ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พูดโกหก รวมทั้งปากร้าย ลิ้นสองแฉก คำเยินยอ โกหกหลอกลวง  (อ่าน 7340 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

สถาพร

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 220
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ศีลข้อที่ ๔ ในความคิดผมรักษาให้บริสุทธิ์ยากที่สุด
(มุสาวาทา เวรมณี)

พูดโกหก รวมทั้งปากร้าย ลิ้นสองแฉก คำเยินยอ โกหกหลอกลวง (พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด)

ผู้ชายมีคำพูดไพเราะน่าฟัง เป็นคำปลอบใจภรรยา เพื่อสื่อภาษาของความรัก ไม่นับเป็นการโกหก พูดกับหญิงอื่นถือเป็นคำเยินยอ เป็นคำเท็จ
นักการเมืองระหว่างหาเสียงพูดเด็ดขาด กล่าวคำสบถสาบาน ปากพูดจาไว ต้องการเอาชนะรักษาตำแหน่งเอาไว้
ครูอาจารย์สอนให้คนเป็นคนดี แต่กลับไปเป็นพ่อค้าวาณิชย์
ดารานักร้องคุยโวโอ้อวดเสริมแต่งตัวเอง ทั้งหมดผิดต่อการพูดเท็จได้
ฉุด ช่วยคนแล้วต้องติดตามส่งเสริม เหมือนตามบริการหลังการขาย ต้องจริงใจไปส่งเสริม อย่าพูดว่า ถ้าเธอรับธรรมะแล้วตั้งตำหนักพระ อาการป่วยเป็นโรคก็จะหายได้
มีความเป็นไปได้มากเท่าไรก็พูดความจริงเท่า ที่เป็น อย่าพูดเกินกว่าความจริง นักปรัชญากล่าวไว้ว่า พูดโกหกหนึ่งคำ ต้องพูดโกหกอีกสิบคำมาปิดบังอำพรางคำที่โกหกไว้ พูดโกหกเป็นประจำจนเกิดความเคยชิน กลายเป็นคนชอบพูดโกหก พาให้กลายเป็นภัยออกทางปากจากคำพูด กลายเป็นการฆ่าคนโดยไม่เห็นโลหิต
คนว่างงานไม่มีอะไรทำ บ้านเหนือพูดที บ้านใต้พูดที พูดแต่เรื่องไร้สาระ เสียเวลาไม่เกิดประโยชน์
อย่านำความลับของคนอื่นไปเปิดเผย พูดแต่สิ่งร้ายสิ่งไม่ดีของคนอื่น ผู้หญิงทำผิดข้อนี้ง่ายกว่า ตายแล้วปากจะเน่าก่อน
ศีล มุสาค่อนข้างถือยาก คำพูดในชีวิตประจำวันอย่าไปทำร้ายเขา อย่าใช้คำพูดทำให้เขาเกิดโทสะ อย่าใช้คำพูดปลิ้นปล้อนเกินไป อย่าใช้คำพูดของเราทำให้สามีภรรยาทะเลาะแตกแยกกัน ใช้คำพูดให้คนฟังได้ประโยชน์
ใช้คำพูดไม่ไปทำลายคนอื่นแต่ให้คุณ จะผูกบุญสัมพันธ์ได้กว้างขวาง
ผู้มีอาชีพใช้ปากหาสตางค์ ผู้บำเพ็ญต้องระวัง
ทนาย ความ อัยการ โบราณกล่าวไว้ว่า หนึ่งชาติทำหน้าที่นี้ เก้าชาติเกิดเป็นวัวควาย ผู้รับหน้าที่ดังกล่าวเพียงคำพูดคำเดียวจะให้เขาเป็นหรือตายก็ได้ ต้องระมัดระวังเสียงสะท้อนด้วย ต้องยุติธรรม อย่าให้มีนิสัยการติดสินบน หากอยู่ในอำนาจหน้าที่ให้คุณให้โทษได้ จะทำให้ชีวิตคนผิดพลาดได้
หมอดู ผู้เป็นหมอดูมักกล่าวว่า หากเธอไม่เช่นนี้ ไม่เช่นนั้น จะมีผลอะไรตามมา ฯลฯ อะไรทำนองนี้ นี่คือปากวาจากล่าวร้าย ผู้ประกอบการดังกล่าวนี้ พูดจาต้องผ่อนหนักผ่อนเบา นุ่มนวลละมุน ละไม เสนอแนะพอประมาณก็พอ
อาจารย์ดูภูมิทัศน์ ง่ายต่อการพูดว่าหากเธอยังไม่บำเพ็ญ หลังจากนี้กี่ปี จะเกิดอย่างนั้น เกิดอย่างนี้ เป็นคำพูดเด็ดขาด ทำร้ายคนอื่น
บรรพ ชนใครเสียชีวิต เชิญนักพรตสวดมนต์ฉุดช่วยส่งวิญญาณ หากนักพรตท่านฉุดช่วยส่งวิญญาณได้จริง พญายมคงจะเกรงกลัวนักพรตแน่ หนี้กรรมที่ผ่านมาสามชาติ บัญชีนี้จะหักลบกันอย่างไร นี่คือวิธีการที่เคยกระทำกันมาเพื่อให้คนมีความสบายใจ หากจะสวดมนต์ ต้องหานักพรตที่ถือศีลกินเจ หากมิได้ถือศีลกินเจกรรมเวรของนักพรตเองกองใหญ่ ตัวเองยังฉุดช่วยไม่หมด แล้วจะฉุดช่วยผู้อื่นได้อย่างไร
ผู้บำเพ็ญไม่ดู หมอ ชะตาชีวิตไม่ดีเปลี่ยนแปลงได้ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตต้องเริ่มจากจิต หากเปลี่ยนแปลงแต่หน้าตา ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต อวัยวะทั้งห้าไม่น่าดู พูดจาไม่ชัดเจนกำกวม ไม่มีวาทศิลป์ หากรักษาศีลมุสาได้ จึงจะไม่มีอุปสรรค
ถือศีลเจมิใช่เพียงไม่ทานเนื้อสัตว์ ศีลเจปากต้องไม่ปากร้ายลิ้นสองแฉก ไม่เยินยอ ไม่โกหกหลอกลวง
ผู้ชายอย่าออกปากมีแต่คำหยาบ ผู้หญิงด่าสามีด่าลูก อย่าให้มีได้ยินคำด่าทอตลอดเวลา
หาก ใครมีปัญหาครอบครัวอย่ายุให้เขาหย่าร้างกัน หรือกลับพูดจาทิ่มแทงซ้ำเติม ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายขึ้น ไม่เพียงผิดศีลมุสายังผิดศีลปาณาด้วย
เพื่อฉุดช่วยเวไนยหรือช่วยแก้ปัญหาให้เขา โกหกหลอกด้วยความหวังดีไม่ถือว่าผิดศีล
ผู้บำเพ็ญต้องห่างไกลจากการกล่าววาจาร้าย ห่างจากใช้วาจารบกวนทำให้วุ่นวาย อย่าใช้วาจาทำลายให้เขาเป็นทุกข์
อย่า ไว้ใจคนมากเกินไป บอกความในใจออกมาหมด เพื่อป้องกันวันข้างหน้า จะถูกนำคำพูดนี้ไปเล่าผิดๆ อยู่ในทุกที่พูดจาให้คุณกับทุกคนดีที่สุด อย่าพูดทางลบของผู้อื่น อย่างนี้จะหลีกเลี่ยงการนำไปเล่าต่อผิดๆ ได้
ลิ้น เป็นอวัยวะที่อ่อนนุ่ม แต่ร้ายกว่ามีดนัก เรื่องไม่ดีมากมายล้วนออกจากปาก อีกทั้งลิ้นเป็นตัวก่อขึ้น เคราะห์ภัยออกจากปาก หยุดเคราะห์ภัยต้องหุบปาก หากจะพูดต้องพูดจาให้มีประโยชน์ หากไม่ระวังกล่าววาจาไม่ดีออกมา ต้องสำนึกขอขมาบาป นำจิตใจที่สำนึกละอายต่อผิดบาปมาแก้ไข
คนผิดหวังต้อง การคนมาปลอบใจ ต้องยืนอยู่ในจุดยืนของเขาเพื่อปลอบโยนเขา ถ้าใช้จุดยืนของเรา ใช้ความเห็นของเราเพื่อให้เขายอมรับเท่ากับเข้าข้างตัวเอง
เรื่องอะไรที่ เกิดขึ้นต้องตรวจสอบให้ชัดเจน อย่าตัดสินโดยลวกๆ อย่างเช่นลูกศิษย์ของท่านขงจื้อกำลังต้มข้าวต้มให้ท่านขงจื้อ บนเพดานมีอะไรหล่นลงในหม้อข้าว ลูกศิษย์กลัวท่านขงจื้อรับประทานเข้าไปทำให้ท้องเสีย ใช้มือหยิบขึ้นมา
ท่านขงจื้อเห็นเข้าจึงตำหนิว่าขาดมารยาท ทำไมรับประทานก่อนอาจารย์ ลูกศิษย์จึงได้อธิบายท่านขงจื้อทราบแล้ว
ท่าน ขงจื้อเรียกประชุมลูกศิษย์ทั้งหมด แล้วบอกให้ทุกคนฟังว่า ข้าพเจ้าได้เห็นกับตาตนเอง ยังปรักปรำคนอื่นได้ สำมะหาอะไรที่มีคนมาเล่าให้ฟัง โดยผ่านจากคนที่สามมาเล่าต่อ ยากที่จะไม่บิดเบือนจากความจริง
ก่อนที่จะตัดสินถูกผิด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน อย่าฟังความจากการเล่า อย่าเดาโดยมีจิตใจระแวงสงสัย จึงจะไม่เกิดผิดถูกขึ้นมา ทำให้คนถูกสอบล้มหายไป

จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล
บันทึกการเข้า
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

RATCHANEE

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขึ้นเรื่องมาน่ากลัว คะแต่พออ่านเนื้อเรื่องแล้ว ก็เป็นเรื่อง ของ ศีลข้อที่ 4
ก็เห็นด้วยบางส่วน และไม่เห็นด้วยบางส่วนนะคะ

เพราะเน้นหนักเรื่อง ของการตัดสิน คนมุสา ซึ่งแนวทางการจับเท็จนั้นเป็นเรื่องยากคะ

 :34:
บันทึกการเข้า

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชื่อเรื่อง โหดจัง อ่านแล้ว ก็เรื่อง ศีลข้อ 4

   :021:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ