เหตุการณ์ ครั้งนั้น ไม่ใช่มีเพียงเรื่องเดียว ที่ รู้ และ เห็น และ ทราบ
ถึงจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่นำเสนอไว้ในรูปแบบ ระนาบเดียว แต่ในเหตุการณ์นั้น ไม่ได้ มีแต่ภาพ เรื่องราว ของสามเณรเมื่อตอนอายุ 13 ปีเท่านั้น มันยังมีภาพส่วนอื่นอีก เป็นจำนวนมาก
ข้อสังเกต ในเวลาเพียง 3 ชม. กว่า ๆ กับมีเรื่องราวเป็น ร้อย ๆ วันเกิดขึ้นในขณะนั้น ซึ่งถ้าเป็นหนังมันดูกัน เป็นตอนไม่ต่ำ กว่า 50 ตอนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน อารมณ์ ขณะทีดู เหมือนฝันที่เข้าไปแสดงเอง เพราะมันเป็นภาพเรื่องราวของเราเอง ที่ปรากฏ แต่ว่าในส่วนปัจจุบัน มันเหมือนถูกฝังลึกไว้ในหลุม ที่เราลืมไปหมด ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราตลอดมีอายุมานี้กับเหมือนไม่มีเหตุการณ์ อะไรให้จด ให้จำ
ดังนั้นสภาวะ นีี้นำไปสู่เรื่องของกาล ที่เคยได้อธิบายไว้ ใน เรื่อง ย้อนกาลเวลา ด้วยสมาธิ
เจริญพร ภาพนี้ร่างไว้ด้วยลายมือ ในสมุดบันทึก
ภาพนี้จัดทำจากภาพลายมือในคอมพิวเตอร์
"สิ่งที่ปรากฏในเรื่องกาล ในสมาธิ มี 3 กาล
คือ ปัจจุบัน อันนี้มาก่อน
อดีต อันนี้เป็นไปตามกำลังจิต และ สมาธิ ที่มี
อนาคต อันนี้ก็เช่นกัน
แต่ที่สำคัญตอนที่ อาศัยแสงสว่าง นั้น ยิ่งย้อนไปไกล ก็เริ่มตีบลง ถ้าเป็นอดีต เป็นเพราะกำลังแสงสว่าง ไม่เพียงพอที่จะไปทำให้เห็น อะไรได้ทั่วแต่ปัญหา ก็คือ เมื่อเราย้อนออกไป ทัศนะวิสัยมันเพิ่มขึ้น กว้างขึ้น และก็ใช้เวลามากขึ้น เหมือนวงกลมที่วนรอบเส้นผ่าศูนย์กลาง มันขยายขึ้น ดังนั้นยิ่งถอยไปไกล ก็ยิ่งไม่เห็นอะไร เพราะกำลังจิตแสงสว่างมันไม่พอ
จากภาพนี้ยกตัวอย่างไว้ นะถ้าเราจำได้ ย้อนหลัง 5 ปี เวลาที่จะถอยออกไป ก็จะได้หลังสุดเพียง 25 ปี ดังนั้น คนเราจึงลืมเวลาที่ตอนมีอายุน้อยกัน จำได้บ้างไม่ได้บ้าง นี่เป็นสัญญาของคนทั่วไป แต่ถ้าเป็นอัจจริยะหน่อย ก็จะมีสัญญาได้ไกลกว่าดังนั้น ความทรงจำที่เรียกว่า สัญญา ก็อยู่ในกรอบ สามเหลียม ยิ่งไกลนานมากขึ้น ก็สูญเสียความจำมากขึ้น
ดังนั้นตอนที่เราต้องย้อนจิตเข้าไประลึกชาตินั้น ต้องอาศัยแสงสว่าง ย้อนไป หรือเดินไปข้างหน้า แสงสว่างไปได้ไกลเท่านั้น ก็เห็นได้เท่านั้น จากประสบการณ์นั้น ตอนทรงสติ ด้วยการเดินจงกรม มีการย้อนภาพที่ปรากฏ ภาพนี้เป็นเสมือนภาพในจิต ถ้าเป็นอดีตก็ไม่มีอยู่จริง ถึงแม้เป็นอนาคต ก็ไม่มีอยู่จริง ถึงแม้ภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน นั้น แท้ที่จริง ก็เป็นเวลาทั้ง สาม นี้ ในที่สุด ทั้งอดีต อนาคต และ ปัจจุบัน ก็ไม่มีอยู่จริง ถ้าสัญญา ไม่บันทึกไว้
ดังนั้น คนที่เป็นโรค ความจำสั้น สามารถมาบริหาร สมาธิ เพื่อฟื้นฟู ส่วนที่หายไปได้ แต่ปัญหาก็คือ ความตั้งใจ ของคนที่มี ความจำสั้นนั้น ไม่ค่อยเอาสมาธิ เพราะสูญเสีย สมาธิ ไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังพอเป็นไปได้
การเดินทางด้วยจิต ก็คือ การใช้จิตที่เป็นสมาธิ ที่มีแสงสว่าง นำทางตามการอธิษฐาน เพื่อย้อนไปในอดีต หรือ อนาคต ตามกำลังสมาธิ จะสามารถไปรู้เห็นภาพ ที่มีการบันทึกนั้นไว้ได้ นั่นเอง
เวลาการอธิษฐานไป จากประสบการณ์ ต้องอาศัย การอธิษฐานไปสองสัมผัส คือ สัมผัสที่จักษุ และ สัมผัสที่ เป็น โสตะ เคยอธิษฐานไปอย่างใดอย่างหนึ่ง อันหนึ่งเหมือนคนตาบอด อันหนึ่งเหมือนคนหูหนวก ที่นี้ การอาศัย สัมผัสสองนั้น มีไวช้าต่างกัน ด้วย แต่การรวมสัมผัสทั้งสองอย่าง นั้น สามารถไปได้อย่างสมบูรณ์ ......"
ข้อความบางส่วน จาก หนังสือเพียงหยดหนึ่งแห่งพระธรรม
บันทึกการภาวนาและการเดินทาง ของ ธัมมะวังโส