ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ว.วชิรเมธี เลิกโหนกระแสเทศกาลจัดกิจกรรมหวังผลการตลาด  (อ่าน 2695 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ว.วชิรเมธีให้ข้อคิดหลักธรรมในเดือนแห่งความรัก ยกระดับความรักส่วนตัวเป็นความรักส่วนรวม มุ่งเข้าถึงหัวใจของศาสนาคริสต์และพุทธ แนะเปิดเวทีเผยแพร่คำสอนให้มากขึ้น เลิกโหนกระแสเทศกาลจัดกิจกรรมหวังผลการตลาด

    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวถึงธรรมะที่เกี่ยวเนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาว่า เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรักอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นวันสำคัญทางศาสนา 2 ศาสนาที่เวียนมาบรรจบในเดือนเดียวกัน คือ วันวาเลนไทน์ของศาสนาคริสต์ และวันมาฆบูชาแห่งพุทธศาสนา แม้ทั้งสองศาสนาจะมีวิถีความเชื่อแตกต่างกัน แต่คำสอนมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องตรงกัน คือ เรื่องความรัก หากจะมองอย่างผิวเผินก็เป็นความรักของคนหนุ่มสาว แต่ควรจะมองให้ลึกซึ้งเป็นความรักของมวลมนุษยชาติ โดยพระเยซูศาสดาของชาวคริสต์และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างก็มอบความ รักให้มนุษย์ด้วยการให้สอนทำความดี ละเว้นความชั่ว
    ว.วชิรเมธีบอกว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์เป็นหัวใจของพุทธศาสนา แม้พระองค์ตรัสรู้แล้วก็ไม่ทอดทิ้งผู้คน หากยังมอบความรักให้ด้วยการมอบหมายให้เหล่าสาวกออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ เข้าถึงมวลมนุษยชาติ ภายใต้ความคิดที่ว่า โลกทั้งผองล้วนเป็นพี่น้องกัน ซึ่งเป็นความรักที่สังคมไทยกำลังต้องการอย่างยิ่ง เวลานี้บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข เพราะมีความรักให้แก่กันน้อยลง กลับเพิ่มความโกรธเกลียดชิงชังมากขึ้น ส่งผลให้สภาวะในสังคมไทยมีความแตกแยกกันอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมา ก่อน
    "ดังนั้นเมื่อวันสำคัญทั้งสองเวียนมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ ควรกระตุ้นให้สังคมไทยเปิดหัวใจให้กว้าง เรียนรู้และยอมรับความแตกต่าง ปรับเปลี่ยนมุมมองโลกทัศน์ คนที่มีความคิดเห็นต่างจากเราก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนเลวหรือเป็นคนมี ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา แม้เป็นคนที่คิดเห็นไม่เหมือนกันเราก็มอบความรักให้กันได้ ดังเช่นพระเยซูสอนว่า ควรรักเขาเท่ารักตัวเอง ส่วนพระพุทธเจ้าสอนให้เรารักผู้อื่นเหมือนความรักที่แม่มีต่อลูก"
    ในช่วงเดือนแห่งความรัก ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนสังคมแห่งความเกลียดชังให้เป็นสังคมแห่งความรัก มีหัวใจของการแบ่งปันอย่างไร้ขีดจำกัด ความรักมี 4 ระดับ คือ 1.รักตัวกลัวตาย 2.รักใคร่ปรารถนา ซึ่งเป็นความรักที่ยังไม่ประเสริฐและอิงอยู่กับสัญชาตญาณเอาตัวรอด เราควรยกระดับจิตใจให้มีความรักที่สูงขึ้น คือ 3.รักเมตตาอารี และ 4.รักมีแต่ให้ ซึ่งเป็นความรักที่ประเสริฐและนำพาสังคมไปสู่ความผาสุก
    พระนักวิชาการชื่อดังยังให้คำแนะนำแก่หน่วยงานหรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวันวาเลนไทน์ว่า ไม่ควรจัดงานแบบฟุ้งเฟ้อหรือฉาบฉวยเพื่อหวังผลการตลาดหรือกระตุ้นยอดขาย สินค้าของตนเอง การที่สังคมพุ่งเป้าความสนใจไปเฉพาะดอกกุหลาบถือเป็นเรื่องตื้นเขิน ต้องคิดก้าวไปให้ไกลกว่านี้ คือ ส่งเสริมให้มีความรักจากระดับบุคคลเป็นความรักต่อส่วนรวม
   "วันมาฆบูชาไม่ควรกระตุ้นให้คนเข้าวัดไปเวียนเทียนอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นเพียงพิธีกรรมที่ผู้คนอาจเข้าไม่ถึงแก่นแท้ในหลักธรรม แต่ควรเปิดเวทีเสวนาหรือปาฐกถาพูดคุยเรื่องเนื้อหาสาระของโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ทางพุทธศาสนาของจริงแท้ให้มากขึ้น โดยไม่จมปลักอยู่กับจอมขมังเวทย์ในคราบผ้าเหลืองเช่นทุกวันนี้ สรุปว่าแก่นแท้ของวันวาเลนไทน์และหัวใจในวันมาฆบูชา คือ ความรัก ความเมตตาที่เป็นสากลของคนทั่วโลก" พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เผย
    ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยผลสำรวจจากสำนักโพลล์แห่งหนึ่งว่า ว.วชิรเมธีเป็นพวกเสื้อเหลืองนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและไม่อยากตอบโต้หรือชี้ แจงใดๆ เพราะถ้าเลือกข้างใดข้างหนึ่งตามที่โพลล์ระบุ ก็คงจะไม่ดำรงอยู่ในเพศบรรพชิต แต่หันไปเล่นการเมืองดีกว่า.

ที่มา... น.สพ. ไทยโพสต์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ratree

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ดิฉันมองเรื่องนี้ เป็นเรื่องของชาวโลกคะ ไม่เห็นด้วยกับพระที่จะมายุ่งกับเรื่องนี้ วันวาเลนไทน์ ก็เป็นวันที่

ชนส่วนใหญ่ ชาวคริสต์ รำลึกถึงนักบุญ วาเลนไทน์ คะ

 แต่ชาวไทย จะเรียนแบบ ชาวต่างชาติ แต่เพราะเรื่องความรักนั้นเป็นเรื่อง ที่พระไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องคะ

เพราะ คนที่อยู่ในสภาพมีความรักนั้น ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพระอยู่แล้วคะ

 เกรงว่า ... น่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของชาวโลกนะคะ

 ลองมองตามมุม กับท่าน ว. วชิรเมธี คะ

 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถึงแม้จะเป็นเรื่องชาวต่างชาติ ต่างศาสนา แต่กระแสนี้ วัยรุ่น ในสังคมไทยก็มักจะเลียนแบบในทางที่ผิด

กันไปได้ นะคะ ส่วนพระคุณเจ้าท่านก็แค่ต้องการเปลี่ยนค่านิยม ที่ผิด ๆ

แต่ ดิฉัน ก็เห็นด้วยคะ ยกไว้สักเรื่อง ไม่ยุ่งกับ วัยรุ่น หนุ่มสาว คนจะแต่งงานกันวันนี้ เพราะค่านิยม

วันแห่งความรัก ก็ดีนะคะ

 :67:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระท่านทำงาน ก็ว่าขัด พระไม่ทำอะไร ก็จะมาบ่น

โลกหนอโลก....

ชาวธรรม.. เจริญจิต

วิตกจริต เพราะส่งออกแท้ ๆ ๆ

 :hee20hee20hee:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ