราะที่จริงก็ยังรู้ว่า

เขาด่าเรา อยู่

  วิธี ที่พระอาจารย์แนะนำ ก็คือ อย่ามีเรา ไปรับฟัง อันนี้ฟังเหมือนทำง่าย แต่ก็คิดว่าดีกว่า คิดในแง่ดี คะ

กายนี้ไม่ใช่เรา กายนี้ไม่ใช่ของเรา กายนี้ไม่เป็นเรา เรานี้ไม่เป็น อะไรอีกจำไม่ได้ ต้องค้นเมลใหม่ คะ

 แต่วิธีที่ ๆ พระอาจารย์ แนะนำมาชอบที่สุด ดูเ้หมือนจะทำง่ายมาก

   ก็คือ แผ่เมตตาให้ความโกรธ ....แปลกดีไหม ?

 :88: :040:
1974  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: แม่ชีพันธ์ทิพย์ ที่เคยสอนกรรมฐานที่วัดอัมพวัน ได้ย้ายมาสอนที่วัดบางพาน ลพบุรี เมื่อ: มีนาคม 21, 2011, 08:45:04 am
อนุโมทนา กับข่าวนี้ด้วยคะ ใครที่อยู่ลพบุรี สระบุรี ก็ถือว่าใกล้เข้าไปอีกคะ

 :25:
1975  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: มหาราหุโลวาทสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:51:31 am
[๓๖๐] ดูกรพราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้
 พรหมจรรย์จึงมิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์
 มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิเป็นอานิสงส์
 มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์
 พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด.


 ขอบคุณ คุณธรรมธวัช ที่ชี้นำให้ได้อ่านพระสูตรนี้ คะ

 :c017:
1976  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นั่งกรรมฐาน แล้วปวดขา ทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:49:23 am
[๓๖๐] ดูกรพราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้
 พรหมจรรย์จึงมิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์
 มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิเป็นอานิสงส์
 มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์
 พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด.


 ขอบคุณ คุณธรรมธวัช ที่ชี้นำให้ได้อ่านพระสูตรนี้ คะ

 :c017:
1977  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นั่งกรรมฐาน แล้วปวดขา ทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:42:49 am
เวทนา กุญแจสู่ภพชาติ และ การสิ้นเวรต่อกัน

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3416.0

  การเผชิญเวทนา เป็นแนวทางของ อัตตะกิลมถานุโยค คือ ทรมานตน ชีวิตอิงธรรมะ

  ต้องดูเหตุปัจจัย
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=6505&Z=6695

     ๑๐. จูฬสาโรปมสูตร
อุปมานักบวชกับผู้แสวงหาแก่นไม้
             [๓๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น พราหมณ์ชื่อปิงคลโกจฉะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ครั้นแล้ว ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม
สมณพราหมณ์พวกนี้ เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะ เป็นคณาจารย์ มีชื่อเสียง มียศ เป็นเจ้าลัทธิ
ชนเป็นอันมาก สมมติว่าเป็นคนดี คือ ปูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ
สัญชัยเวลัฏฐบุตร นิครนถ์นาฏบุตร พวกนั้นทั้งหมดรู้ยิ่งตามปฏิญญาของตนๆ หรือทุกคนไม่รู้ยิ่ง
เลย หรือว่าบางพวกรู้ยิ่ง บางพวกไม่รู้ยิ่ง.
             พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่าเลย พราหมณ์ ข้อที่ว่าพวกนั้นทั้งหมดรู้ยิ่งตามปฏิญญา
ของตนๆ หรือทุกคนไม่รู้ยิ่งเลย หรือว่าบางพวกรู้ยิ่ง บางพวกไม่รู้ยิ่งนั้น จงงดไว้เถิด เราจัก
แสดงธรรมแก่ท่าน ท่านจงฟังธรรมนั้น จงกระทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว ปิงคลโกจฉพราหมณ์
ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว.
             [๓๕๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการ
แก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลย
กระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็น
เขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จัก
สะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก
ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของ
เขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลย
กระพี้ ละเลยเปลือกไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น. บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด
ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยว
เสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกไป
เสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขาจักไม่สำเร็จ
ประโยชน์แก่เขา. หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหา
แก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น. บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษ
ผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริง
อย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อ
ต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา. หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบ
เหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มี
แก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น. บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้น
แล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จัก
สะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหา
แก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้
ถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา. หรือ
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้
อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น. บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขา
ผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ รู้จักแก่น รู้จักกระพี้ รู้จักเปลือก รู้จัก
สะเก็ด รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น บุรุษผู้เจริญนี้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั่นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขาจักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด.
             [๓๕๕] ดูกรพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล กุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภ
สักการะและความสรรเสริญให้บังเกิดขึ้น. เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะ
และความสรรเสริญนั้น. เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีลาภสักการะและความสรรเสริญ ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่ปรากฏ [หรือมีคนรู้จักน้อย] มี
ศักดาน้อย. อนึ่ง เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่า ลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ท้อถอย
เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้น ที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย
ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จ
ประโยชน์แก่เขา ฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมาฉันนั้น
             [๓๕๖] ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพ-
*ชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำที่สุด
แห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนี้แล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้
บังเกิดขึ้น. เขาไม่มีความยินดี มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญ
นั้น. เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น. เขายังฉันทะให้
เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ลาภสักการะและ
ความสรรเสริญ ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่ง
ศีลให้สำเร็จ. เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม แล้วด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น. เพราะ
ความถึงพร้อมแห่งศีลอันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีศีล มีกัลยาณธรรม ส่วนภิกษุอื่น
นอกนี้ เป็นผู้ทุศีล มีบาปธรรม. อนึ่ง เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง
ธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติ
ย่อหย่อน ท้อถอย. เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้น ที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก
ไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จ
ประโยชน์แก่เขา ฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมาฉันนั้น.
             [๓๕๗] ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำ
ที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความ
สรรเสริญให้บังเกิดขึ้น. เขาไม่มีความยินดี มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความ
สรรเสริญนั้น เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น. อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ลาภ
สักการะและความสรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยัง
ความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น แต่มีความ
ดำริยังไม่เต็มเปี่ยม. เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอันนั้น. อนึ่ง เขายัง
ฉันทะให้เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ความ
ถึงพร้อมแห่งศีลนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อม
แห่งสมาธิให้สำเร็จ. เขามีความยินดี มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิอันนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรามีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์
เป็นอันเดียว ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิดแล้ว. เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด
ไม่พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
ทั้งเป็นผู้ประพฤติย่อหย่อน ท้อถอย. เปรียบเหมือนบุรุษนั้นที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหา
แก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์
แก่เขาฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมาฉันนั้น.
             [๓๕๘] ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัส อุปายาส
ท่วมทับแล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำที่สุด
แห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้
บังเกิดขึ้น เขาไม่มีความยินดี มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญ
นั้น. เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะ
ให้เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ลาภสักการะและ
ความสรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อม
แห่งศีลให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม.
เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิให้สำเร็จ.
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม. เขาไม่ยกตน ไม่
ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายาม เพื่อทำให้
แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น ทั้งเป็นผู้มีความ
ประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ. เขามีความยินดี มีความ
ดำริเต็มเปี่ยม ด้วยญาณทัสสนะอันนั้น. เพราะญาณทัสสนะนั้น เขาย่อมยกตนข่มผู้อื่นว่า เรารู้
เราเห็น ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่. อนึ่ง เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายาม เพื่อทำ
ให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่าญาณทัสสนะนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติ
ย่อหย่อน ท้อถอย. เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้น ที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยว
เสาะหาแก่นอยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากระพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้แก่นของเขา จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เรา
เรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมาฉันนั้น.
             [๓๕๙] ดูกรพราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ท่วมทับ
แล้ว ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ไฉนหนอ ความกระทำที่สุดแห่ง
กองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ. เขาบวชอย่างนั้นแล้ว ยังลาภสักการะและความสรรเสริญให้
เกิดขึ้น. เขาไม่มีความยินดี มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น.
เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและความสรรเสริญอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้
เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ลาภสักการะและความ
สรรเสริญนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อม
แห่งศีลให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายาม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ความถึงพร้อมแห่งศีล
นั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
ให้สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายาม เพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า และประณีตกว่า ความถึงพร้อมแห่ง
สมาธินั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย เขาย่อมยังญาณทัสสนะให้
สำเร็จ. เขามีความยินดีด้วยญาณทัสสนะนั้น แต่มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม. เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะญาณทัสสนะอันนั้น. อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด พยายาม เพื่อทำให้แจ้ง
ซึ่งธรรมเหล่าอื่นยิ่งกว่า และประณีตกว่า ญาณทัสสนะนั้น ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่
ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย. ดูกรพราหมณ์ ก็ธรรมที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่า ญาณทัสสนะเป็น
ไฉน? ภิกษุในพระศาสนานี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก
มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่. แม้ธรรมข้อนี้ ก็
ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข.
แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับ
โสมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่า
ญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป
เพราะไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา ภิกษุย่อมบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า
อากาศหาที่สุดมิได้. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุ
วิญญาณัญจายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและ
ประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อมบรรลุ
อากิญจัญญายตนฌาน ด้วยพิจารณาว่า น้อยหนึ่งไม่มี. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่า
ญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อม
บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน. แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.
             อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง ภิกษุย่อม
บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ. เพราะเห็นด้วยปัญญาของเธอ อาสวะทั้งหลายย่อมสิ้นไป. แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ. ดูกรพราหมณ์ ธรรมเหล่านี้แล ที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่า
ญาณทัสสนะ.
             เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นที่มีความต้องการแก่น แสวงหาแก่น เที่ยวเสาะหาแก่นอยู่
เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ตัดเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น และกิจที่จะพึงทำด้วยไม้
แก่นของเขา จักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด. ดูกรพราหมณ์ เราเรียกบุคคลนี้ว่า มีอุปมา
ฉันนั้น.
             [๓๖๐] ดูกรพราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้ พรหมจรรย์จึงมิใช่มีลาภสักการะและความ
สรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิ
เป็นอานิสงส์ มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์ พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุติอันไม่กำเริบ เป็น
ประโยชน์ เป็นแก่น เป็นที่สุด.
             เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ปิงคลโกจฉพราหมณ์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่
คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยประสงค์ว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉันใด ธรรมที่
พระองค์ทรงประกาศแล้วโดยอเนกปริยาย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน. ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระองค์กับ
พระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่า เป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึง
พระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป.
จบ จูฬสาโรปมสูตร ที่ ๑๐
จบ โอปัมมวรรค ที่ ๓
1978  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า "นั่งสมาธิแล้วปวดเข่า" เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:42:26 am
เวทนา กุญแจสู่ภพชาติ และ การสิ้นเวรต่อกัน

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3416.0
1979  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: สามก๊ก ชีวิตอิงวรรณกรรม เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:41:08 am
สามก๊ก สะท้อนชีวิต และ อุปนิสัยของคนแต่ละคน

 มีคำกล่าวว่า หากใครอ่านสามก๊ก จบหมด และยังไม่สามารถแยกอุปนิสัยตนเองออก คนนั้นคบไม่ได้ เพราะมีนิสัยเหนือกว่า อุปนิัสัยของคนทั่วไป

 :s_hi:
1980  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: มหาราหุโลวาทสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ เมื่อ: มีนาคม 19, 2011, 07:39:18 am
เปิดฟังแล้ว น้ำตาไหลเลย ถึงจะยังไม่ค่อยจะเข้าใจว่า แก่นแท้ทำอย่างไร ?

 :25:
1981  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาฟเตอร์ช็อคซ้ำอีก"ชิบะ-คันโต"6 ริกเตอร์ เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 06:34:47 am
อาฟเตอร์ช็อคอย่างต่อเนื่อง 6 ริกเตอร์ที่จังหวัดคันโต และจังหวัดชิบะ ไร้สึนามิและความเสียหาย

วันนี้ 16 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ญี่ปุ่นยังเผชิญเหตุอาฟเตอร์ช็อคอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ล่าสุดเมื่อเวลา 12.52น.ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 16มีนาคม เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 6 ริกเตอร์ที่จังหวัดคันโต แต่ยังไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ ขณะที่จังหวัดชิบะเกิดอาฟเตอร์ช็อคในระดับความรุนแรงเกือบ 6 ริกเตอร์ ขึ้นเช่นกัน แรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ในพื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียวและทำให้อาคารสูง หลายแห่งสั่นไหว คาดว่าศูนย์กลางของอาฟเตอร์ช็อคดังกล่าวอยู่ที่ใต้ทะเลในระดับความลึก 10 กิโลเมตร นอกชายฝั่งของจังหวัดชิบะ

ทากาชิ โยโกตะ ผู้อำนวยการกองพยากรณ์และข้อมูลแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ได้เตือนไว้ตั้งแต่วันที่ 13มีนาคมว่า มีความเป็นไปได้ 70% ทีจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคความรุนแรงระดับ 7 หรือมากกว่านั้นภายในวันที่ 16 มีนาคม แรงสั่นสะเทือนระดับ 7 สามารถทำลายอาคาร และก่อให้เกิดสึนามิระลอกใหม่ได้

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=5&contentID=127136
1982  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สารกัมมันตภาพรังสีสูงในโตเกียว เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 06:31:12 am
เผยยอดตัวเลขผู้สูญหายญี่ปุ่น-ตายพุ่งเป็น 11,000 รายแล้ว ตรวจพบสารกัมมันตภาพรังสีในโตเกียวสูงกว่าปกติ

วันนี้ 16 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้สูญหายและเสียชีวิตของญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 คน จำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 3,676 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บมีจำนวน 1,990 ราย โดยก่อนหน้านี้ หัวหน้าสำนักงานตำรวจเมืองมิยางิ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดของแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์ของญี่ปุ่น คาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉพาะเมืองนี้จะมีจำนวนกว่า 10,000 ราย

เซาอิริ โคกะ เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบสารกัมมันตรังสี ที่สูงกว่าระดับปกติในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแล้ว แต่ยืนยันว่า ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่เตือนว่า ระดับกัมมันตรังสี บริเวณใกล้กับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 250 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อมนุษย์แล้ว หลังเกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้อาคารเตาปฏิกรณ์

ทั้งนี้ ปริมาณกัมมันตภาพรังสีในเมืองหลวงของญี่ปุ่น ที่วัดได้ 0.809 ไมโครซีเวิร์ต ระหว่างเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปริมาณ ในวันจันทร์ที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ถึง 20 เท่าตัว
 
เอเอฟพีรายงานว่า แม้ที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้แพร่ภาพคลื่นสึนามิถล่มบ้านเรือนและกวาดรถยนต์เหมือนตุ๊กตา แต่ข่าวดังกล่าวยังสะท้อนภาพอีกด้าน นั่นคือ การที่ญี่ปุ่นได้แสดงความนิ่งในขณะที่พวกเขากำลังค้นหาบุคคลที่รัก หรือการเข้าแถวรอรับข้าวของเครื่องใช้และสิ่งจำเป็น โดยไม่มีสัญญาณของเหตุการณ์ปล้นสะดมบ้านเรือนหรือสินค้า หรือความรุนแรงต่าง ๆ แต่อย่างใด นอกจากนี้ ประชาชนญี่ปุ่นยังเข้าแถวยืนอย่างมีระเบียบซื้อสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ แม้สินค้าจะหมดแล้วก็ตาม
 
นายโจเซฟ เนย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ภัยพิบัติครั้งนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นได้รับพลังแห่งความอ่อนโยน หรือการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการสร้างความ ประทับใจให้แก่ผู้อื่น โดยแม้ว่าประเทศจะต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมขนาดมหึมา เหตุการณ์น่าเศร้านี้ยังแสดงภาพน่าประทับใจของญี่ปุ่น และนอกจากความเห็นอกเห็นใจจะเกิดขึ้น ญี่ปุ่นยังแสดงให้เห็นถึงสังคมที่มีรูปแบบอย่างดีในการเตรียมพร้อมรับมือกับ ภัยพิบัติเช่นนี้ ในฐานะที่ประเทศสมัยใหม่ควรจะเป็น และญี่ปุ่นสามารถรับมือกับวิกฤตอย่างนิ่งสงบและมีระเบียบด้วย

นายเจ ย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า สหรัฐไม่ได้แนะนำให้ชาวอเมริกาเดินทางออกจากโตเกียว เพียงเตือนให้ติดตามคำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศ ท่ามกลางกระแสหวดวิตกเรื่องวิกฤติพลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้า ฟูกูชิมา

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=5&contentID=127133
1983  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ฉลอง100ปีหลวงพ่อปัญญา เมื่อ: มีนาคม 16, 2011, 12:46:48 am


น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์คุณธรรม เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะโครงการกตัญญูกตเวที สองศรีพระศาสนา เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ชาตกาลของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ปี 2554 โดยวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือถึงแนวทางจัดกิจกรรมของโครงการฯ ซึ่งกำหนดจัดตลอดทั้งปี 2554 โดยคณะกรรมการเน้นเป้าหมายสำคัญที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา อย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือของสถานศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากวัดในการเชิญผู้ปกครอง ชุมชนและเยาวชน มาร่วมกิจกรรมที่สถานศึกษาจัดขึ้น
   
พระมหาดุษฎี เมธงฺกุโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งไผ่ ฐานะคณะกรรมการโครงการ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่จะเน้นการเผยแผ่คำสอนทางพระพุทธศาสนาปัจจุบันทำได้ 4 วิธี คือ การเทศนาธรรมตามสถานศึกษา การจัดทำค่ายวิถีพุทธ การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของทางวัด และการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมในครอบครัว แต่ในภาวะปัจจุบันต้องมีการปรับเปลี่ยน แทนที่จะนำพระธรรมมาเป็นคำสอนโดยตรง อาจแฝงหลักธรรมเข้าไปในกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น การสอนนวดแผนไทย โดยให้เด็กได้ฝึกแล้วนำกลับไปปฏิบัติให้ พ่อแม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย เป็นวิธีที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการกตัญญูและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมใน ครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง.   

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=42&contentID=126835
1984  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: อาการพระปัตตานีถูกยิงบาดเจ็บยังมีปัญหาเส้นประสาท เมื่อ: มีนาคม 16, 2011, 12:43:29 am
พนักงานสอบสวน สภ.โคกโพธิ์  ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยยิงพระที่ปัตตานี

วันนี้ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ร่วมรับการรายงานตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ และให้คำมั่นสัญญาเพื่อเลิกพฤติกรรมยุติบทบาทในการสนับสนุน ซึ่งเดิมชาวบ้านกลุ่มนี้อยู่ในหมู่บ้านที่ถูกครอบงำ โดยผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่เรียกว่า “อาเย๊ะ”และชาวบ้านที่ออกมารายงานตัววันนี้ เป็นกลุ่มบุคคลที่ถูกพาดพิงในอำเภอทุ่งยาง แดง จ.ปัตตานี รวม 30 คน

หลังจากที่รับรายงานตัวแล้ว ทำการตรวจสอบว่า 30 คนดังกล่าวมีหมายจับตาม พรก.และ ป.วิอาญา หรือไม่  จากนั้น ส่งกลับภูมิลำเนาเดิม และทำหนังสือรับรอง   ซึ่งตัวแทนของผู้ที่มามอบตัว ได้เสนอแนะที่ประชุมว่าจงเชื่อใจ อย่าหูเบา ถ้ามีชื่อให้กลั่นกรองให้ดี และตรวจสอบ อย่าหลงเชื่อบุคตลใดบุคคลหนึ่ง  นอกจากนั้นข้าราชการต้องรู้สึกจริงใจ เพราะพวกเราที่ออกมามอบตัว เราบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ามีอะไรต้องมาสอบถามด้วยตนเอง พวกเราพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง เพราะพวกเราเองต้องการเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย เพื่อให้ปัตตานีดีในวันหน้า
       
จากการปฏิบัติงานตามนโยบาย สานใจสันติสุข ของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4  และ นโยบายศอ.บต. และ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในเรื่องกลับสู่อ้อมกอดปัตตานี   อย่างจริงจังทำให้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเปลี่ยนทัศนคติ และพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และพร้อมที่จะร่วมกันต่อต้านกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
   
ด้านพล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุ และพยานบุคคล และได้ขออนุมัติจากศาล และศาลได้อนุญาตออกหมายจับ ยิงพระขณะที่บิณฑบาตที่บริเวณถนนท่าเรือ-โคกโพธิ์ ระหว่าง ม.4-ม.7 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทำให้พระเสียชีวิต 1 รูป บาดเจ็บ 2 รูป ตามที่เสนอข่าวแล้ว นั้นลงวันที่ 15 มีนาคม 2554หมายเลข จ.56/2554  ชื่อนายอิสมาแอล มะแส อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 63/1 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
       
ส่วนอีกราย ยิงนางอัญชลี หนูพล อายุ 41 ปี เป็นพนักงานโรงแรมปาร์ควิว จ.ยะลา ที่บริเวณถนนสาย 410 ปัตตานี -ยะลา ม.7 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ เลขที่  จ 53 /2554 วันที่ 15 มีนาคม 2554 ชื่อนายมะแอ กูเต๊ะ อายุ 30 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมต่อไป

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=126974
1985  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีเช็คเห็ดว่ามีพิษหรือไม่ เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 02:01:21 pm

วิธีแรก   ให้นำเห็ดมาต้ม แล้วใส่ข้าวสารหยิบมือหนึ่ง ถ้าข้าวสารบานเหมือนหุงข้าว แสดงว่าเห็ดไม่เป็นพิษ แต่ถ้าข้าวไม่บานทรงรูปเดิมแสดงว่าเห็ดเป็นพิษ



อีกวิธีหนึ่ง ให้นำ เห็ดมาต้มพอน้ำออกเอาช้อนเงินจุ่มลงคน ถ้าช้อนเงินดำ แสดงว่าเห็ดเป็นพิษ รับประทานไม่ได้

 
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : หนังสือความรู้คู่บ้าน
1986  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชนะหรือแพ้...มันก็แค่สิ่งสมมุติ เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 01:57:28 pm
ชนะหรือแพ้...มันก็แค่สิ่งสมมุติ
 
เคยรู้สึกกันบ้างหรือเปล่าว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่จะนำมาซึ่งความผิดหวังได้ทั้งสิ้นเพราะความผิดหวังหรือความล้ม เหลว มันอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา มันเกิดขึ้นมาจากทุกอย่างรอบตัว มันทั้งหยอกเล่น เอาจริง รังแก หรือแค่ทดสอบเรา จนบางครั้งทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียอย่างนั้น

            แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง เรากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มันอยู่ดี หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะมันได้สักที

            อาจกล่าวได้ว่า ความล้มเหลวและความผิดหวังนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเราไม่ต่างจากความสม หวัง เพีงแต่คนเรามักจะสมมติให้ตัวเองพึงพอใจกับความสมหวังมากกว่าเท่านั้นเอง

            ในยามที่สมหวัง เราอาจจะบอกกับตัวเองว่าเป็น "ผู้ชนะ" โดยที่ไม่เคยสนใจว่าได้มันมาอย่างไร หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ได้นานอย่างไร

            ในทางกลับกัน เมื่อเป็นฝ่ายที่ต้องผิดหวังบ้าง เราก็มักจะตอกย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็น "ผู้แพ้" คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามสิ่งสำคัญของชีวิตไป เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่แค่คำว่า

            แพ้ . . . ชนะ

            สำหรับ ผมแล้วมีสิ่งหนึ่งที่คนเราไม่ควรมองข้าม นั่นคือการมีน้ำใจนักกีฬา และการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ เมื่อได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ให้คิดเสียว่าเราแพ้สิ่งหนึ่งเพื่อทำให้รู้ตัวว่า

            "เราอาจจะเหมาะกับอีกสิ่งหนึ่งมากกว่า"

            จงอย่ามัวเสียดายในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราให้นานนัก จงออกไปค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับการพรรณนาถึงความล้มเหลวอย่างไร้สติรังแต่จะทำให้ ตัวเองรู้สึกด้อยค่ายิ่งขึ้นเท่านั้น

            หากเปรียบชีวิตคนเราเป็นการแข่งขัน โลกนี้ก็คงเป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าร่วมอย่างไม่มีเงื่อนไข และก็ใช่ว่าโลกจะจำกัดชนิดกีฬาที่แข่งขัน มีหลากหลายอย่างที่ให้เราเลือกเล่น เราจึงต้องแสดงฝีมือในสิ่งที่ตนเองถนัดอย่างเต็มความสามารถ จนกว่าระฆังยกสุดท้ายของชีวิตจะดังขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการสิ้นสุดการแข่งขันอันยาวนานนั้นลง

            และในสนามแข่งขันของเกมชีวิตนั้นจะไม่มีการพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก ที่สำคัญไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ เพราะเราต่างเกิดมาเพื่อที่จะเล่นเกมของตัวเองด้วยตัวเองจนจบ

            แม้บางเกมเราจะแพ้หรือชนะ แต่ทุกๆ เกมเกิดจากการตัดสินใจของตัวเราเองทั้งสิ้น เราจึงต้องยืดอกยอมรับต่อผลที่เกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ และน่าจะดีกว่าถ้าเราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อจะไม่ต้องเสียใจในภายหลังเมื่อความผิดหวังมาเยือน

            เมื่อพูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอไป เพราะบางครั้งความพ่ายแพ้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แม้ว่าชัยชนะจะเป็นยอดปรารถนาของคนเราก็ตามที แต่เรามักจะได้อะไรดีๆ ในชีวิตจากความพ่ายแพ้มากกว่า เพียงแต่เราต้องทำความรู้จักและเรียนรู้จากมัน เพื่อสามารถนำเอาความผิดพลาดต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในครั้งต่อไป ดังเช่นที่ นโปเลียน นักการเมืองการทหารผู้ยิ่งใหญ่ชาวฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้ว่า

            "คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จนัก"

            ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียว
            แพ้เสียบ้างก็เป็นกำไรชีวิตได้เช่นกัน

            และ นอกเหนือจากมนุษย์ทุกคนจะต้องการปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต ความทุกข์ที่เกิดจากความผิดหวังและความพ่ายแพ้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพบพานเหมือนกันหมด และเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน ทุกคนต่างก็มุ่งหวังที่จะเป็นผู้ชนะให้ได้

            คนส่วนใหญ่จึงอาจจะคิดว่าการเป็นที่หนึ่งนั้นจำเป็นต้องเอาชนะคนอื่นเท่า นั้น หากแต่แท้จริงแล้ว เกมที่เราแข่งขันอยู่ในสนามชีวิตจริง อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่แข่งอื่นใดนอกจากตัวเรา เพราะบางทีเพียงแค่การเอาชนะใจตัวเองมันก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียนี่กระไร

            บางทีหากเราต้องการจะเป็นผู้ชนะตัวจริง จึงไม่ใช่การวิ่งแซงหน้าเพื่อเอาชนะใครต่อใคร หากแต่คือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะ

 
 
 
ที่มา...หนังสือจะท้อไปใย...เริ่มใหม่ลองดู โดย: ฤทธิรงค์
teenee.com
1987  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ความจริงที่เกิดใน hi5 และ face book เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 01:51:08 pm
สุดยอด อยากเชิญ ร่วมแก๊งค์จังฝีมือ make up ขั้นเทพเลย

 :93:
1988  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: รายงานจากศิษย์ที่ไปวัดป่าบ้านตาด เ่ล่าด้วยภาพนะจ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 06:20:13 pm
ลงข่าวว่ามีภิกษุร่วมลงปาฏิโมกข์ถึง 4300 รูป
ซึ่งผมคิดว่าเป็นการลงปาฏิโมกข์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งนึง (หรืออาจจะใหญ่ที่สุดเลยก็ได้มั้ง)
ถ้ามีครั้งอื่นที่ใหญ่พอๆกัน  หรือใหญ่กว่า  ขอให้ชาวพันทิพช่วยบอกเล่าเป็นวิทยาทานด้วยครับ

ใน ครั้งพุทธกาล  มีภิกษุมาประชุมกัน 1250 รูป  และเป็นครั้งแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์  จนเป็นที่มาของวันมาฆบูชาในปัจจุบันนี้
ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสใด วาระใด ที่ภิกษุจะมาร่วมลงปาฏิโมกข์ได้มากเท่าครั้งพุทธกาลอีก
แต่บัดนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ณ วัดป่าบ้านตาด

ขออธิบายเรื่องปาฏิโมกข์  เผื่อบางคนไม่ทราบ
คือการที่ภิกษุรูปหนึ่งได้รับฉันทะจากหมู่สงฆ์ในปริมณฑลนั้น  ให้เป็นผู้สวดพระวินัย ๒๒๗ ข้อ ให้ภิกษุทั้งหมดฟัง
เสมือนดังครั้งที่พระพุทธองค์กำลังแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ให้เหล่าสาวกฟัง  เป็นอริยะประเพณีที่ทำสืบต่อกันมา
ภิกษุที่ได้รับโอกาสให้ขึ้นสวดปาฏิโมกข์  ย่อมถือเป็นความภูมิใจอย่างสูง  การสวดจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที

เนื่องจากการสวดปาฏิโมกข์เป็นพิธีที่จำเพาะพระสงฆ์  ไม่เกี่ยวเนื่องกับฆราวาส  จึงมักกระทำตอนตี 4 - 5  หรือกระทำในสถานที่มิดชิด
เพื่อให้พิธีกรรมเป็นไปโดยราบรื่น  ไม่สะดุดชะงักกลางคัน
จึงไม่ค่อยมีบุคคลภายนอกได้รู้เห็น  หรือรู้จักพิธีกรรมนี้
ถือเป็นพิธีกรรมสำคัญมากที่กระทำทุกกึ่งเดือน  ภิกษุทุกรูปในอารามต้องมาเข้าร่วม

แต่ในวาระนี้  เหล่าญาติธรรม “สแตนด์บาย” ตลอด 24 ชั่วโมง (คนนี้หลับ-คนนั้นตื่น  คนนี้ไป-คนนั้นมา)
และภิกษุมาประชุมมากด้วยกันจนล้นออกมานอกศาลา  จนได้ปรากฏแก่สายตาเหล่าญาติธรรม
ผมคิดว่ามีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีโอกาสได้เห็นเหตุการณ์นี้ (เช้ามืดของวันที่ 4 มี.ค.)  และรูปถ่ายคงยิ่งมีน้อยลงไปอีก

พื้นที่ศาลาหลังเก่าและลานโดยรอบ  ผมกะประมาณเองว่า 30 x 50 เมตร  คิดเป็นพื้นที่ 1500 ตร.ม. (เกือบ 1 ไร่)
ผมลองนั่งพับเพียบ  แล้ววัดพื้นที่นั่งของตัวเองดู  ได้ 70 x 70 ซม.  คิดเป็นพื้นที่ 0.49 ตร.ม.
เมื่อนำมาหารกัน  ก็คำนวณได้ว่าคงมีภิกษุเข้าร่วมลงปาฏิโมกข์ 3061 รูป (หรือว่าจะไม่ถึง 4300 รูปตามข่าวนสพ.?)

แต่ ทั้งนี้ผมก็ไม่รู้ว่าในคืนนั้น (4.00 - 5.00 น.  ของวันที่ 4 มี.ค.) ภิกษุนั่งล้นออกจากศาลาไปไกลแค่ไหน  เพราะตัวผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ส่วนรูปถ่ายที่หามาได้  ถ่ายมาจากด้านโรงล้างบาตรเพียงมุมเดียว  ใครมีรูปถ่ายอีก  มาช่วยๆกันนะครับ

เครดิตรูป : คุณ look4images

1989  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญปฏิบัติธรรม "ชั่วโมงพุทธวัจน์" ที่ กบท สุวรรณภูมิ ตลอดปี54 เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 06:17:34 pm


ชมรูปเพิ่มเติมได้ที่นี่คะ

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10338350/Y10338350.html
1990  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญปฏิบัติธรรม "ชั่วโมงพุทธวัจน์" ที่ กบท สุวรรณภูมิ ตลอดปี54 เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 06:16:30 pm
สถานที่จัดงานครับ  ตึก กบท OPC



ข้อมูลจากเพื่อน คะ

1991  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญปฏิบัติธรรม "ชั่วโมงพุทธวัจน์" ที่ กบท สุวรรณภูมิ ตลอดปี54 เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 06:15:40 pm
เชิญปฏิบัติธรรม "ชั่วโมงพุทธวัจน์" ที่ กบท สุวรรณภูมิ ตลอดปี54

นำโดย  พระอาจารย์คึกฤทธิ์  โสตถิผโล  แห่ง วัดนาป่าพง

              ตลอดทั้งปี54  ในทุกวันศุกร์ของเดือนดังนี้

                 ศุกร์ที่     18   มีนาคม

                 ศุกร์ที่     8     เมษายน (เชิญร่วมสรงน้ำ พอจ เนื่อวในวันสงกรานต์ )

                 ศุกร์ที่     20   พฤษภาคม

                 ศุกร์ที่     17   มิถุนายน

                 ศุกร์ที่     15   กรกฏาคม (วันอาสาฬหบูชา)**(สอบถามล่วงหน้า)

                 ศุกร์ที่     19   สิงหาคม

                 ศุกร์ที่     16   กันยายน

                 ศุกร์ที่     21   ตุลาคม

                 ศุกร์ที่     18   พฤศจิกายน

                 ศุกร์ที่     16   ธันวาคม

        เวลา   1300-------1600 น.

     ณ   ห้องสุพรรณหงส์   อาคารA1  ศูนย์ปฏิบัติการ กบท สุวรรณภูมิ ( opc)

       ****ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องลงทะเบียน ครับ****

   สอบถาม    0868463377,,0813411775

1992  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร เมื่อ: มีนาคม 13, 2011, 07:55:56 am
ยังไม่เข้าใจ ถ้าเห็น ความทุกข์ กับ ความสุข แล้ว จะมีประโยชน์อะไร

ก็ในเมื่อเราก็สัมผัสในสุข และ ทุกข์ อยู่แล้ว

 :smiley_confused1:
1993  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เพื่อนสมาชิก มีความคิดอย่างไร กับวัดติดทีวี ในห้องส้วม จ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 12, 2011, 07:08:01 am
ีunseen คะ แปลกดีคะ

  วัดชื่ออะไรคะ ไม่ได้ตามดูข่าว

   :25:
1994  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เกิดซึนามิ คลื่นสูง 15 เมตร แผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่นในวันนี้ 11 มี.ค.54 เมื่อ: มีนาคม 12, 2011, 07:07:08 am
วันนี้ที่ 12 มีนาคม 2554

  ยอดผู้เสียชีวิต 300 กว่าคนแล้ว นี่ขนาดญี่ปุ่น เตรียมตัวดี นะคะ

   :91:

1995  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เริ่มทำบัตรสมาร์ทการ์ด21มี.ค. เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 07:21:41 am
นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน (สปค.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กรมการปกครอง ได้มีหนังสือแจ้งปลัด กทม.จะมีการส่งมอบบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) ให้ทั่วถึงทุกสำนักทะเบียนภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้  ในส่วนของ กทม.คาดว่าจะได้ประมาณ 400-500 ใบต่อเขต และหากหมดลงก็สามารถเสนอขอเพิ่มเติมไปได้  ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานเขตเตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชนเนื่องจากคาด ว่าจะมีประชาชนที่ถือใบเหลืองไปรับบัตรฯจำนวนมาก และขณะเดียวกันก็ต้องให้บริการทำบัตรใหม่ตามปกติไปพร้อม ๆ กันด้วย จึงได้ให้ทุกเขตขยายเวลาทำการเปิดให้บริการนอกเวลาราชการถึง 18.00 น. ในวันทำการและในวันเสาร์ เปิดให้บริการเพิ่มเติมในเวลา 08.00-16.00 น. แต่ขอแจ้งว่าในช่วงแรก ๆ อาจจะมีปัญหาคือประชาชนต้องคอยนาน เพราะแต่ละเขตส่วนใหญ่มีเครื่องผลิตบัตรเพียงเครื่องเดียว ซึ่งให้บริการได้เฉลี่ยไม่เกิน 200 คนต่อวัน ทั้งนี้ สปค.จะจัดรถให้บริการเคลื่อนที่ไปช่วยสำนักงานเขตที่มีประชาชนไปติดต่อจำนวน มากด้วย.

http://www.dailynews.co.th
1996  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตรวจสภาพรถฟรีเดินทางสงกรานต์ เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 07:19:53 am
นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมฯสนองนโยบายปีแห่งความปลอดภัย โดยเตรียมความพร้อมรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของประชาชน จึงร่วมมือกับภาคเอกชนกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศจัดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” เพื่อให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถเบื้องต้นฟรีแก่ประชาชน จะให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.-10 เม.ย.  สามารถนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถได้ ณ จุดที่มีป้ายข้อความ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” จะให้บริการตรวจเช็กระบบเครื่องยนต์ สภาพเบรก คลัตช์ เกียร์ สายพาน  ที่ปัดน้ำฝน  ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง  น้ำในหม้อน้ำ  รวมทั้งระบบไฟส่องสว่างต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง พร้อมจัดตั้งจุดพักรถทุกระยะ 400 กม. นอกจากนี้  ยังจัดตั้งจุดพักรถโดยสารสาธารณะบนถนนสายหลัก 7 จุด  ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา  บุรีรัมย์  ประจวบคีรีขันธ์  นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี  และจังหวัดระยอง  รวมทั้งจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ให้บริการประชาชน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต เอกมัย สายใต้ วันที่ 7–12 เม.ย. และตั้งแต่วันที่  21 มี.ค.-8 เม.ย. และวันที่ 11–17 เม.ย. กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ยังได้สนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดนักศึกษาจากวิทยาลัย เทคนิค และวิทยาลัยการอาชีพ  ให้บริการซ่อมรถเบื้องต้นบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศด้วย.

http://www.dailynews.co.th
1997  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พระครูยัน"จักษุธาตุ"ของจริงไม่ใช่เพชรรัสเซีย เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 08:16:01 am
1998  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พระครูยัน"จักษุธาตุ"ของจริงไม่ใช่เพชรรัสเซีย เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 08:12:08 am
ขอ เชิญสาธุชนทุกท่านร่วมสร้างมหามงคลอันยิ่งใหญ่ ด้วยการสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี
เพื่อที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ มาประดิษฐานยังวัดป่าศรีคุณารามเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป
โดย มีพระครูวิสุทธิธรรมสุนทร (บุญเกิด ยุตฺตะธัมโม) พร้อมด้วยพระครูอุดมชัยคณารักษ์, พระครูโสภณสมณกิจ และพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ประวัติพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นมีความเป็นมาอย่างไร...
สำหรับ พระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ดั้งเดิมพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหัก มาบูชาเพียงอย่างเดียว และผอบเดียวเท่านั้น โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ ท่านก็ได้บูชาไว้ประมาณปีกว่าๆ เห็นจะได้ ซึ่งท่านก็ได้เพ่งพิศพิจารณาเฝ้าดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในผอบนั้น อยู่ทุกวันๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระทั่ง...!! ในวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากที่พระอาจารย์ประจักษ์ได้ลุกจากจำวัดในตอนใกล้สว่าง ท่านก็ได้ตรวจตรา และเฝ้ามองไปยังที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ แท่นบูชานั้น ได้มีแสงเจิดจ้าระยิบระยับเกิดขึ้น แล้วยังส่องสว่างอย่างแปลกประหลาด กำลังเปล่งประกายออกมาจากผอบ ทำให้ท่านรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากว่า... ลำแสงที่เห็นนั้นเป็นแสงอะไร
จากนั้นท่านก็เดินเข้าไปส่องดูในผอบด้วย ความฉงนอย่างที่สุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? ปรากฎว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเพชรใสวาบวับ ที่มีน้ำงามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียรไนมาเป็นอย่างดี เสด็จมาอยู่ใจกลางของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหักได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่ผอบนั้นได้ถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีถึง ๒ ชั้น และไม่มีผู้ใดแตะต้องเลยนับตั้งแต่ท่านได้บูชามา
นับว่าเหตุการณ์นี้ได้ สร้างความประหลาดใจแก่พระอาจารย์ประจักษ์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับท่านมาก่อน จากนั้นท่านจึงกราบ และจุดธูปเทียนสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความปิติสุขเป็นอย่างมาก และเมื่อท่านได้ทำพิธีเสร็จสิ้นแล้วท่านก็ได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ?พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับ ณ ผอบใบนี้นั้น เป็นพระสรีระส่วนใดของพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์ทรงตอบมาในนิมิต หรือความฝันอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเถิด?
จากนั้นพระอาจารย์ประจักษ์จึง ได้นั่งภาวนาต่อไป และสิ่งที่ปรากฎให้ได้รับรู้ในจิตก็ได้บ่งบอกว่า ?พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับนั้น เป็นส่วนของพระจักษุ หรือนัยน์ตานั่นเอง ซึ่งเป็นพระจักษุทั้งซ้าย และขวา รวมพุทธานุภาพเป็นหนึ่งเดียว? เมื่อพระอาจารย์ประจักษ์ได้รับรู้ดังนั้น ความปลื้มปิติก็ได้บังเกิดขึ้นกับท่านอย่างไม่มีอะไรเทียมได้
ด้วยความ ปลื้มปิติที่เปี่ยมล้น ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าว ถึงเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือกัน ให้ได้รับรู้ถึงพระพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุ ที่ได้เสด็จมาปรากฎให้เห็น ซึ่งหลายต่อหลายคนก็เชื่ออย่างสนิทใจกับเหตุการณ์นี้
โดยที่พระอาจารย์ ประจักษ์ท่านก็ยินดีที่จะให้ลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งประชาชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาสักการะองค์ท่านถึงที่ประดิษฐานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถเก็บภาพความมหัศจรรย์ขององค์ท่าน เพื่อนำไปบูชาต่อไปได้อีก
แต่ แล้วบางคนกลับสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมานั้นจะเป็นพระจักษุ หรือนัยน์ตาไปได้อย่างไร และเมื่อมีคนสงสัยกันมากๆ เข้า พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็เกรงว่าจะกลายเป็นการปรามาส และเกิดเป็นบาปกรรมขึ้นได้ ทว่าท่านก็มิอาจที่จะห้ามความคิด และความลังเลสงสัยของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้
กระทั่งวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๒ ก็ได้มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน ได้เข้ามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างเช่นปกติ ซึ่งก็ได้ถ่ายภาพพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุเอาไว้ และด้วยปาฎิหาริย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงให้ประจักษ์แก่สายตาลูกศิษย์ลูกหารวมทั้งสาธุชนโดยทั่วไป เพื่อที่หลายๆ คนจะได้หมดไปซึ่งความคลางแคลงสงสัยกันเสียที
ปรากฎว่าภาพ ที่ถ่ายได้นั้นมองเห็นเป็น ?ดวงตา? หรือ ?พระจักษุ? อย่างชัดเจน และอัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยายได้หมด นี่คือพระพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปรากฎขึ้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุอย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อ ไป
ซึ่งปัจจุบันองค์จริงของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุนั้น ได้ประดิษฐานอยู่ ณ กุฏิ พระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น ๓ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับความอัศจรรย์ของ พระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่องค์ท่านเสด็จมาปรากฎได้ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ อาทิ ส่วนแกนพระสมอง, ส่วนพระโลหิต, ส่วนพระเกศา, ส่วนพระอุรังคธาตุ, ส่วนพระอุณหิสะ รวมทั้งพระธาตุของพระอรหันต์ และสาวกองค์อื่นๆ ก็ได้เสด็จหลั่งไหลตามกันมาอย่างไม่ขาดสาย
จาก ๑ ผอบก็ทวีเพิ่มขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ราวกับว่าท่านเสด็จมาอย่างไม่มีวันหมด แม้ว่าพระอาจารย์ประจักษ์จะแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาขออาราธนาไปบูชา เอง หรือว่าจะนำไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วก็ตาม แต่พระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระอรหันต์ธาตุกลับเสด็จมาเพิ่มเรื่อยๆ นับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้สถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้ มองดูคับแคบลงไปถนัดตา
ทางวัดป่าศรีคุณารามจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินการ ก่อสร้าง พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะอัญเชิญองค์พระจักษุธาตุ และพระอรหันต์ธาตุไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ควรค่าแก่การสักการะบูชา เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป ให้ชนรุ่นหลังได้กราบสักการะบูชา จะได้เป็นการเพิ่มกองบุญกองกุศลเพื่อสวรรค์ พรหม และพระนิพพานตลอดไป เพื่อที่บวรพระพุทธศาสนาจะได้ดำรงถึง ๕,๐๐๐ ปี
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพุทธ ศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันสร้างมหากุศลในครั้งนี้ ทางผู้จัดทำจึงขออนุโมทนาบุญกุศลในการสร้างมหากุศลในครั้งนี้ด้วย และขอให้ทุกท่านมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ

ร่วม สมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุได้ที่ ชื่อบัญชี พระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) เลขที่บัญชี ๓๖๙-๔๒๓๙๑๙-๙ ธนาคารกรุงเทพ สาขากุมภวาปี   


http://www.buaplinor.com/webboard/index.php?topic=653.0
1999  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พระครูยัน"จักษุธาตุ"ของจริงไม่ใช่เพชรรัสเซีย เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 08:11:11 am
ผช.วัดสัมพันธวงศ์ รอผลตรวจ จักษุธาตุ หากปลอม ต้องขับพระที่อ้างออกจากวัด ระบุ มีการเชิญชวนรับบริจาคผ่านเว็บไซต์

จากกรณีทางวัดสัมพันธวงศาราม สั่งให้มีการตรวจสอบ จักษุธาตุ ของพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปัญโญ พระอาคันตุกะของวัด ที่ตั้งให้ประชาชนสักการบูชา อยู่ที่ตึกมงคลวิทยา เนื่องจากเกรงว่า เป็นของปลอม หลอกลวงประชาชนนั้น

วันนี้(9มี.ค.)พระวินัยเมธี(ปราโมทย์ นาควังโส) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในวันที่ 10 มี.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบจักษุธาตุซึ่งขณะนี้ ยังคงมีการตั้งให้ประชาชนสักการบูชาอยู่ ทางวัดยังไม่ได้มีการระงับแต่อย่างใด เพราะต้องรอผลการตรวจสอบก่อน ส่วนกรณีที่มีการอ้างนามของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และวัดสัมพันธวงศ์ ไปทำโครงการสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุพระจักษุธาตุ ในงบประมาณหลายร้อยล้านบาทนั้น เป็นการแอบอ้างโดยไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ดังนั้น หากมีการตรวจสอบแล้วว่า จักษุธาตุเป็นของปลอม ก็คงจะต้องมีการขับออกจากวัด เพราะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน รวมทั้งมีการอวดอุตริ อ้างว่า ได้ถามจากพระพุทธเจ้าด้วย นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลด้านอื่นๆ พบว่า ยังมีการจัดทำเว็บไซต์ www.phrachuksuthath.com พระจักษุธาตุดอทคอม เพื่อดำเนินการรับบริจาค เพื่อจัดสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุพระจักษุธาตุอีกด้วย

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาเป็นระยะแล้ว และได้เห็นขอมูลการขอรับบริจาคโดยอ้าง พระจักษุธาตุ เห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล จึงได้แจ้งไปทางวัดให้ช่วยดูเรื่องดังกล่าว ในเบื้องต้น การตรวจสอบ พศ.เห็นว่า มีการดำเนินการตรวจสอบใน 2 วิธี 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ตามตำราเกี่ยวกับพระธาตุ ทั้งนี้หากผลตรวจสอบออกมาเช่นไรก็ขึ้นอยู่ทางวัดว่าจะดำเนินการเช่นไร โดยคาดว่าจะรู้ผลในเร็วๆนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์พระจักษุธาตุ ที่ www.phrachuksuthath.com  พบว่าในเว็บไซต์ดังกล่าว มีการขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนรวมบริจาคสร้างพระมหาเจดีย์ ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี  โดยมีพระครูวิสุทธิธรรมสุนทร (บุญเกิด ยุตฺตะธัมโม) พร้อมด้วยพระครูอุดมชัยคณารักษ์, พระครูโสภณสมณกิจ และพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ เป็นประธานดำเนินการ โดยมีต้นแบบของพระมหาเจดีย์ กำหนดการการวางศิลาฤกษ์ ไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาด้วย
นอกจากนี้ยังมีการเขียนเชิญชวนเกี่ยวกับพระจักษุธาตุไว้ว่าพระบรม สารีริกธาตุส่วนที่เป็นพระเนตร หรือเรียกว่า”พระจักษุธาตุ” ที่อุบัติขึ้นมาให้ได้กราบนมัสการและชื่นชมพระมหาบารมี แห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า อันมีสัณฐานดุจเพชรเจียรนัย ด้วยแสงแห่งพระฉับพันธรังสีเกิดประกายแวววาวงดงามกว่าเพชรทั้งหลายที่มีอยู่ ในโลกมนุษย์ แม้ได้เพียงกราบนมัสการเพียงสักครั้งในชีวิตก็นับว่าเป็นมหาบุญมหากุศลอัน ยิ่งใหญ่ ไม่เสียดายที่ได้เกิดมาแล้วในชาตินี้ อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์ยังได้มีการทำโพลสำรวจข้อมูลว่า เคยได้มากราบพระจักษุธาตุที่วัดสัมพันธวงศ์หรือไม่ พร้อมระบุวันวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 19 มีนาคม นี้  ที่วัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี.
credit:www.dailynews.co.th
2000  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระครูยัน"จักษุธาตุ"ของจริงไม่ใช่เพชรรัสเซีย เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 08:10:15 am
    พระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญโญ วัดสัมพันธวงษ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ถึงกรณีพระพรหมเมธี เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ออกมากล่าวว่า พระจักษุธาตุที่้อ้างว่าเป็นพระธาตุของพระพุทธเจ้านั้นเป็นของปลอมและน่าจะ เป็นเพียงเพชรรัสเซีย ว่า เรื่องจักษุธาตุ ปกติอาตมาบูชาเป็นพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในผอบ แต่ต่อมาก็เห็นแสงเปล่งประกายและมีดวงตาขึ้นมา เรื่องนี้มีครูบาอาจารย์หลายองค์ที่บอกว่าเกิดขึ้นได้จากพุทธานุภาพของพระ พุทธเจ้า
    ส่วนที่บอกว่า ไม่มีในตำรานั้น พระครูพันธกิจประจักษ์ กล่าวว่า ก็เหมือนพระนิพพาน สมัยพุทธกาลก็ไม่มีในตำราแต่พระพุทธเจ้าท่านสรรหาเอง อันนี้เป็นสันฐานเหมือนเพชรแต่เปลี่ยนสีได้ บางครั้งปรากฎเป็นรูปดวงตาขึ้นมา ยืนยันว่าพิสูจน์ได้100% เพราะถ้าเป็นเพชรอะไรก็ตามจะไม่มีการเปลี่ยนสี
    "อาตมามาจำพรรษาเมื่อปี 2544 พระพรหมเมธีให้มาช่วยวัด เมื่อมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาก็ไปเรียนท่าน ท่านก็ไม่เชื่อ ทีแรกก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีคนมาศรัทธาเยอะ ก็มีการจะให้พิสูน์จะอะไรต่างๆ ต่อต้านมาตลอด" พระครูพันธกิจประจักษ์ กล่าว
    พระครูพันธกิจประจักษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ขอบริจาคเรี่ยไรเงินญาติโยมมาสร้างเจดีย์ที่ จ.อุดรฯ ว่า ก็เชิญชวนทุกคนมาบริจาค และได้ขอให้พระพรหมเมธีมาเป็นประธานฝ่ายส่งฆ์ร่วม ตอนนั้นท่านก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาก็ได้ 11 ล้าน และจะมีการวางศิลาฤกษ์ 19 มี.ค.นี้ มีคณะกรรมการทุกอย่าง
    "ถ้ามาพิสูน์แล้ว สรุปได้ว่าพระธาตุนี้ไม่จริง เป็นเพชรหรือเป็นอะไร ถ้าใครไม่ศรัทธา ก็ยินดีที่จะคืนเงินให้ เพราะเงินเรายังไม่ได้ใช้จ่ายอะไร" พระครูพันธกิจประจักษ์ กล่าว
หน้า: 1 ... 48 49 [50] 51 52