ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"  (อ่าน 2457 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"
« เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 11:03:51 am »
0


พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"

    อัชฌาสัยของท่านผู้มีความต้องการในความรู้พิเศษ ที่มีความรู้รอบตัวยิ่งกว่าท่านผู้ทรงอภิญญา ๖ เรียกว่าอัชฌาสัยของท่านผู้ทรงปฏิสัมภิทัปปัตโต

    ท่านผู้ทรงปฏิสัมภิทัปปัตโตนี้ แปลว่ามีความรู้พร้อม คือท่านทรงคุณธรรมพิเศษกว่า ท่านเตวิชโช ฉฬภิญโญหลายประการ เช่น


      ๑. มีความสามารถทรงความรู้พร้อม ไม่บกพร่องในหัวข้อธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ได้โดยครบถ้วน แม้ท่านจะย่างเข้ามาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเพียงวันเดียว ทั้งๆ ที่ไม่เคยศึกษา คำสอนมาก่อนเลย ตามนัยที่ปรากฏในพระสูตรต่างๆ ที่มาในพระไตรปิฎกว่า มีมากท่านที่มีความเลื่อมใสในสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วพอฟังเทศน์จบ ท่านก็ได้บรรลุอรหันต์ชั้นปฏิสัมภิทาญาณ ท่านทรงพระไตรปิฏก คือเข้าใจในข้อวัตรปฏิบัติครบถ้วนทุกประการได้ทันท่วงที
      ๒. มีความฉลาดในการขยายความในธรรมภาษิต ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อให้พิสดารได้อย่างถูกต้อง
      ๓. ย่อความในคำสอนที่พิสดารให้สั้นเข้า โดยไม่เสียใจความ
      ๔. สามารถเข้าใจ และพูดภาษาต่างๆ ได้ทุกภาษา ไม่ว่าภาษามนุษย์หรือภาษาสัตว์

         
      ตามข้อความในข้อ ๔ นี้ เคยพบพระองค์หนึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ คือ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ต่อกัน พระรูปนั้นมีชื่อว่า "พระสร้อย" ท่านบอกว่า ท่านเป็นชาวจังหวัดสระบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย แม้หนังสือไทยนี้ ปกติท่านก็อ่านไม่ออก

      ท่านว่าเมื่อท่านอายุได้ ๗ ปี มีพระในถ้ำเขตสระบุรีท่านหนึ่ง ไปเยี่ยมโยมท่านที่บ้าน ตัวท่านเองเมื่อเห็นพระรูปนั้นเข้าท่านก็เกิดความรักขึ้นมา เมื่อพระรูปนั้นจะกลับถ้ำ ได้ออกปากชวนท่านไปอยู่ด้วย ท่านก็ขออนุญาตโยมหญิง - ชายจะไปอยู่กับพระรูปนั้น โยมทั้งสองก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ

      ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อไปอยู่กับพระรูปนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะในถ้ำนั้นมีพระอยู่  ๒ - ๓ รูป ท่านบิณฑบาตกลับมาแล้ว ท่านฉันจังหันเสร็จ ต่างก็บูชาพระแล้วนั่งภาวนากันตลอดวันตลอดคืน ไม่ใคร่มีเวลาพูดคุยกัน ท่านก็สอนให้ท่านอาจารย์สร้อยภาวนาด้วย ทำอยู่อย่างนั้นจนครบบวช พระที่ท่านพาไปก็พาออกมาบวชที่บ้าน บวชแล้วก็พากลับมาอยู่ถ้ำ นั่งภาวนาตามเดิม





    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ ท่านป่วย ได้เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ บางกะปิ พระนคร ใครจะนิมนต์ท่านเข้าไปในชายคาบ้านท่านไม่ยอมเข้า ต่อมาพลเรือตรีสนิทจำนามสกุลไม่ได้ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือไปพบเข้ามีความเลื่อมใส นิมนต์ให้มารักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ ให้พักอยู่ที่ตึก ๑ เป็นตึกคนไข้พิเศษ

      ปฏิปทาของท่านอาจารย์สร้อยที่มาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือก็คือ ตอนเช้าท่านจะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านไม่ได้ไปไกล ออกจากตึก ๑ ไปที่ประตูกรมแพทย์ฯ ที่ตรงนั้นมีต้นมะฮอกกานีอยู่ต้นหนึ่ง เป็นต้นไม้ มีพุ่มไสว สาขาใหญ่มาก ท่านเอาบาตรของท่านไปแขวนที่กิ่งมะฮอกกานี แล้วท่านก็ยืนหลับตาอยู่สักครู่ ไม่เกิน ๑๕ นาที ท่านก็ลืมตาขึ้นแล้ว เอาบาตมา เดินกลับเข้าห้องพักคนป่วย

      ที่ท่านไปยืนอยู่นั้นเป็นทางผ่านเข้าออกของคนไปมาเป็นปกติ
      ไม่มีขาดระยะคนเดินผ่าน ทุกคนเห็นท่านยืนเฉยๆ ไม่เห็นใครเอาอะไรมาใส่ให้
      แต่ทุกครั้งที่ท่านเอาบาตกลับมา จะต้องมีข้าวสุกสีเหลืองน้อยๆ 
      และดอกไม้แปลกๆ  ที่ไม่เคยเห็นในภพนี้ติดมาด้วย๒ - ๓ ดอกทุกครั้ง
      สร้างความแปลกใจแก่ผู้พบเห็นเป็นประจำ


      บาตรที่ท่านจะเอาไปแขวนนั้น นายทหารเป็นคนจัดให้ นายทหารผู้นั้นยืนยันว่า ผมตรวจและทำความสะอาดทุกวัน ผมรับรองว่า บาตรว่างไม่มีอะไรจริงๆ  เมื่อท่านเอาบาตรไปแขวนก็อยู่ในสายตาของพวกผมเพราะไปไม่ไกลห่างจากตึก ๑ ประมาณไม่ถึง ๑๐ เมตร และติดกับยามประตูกรมแพทย์ หมายถึงที่ท่านไปยืนเอาบาตร
แขวนต้นไม้

      แต่แปลกที่พวกเราไม่เห็นว่าใครเอาของมาใส่เลย ทุกครั้งที่ท่านเอาบาตรมาส่งให้กลับมีข้าวและดอกไม้ทุกวัน ปกติท่านสอนเตือนให้คณะนายทหารละชั่วประพฤติดีทุกวัน ทำเอานายทหารเลิกสุรายาเมาไปหลายคน

 



รู้ภาษาต่างประเทศ
    วันหนึ่งผู้เขียนได้ไปที่กรมแพทย์ทหารเรือ พอไปถึงพวกนายทหารก็เล่าให้ฟังแล้วคิดในใจว่า ท่านผู้นี้อาจจะไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา ประเภทไม่เป็นเรื่องเป็นราวอย่างผู้เขียน คิดว่าอย่างน้อยท่าน อาจจะได้ฌานโลกีย์ อย่างสูงอาจเป็นพระอริยะก็ได้ ที่คิดอย่างนั้นไม่ใช่หมายความว่าผู้เขียนมีฌานพิเศษ เป็นเครื่องรู้ ความจริงไม่มีอะไรนอกจากสนใจและสงสัยเท่านั้น

     จึงคุยกับบรรดานายทหารว่าเอาอย่างนี้ซิ  เรามาลองท่านดูสักวิธีหนึ่ง คือลองพูดภาษาต่างๆ กับท่าน ถ้าท่านรู้เรื่องและพูดได้ทุกภาษาแล้ว ฉันคิดว่าพระองค์นี้เป็นพระอริยะขั้นปฏิสัมภิทาญาณ เพราะท่านผู้ได้ปฏิสัมภิทาญาณนั้นต้องเป็นพระอรหันต์ก่อน คุณสมบัติปฏิสัมภิทาญาณจึงปรากฏ ไม่เหมือนเตวิชโชและฉฬภิญโญทั้งสองอย่างนี้ได้ตั้งแต่ฌานโลกีย์ จึงรวบรวมนายทหารที่พูดภาษาต่างประเทศได้ ๖ ภาษา คือ
          ๑. ภาษาอังกฤษ
          ๒. ภาษาฝรั่งเศส
          ๓. ภาษาเยอรมัน
          ๔. ภาษาสเปน
          ๕. ภาษาญี่ปุ่น
          ๖. ภาษามลายู


      ได้ส่งนายทหารที่ชำนาญภาษานั้น ๆ ไปพูดกับท่าน ท่านก็พูดด้วยได้ทุกภาษา
      และพูดได้อย่างเขาเหล่านั้น เล่นเอานายทหารชุดนั้นงงไปตาม ๆ กัน
      เมื่อท่านถูกถามว่าท่านเรียนภาษาต่าง ๆ มาจากไหน ?

      ท่านตอบว่า ท่านไม่เคยเรียนมาก่อนเลย เห็นเขาพูดมาก็มีความเข้าใจ
      และพูดได้ตามต้องการ ท่านว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกับพูดภาษาไทย

 
      เมื่อพบเข้าอย่างนี้ทำให้คิดถึงตำรา คือ พระไตรปิฎก ว่าท่านผู้นี้อาจเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิญาณตามนัยที่ท่านอธิบายไว้ก็ได้  แต่ท่านจะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ผู้เขียนไม่รับรอง


      แต่ก็ต้องมานั่งคิดนอนตรองค้นคว้าหาหลักฐานเป็นการใหญ่ แต่ละเล่มท่านก็เขียนว่า ท่านที่จะได้ปฏิสัมภิทาญาณมีการรู้ภาษาต่าง ๆ เป็นเครื่องสังเกตต้องเป็นพระอรหันต์ก่อน ท่านอาจารย์สร้อยท่านรู้ภาษาอย่างไม่จำกัดได้ ท่านจะเป็นพระอรหันต์ไหมหนอ โปรดช่วยกันค้นคว้าหาเหตุผล มายืนยันด้วย ใครพบเหตุผลหลักฐานก่อนกันก็ควรบอกกันต่อ ๆ ไป เพื่อความเข้าใจถูกในผลของการปฏิบัติสมณธรรม



ที่มา http://www.palungjit.com/smati/k40/arahan4.htm
ขอบคุณภาพจาก http://images.palungjit.com/,http://www.matichon.co.th/,http://www.kanlayano.org/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นิรมิต

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 89
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 12:14:11 pm »
0
เคยได้ยินเรื่องนี้ มานานแล้ว นะครับ สมัยก่อนพระธุดงค์ ท่านเดินบิณฑบาตรไม่ได้ ท่านจะไปยืน อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และอธิษฐานจิต เปิดฝาบาตรรอด้วยการหลับตาอยู่ตรงนั้น ถ้าบาตรเริ่มหนักเหมือนมีข้าวอยู่ก็ให้ปิดฝาบาตร และกลับไปเพื่อนั่งฉัน โดยมีข้อแม้ว่า เวลาเปิดบาตรฉัน ห้ามมอง ห้ามดู ให้ใช้ช้อนหรือ ควักฉันไปเรื่อย
   
   หลวงปู่ หลวงตา เล่าว่า เป็นอาหารทิพย์ ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด ฟังเล่ามาก็เล่าต่อครับ

   :s_hi: :49:
บันทึกการเข้า

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 03:37:48 pm »
0
อ่านแล้วจะเห็นคุณวิเศษของพระยุคนี้กันบ้างนะคะ
อันที่จริงยังเชือว่า พระที่มีอิทธิฤทธิ์ในปัจจุบันยังมีอยู่หลายรูป เพียงแต่ท่านไม่แสดง ไม่มีชื่อเสียง คะ

 :s_good: :c017:
บันทึกการเข้า