ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - สถาพร
หน้า: 1 2 3 [4] 5
121  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กลอน ดี ๆ วันนี้ อ่านแล้ว จะได้มีสติ สำนึกในบาปกรรม กันบ้างครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2011, 03:16:53 pm
ผู้เอยผู้ใด ลำพองใจประมาทมาก่อน
แต่กลับตัวได้ไม่นิ่งนอน ถ่ายถอนชั่วช้าสร่างซาไป
ผู้นั้นเหมือนจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นดูงามอร่ามใส
ไม่มีเมฆมัวหมองเท่ายองใย ส่องหล้าทั่วไปสว่างเอย

บาปเอยบาปกรรม ที่ทำที่สร้างต่างต่างเรื่อง
ผู้ใดกั้นปิดอยู่นิตย์เนือง ด้วยกุศลเป็นเครื่องประคองใจ
ผู้นั้นเหมือนจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นดูงามอร่ามใส
ไม่มีเมฆมัวหมองเท่ายองใย ส่องหล้าทั่วไปสว่างเอย

ชายเอยชายหนุ่ม ผู้ละห่วงรุมทั้งกายจิต
ตัดกิเลสครองเพศบรรพชิต ประกอบกิจพุทธศาสน์สะอาดใจ
ผู้นั้นเหมือนจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นดูงามอร่ามใส
ไม่มีเมฆมัวหมองเท่ายองใย ส่องหล้าทั่วไปสว่างเอย

ศัตเอยศัตรู ผู้มีอาฆาตมาดหมาย
เพราเราก่อกรรมทำลาย ฆ่าสหายและญาติขาดชีวา
จงฟังซึ่งธรรมภาษิต จงประกอบซึ่งกิจในศาสนา
จบคบคนดีมีจรรยา ทั้งรักษาสัทธรรมประจำเอย

จงเอยจงหมั่น ฟัง"ขันติธรรม"ความอดกลั้น
จงหัดผ่อนโกรธพิโรธอัน เป็นเครื่องกางกั้นความสุขใจ
จงอย่าเบียดเบียนเฆียนฆ่า ตัวเราเเละประชาให้หวั่นไหว
จงสบความสงบเป็นนิตย์ไป จงได้นิพพานสำราญเอย

ชาวเอยชาวนา ตั้งหน้าไขน้ำด้วยความหมั่น
ช่างศรกรจับลูกศรพลัน ทำน้ำลนไฟดัดให้ตรง
ช่างไม้ไม่ละลด ทำดุนวงกงรถตามประสงค์
ส่วนบัณฑิตฝึกฝนตนจำนง ให้ชื่อตรงบริสุทธิ์ผุดผ่องเอย

บางเอยบางคน ฝึกฝนช้างม้าบรรดาสัตว์
ด้วยลงอาชญาสารพัด แส้หวดขอซัดสับลงไป
ตัวตูผู้อันพระศาสดา ทรมาร์จนจิตผ่องใส
มิได้ใช้อาชญาใดๆ โอ้ ! พระคุณนี้ไซร้ยิ่งใหญ่เอย

ตัวเอยตัวเรา ก่อนเก่าชื่อจริง "อหิงสกะ"
"ผู้ไม่เบียดเบียน" แต่ไม่ละ การเข่นฆ่าปาณะเพราะใจพาล
จึงไม่สมกับนามตามที่ตั้ง แต่บัดนี้สมดังนามขนาน
เพราะเราเว้นเข่นฆ่าสัตว์สาธารณ์ ไม่เบียดผลาญใครๆทั่วไปเอย

ตัวเอยตัวเรา ก่อนเก่านั้นเคยเป็นโจรป่า
"องคุลิมาล"สมัญญา "มีนิ้วมือชาวประชาเป็นมาลัย"
ถูกห้วงน้ำห้วงใหญ่พัดไปอยู่ คือพรั่งพรูด้วยกิเลสอนุสัย
ได้พระพุทธองค์ทรงชัย เป็นฉัตรใหญ่ร่มเกล้าของเราเอย

มือเอยมือฉัน เคยกระสันศาสตราเที่ยวฆ่าเข่น
กรังเลือดเหม็นคาวทุกเช้าเย็น ด้วยเห็นวิปริตผิดไป
บัดนี้มือคาวเราล้างแล้ว ผ่องแผ้วเพราะได้อาศัย
คุณพระพุทธองค์ทรงชัย ถอนตัณหาเสียได้หมดสิ้นเอย

ผลเอยผลกรรม ที่เราได้ทำไว้หนักหนา
มาสนองปัจจุบันเห็นทันตา ต้องถูกขว้างปาแทบบรรลัย
เจ็บปวดรวดร้าวทุกขุมขน จำทนอดกลั้นไม่หวั่นไหว
บัดนี้หมดหนี้ได้เป็นไทย บริโภคอย่างไม่เป็นทาสเอย

คนเอยคนเขลา มัวเมาประมาทมิมีสร่าง
บัณฑิตบรรเทามัวเมาจาง ดำเนินทางอัปประมาทไม่ขาดตอน
รักษาไว้ให้เหมือนทรัพย์ประเสริฐ ไม่ละเมิดสัทธรรมคำสั่งสอน
จงนำตนดลสุขสถาพร ดั่งบัณฑิตผู้รอนประมาทเอย

อย่าเอยอย่าประกอบ ความชอบชื่นใจในประมาท
อย่าคลุกคลีหลงใหลในรสชาติ แห่งกามซึ่งมีธาตุความลวง
ผู้ไม่ประมาทเพ่งพินิจ ย่อมประสบสุขจิตอันใหญ่หลวง
ได้รู้แจ้งเห็นจริงสิ่งทั้งปวง ไม่หลงสิ่งล่อลวงต่อไปเอย

การเอยการมา สู่พระศาสนาของข้าเจ้า
เป็นการมาที่ดีไม่เบา ไม่เปล่าประโยชน์โสตถิคุณ
การตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นกุศลราศรีประเสริฐสุนทร์
ผลได้ท้งผองคือกองบุญ ที่อดุลเด่นนั้นนิพพานเอย

ญาณเอยญาณสาม หรือที่มีนาม "วิชา" นี้
เราได้บรรลุปรุโปร่งดี ไม่มีภาระอะไร
ในพระศาสนาตถาคต เพราะหมดกิจสิ้นสงสัย
ขอความสุขเกษมเปรมใจ จงแพร่ไปในประชาทั่วหน้าเอย

จาก ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ของท่านสุชีพ ปุญญานุภาพ

122  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญสมัครร่วมปฏิบัิติธรรม ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 30 - 31 ธ.ค.54 - 1 ม.ค.55 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2011, 03:04:08 pm
อนุโมทนา สาธุ ครับ

 :25: :25: :25:
123  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ตามหาแก่นธรรม เมื่อ: กันยายน 29, 2011, 09:08:32 am
ตามหาแก่น  หาไม่เจอ หรอกครับ

  เพราะพระธรรมไม่ใช่ต้นไม้ จึงหาแก่นมิได้ เป็นแต่ข้อเปรียบเทียบครับ

  สำหรับหัวใจ พระธรรม ก็น่าจะเป็นหลักการดำเนินชีิวิตนะครับ

    1. ไม่ทำอกุศล  ( จัดเป็นกระพี้ ได้ หรือ ไม่ หรือ เป็น เปลือก หรือ เป็นแก่น )
 
    2. สร้างกุศล    ( จัดเป็นกระพี้ ได้ หรือ ไม่ หรือ เป็น เปลือก หรือ เป็นแก่น )

    3. ทำจิตให้บริสุทธิ์   ( จัดเป็นกระพี้ ได้ หรือ ไม่ หรือ เป็น เปลือก หรือ เป็นแก่น )

   ถ้าจะว่าเป็น โอวาทปาฏิโมกข์ ก็น่าจะมีเท่านี้นะครับ

   :s_hi:

     
124  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ยังมัวหาหนวดเต่า กันอยู่หรือไม่ครับ ? เมื่อ: กันยายน 29, 2011, 09:04:54 am
อ่านแล้ว สะอึก ในใจครับ ผมเอง ก็มีอุปนิสัย เช่นนี้เหมือนกันครับ
ก็อยาก จะหยุดที่ อาจารย์รูปใดรูปหนึ่งเหมือนกัน ครับ แต่ที่รู้จักก็ไม่่ค่อยได้พบ ได้เจอ ครับ

  :'( :'( :'(
125  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: พลังจิต มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ ว่ามีจริง ? เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 09:08:51 am
พลังจิต มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ ว่ามีจริง ?

  สังเกตุที่ตัวเราก็ได้ครับ เวลาที่จิตเราผ่องใส สบายใจ เวลก คิด พูด ทำ เป็นอย่างไรครับ

  สังเกตุว่าตอนที่เราโกรธ หน้าดำ หน้าแดง เป็นอย่างไรครับ

  สังเกตว่าตอนที่เราอดหลับ อดนอน เป็นอย่างไรครับ

  คำตอบ ก็เป็นข้อพิสูจน์ พลังจิต

 เคยฟังพระอาจารย์ บรรยายที่วัดครั้งหนึ่ง ว่า คนที่ฝึกจิตมาดี ย่อมส่งผลให้การงานทำได้ดีท่ายยกตัวอย่างว่า
มีคนจบปริญาตรีตกงาน มาทำงาน เป็นลูกมือช่างก่อสร้าง ตอนที่มาทำงานครั้งแรก ก็นั่งซึมยกถุงปูนก็ไม่ขึ้นเดินเหมือนหุ่นไม่มีชีิวิต เพราะเศร้าซึมไม่มีกำลังใจจะสู้ ส่วนเด็ก ป6 ที่มาทำงานพร้อมกัน ทำไปคุยไป หัวเราะไป เพราะมีความสุข กับการงาน สองคนทำงานเหมือนกัน แต่สภาวะจิตไม่เหมือนกัน ดังนั้นชีวิตจึงต้องมีการฝึกจิต จิตที่ฝึก ก็ทำให้มีกำลัง พลัง ที่จะสู้กับชีวิต อุปสรรค ปัญหา ความทุกขฺ์ ต่อไป นี่เป็นข้อพิสูจน์ของพลังจิต

  คนที่ไม่มีพลังจิต ย่อมประสพความล้มเหลว ดังนั้นพลังจิต กำลังใจ เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกันอันนี้เป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนครับ

  ส่วนพลังจิต ที่มีกำลังมากกว่า มนุษย์ ก็ต้องฝึกเช่นกันใครมีติดตัวมาแต่เกิด ก็อนุโมทนาด้วยครับ แต่น่าจะมีน้อยนะครับ เช่นบุคคลเข้าฌานได้ แต่ก็หายากเหมือนหาเข็มในมหาสมุทร กันครับ

  ดังนั้นประโยชน์ของพลังจิต ขั้นพื้นฐานนั้น ทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรค คือ ความทุึกข์ ครับ อันนี้สำคัญครับ

  :25: :25: :25:
126  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watpanurach.com วัดป่านุราชประชาสรรค์ เมื่อ: กันยายน 25, 2011, 09:01:44 am


http://www.watpanurach.com
วัดป่านุราชประชาสรรค์
127  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: รวม งานบุญ ทอดกฐิน ปี 2554 เมื่อ: กันยายน 25, 2011, 08:58:49 am
ศิษย์เก่าโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล รุ่นภูมิอำมาตย์ (ปี ๓๙ - ๔๒)ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี

                            เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินเพิ่มเติมพร้อมสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม

                      ณ วัดปานุราชประชาสรรค์  ตำบล ปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่

                              ในวันเสาร์  ที่ ๑๕ ตุลาคม  ๒๕๕๔  ตรงกับ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีเถาะ

                                 ****************************************

     วัดปานุราชประชาสรรค์ มีพระภิกษุจำพรรษาครบถ้วนไตรมาส จำนวน ๑๖ รูป สามารถที่จะรับกฐินของผู้ที่ประกอบด้วยศรัทธาตามพระบรมพุทธานุญาตได้  คณะศิษย์เก่าโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล รุ่นภูมิอำมาตย์ (ปี ๓๙ - ๔๒) พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน มีความประสงค์ ทอดกฐินสามัคคี ณ วัดปานุราชประชาสรรค์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เพื่อให้พระภิกษุที่อยู่จำพรรษาได้รับอานิงส์ตามพระวินัย และได้รวบรวมบริวารองค์กฐินสมทบทุนสำหรับซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติม พร้อมขยายสถานที่ปฏิบัติธรรม แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ใช้ในการปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนสืบไป

     ในการนี้ คณะกรรมการศิษย์เก่าโรงเรียนอำมาตย์ รุ่นภูมิอำมาตย์ (ปี ๓๙ - ๔๒) จึงขอเรียนพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตเลื่อมใส ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ โดยพร้อมเพรียงกัน สุดท้ายนี้ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือ จงอำนวยพรให้ท่านจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ เทอญ

******************************************************************************

กำหนดการ

วันศุกร์ ที่ ๑๔  ตุลาคม ๒๕๕๔  ตรงแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

                              เวลา  ๑๗.๐๐  น.   พุทธศาสนิกชนรวมองค์กฐินพร้อมกัน ณ วัดปานุราชประชาสรรค์

                              เวลา  ๑๙.๐๐  น.   พิธีสมโภชองค์กฐิน

วันเสาร์ ที่ ๑๕  ตุลาคม ๒๕๕๔  ตรงแรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

                              เวลา  ๐๘.๓๐  น.  พุทธศาสนิกชนรวมองค์กฐินพร้อมกัน ณ วัดปานุราชประชาสรรค์

                              เวลา  ๐๙.๓๐  น.  ฟังพระธรรมเทศนา

                              เวลา  ๑๐.๓๐  น.  พิธีทอดกฐิน

                                                      ถวายองค์กฐิน

                                                      กรวดน้ำ  เป็นอันเสร็จพิธี

                             เวลา  ๑๑.๐๐   น.  ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณร

                                                     พุทธศาสนิกชนรับประทานอาหาร



ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

คุณชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และนายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่

ประธานอุปถัมภ์

คุณแม่อุบล ปานุราช

คณะกรรมการอุปถัมภ์ (โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล)

นายพัชรินทร์ ปลอดฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล

คณะกรรมการอุปถัมภ์ (ด้านสถานประกอบการ)

รุ่งโรจน์การพิมพ์  ร้านปิยะพงษ์แกรนิต  ร้านส้มตำพี่ดำ

ประธานคณะกรรมการองค์กฐิน

นายยอดมนตรี แก้วเก้า ประธานศิษย์เก่าโรงเรียนอำมาตย์ รุ่นภูมิอำมาตย์ (ปี ๓๙ - ๔๒)
128  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: รวม งานบุญ ทอดกฐิน ปี 2554 เมื่อ: กันยายน 25, 2011, 08:56:18 am


http://www.samathi.com/content/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B5-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2554
129  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ระหว่างทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ กับ ถวาย ข้าวพระพุทธ เมื่อ: กันยายน 15, 2011, 07:48:17 am
การให้ทาน มีส่วนสำคัญ 4  อย่างคือ

   1.ผู้ให้
 
   2.ผู้รับ

   3.วัตถุทาน

   4.บริสุทธิ ทั้งทาน บุคคล และ ใจ

ถ้า 4 ประการนี้ มีครบ ก็เรียกว่า สมบูรณ์ ด้วยทานนั้น

  ส่วนการถวายพระพุทธ นั้น เป็น อนุสสติ จัดว่าเป็นทาน คือ ธรรมทาน

  เป็น บุญอันปราศจาก ผู้รับ เป็นการแสดงออกซึ่งความศรัทธา

 ถ้าพิจารณาให้ดี การที่บุคคล นำดอกไม้ เครื่องหอม ไปถวาย บูชา สักการะ พระบรมสารีริกธาตุ เจดีย์ ได้บุญเช่นไร การถวายข้าวพระพุทธ ก็น่าจะได้บุญเช่นนั้น เหมือนกันครับ


  :25:

 
130  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงปู่แ้ก้ว วัดช่องลม เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:32:44 am





และแน่นอน...ถ้ามาวัดนี้....ก็จะต้องเจอกับกองทัพ นกนางแอ่น ครับ
ตามที่ได้ถามผู้ดูแลวิหารแห่งนี้ได้ความว่า..เดิมหลังจากที่หลวงปู่แก้วได้ เดินทางไปไหนมาไหนก็จะมีฝูงนกนางแอ่นตามไปด้วย เมื่อหลวงปู่แก้วท่านได้มรณภาพลง นกนางแอ่นเหล่านี้ก็ยังคงตามมาเฝ้าศพของหลวงปู่ แม้ว่าย้ายโลงศพไปที่ไหน..ฝูงนกก็จะตามไปเฝ้าเหมือนกองอารักขาครับ จนปัจจุบัน วิหารแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยทำรังของนกนางแอ่นครับ..



รังนกพวกนี้นะครับ ถ้าจะเอาลงมาต้องมีการประมูล เพื่อขอสัมปทานในการเก็บรังนกครับ... ไม่ใช่ว่าจะตะปีนขึ้นไปเก็บเอง หรือ ถ้าหล่นลงมา..เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำได้ครับ..ถือว่าผิดกฎหมาย...และ เป็นบาปด้วย...ขโมยของๆวัดน่ะ...ไม่ดีน๊า
รายได้ที่ได้จากการประมูลเก็บรังนกก็นำมาเป็นปัจจัยในการบำรุงวัดครับ

นี่ก็คือลูกนก...สุภาพร ... ม่ายช่ายแล้วววว
นี่เป็นลูกนกนางแอ่นเคราะห์ร้ายที่นอนรออาหารจากแม่นกอยู่ดีๆบนรัง แต่ซุกซนจนตกลงมาครับ..เจ้าหน้าที่ของวัดก็จะต้องเก็บมาเลี้ยงให้มีชีวิต รอด...วัดเป็นเขตอภัยทานนะครับ...ต้องมีความเมตตาน๊ะ....

ขอบคุณที่มาเนื้อหา อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่นะครับ

http://www.thaitransport-photo.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1885
131  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่แ้ก้ว วัดช่องลม เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:29:34 am


ประวัติหลวงปู่ อ่านได้ที่นี่นะครับ

http://www.chonglom.com/historyW-05.php

132  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.chonglom.com วัดสุทธวาตวราราม ( วัดช่องลม ) เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:26:11 am


http://www.chonglom.com 
วัดสุทธวาตวราราม ( วัดช่องลม )


แนะำนำนะครับ วัดนี้



สมเด็จพระสังฆราช และ หลวงพ่อแก้ว
133  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนากรรมฐาน กับ ดนตรี เป็นการติดในเสียงหรือไม่ครับ เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 09:01:47 am
ผมได้ไปร่วมภาวนากรรมฐาน กับเพื่อน ๆ คนนี้เป็นคนที่ชอบศึกษาธรรมในสาย มหายาน คือ นิกายเซ็น
เวลาพูดคุยกัน ต้องแบบ ปัญญามาก ๆ ครับ ทุกอย่างที่ พูด ทำ คิด ต้องเป็นปริศนาธรรมกันตลอดครับ
กว่าจะเข้าใจกันได้ ก็หลายปี

   วันก่อนเพื่อนผม คนนี้ก็ได้ชักชวนผม นั่งกรรมฐานด้วย ที่บ้านเขา พอเริ่มนั่งภาวนากัน ผมก็เห็นเขา
ไปเปิด ดนตรี บอกว่าเป็นดนตรีเซ็น ฟังแล้วจะได้สมาธิไว ขึ้น ผมก็เออออ ตามไปแต่ก็กำหนดจิตตาม
ฐานจิตเพราะได้เข้า สะกด ที่่วัดราชสิทธารามมาแล้ว เรื่องเสียงไม่มีปัญหาครับ

   แต่พอออกจากกรรมฐานมา ผมก็มานั่งนึกดูว่า ถ้านั่งกรรมฐาน อาศัยเสียงเป็นเครื่องช่วยให้เกิดความ
สงบแบบนี้ จะละข้าศึกคือ เสียงของ อุปจาระฌาน และ ปฐมฌาน ได้หรือครับ

   หรือว่าทำได้

   ดังนั้นพวกเราจะสังเกตว่า ทางมหายาน เวลาทำบทสวดมนต์ออกมา ก็จะมีดนตรีประกอบเป็นเพลงอยู่
ร่วมด้วย เพราะเหตุนี้จึงเข้ากับนิสัย ของปุถุชนผู้ที่ไม่ได้ฝึกจิต ทำให้จิตผูกกับรูปแบบใหม่ ทำให้เวลาภาวนา
จริง ๆ จึงละรูปแบบ ของเสียงนี้ไม่ได้

    :c017: :welcome:
134  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watbotjang.myreadyweb.com/home วัดโบสถ์แจ้ง เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 07:38:56 am


http://watbotjang.myreadyweb.com/home
วัดโบสถ์แจ้ง





ประวัติวัดโบสถ์แจ้ง
 เกิดขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี       เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับมาและก็เข้าสู่สงครามไทยพม่าสู้รบกัน       เมื่อเป็นสงคราม­กันขึ้น หรือเมื่อสงครามเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ไหนๆก็ตาม เป็นหลักธรรมดาอยู่เอง  ว่าทั้งฝ่ายชนะ           และฝ่ายพ่ายแพ้ก็ต้องประสพซึ่งความพินาศย่อยยับเสียหายมากมาย  ทั้งทรัพย์สินสิ่งของประชาชนพลเมืองต้องมาล้มตายบาดเจ็บพิการและสูญหายเกือบ เสมอกันและศิลปะวัฒนธรรม     ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมา  ก็จะค่อยๆพากันเสื่อมโทรมลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็เป็นไปตามหลักธรรมขององค์พระบรมศาสดา  ที่ตรัสไว้ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนั้นมีเจริญและเสื่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่   และดับไปดังนี้
            วัดโบสถ์แจ้ง เดิมทีนั้นชื่อวัดโบสถ์    ตั้งอยู่ในเขตตำบลตลาดน้อย อำเภอบ้านหมอ  จังหวัดสระบุรี และเดิมทีนั้นในหมู่บ้านนี้มีวัดร้างอยู่   ๕ วัด  ด้วยกันคือ     ๑.วัดโบสถ์ ๒.วัดหลวง  ๓.วัดสุด  ๔.วัดขวิด  ๕.วัดแจ้ง  การปกครองคณะสงฆ์ในสมัยโน้น ขึ้นอยู่กับเจ้าคณะมณฑลเป็นผู้ดูแล    ดังนั้นประมาณปี พ.ศ. ๒๓๑๔       หลังเสียกรุงศรีอยุธยาลงไม่นาน เจ้าคณะมณฑล  ได้มอบหมายคำสั่งให้หลวงปู่ทัด ไปทำการมาบูรณปฏิสังขรณ์ใน ๕ วัด  โดยเลือกเอาวัดหนึ่ง ให้เป็นวัดที่ถูกฟื้นฟู      และมีพระสงฆ์สามเณรอยู่ประจำ          เพื่อที่จะได้ให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศลทางพระพุทธศาสนา    ดังนั้นหลวงปู่ทัดจึงเดินทางมาดู  และเห็นวัดโบสถ์นี้มีความร่มรื่นดีและมีโบสถ์ร้างตั้งอยู่     ถือว่าเป็นทำเลภูมิประเทศสงบสงัดดี          การเดินทางในสมัยนั้นใช้เรือพายเป็นพาหนะกันเป็นหลักตามสภาพของกาลสมัย ความเจริญด้านวัตถุยังไม่เป็นเช่นทุกวันนี้          เมื่อหลวงปู่ทัดเลือกเอาวัดโบสถ์เป็นวัดที่จะพัฒนาแล้ว    ก็ไปที่วัดพระพุทธบาท  เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทและตั้งจิตอธิษฐาน ถ้าแม้นมีบุญมีวาสนาอยู่อยู่คู่วัดโบสถ์แล้ว      ก็ขอให้การบูรณปฏิสังขรณ์เป็นไปด้วยความราบรื่นโดยตลอดด้วยเถิดจากนั้นแล้ว วัดโบสถ์ก็ค่อยเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับจนกระทั่งปัจจุบัน
 อนึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๐    ทางวัดโบสถ์ได้ขอวัดแจ้งซึ่งอยู่ติดกับวัดโบสถ์ มาบูรณปฏิสังขรณ์     และได้ขออนุมัติจากทางกรมการศาสนา และได้รับอนุมัติอนุญาตให้รวมเป็นวัดเดียวกัน แต่ต้องคงชื่อเดิมไว้ ดั้งนั้นจึงต้องเป็นวัดโบสถ์แจ้ง ตั้งแต่บัดนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
135  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี วัดโบสถ์แจ้ง 16 ต.ค.2554 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 07:34:43 am


http://watbotjang.myreadyweb.com/home
136  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ขอถามบ้างคะ เรื่องเกี่ยวกับงาน นะคะ ( ไม่รู้จะถามถูกห้องหรือไม่ ) เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 06:56:23 pm
ผมยินดี หลังไมค์ ด้วยนะครับ ว่าแต่กิจกรรมที่จะทำในวันแม่นี้ทำอะไรครับ

ถ้าเป็นเรื่องแรง ดนตรี ก็พอได้นะครับ

หลังไมค์นะครับ ผมอยู่ที่ หนองแค สระบุรี นะครับ

ชมรมดนตรี บ. ครับ

  :49:
137  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ทำอย่างไรดี คะ กับ ความสัมพันธ์ ที่แตกออก คะ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 06:54:34 pm
ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ ทำแบบไร้สาระครับ

  แต่ที่แน่ๆ มาสนับสนุน ครับ เรื่องชีวิตคู่ กับ เพื่อน ต้องแยกจากกันนะครับ

 ที่สำคัญผมเห็นด้วย กับ บุพเพสันนิวาส นะครับ ไม่ใช่ บุพเพอาละวาด นะครับ

 รักษา ความเป็นเกื้อกูลกัน เถอะครับ เรื่องความสัมพันธ์ แบบเพื่อนสนิทนั้น ผมดีใจ นะครับ

ที่ยังมีคนที่มีเพื่อน ที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข กันมาตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ นะครับ

  คนแบบนี้หา ได้ยากนะครับ เพื่อน นี้ก็หาได้ยาก

  อยากให้สานสัมพันธ์ กับไปดี กันเหมือนเดิม นะครับ

 ที่สำคัญ อยากให้ศึกษา เรื่อง ทิศ 6 ด้วยนะครับ

   :coffee2:
138  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ว่าด้วยการสังวรในอาสวะทั้งปวง เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 07:16:46 am
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
             มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
             สัพพาสวสังวรสูตร
             ว่าด้วยการสังวรในอาสวะทั้งปวง
[บางส่วน]
             [๑๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:-
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก   
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปริยายว่าด้วยการสังวรอาสวะทั้งปวงแก่พวกเธอ พวกเธอจงฟัง จงใส่ใจ
ให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
             [๑๑] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้น
อาสวะของภิกษุผู้รู้อยู่ เห็นอยู่ เราไม่กล่าวความสิ้นอาสวะของภิกษุผู้ไม่รู้อยู่ ไม่เห็นอยู่ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ความสิ้นอาสวะจะมีได้แก่ภิกษุผู้รู้อะไร เห็นอยู่อะไร ความสิ้นอาสวะจะมีได้แก่ภิกษุ
ผู้รู้เห็นโยนิโสมนสิการและอโยนิโสมนสิการ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุมนสิการโดยไม่แยบคาย
อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญขึ้น เมื่อภิกษุมนสิการ
โดยแยบคาย อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่เกิดขึ้น ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมสิ้นไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาสวะที่จะพึงละได้เพราะการเห็นมีอยู่ ที่จะพึงละได้เพราะการสังวรก็มี ที่จะพึง   
ละได้เพราะเสพเฉพาะก็มี ที่จะพึงละได้เพราะความอดกลั้นก็มี ที่จะพึงละได้เพราะเว้นรอบก็มี
ที่จะพึงละได้เพราะบรรเทาก็มี ที่จะพึงละได้เพราะอบรมก็มี.



139  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อุเปกขูปวิจาร ๖ อยากให้อ่าน ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2011, 07:26:38 am
ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้น

การวาง อุเบกขา นั้น เป็นหนึ่งใน นิมิต ทั้ง 3 ของ พระพุทธานุสสติ ครับ

  การวาง อุเบกขา มีความจำเป็นในการภาวนามาก ๆ ครับ

 ผมเองถึงแม้ได้ฟัง และ เรียนที่วัดราชสิทธาราม มาก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจกับ อุเบกขานิมิต เท่าใด

 ที่สำคัญ ก็วางใจในการกำหนด จิต กับ ปัคคาหะ นิมิต และ บริกรรมนิมิต และ วางอารมณ์เฉย ๆ ไว้ ก็เท่านี้ครับ

  สรุป ว่า อุเบกขา มีความสำคัญในการภาวนากรรมฐาน มาก นะครับ

  :s_good:
140  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: พุทธานุภาพ คือ อะไร ? อยากรู้ เราจะพึ่งพา พุทธานุภาพ ได้อย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 06:32:17 pm
ถ้าเปลี่ยนคำว่า อานุภาพ เป็น คำว่่า กำลัง หรือ แสนยานุภาพ หรือ พลัง การคุ้มครอง

 ดังนั้น คำว่า พุทธานุภาพ ก็หมายถึง การคุ้มครองจากพระพุทธเจ้า ( แปลตามใจตนเอง นะครับ ติ ชม ได้ )

ดังนั้น พระธรรมคำสั่งสอน อิทธิ กำลังใจ ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็น พุทธานุภาพ ทั้งหมดครับ

141  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: มีใครปฏิบัิติ ถึงห้อง พระยุคลหก บ้างแล้ว คะ เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 06:29:15 pm
น่าสนใจ นะครับ เพราะผมเองก็อยากพบพระอาจารย์เหมือนกันครับ
ิติดแต่ว่า วันที่มีงานที่รับก่อนทุกครั้ง เลยไม่ได้ไปสักที

ก็อนุโมทนา กับคุณฟ้าใสด้วยนะครับ

และก็อนุโมทนากับ ทุกท่านที่ต้องการภาวนาให้ก้าวหน้านะครับ
ผมเคยได้รับเมลจากพระอาจารย์ว่า ปฏิบัติให้ได้ ดวงตาเห็นธรรม ก็ใช้ได้แล้ว ไม่เสียชาติเกิด

ที่นี้คำว่า ดวงตาเห็นธรรม นี่สิเป็นระดับขั้นต้นในพระพุทธศาสนาเลยนะครับ
เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า จะเอาถึงขั้นสูงสุด มาวันนี้ผมคิดว่า เอาตามลำดับดีกว่านะครับ

คิดแบบลำดับ ตามกรรมฐาน มัชฌิมา นะครับ

 :25: :25: :25:
142  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มส.(มหาเถรสมาคม)ห่วง พระลดวูบ ทั้งบนดอย-ชายแดน เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 09:21:54 pm
เป็นไปตามกฏแห่งกรรม พระดี ๆ ไม่ได้รับการสนับสนุน ยิ่งช่วงนี้รณรงค์ไม่ถวายปัจจัยพระอีก
ก็ไปกันใหญ่ พระในเืมืองยังไม่เดือดร้อน แต่พระที่ทำงานเผยแผ่ อยู่ตามดอย ชายแดนเืดือดร้อนมาก ๆ

 คิดว่า พระ สามเณร จะน้อยลงเรื่อย ๆ นะครับ

  อีกอย่างที่สำคัญการศึกษา ของพระสงฆ์ ศาสนทายาท นั้นเรียนจบก็ไม่เป็นที่ยอมรับ

  โดยเฉพาะ ศักดิ์ของ ธรรมศึกษา กับ นักธรรม นั้นต่างกันมาก แต่ความเข้าใจของยุวชน ปัจจุบันก็คิดว่า
เหมือน ๆ กันยิ่งมีการทุกจริตการสอบด้วยอีก จึงมองเห็นว่ากานสอบเรียนของคณะสงฆ์ ไม่น่าาเชื่อถือ


ทุกอย่างเป็นไปตามกาล เชื่อว่านักบวช ที่เป็นพระสงฆ์ จะหมดไปจากประเทศไทย ภายใน 200 ปีครับ
ถ้ามีพระสงฆ์ ก็ต้องทำงานด้วยครับ เหมือนพวกพระสงฆ์ มหายานที่ต้องทำเกษตร เพื่อเลี้ยงชีวิต ครับ


 :13: :13: :13:
143  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ตะปูตรึงใจ ๕ ประการ ( เพื่อวันธรรมสวนะ ) ครับ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 04:18:00 am


๕. เจโตขีลสูตร   

ว่าด้วยตะปูตรึงใจ ๕ ประการ

        [๒๐๕]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ตะปูตรึงใจ  ๕  ประการนี้  ๕ ประการ

เป็นไฉน ?  คือ  ภิกษุในธรรมวินัยนี้  ย่อมเคลือบแคลงสงสัย  ไม่น้อมใจเชื่อ

ไม่เลื่อมใสในศาสดา  ภิกษุใด  ย่อมเคลือบแคลงสงสัย  ไม่น้อมใจเชื่อ  ไม่

เลื่อมใสในศาสดา   จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร    เพื่อความ

ประกอบเนือง ๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่  ๑.

        อีกประการหนึ่ง    ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย    ไม่น้อมใจเชื่อ  ไม่

เลื่อมใสในธรรม  ภิกษุใด  ย่อมเคลือบแคลงสงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ  ไม่เลื่อมใส

ในธรรม   จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร   เพื่อความประกอบ

เนือง ๆ เพื่อกระทำติดต่อ  เพื่อบำเพ็ญเพียร  นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่  ๒.

        อีกประการหนึ่ง    ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย   ไม่น้อมใจเชื่อ  ไม่

เลื่อมใสในพระสงฆ์   ภิกษุใด   ย่อมเคลือบแคลงสงสัย  ไม่น้อมใจเชื่อ  ไม่

เลื่อมใสในพระสงฆ์  จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร  เพื่อความ

ประกอบเนือง ๆ เพื่อกระทำติดต่อ  เพื่อบำเพ็ญเพียร   นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่  ๓.

        อีกบระการหนึ่ง     ภิกษุย่อมเคลือบแคลงสงสัย    ไม่น้อมใจเชื่อ   ไม่

เลื่อมใสในสิกขา  ภิกษุใด  ย่อมเคลือบแคลงสงสัย  ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส

ในสิกขา   จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร   เพื่อความประกอบ

เนือง ๆ เพื่อกระทำติดต่อ  เพื่อบำเพ็ญเพียร   นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่  ๔.

        อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมโกรธ  มีใจไม่แช่มชื่น  มีจิตอันโทสะกระทบ

แล้ว   กระด้างในพวกเพื่อนพรหมจรรย์  จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไป

เพื่อความเพียร  เพื่อความประกอบเนือง ๆ เพื่อกระทำติดต่อ  เพื่อบำเพ็ญเพียร 

นี้เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ ๕.

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   ตะปูตรึงใจ ๕ ประการนี้แล.
144  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สติของพระซน ( ไม่ใช่พระเซ็น ) เรื่องที่ดีอยากให้อ่านครับ เมื่อ: มิถุนายน 07, 2011, 06:57:01 am
อ่านแล้วครับ ต้องเจริญสติ ในความเป็นพระซนของท่าน
ผมว่าเรื่องเหว ทางที่ควรจะต้องสร้างรั้วกั้น กันไว้ ก็ดีนะครับ

เดี๋ยวจะเป็นวัวหายล้อมคอก อีก

 :s_hi:
145  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 09:22:30 pm
ผมว่าความหมาย ทางศีล น่าจะเสมอกันนะครับ
เพราะเราอาจจะไปแตกหลากหลายข้อมากไป ผมว่าหัวใจของศีล อยู่ที่การสำรวมกาย วาจา ไม่ให้เบียดเบียนตนเอง หรือ ผู้อื่น นะครับ อันนี้ชื่อว่า ศีล จะมีกี่ข้อก็น่าจะมีความหมายตามนี้ครับ

 :s_hi:
146  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ขอคำปรึกษา เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 09:20:50 pm
อ่านลิงก์นี้เพิ่มเติม

เรื่อง บุคคลผู้ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ครับ

บุคคลที่ไม่ต้องเกณฑ์ ทหาร โดย คุณรักหนอ ผู้โพสต์ครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2219.0
147  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: วิสามัญ“ไอ้ไข่”ฆาตกรข่มขืนฆ่าสาวแม่ลูกอ่อน เรียบร้อยไปแล้ว..กรรมทันตา เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 07:40:28 pm
กรรมจริง ๆ ครับ โดยไว มากผมเองก็ลุ้นข่าวตั้งแต่เช้าแล้ว ว่าคนร้ายคงจะหนีลอยนวลได้แน่ ๆ

แต่อันนี้รับกรรมโดยไว จริง ๆ ครับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานกันรวดเร็ว มาก

 :040:
148  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: หลวงพ่อคง จัตตมโล วัดเขาสมโภชน์ ต. บัวชุม อ. ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 07:38:48 pm


เคยไปแล้วครับ ทางลงถ้ำพระอรหันต์ นี้ทางลงแคบตอนเข้า แต่เข้าไปแล้วกว้างขวางมากจุคนได้เป็น 100 ครับอากาศตรงปากถ้าเย็นดีครับ ยุงก็มีมากด้วย ลิงก็เยอะ ถ้าไปตอนฝนตกก็จะแชะครับ แต่เข้าไปในถ้าำแล้วไม่มียุงกวนครับแปลกดีครับ

 :67:
149  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลานั่ั่งภาวนาไปแล้ว เห็นแสงสว่างที่กลางกระหม่อม เป็นแสงสีขาว ติด ๆ ดับ ๆ เมื่อ: เมษายน 04, 2011, 07:22:43 pm
ผมเองก็ไม่เคยมีประสพการณ์ในเรื่อง นิมิตอันเป็นภาพในจิต มีแต่ปีติในกายที่เกิดมองเห็นได้ง่ายมากกว่า

 :s_good:
150  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ในสติปัฏฐาน สี่ นั้นหมวดในฐานใด ฝึกภาวนาได้ง่ายที่สุด คะ เมื่อ: เมษายน 04, 2011, 07:21:22 pm
เห็นด้วยครับ ว่าส่วนกาย นั้นถือว่าเป็นเรื่องหยาบ ยังมองเห็นง่าย กว่าเรื่องความรู้สึก หรือ จิต หรือ ธรรมอันละเอียดอ่อน ครับ
151  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อำนาจจิต อิทธิฤทธิ์ มีจริงหรือไม่ ? เมื่อ: เมษายน 04, 2011, 07:20:26 pm
ผมเองเชื่อ 100 % เลยครับเรื่องนี้ ผมเห็นว่าควรจะต้องเชื่อ โดยไม่ต้องสงสัยครับ
 :57:
152  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ุถ้าเราเกิดความรู้สึกทางเพศ มีความอยากในขณะนั้น ควรทำอย่างไรครับ เมื่อ: เมษายน 04, 2011, 07:19:37 pm
ขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยแสดงธรรมให้ผมเข้าใจึครับ

 :25: :c017:
153  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 09:21:36 pm
ผมคิดว่า ผู้ถามน่าจะมีเจตนาอะไรลึก ๆ ในใจ ผมเดาเอาว่า ตอนนี้กำลังต้องการที่ไม่ต้องการแต่ง ใช่หรือไม่ครับ

ดังนั้นถ้ารู้ข้อผิดพลาด แล้วเข้าใจเรื่องราวปัญหารวม ๆ ของคู่ที่ต่างวัย ก็ถือได้ว่ามีหลักธรรมคุ้มครองเบื้องต้น

ยิ่งถ้าใฝ่ภาวนาด้วย ตอนนี้ก็เหมือนบ่วงที่มาผูกมือ นะครับ

  มีคำกล่าวว่า ปุตตัง คีเว บุตร คือ บ่วงผูกคอ

               สามีภริยา หัตเถ สามีภรรยา คือ บ่วงผูกข้อมือ

               ธนัง ปาเท ทรัพย์ คือ บ่วงผูกข้อเท้า

         ถ้าใส่บ่วงมือแล้ว ยากที่จะลงมือในการภาวนา โดยเฉพาะคู่้หญิงชาย ที่อายุต่างกัน คุณธรรม ประสพการณ์ชีวิต ความรอบคอบ ย่อมแตกต่างกันครับ

    ok ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดพลาด ก็ให้คำแนะนำอย่างชาวธรรม อย่างนี้นะครับ

      :coffee2:

เดาใจผมได้ เกือบใกล้เคียงเลย ครับผมกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ ครับใจก็เลือพระธรรม อีกใจมันก็คอยค้านอยู่

 :c017:
154  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 24, 2011, 04:22:37 pm
ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นครับ

 :c017: :93: :coffee2:
155  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 02:42:28 pm
ผมเองก็ตั้งใจปฏิบัติธรรม ภาวนามาครองตัวเป็นโสดมาตอนนี้อายุก็ 46 ปีแล้ว อยู่ ๆ มาวันหนึ่งผมได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 18 ปี แล้วผมก็เหมือนตกหลุมอากาศ ใจกระสับกระส่าย และผมก็ไปคอยจีบเธออยู่เสมอ เธอก็ทำท่ารังเกียจคนมีอายุอย่างผม จนผ่านมา 2 ปี เธอก็ตกลงใจจะแต่งงานกับผม เพื่อน ๆ สมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไรกับ
คนอายุรุ่นผม ที่กำลังจะแต่งงานครับ

  หรือผมควรหักห้าม อารมณ์ ปล่อยให้รักนี้หลุดไป ขอความเห็นไฟนอลให้ผมหน่อยครับ

  :c017:
156  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ุถ้าเราเกิดความรู้สึกทางเพศ มีความอยากในขณะนั้น ควรทำอย่างไรครับ เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 02:36:05 pm
เรื่องความรู้สึกทางเพศ มีความอยาก เพราะสิ่งที่เย้ายวนใจ ต่อหน้าอยู่ เราควรทำอย่างไรครับ

ที่จะควบคุมใจไม่ให้ไปในอำนาจตัณหา เฉพาะหน้านั้นได้ครับ

 ( ที่จริงผมว่าจะถามทางเมล ครับอาย แต่เห็นถามไปแล้วช่วงนี้พระอาจารย์ไม่ค่อยตอบเมล ครับ )

 :67: :c017:
157  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ผู้ปฏิบัติมักจะเข้าใจผิด ในเรื่องการฝึกกรรมฐาน เป็นแค่ฝึกการฝึกสมาธิ เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 02:33:07 pm

 ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่ใช่เป็นการฝึกสมาธิ ก่อน สติ แต่เป็นการฝึกสติ มาก่อนฝึก สมาธิ
 อันนี้ให้เข้าใจให้ถูกต้องก่อน
 


รับทราบเป็นความรู้ครับ เพราะผมก็เป็นผู้หนึ่งที่สอบถามไปทางเมล

ขอบคุณพระอาจารย์ที่อนุเคราะห์คำตอบให้ครับ

 :25:
158  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า "นั่งสมาธิแล้วปวดเข่า" เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:43:43 am
การทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์ โดย หลวงพ่อพุธ
http://audio.palungjit.com/f10/การทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์-3263.html
 :25:
   
159  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / หนังสือ อานาปานสติ จาก พุทธวัจนะ อจ.คีกฤทธฺ์ เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 05:12:59 pm
หนังสือ อานาปานสติ จาก พุทธวัจนะ อจ.คีกฤทธฺ์

160  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถามเกี่ยวกับผู้ที่ชำนาญกสิณครับ คือฝึกแล้วภาพไม่ติดตาสักที เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 05:05:02 pm
การฝึกกสินสีขาว พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ขอแนะนำผู้ที่ยังไม่รู้วิธีหรือเกิดปัญหาดังนี้

ตั้งวงกสินให้อยู่ไกลประมาณ 1 เมตร 10 ซม.
นั่งให้ระดับสายตาอยู่สูงกว่าตรงกลางวงกสินเล็กน้อย ไม่ให้เงยหน้ามองหรือก้มหน้ามอง
ตั้งกสินให้ไม่อยู่ในที่ๆ มีแสงสะท้อน หรือย้อนแสงนั่นเอง

- จากนั้นให้มองดวงกสินแบบให้มองเหม่อเหมือนส่องกระจกไปที่จุดศูนย์กลางของวงกสิน เพื่อไม่ให้มีแสงลายๆวิ่งรอบๆ ดวงกสิน

- พร้อมกันนั้นให้กำหนดคำภาวนาในใจ เช่น "สีขาว", "สีขาว" เป็นต้น ทุกลมหายใจเข้าออก

- จากนั้นให้เรากระพริบตา เมื่อรู้สึกว่าตาของเรามองกสินไม่ชัด

- เมื่อเรามองกสินไปได้พักหนึ่ง ซึ่งประมาณ 15 วินาที - 1 นาที หรือเมื่อรู้สึกว่านาน ให้หลับตาลงมองดูเงาโครงร้างของกสิน ไม่ใช่นึกภาพเอาเอง เราจะเห็นเป็นวงเงาจางๆ ที่ในหนังตากลางระหว่างคิ้ว

- พยายามรักษารูปเงาของกสินไว้ให้นานที่สุด เมื่อภาพของกสินหายไป อาจจะเพราะจิตเกิดนิวรณ์ หรือภาพที่เคยมองหายไปเอง ให้เราลึมตามองแล้วทำอย่างที่บอกมาแล้วอีกเรื่อยไป

- เวลาที่หลับตาและลืมตานั้น ข้าพเจ้ามีเทคนิคอยู่ว่า อย่าให้ร่างกายของตนเองขยับเขยื่อนให้มากที่สุด เพราะจะทำให้ภาพหายเร็วขึ้น สมาธิเคลื่อน, แต่เวลาที่รู้สึกตามันหนัก ตาจะหลับตาท่าเดียวไม่ลืมตาล่ะก็ ให้หายใจยาวๆ ได้จะทำให้อาการหนักตาหายไป และเวลาที่หลับตาหรือลืมตานั้นควรใช้ตอนที่อยู่ในช่วงเวลาหายใจเข้า เพราะตอนกำลังหายใจเข้าร่ายกายของเราจะนิ่งและรู้สึกเบาตัว

- เมื่อเราดำรงตนอยู่กับคำภาวนา พร้อมกับลืมตามองดวงกสิน สลับกับหลับตามองภาพเงาของกสินได้อยู่ตลอดโดยคำภาวนานั้นไม่ได้ตกหล่นแม้สัก ครั้ง ตลอดช่วงระยะเวลาการฝึกได้แล้ว

- ต่อไปนานวันเข้า จะทำให้นิวรณ์ดับไปช่วงสั้นๆ คือ ดำรงสมาธิโดยไม่มีนิวรณ์ได้ช่วงสั้นๆ สลับกับมีนิวรณ์แทรกเข้ามาช่วงสั้นๆ ตลอดเวลาการฝึก เมื่อเราทำได้อย่างนี้จนเป็นปกติอยู่ทุกวี่วัน จะทำให้เราสามารถมองเห็นเงาของกสินชาวๆ จางๆ ติดตาในเวลาหลับตาที่ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ฝึกสมาธิอย่างจริงจัง เช่น หลับตาตอนนั่งรถประจำทาง เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าสมาธิอยู่ใน ระดับ "ขณิกสมาธิ"

- ต่อเมื่อฝึกไปนานๆ เข้าทุกวัน สามารถดำรงขณิกสมาธิได้เป็นปกติแล้ว จะทำให้นิวรณ์ดับไปนานขึ้น จนเกือบไม่กลับมาเกิดขึ้นอีกเลยในช่วงหลังจากที่เริ่มนั่งฝึกสมาธิแล้ว เมื่อกระทำได้อย่างนี้จนเป็นปกติเคยชินจะทำให้ภาพของกสินนั้นชัดขึ้น จนติดตาของเรา เห็นภาพเหมือนกับลืมตาปกติ (ก่อนที่จะเห็นเหมือนกับลืมตาได้นั้นจะมีวิวัฒนาการคือ จะเห็นขอบของเงากสินชัดขึ้น ตรงกลางของเงากสินเปลี่ยนสีไปเป็นสีขาวก่อนจุดอื่น และค่อยขยายตัวขึ้น จนในที่สุดจะขาวทั้งดวงเหมือนกับลืมตา) อย่างนี้เรียกว่าสมาธิของเรานั้นอยู่ในระดับ "อุปจารสมาธิ"

- เมื่อกระทำอย่างนี้แล้วเราสามารถวัดความก้าวหน้าได้คือ เมื่อไม่ได้อยู่ในเวลาฝึกปกติ เพียงเราต้องการจะเห็นภาพให้เราหลับตาลง นึกถึงดวงกลมๆ ของเงากสินเพียงลัดนิ้วมือจะเห็นภาพเหมือนกับลืมตาทันที

- เมื่อกระทำอุปจารสมาธิได้เป็นปกติแล้ว เราสามารถก้าวหน้าไปได้ด้วยการกระทำแบบเดิมดังที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้สมาธิก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นคือ นิวรณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในตอนเริ่มนั่งลงฝึก แล้วพอเรากำหนดคำภาวนาไปนิวรณ์จะหายไป  ไม่กลับมาอีกเลยตลอดช่วงระยะเวลาการฝึก อาการปิติต่างๆ เช่น ขนลุก, น้ำตาไหล, ตัวโยกโคลง, ตัวเบาเหมือนลอยได้ ความชุ่มชื่นอิ่มเอมใจน้อยๆ ปรากฏขึ้นมา จิตของเราที่เคยรู้สึกตามลมหายใจเข้าไปหรือตามลมหายใจออกมา ไม่อยู่นิ่งจะอยู่นิ่งเอยู่พียงจุดเดียว คือ ระหว่างคิ้วที่ภาพของกสินนั้นชัดเหมือนลืมตา และคำภาวนาปรากฏชัดมากขึ้น เมื่อนั้นสมาธิของเราจะเข้าสู่ "ปฐมฌาน"

- ต่อจากนั้นเรายังคงกระทำไปด้วยวิธีการดังเดิม แม้ในวันเดียวกัน หรือหลายวันขึ้นอยู่กับความเพียร จะทำให้คำภาวนาของเราค่อยๆ หายไป บางทีอยู่ดีๆ หายไป กลายเป็นเรารู้ลมหายใจชัดมากขึ้นไม่มีคำภาวนามาแทรก อาการต่างๆ ของปิติยังคงอยู่ ภาพของกสินยังเป็นสีเดิมแต่ชัดขึ้น ใสขึ้น นูนขึ้นเหมือนกับภาพ 3 มิติ เมื่อนั้นสมาธิของเราเข้าสู่ "ทุติยฌาน"

- ต่อจากนั้นเรายังคงกำหนดรู้อยู่เพียงจุดเดียวคือดวงกสินจิตจ่ออยู่ตรงกลาง ระหว่างคิ้ว ลมหายใจแผ่วเบาลง ภาพของกสินเริ่มเปลี่ยนเป็นเหมือนแก้วขาวใสขุ่นๆ เหมือนกับมรกตที่มีสีขาวใสผสมกับเนื้อกระจก อาการต่างๆ ของปิติสงบไปเองไม่ต้องบังคับ อาการแช่มชื่น สุขใจ ขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่งยวดปรากฏขึ้นเต็มตัว เมื่อนั้นสมาธิของเราจะเข้าถึง "ตติยฌาน"

- ต่อจากนั้นเรายังคงกำหนดรู้อยู่เพียงจุดเดียวคือดวงกสิน ภาพของกสินจะค่อยๆ ใสคล้ายกับเนื้อของเพชร สีขาวค่อยๆ หมดไป จนเหลือแต่เพียงสีผลึกเพชร 7 สีอย่างเดียว สว่างไสว ลมหายใจที่มีอยู่หายไปเอง ไม่ต้องบังคับ อาการความสุขต่างๆ หายไปเหมือนกันไม่ต้องบังคับ เมื่อนั่นสมาธิของเราเข้าสู่ "จตุถฌาน"

- จากนั้น ถ้าเราต้องการที่จะฝึกวิชชา 8 หรือเข้าอรูปฌาน หรืออภิญญาก็สามารถกระทำได้ เช่น
        - ถ้าต้องการฝึกอรูปฌานให้เริ่มโดยการกำหนดอยู่นิ่งๆ กับภาพกสินที่เป็นผลึกเพชร ไม่มีลมหายใจปรากฏ จิตแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ภาพของเงากสินนั้นค่อยๆ ไปเหลือเพียงดวงกสินไม่มีใส้ ผลึกเพชรหายไป พูดง่ายๆ เหมือนกับวงกลมธรรมดาที่เขียนขึ้นมีพื้นสีดำที่เป็นเหมือนอากาศ  เรากำหนดรู้อยู่อย่างนั้นเป็นต้นไปเรียกว่าเข้าสู่อรูปฌานที่ 1

เพิ่มเติม

1.  เวลาทำกสินนั้นมีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของกสิน เช่น ปฐวีกสินจะใช้ดินที่มีสีแดงหน่อยๆ (ดินขุยปู) ในการทำ, โอทาตกสินจะใช้ผ้าขาว หรือกระดาษสีขาว เป็นต้น แต่ที่เหมือนกันของทุกกสินนั้นคือขนาดความกว้างของดวงกสินที่มีลักษณะกลม นั้น จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 คืบ 4 นิ้ว และต้องมีพื้นผิวที่เรียบไม่มีตำหนิครับ

แต่ถ้าต้องการเพ่งวรรณกสิน คือ สีแดง, สีขาว, สีเหลือง, สีเขียว แล้วล่ะก็ ปัจจุบันมีแบบที่สำเร็จรูปขายแล้วครับ ซึ่งขนาดของดวงกสิน และความสูงของดวงกสิน พื้นผิวเป็นไปตามที่ท่านพระพุทธโฆษจารย์อธิบายไว้ในคำภีวิสุทธิมรรคครับ

2. วิธีการที่จะช่วยให้เพ่งกสินและกำหนดภาพกสินนั้น ข้าพเจ้าได้เขียนอธิบายไว้ข้างต้นแล้ว ขอให้คุณลองตีความจากนั้นปฏิบัติตามดูครับ  ส่วนระยะเวลาที่ฝึกแล้วสามารถเห็นผลได้นั้นขึ้นอยู่กับหลายเหตุปัจจัยครับ เช่น
        -  สร้างสถานที่และองค์ประกอบต่างๆ ของการเพ่งกสินให้เหมาะสม
        - แบ่งช่วงเวลาที่แน่นอนในการฝึก เช่น เช้ามืด 1 ชม. และ กลางคืน 1 ชม. และอย่าพยายามขาดการฝึก
        - มีศรัทธาตั้งใจอย่างแน่วแน่โดยอาศัยหลักอิทธิบาทสี่
        - อย่าเกิดความอยากได้เร็วๆ เพราะจะกลายเป็นกามฉันทะไปเสีย
        -  ระยะเวลาที่ฝึกอย่างสม่ำเสมอ มากน้อย ซึ่งตรงนี้คือจุดสำคัญมาก เพราะถ้ายิ่งฝึกบ่อยจะทำให้จิตและตาของเราจำภาพของกสินได้ง่ายขึ้น
        - สร้างจิตให้สงบอยู่เนื่องๆ ในช่วงเวลาดำเนินชีวิตตามปกติไม่ใช่ช่วงการฝึกสมาธิประจำวัน
        - พยายามรักษาดวงตาของเราอย่าให้แห้ง โดยดื่มน้ำมากๆ อย่าใช้สายตาฟุ้มเฟือย

*ถ้า มีความตั้งใจจริง พยายามอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีศีลบริสุทธิ์ คุมจิตใจและสมาธิอยู่เนืองๆ ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนย่อมเห็นถึงความก้าวหน้าครับ

ที่มา : ลานธรรมเสวนา
หน้า: 1 2 3 [4] 5