ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "หลวงพ่อโต" วัดบางพลีใหญ่ ศรัทธารวมใจคนบางพลี  (อ่าน 253 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28490
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




"หลวงพ่อโต" วัดบางพลีใหญ่ ศรัทธารวมใจคนบางพลี

“หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ในจังหวัดสมุทรปราการ คลื่นศรัทธาจากผู้คนหลั่งไหลไม่ขาดสาย ด้วยศรัทธาความเชื่อและไม่น้อยตั้งใจมาทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย

หลวงพ่อโต...เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เบิกเนตร ขัดสมาธิ ศิลปะสมัยสุโขทัย พลิกบันทึกประวัติ เล่าว่า กว่า 200 ปีล่วงมาแล้วมีพระพุทธรูป 3 องค์บังเกิดปาฏิหาริย์ไหลล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยาประมาณการกันว่า...ชาวบ้านสมัยอยุธยาอาราธนาท่านลงสู่แม่น้ำเพื่อหลบหลีกข้าศึกศัตรูที่เข้ารุกรานสยามประเทศ

ราวปาฏิหาริย์เมื่อหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปองค์สุดท้ายที่ลอยวกกลับเข้ามาในคลองสำโรงจนชาวบ้านได้พบเห็นต่างเป็นที่อัศจรรย์ใจในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน




มุ่งหมายอาราธนาให้ขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ปรากฏว่า...พระพุทธรูปไม่ไหวติงใดๆทั้งสิ้น

กระทั่งผู้มีปัญญาคนหนึ่งได้ออกความเห็นว่า คงฉุดลากขึ้นฝั่งไม่สำเร็จเป็นแน่แท้ เห็นควรที่จะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์พระเอาไว้แล้วใช้เรือพายฉุดให้ลอยมาตามลำน้ำ

พร้อมอธิษฐานกันว่า “หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใด ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่แห่งนั้นเถิด”

ประเด็นที่น่าประหลาดอาจด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เรือพายที่ใช้ลากจูงนั้นล้วนมีชื่อที่แปลกหู อาทิ ม้าน้ำ เป็ดน้ำ ตุ๊กแก พร้อมๆกันนี้ยังมีการจัดให้มีละครเจ้ากรับ รำถวาย รวมถึงมีการละเล่นอื่นๆ ครื้นเครงมาตลอดทั้งลำน้ำ

ครั้นมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือ “วัดบางพลีใหญ่ใน” ปรากฏว่าแพที่ผูกชะลอองค์ท่านก็เกิดหยุดนิ่ง แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะออกแรงจ้ำ...พายเพื่อจะไปต่อแต่ก็หาขยับเขยื้อนใดๆไม่




แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจและประหลาดใจกับผู้คนที่อยู่ร่วมในขบวนเป็นที่ยิ่ง ต่างพากันก้มกราบนมัสการด้วยความเคารพศรัทธา

รวมใจตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครองชาวบางพลีให้ได้รับความร่มเย็น เป็นสุขแล้วก็ขออาราธนาอัญเชิญหลวงพ่อท่านให้ขึ้นจากน้ำโดยง่ายเถิด”

แล้ว....ก็เกิดปาฏิหาริย์ อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยกำลังคนไม่มากนักก็สามารถอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานในพระวิหารได้ เพียงแต่ต้องรอเข้าทางข้างวิหารเพราะยังสร้างไม่เสร็จบวกกับประตูก็มีขนาดเล็ก

@@@@

วิถีชีวิตผู้คนชุมชนในละแวกวัด แน่นอนว่ามีจิตใจเลื่อมใสศรัทธา “หลวงพ่อโต” มาอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว สะท้อนออกมาจนเป็นอัตลักษณ์ชุมชนที่ยอมรับร่วมกันว่าหลวงพ่อท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าจะเป็นศรัทธาในเรื่องการแวะเวียนเข้ามากราบสักการะขอพร เช่าบูชาพระพุทธรูป

หากมีเรื่องไม่สบายใจ ทุกร้อนใจใดๆก็จะมาบนบานศาลกล่าว อีกทั้งเวลามีงานบุญต่างๆ...หลวงพ่อโตก็ยังเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ระลึกนึกถึง...นอกจากนี้ยังมี “ประเพณีรับบัว” หนึ่งในประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต ที่สำคัญยังมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ผู้คนในชุมชนเมื่อใกล้ถึงงานรับบัวจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังขันอาสาเข้ามาช่วยเหลืองานใหญ่น้อยอย่างที่ไม่ต้องมีใครเอ่ยปากขอ




ประเพณีรับบัว ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ก่อนออกพรรษา 1 วัน

สำหรับสาเหตุที่เรียกว่า “ประเพณีรับบัว” นั้นก็เพราะเป็นการส่งดอกบัวให้กับมือ จึงเรียกว่า “รับบัว” บางทีก็จะโยนดอกบัวลงไปให้กันโดยไม่มีพิธีรีตอง ทำให้การให้และการรับแบบมือต่อมือเสื่อมไป จนมีการพูดกันในระยะหลังๆมานี้ว่า “โยนบัว” แทนที่จะเรียกว่า “รับบัว”

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ คำว่ารับบัวก็ค่อยๆจางหาย จนคนไม่น้อยเข้าใจไปว่าประเพณีโบราณของชุมชนย่านนี้คือโยนบัว ยิ่งเมื่อผสมผสานกับภาพการโยนบัวลงไปในเรือหลวงพ่อโตที่มีให้เห็นตามสื่อต่างๆ มากมายก็ยิ่งทำให้คำว่าโยนบัวชัดเจนมากขึ้น

@@@@

ว่ากันตามศรัทธา...ความเชื่อ “หลวงพ่อโต” มีความศักดิ์สิทธิ์มากมายยิ่งนัก เล่าลือกันในเรื่องรักษาอาการเจ็บไข้ อาทิ เมื่อนำน้ำพระพุทธมนต์ไปรักษาเพื่อเป็นสิริมงคล ก็ปรากฏเห็นผลว่าอาการได้ทุเลาเบาบางถึงขั้นหายเป็นปกติได้เลยทีเดียวเชียว

หรือ...แม้กระทั่งเหรียญเช่าบูชาก็เลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล ชาวบ้านนำมาสวมใส่แก่บุตรหลาน เล่าลือกันต่อๆกันมาว่าเมื่อพลัดตกลงไปในน้ำกลับลอยตัวได้โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด จริงเท็จประการใดไม่ทราบได้ว่าจะมีใครกล้าท้าพิสูจน์หรือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ราวๆกลางปี 2520 องค์พระซึ่งเป็นทองคำสำริดกลับนิ่มเฉกเช่นเนื้อมนุษย์จนเป็นข่าวดังแพร่สะพัดในสื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แน่นอนว่าชาวบ้านผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อโตจากทั่วทุกสารทิศก็ต่างเดินทางพากันมาชื่นชมบารมี

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่ออีกว่า...วันเวลาผ่านไปอีกเพียงสองปีเท่านั้นก็เกิดปรากฏการณ์ดังเช่นที่ว่ามาข้างต้นนี้อีกครั้ง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ สุดมหัศจรรย์ใจจริงๆ




ไม่ว่าในวันวานหรือวันนี้ “ชาวบางพลี” ต่างศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ บารมี “หลวงพ่อโต” ที่คุ้มครองชาวตลาดบางพลีให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นภัยทางธรรมชาติ ภัยจากอุบัติเหตุไฟไหม้ รวมถึงภัยทางเศรษฐกิจที่แม้ว่าใครที่คิดดี ทำดี ขยันทำมาหากิน...ท่านก็เหมือนโปรดทุกคนไม่เคยให้ต้องอดหรือลำบาก

คำบูชา “หลวงพ่อโต” ตั้งนะโม 3 จบ...อิมินาสักกาเรนะ พุทธะมหานุภาโว อิมินาสักกาเรนะ ธัมมะมหานุภาโว อิมินาสักกาเรนะ สังฆะมหานุภาโว อิเมยันตา มหาเตชา มหานุภาตะชาติกา

มหามังคะละ สัมพุทธา อันตราเยวินาสะกา สัพพะถะสุขะ สัมพุทธา อเนกาคุณันตา นานัปปะโก สัพพะทุกขัง สัพพะภะยัง สัพพะโรคัง วินาสสันติ สัพพะลาภัง สัพพะสุขัง ภะวันตุเมฯ

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

                                     รัก-ยม






Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2689957
30 เม.ย. 2566 06:55 น. | รัก-ยม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ