ก็แล ท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง บรรดาพระอรหันต์ ทั้งหลาย ครั้นท่าน
พระฉันนะบรรลุพระอรหัตแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์แล้ว กล่าวว่า ท่านพระอานนท์ ขอท่าน
จงระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมในบัดนี้เถิด
ท่านพระ อานนท์กล่าวว่า ท่านฉันนะ เมื่อใด ท่านทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัต แล้ว เมื่อนั้น
พรหมทัณฑ์ของท่านก็ระงับแล้ว ฯ
ข้อความตรงนี้ ผมอ่านก็แปลกใจอยู่ ตรงที่ว่า พระที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วยังต้องแคร์โลก อีกหรือ ?
เพราะเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ย่อมถึง วิชชา และ จรณะ ย่อมงดงาม ในความประพฤติ
แต่ผมมาลอง วิจารณด้วยความคิดแล้ว มองเห็นว่า การประกาศในท่ามกลางสงฆ์ ด้วยการลงพรหมทัณฑ์ นั้นเป็นการประกาศในหมู่สงฆ์ทั้งหมด
แต่ตอนที่ ยุตินั้นต้องเป็นพระอรหันต์ ซึ่งการนี้ ผมมองว่า ( ไม่ยุติธรรม ) เพราะคุณธรรมพระอรหันต์ ไม่ได้ง่าย ๆ หรือเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์ นอกจากพระพุทธองค์แล้ว จะมีใครรับรองได้ว่าพระรูปนี้เป็นพระอรหันต์ หรือไม่ใช่พระอรหันต์ แม้จะเปรียบเทียบในโวหาร 4 นั้นก็ยังรับรองไม่ได้
แต่ผมมา วิจารณ์ตามความเป็นจริงต่อ
แล้วคณะสงฆ์ ประกาศลงพรหมทัณฑ์พระรูปนี้ แล้วคณะสงฆ์อื่น ต้องตอบรับด้วยไหม
ผมเห็นตัวอย่างในที่ใกล้ตัวผมเอง เช่นคณะนี้ ประกาศว่า รูปนี้ ไม่ควรช่วยเหลือ ไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย
แต่อีกคณะกับต้อนรับดีมาก ๆ มีการเปลี่ยน คณะให้เห็นกัน เออย่างนี้ผมว่า การลงพรหมทัณฑ์สมัยนี้ ทำได้ยาก