ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ละกิเลสได้ แต่ละวาสนาไม่ได้ ไม่ทราบว่ามีความหมายว่าอย่างไร  (อ่าน 2101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

waterman

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 302
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

 ละกิเลสได้ แต่ละวาสนาไม่ได้ ไม่ทราบว่ามีความหมายว่าอย่างไร

 ฟังในรายการ แต่ฟังไม่ทัน ไม่ค่อยจะเข้าใจ ขอผู้รู้ช่วยอธิบายด้วย คะ

 thk56

 
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เรื่องพระปิลินทวัจฉเถระ 
   
       
    ข้อความเบื้องต้น              
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระปิลินทวัจฉเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อกกฺกสํ" เป็นต้น.

     พระปิลินทวัจฉะใช้วาทะว่าคนถ่อยจนติดปาก           
     ได้ยินว่า ท่านปิลินทวัจฉะนั้นกล่าวคำเป็นต้นว่า
     "คนถ่อยจงมา, คนถ่อยจงไป" ย่อมร้องเรียกทั้งคฤหัสถ์ทั้งบรรพชิต ด้วยวาทะว่าคนถ่อยทั้งนั้น.
    ภายหลังวันหนึ่ง ภิกษุเป็นอันมากกราบทูลแด่พระศาสดาว่า "พระเจ้าข้า ท่านปิลินทวัจฉะย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลาย ด้วยวาทะว่าคนถ่อย."


      พระศาสดารับสั่งให้หาท่านมาแล้ว ตรัสถามว่า
     "ปิลินทวัจฉะ ได้ยินว่า เธอร้องเรียกภิกษุทั้งหลาย ด้วยวาทะว่าคนถ่อยจริงหรือ?"
     เมื่อท่านกราบทูลว่า "อย่างนั้น พระเจ้าข้า"
     จึงทรงกระทำบุพเพนิวาสของท่านปิลินทวัจฉะนั้นไว้ในพระหฤทัย แล้วตรัสว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่ายกโทษแก่ภิกษุชื่อปิลินทวัจฉะเลย,
     ภิกษุทั้งหลาย วัจฉะหามีโทสะในภายใน ร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยวาทะว่า คนถ่อยไม่,
 


      ans1 ans1 ans1

     ภิกษุทั้งหลาย ๕๐๐ ชาติของภิกษุชื่อวัจฉะไม่สับสนกันทั้งหมดนั้นเกิดแล้วในตระกูลพราหมณ์ ในภายหลัง,
     วาทะคนถ่อยนั้น เธอร้องเรียกมาแล้วตลอดกาลนาน,
     ถ้อยคำกระทบกระทั่งชนเหล่าอื่น อันเป็นคำระคายหู คำหยาบคายนั่นเทียว ชื่อว่าย่อมไม่มีแก่พระขีณาสพ,
     เพราะว่าบุตรของเรากล่าวอย่างนั้น ด้วยอำนาจแห่งความเคยชิน"


      :25: :25: :25:
     เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
                     อกกฺกสํ วิญฺญาปนึ       คิรํ สจฺจํ อุทีรเย
                        ยาย นาภิสเช กญฺจิ       ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
                        ผู้ใด พึงกล่าวถ้อยคำอันไม่ระคายหู อันให้รู้กันได้ เป็นคำจริง
                        อันเป็นเหตุไม่ยังใครๆ ให้ขัดใจ, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นพราหมณ์.

________________________________________
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=36&p=25


 :49: :49: :49:


วาสนา อาการกายวาจา ที่เป็นลักษณะพิเศษของบุคคล ซึ่งเกิดจากกิเลสบางอย่าง และได้สั่งสมอบรมมาเป็นเวลานานจนเคยชินติดเป็นพื้นประจำตัว แม้จะละกิเลสนั้นได้แล้ว แต่ก็อาจจะละอาการกายวาจาที่เคยชินไม่ได้ เช่น คำพูดติดปาก อาการเดินที่เร็ว หรือเดินต้วมเตี้ยม เป็นต้น

     ท่านขยายความว่า วาสนา ที่เป็นกุศล ก็มี เป็นอกุศล ก็มี เป็นอัพยากฤต คือ เป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว ก็มี
     ที่เป็นกุศลกับอัพยากฤตนั้นไม่ต้องละ แต่ที่เป็นอกุศลซึ่งควรจะละนั้น แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ
         - ส่วนที่จะเป็นเหตุให้เข้าถึงอบาย
         - กับส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดอาการแสดงออกทางกายวาจาแปลกๆ ต่างๆ
     ส่วนแรก พระอรหันต์ทุกองค์ละได้ แต่ส่วนหลัง พระพุทธเจ้าเท่านั้นละได้ พระอรหันต์อื่นละไม่ได้
     จึงมีคำกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเท่านั้นละกิเลสทั้งหมดได้ พร้อมทั้งวาสนา


     ; ในภาษาไทย คำว่า วาสนา มีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นอำนาจบุญเก่า หรือกุศลที่ทำให้ได้รับลาภยศ

________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


   ans1 ans1 ans1
   
   พระปิลินทวัจฉะใช้วาทะว่า "คนถ่อย" จนติดปาก เพราะด้วยอำนาจแห่งความเคยชิน
   ท่านกล่าวคำนี้มาตลอด ๕๐๐ ชาติ วาทะคนถ่อยนี้ เป็นวาสนาของท่านที่ละไม่ได้
   ดังอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ อรหันตสาวกละกิเลสได้ แต่ละวาสนาไม่ได้
   มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ละกิเลสทั้งหมดได้ พร้อมทั้งวาสนา


   พระปิลินทวัจฉเถระ เป็นเอตทัคคะในทางผู้เป็นที่รักใคร่ของเทพยดา
   อ่านประวัติได้ที่ http://www.84000.org/one/1/41.html

    :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ