ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สักการะรอยพระพุทธบาท 'เขาคิชฌกูฏ' เพลินชมโบสถ์...บ้านไม้เก่าจันทบุรี  (อ่าน 1247 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สักการะรอยพระพุทธบาท 'เขาคิชฌกูฏ' เพลินชมโบสถ์..บ้านไม้เก่าจันทบุรี

รอเวลาหลังเลิกงานห้าโมงเย็นในวันปกติเพื่อเดินทางออกนอกเมืองและหนีรถติด ที่ต้องมาดึกดื่นเพราะเป้าหมายครั้งนี้อยู่ที่การเดินขึ้น เขาคิชฌกูฏ เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท และเลี่ยงแดดร้อนตอนหัววันของเดือนเมษายนนั่น เอง ครั้นไปถึงคณะของเราตกลงเดินขึ้นไปกันตอนกลางคืนเผื่อรุ่งเช้าจะได้แวะเที่ยวที่อื่นในตัวเมืองจันทบุรีกันต่อ

เขาคิชฌกูฏช่วงเปิดให้คนขึ้นไป สามารถขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยพื้นฐานความเชื่อทางพระพุทธศาสนารอยพระพุทธ บาทโบราณส่วนใหญ่จะอยู่บนยอดเขา เนื่องจากแสดงถึงสถานที่สูงทางศาสนา ที่สำคัญเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทในอดีตตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นที่นิยมสืบต่อกันมา อย่างบางสถานที่มีรถไฟเส้นทางพิเศษเพื่อนำคนไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาท ขณะเดียวกันความเชื่อโบราณยังแฝงไว้ด้วยกลอุบาย เช่น หากผู้หญิงได้ไปไหว้รอยพระพุทธบาทหลาย ๆ ครั้งจะได้ขึ้นสวรรค์ แท้จริงแล้วผู้หญิงสมัยก่อนไม่ค่อยได้ออกไปไหนเพราะต้องเลี้ยงลูกทำงานบ้าน ซึ่งกลอุบายนี้ปลูกฝังให้ผู้หญิงได้ซึมซับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ครั้งอดีต

อีกอย่างในรอยพระพุทธบาทมีมงคล 108 ประการ ที่ถือว่าเป็นมงคลต่อชีวิตของคนที่ได้ไปกราบไหว้ ย้อนประวัติ ศาสตร์ไปเสียไกล กลับมาขึ้นเขาคิชฌกูฏกันต่อ เมื่อมาถึงวัดกระทิงซึ่งเป็นเวลาห้าทุ่มกว่า หลังจากจอดรถแล้วต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถกระบะของที่นี่เพื่อความปลอดภัยในราคาคนละ 200 บาท






ตอนแรกค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนรถ แต่พอเริ่มขึ้นเขาก็เข้าใจทุกอย่าง ด้วยถนนอันคดเคี้ยวและต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก ยิ่งตอนกลางคืนที่เรามามีรถวิ่งสวนกันไปมา ด้วยทางส่วนใหญ่ลาดชันจึงไม่เหมาะกับการนำรถขึ้นมาเอง อีกอย่างพื้นที่นี้อยู่ในป่าที่หากไม่มีความชำนาญอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงขอเตือนนักท่องเที่ยวทุกท่าน หากพาเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยแข็งแรงไปควรให้นั่งข้างหน้ากับคนขับ อย่าได้พามาทรมานบริเวณกระบะหลัง เพราะเวลารถเหวี่ยงอาจหล่นลงมาได้

รอยพระพุทธบาทที่นี่ถือว่าสูงที่สุดในประเทศ ด้วยสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร เมื่อรถปล่อยเราลงก็เดินขึ้นไปมีลานพระพุทธรูปให้เราไหว้ก่อนจะเดินขึ้นบันไดที่ถือว่ายังลาดชันไม่มาก งานสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏจะปิดในวันที่ 11 เมษายนนี้ หากใครยังไม่ได้ไปคงต้องรีบ สิ่งของที่ผู้คนนิยมนำมากราบไหว้ได้แก่ธูปเทียน และดอกดาวเรืองที่โปรยไปตามรายทางเดิน หรือบริเวณหินต่าง ๆ ที่มีความเชื่อ

ครั้นเดินไปยังไม่ได้ครึ่งทาง แวะหาที่นั่งแถวทางเดินขึ้นประตูสวรรค์ แถวนี้มีถ้ำและรอยหินต่าง ๆ ตามความเชื่อ ตามจริงการมาเดินอย่างนี้เหมือนการเดินป่าที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้ตรึกตรองชีวิตที่ผิดพลาดและประสบความสำเร็จในแต่ละย่างก้าว

เดินกันไปได้พักใหญ่ ราวตีหนึ่งจึงถึงจุดหินบาตรคว่ำและรอยพระพุทธบาท บริเวณนี้มีคนหนาแน่นและมีศาลาขนาดใหญ่ของทางวัด หลายคนแวะพักผ่อนรอเช้าวันใหม่กันที่ศาลา แต่คนจะไปแน่นกันตรงบริเวณหินเพื่อไหว้และสวดมนต์ที่รอยพระพุทธบาท






เป้าหมายปลายทางของเราอยู่ที่ผ้าแดงซึ่งหลายคนแนะนำว่าไปแล้วต้องไปให้สุด เพราะพอหลังจากหินบาตรคว่ำคนจะเริ่มน้อย ส่วนหนึ่งแวะพักผ่อนและเดินกลับ แต่เส้นทางหลังจากนี้เริ่มเย็นขึ้นมีหมอกกลางคืนโรยตัวผ่านมากระทบผิวให้รู้สึกเย็นสบาย

ตลอดเส้นทางเดินมีจุดทำบุญให้แวะพักตลอดทางถือเป็นเรื่องดีที่จะได้พักลดทอนความเหนื่อย พอมานั่งนึกดูบางสิ่งที่เกิดขึ้นกลับรู้สึกใจหาย กิจกรรมสงฆ์หรือการไหว้เคารพต่าง ๆ บางส่วนอ้างอิงถึงความร่ำรวย ดูขัดกับคำสอนของพระพุทธ เจ้า ตามจริงสถานที่ในป่าเขาอันอุดมด้วยทรัพยากรเหมาะอย่างยิ่งจะเชิญชวนให้คนที่มารับทราบถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อได้พบแก่นแท้อันเป็นมงคลชีวิต เราค่อนข้างเป็นห่วงในเรื่องเหล่านี้เพราะหลายที่ซึ่งจูงใจด้วยความเชื่อของความร่ำรวยมักมาเร็วแล้วไปเร็วอย่างน่าตกใจ

ตีสอง...เราถอนหายใจยาวไปหลายรอบเพราะก่อนถึงจุดที่เป็นผ้าแดงทางค่อนข้างลาดชัน ต้องใช้กำลังขากันพอควร ซึ่งพอมาถึงผ้าแดงแล้วต้องไปเขียนชื่อนาม สกุลบนผ้าและอธิษฐานได้เพียงสิ่งเดียวตามความเชื่อของที่นี่ จุดนี้ถือว่าเงียบสงบดีไม่น้อย เพราะมีต้นไม้และก้อนหินขนาดใหญ่ให้เราหาที่นั่งพัก ก่อนจะฮึดสู้อีกครั้งในเส้นทางขากลับ จะว่าไปแล้วตอนเดินกลับดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าขาไป เมื่อไปถึงจุดขึ้นรถที่วัดกระทิงตอนตีสี่ เลยแวะเข้าที่พักเอาแรงก่อนเพื่อสาย ๆ จะเดินทางต่อไปในตัวเมืองจันทบุรี





ครั้นรุ่งเช้า หลังเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมตอนสาย เป็นที่รู้กันดีว่า ถ้าหากมาเที่ยวเมืองจันทบุรีทีไรต้องไม่พลาดแวะไปกินเส้นจันท์ผัดปูที่ร้านจันทรโภชนา แถมรอบนี้ยังได้กินยำมังคุด เข้าท่าดีไม่น้อยเพราะมังคุดที่ใช้ไม่หวานมาก เมื่อคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องปรุงต่าง ๆ ทำให้รสยำไม่ขาดหาย แต่เพิ่มความกลมกล่อมได้จากเนื้อมังคุดตบด้วยของหวานอย่างสละลอยแก้วเย็น ๆ จึงเป็นเรื่องที่นักชิมไม่ควรพลาด แถมร้านนี้ยังมีของฝากให้ซื้อกลับบ้านอีกด้วย

โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ถือเป็นอีกสถานที่ซึ่งมีความเก่าแก่คู่กับชาวจันทบุรีมานาน โบสถ์แห่งนี้สร้างโดยชาวเวียดนามนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อพยพมาอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตัวโบสถ์ถือเป็นหลังที่ 5 สร้างขึ้นแทนตัวโบสถ์เก่า ในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเมืองจันทบุรี โดยจำลองมาจากมหาวิหารนอเธอร์ดามของฝรั่งเศส ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีสวยงาม ผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมจะได้ซึมซับกับความสวยงามและความเงียบสงบ

ชุมชนรอบโบสถ์ส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ บ้านเรือนส่วนหนึ่งยังคงไว้รูปแบบเดิมคือ บ้านไม้ แต่ที่เด่นมาก ๆ ดูจะเป็นงานฉลุลายไม้ตรงช่องลมของบ้าน ที่จัดได้ว่าสวยงามและหาดูได้ยาก ตรงข้ามโบสถ์เป็น ชุมชนริมน้ำจันทบูร หากใครไปไม่ถูกลองถามคนแถวนั้นกันดูได้

ชุมชนริมน้ำจันทบูรเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีผู้คนเข้ามาอาศัยตั้งแต่สมัยอยุธยา หากใครชอบการแต่งบ้านเดินเล่นเรื่อย ๆ จะพบการแต่งบ้านเก่าในหลายส่วนที่เน้นลวดลายไม้ฉลุทั้งระเบียง ช่องลม หรือตามหน้าต่าง ส่วนบ้านที่เป็นตึกเก่ายังแอบมีเอกลักษณ์ลายไม้เข้าไปแทรกอยู่เพิ่มความสวยงาม

แถวนี้ชาวบ้านยังใช้ชีวิตกันปกติ หากใครหิวก็เอาท้องไปฝากกันไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงเป็นของอร่อยขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีตลาดซื้อขายพลอยให้เราลองแวะไปชมกันอย่างคึกคัก จันทบุรีเป็นอีกแห่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบแนววัฒนธรรม ได้เข้ามาเยี่ยมชมของจริงที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคมมากเหมือนกับหลายๆ ที่.





รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว
การเดินทาง โดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง ได้แก่
    1.เส้นทางสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา-บ้านฉาง-ระยอง-จันทบุรี(ทางหลวงหมายเลข 3) ระยะทางประมาณ 291 กม.
    2.เส้นทางสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-ศรีราชา-ระยอง-จันทบุรี(ผ่านทางหลวงหมายเลข 36) ระยะทางประมาณ 254 กม.
    3.เส้นทางสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-แกลง-จันทบุรี(ผ่านทางหลวงหมายเลข 344) ระยะทางประมาณ 245 กม
.
    รถโดยสารประจำทาง ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)

    ฤดูกาลท่องเที่ยว การมาเที่ยวจันทบุรีสามารถมาได้ทุกฤดูกาล แต่หากต้องการมากราบสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏให้มาช่วงต้นปี ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ส่วนใครอยากมาเที่ยวชิมผลไม้สดจากต้น แนะนำให้มาราวต้นเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ผลไม้ออกลูกดก ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน เงาะ มังคุด สละ ฯลฯ
    ของฝาก เส้นหมี่จันท์ หมูชะมวง ผลไม้ตามฤดูกาล


    ทีมวาไรตี้


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/article/224/195408
วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2556 เวลา 00:00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ