แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
16682
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุดทึ้ง.! ยายวัย 80 เล่นโยคะ โรคภัยไม่เคยถามหา
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 07:50:52 pm
|
สุดทึ้ง.! ยายวัย 80 เล่นโยคะ โรคภัยไม่เคยถามหา อุบลราชธานี-สุดทึ้ง! คุณยายวัย 80 เล่นโยคะทุกวันสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวแถมเป็นวิทยากรออกสอนตามชุมชน
คุณยายบัวสอน จันทรประชู อายุ 80 ปี ชาวอำเภอวารินชำราบ ออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะทุกวันทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และยังเป็นวิทยากรในการสอนเล่นโยคะ ให้กับชาวบ้านในชุมชน ที่วัดป่าเรไรยกาวาส มีผู้สนใจส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนสูงอายุและแม่บ้านเข้าร่วมฝึกโยคะกับคุณยายกันเป็นจำนวนมาก
คุณยายบัวสอนเปิดเผยว่า ต้องดูแลสุขภาพร่างกาย ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะสุขภาพที่ดีหาซื้อไม่ได้ อยากได้ต้องทำเอา ได้ฝึกโยคะทุกวันเช้าและเย็นทำให้รู้สึกสบาย ร่างกายแข็งแรง อยากให้ทุกคนได้หันมาออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมีเพียงความตั้งใจที่จะให้สุขภาพดีเท่านั้น เป็นการยืดเส้นสายทำให้สุขภาพดี สำหรับท่าฝึกโยคะแต่ละท่าเป็นท่าที่คุณยายคิดค้นเองทั้งหมดเริ่มฝึกมานานกว่า 30 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ คุณยายบัวสอนจะฝึกเล่นโยคะชอบปวดเมื่อยตามร่างกายจึงได้เริ่มต้น จากวิธีการนั่งขัดสมาธิ แล้วนั่งตัวตรง ขแม่วท้อง เกร็งตัวประมาณ 3-5 นาที แล้วปล่อยออก รู้สึกเบาตัว และ สบายตัวเป็นอย่างมาก อาหารปวดเมื่อยตามร่างกายที่เคยเป็นก็เริ่มหายไป ปัจจุบันไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด
ขอบคุณภาพข่าวจาก www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ภาคอีสาน/319311/สุดทึ้ง-ยายวัย80เล่นโยคะโรคภัยไม่เคยถามหา www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20140919/605959/พบคุณยายวัย80เล่นโยคะสุขภาพดี.html
|
|
|
16687
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / เลือกปลั๊กราง ปลั๊กสามตา ให้ใช้งานได้ปลอดภัย เหมาะกับการใช้งาน
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 10:32:02 am
|
เลือกปลั๊กราง ปลั๊กสามตา ให้ใช้งานได้ปลอดภัย เหมาะกับการใช้งาน หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะใส่ใจกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือว่า คอมพิวเตอร์ที่ต้องมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีและประหยัดพลังงาน แต่เรามักไม่ค่อยได้ใส่ใจกับแหล่งจ่ายไฟหรือปลั๊กไฟที่นำมาต่อพ่วง โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ที่เรียกว่า ปลั๊กราง ที่บางคนยังเลือกใช้แต่ของถูกๆ หรือไม่มีมาตรฐาน จนอาจเกิดความเสียหายต่อคอมพ์หรืออุปกรณ์ตัวโปรดเราได้
เคยสังเกตกันบ้างมั้ยว่า ทำไมบางครั้งจอมอนิเตอร์เสียเร็วจังหรือคอมพิวเตอร์บางครั้งเพาเวอร์ซัพพลาย เสียบ่อยหรือบางทีอาจจะเป็นตู้เย็นหรือพัดลมที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแหล่งจ่ายไฟ ทั้งเต้ารับหรือปลั๊กรางสำหรับจ่ายไฟนั่นเอง เพราะมักจะมีอาการไม่ดีให้เราเห็น อาการแบบไหนที่เรียกว่าไม่ดี - เสียบปลั๊กแล้วมีประกายไฟให้เห็น - ไฟดับเป็นระยะ ช่วงเวลาที่ใช้งาน - มีเสียงดังแปลกๆ เมื่อเสียบปลั๊ก - เกิดความร้อนสูง เมื่อเอามือจับที่ปลั๊กไฟ - มีไฟรั่ว เมื่อไปโดนที่ปลั๊กราง - เต้าเสียบไม่แน่น โยกคลอนตลอดเวลาเลือกปลั๊กราง อย่างไรดี การเลือกปลั๊กราง มีข้อสังเกตสำคัญเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น แต่ก็ต้องมองให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะอย่าลืมว่าเราต้องใช้งานไปอีกนาน การลงทุกเพียงครั้งเดียวด้วยงบประมาณที่เราพอจะหามาได้น่าจะเป็นทางออกที่ดี ที่สุด เพราะนอกจากจะใช้งานได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็ยังไม่ต้องซื้อกันบ่อยๆ ให้เปลืองเงิน 1. เลือกปลั๊กที่มีมาตรฐานหรืออย่างน้อยก็ต้องมีมาตรฐาน มอก. กำกับเอาไว้ เพื่อให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่ามีการควบคุมคุณภาพการผลิต 2. เลือกปลั๊กรางที่มีวัสดุในการผลิตที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมีให้เลือกทั้งพลาสติก PVC และ AVC ซึ่งพลาสติก PVC แม้จะมีความแข็งแรงก็จริง แต่ AVC ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันและยังทนอุณหภูมิได้สูงอีกด้วย 3. มีสวิทช์คุมการทำงานบนปลั๊กราง อย่างน้อยๆ คือ หนึ่งสวิทช์ขึ้นไป บางรุ่นอาจมีมาให้ทุกเต้าเสียบ ก็ถือว่ายิ่งดี เพราะเราสามารถกำหนดให้สวิทช์ตัวใดทำงานก็ได้ ไม่ต้องไหลเข้าระบบทั้งหมดและมีฟิวส์ตัดการทำงาน 4. มีสายที่ยาวเพียงพอต่อความต้องการของเรา ไม่สั่นหรือยาวจนเกินไป 5. ต้องไม่มีเศษเกินส่วนใดของสายไฟ ยื่นออกมาจากตัวราง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดไฟช็อตหรือลัดวงจรได้ 6. ดูปริมาณวัตต์หรือแอมป์ของปลั๊กรางให้เหมาะสม เพื่อให้รองรับกระแสไฟจากอุปกรณ์ได้เพียงพอ 7. องค์ประกอบอื่นๆ ให้ดูตามสมควร อย่างเช่น มีพอร์ตสำหรับ USB Charger มาให้หรือช่องเสียบสายโทรศัพท์กันสัญญาณรบกวน 8. อาจจะลองนำปลั๊กที่ใช้อยู่ประจำไปลองเสียบเข้ากับปลั๊กรางที่ต้องการซื้อ ดูว่าหลวมหรือแน่นเกินไปหรือเปล่า 9. บางรุ่นอาจมีระบบ Surge Protection ช่วยป้องกันไฟกระชากได้ในระดับหนึ่ง 10. สายไฟเส้นใหญ่ ให้ข้อดีในเรื่องของความทนทาน ไม่แตกหักพับงอได้ง่าย ทนโหลดของกระแสไฟได้มากขึ้น 11. มีการรับประกันที่มั่นใจได้ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตแบบคร่าวๆ ในการเลือกปลั๊กรางให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ซึ่งความจริงแล้วก็ยังรายละเอียดเบื้องลึกในเรื่องของการวางผังวงจรและวัสดุ ภายในที่มีผลต่อการใช้งาน อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นอาจจะไม่ได้หาปลั๊กรางตามเงื่อนไขได้ง่ายนัก แต่ได้บ้างบางส่วนก็ถือว่าใช้งานได้มั่นใจยิ่งขึ้น อย่าลืมว่าอุปกรณ์ที่เราใช้ ซื้อหามาในราคาที่แสนแพง การไปพึ่งปลั๊กรางที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆขอบคุณภาพและบทความจาก hitech.sanook.com/1391265/เลือกปลั๊กราง-ปลั๊กสามตา-ให้ใช้งานได้ปลอดภัย-เหมาะกับการใช้งาน/
|
|
|
16688
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 ของกินเล่นก่อนนอน…ช่วยคุณหลับดีขึ้น สบายตลอดคืน
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 10:25:39 am
|
5 ของกินเล่นก่อนนอน…ช่วยคุณหลับดีขึ้น สบายตลอดคืน เคยเป็นไหมที่ง่วงแทบตาย เพลียมาทั้งวัน แต่นอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับสักที รู้สึกไม่สบายตัวตลอดเวลาแถมสะดุ้งตื่นกลางดึกอีก วันนี้ไทยรัฐออนไลน์มีทางออกดีๆ ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาการนอนหลับของคุณให้ยาวนานยิ่งขึ้นกับอาหารทานเล่นก่อนนอนสุดฟิน 5 อย่าง ทานได้อย่างไม่กลัวอ้วน รับประกันว่าคุณจะหลับสบายและหลับลึกขึ้นจนหยุดคิดเรื่องปวดหัวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดวันเลยล่ะ …
1. ผลเชอร์รี่ ผลเชอร์รี่หรือน้ำเชอร์รี่ 1 แก้ว อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและฮอร์โมนเมลาโทนิน โดยเฉพาะเชอร์รี่รสเปรี้ยวจะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเมลาโทนินได้ดี ช่วยในการปรับเปลี่ยนระบบนาฬิกาของร่างกายและควบคุมระยะเวลาการนอนของคุณให้มากขึ้น ทานเชอร์รี่สัก 5-6 ลูก หรือน้ำเชอร์รี่วันละแก้วก่อนนอน รับรองอาการนอนไม่หลับจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“จะกินเป็นน้ำเชอร์รี่ หรือผลเชอร์รี่สดๆ หรือเชอร์รี่อบแห้งก็ได้ ให้ผลเหมือนกัน”
ผลเชอร์รี่ 2. ไข่ต้ม บางครั้งอาการนอนไม่หลับและการสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกตอนตี 2-3 อาจเกิดจากคุณไม่ได้บริโภคโปรตีนเพียงพอ เพราะฉะนั้นก่อนนอนหรืออาหารมื้อเย็นให้ย้ำทานโปรตีน ทานไข่ต้มสัก 1-2 ใบ เพื่อรองท้อง ให้ร่างกายหลับง่ายและหลับสนิทตลอดคืน หรือถ้าคุณไม่อยากทานไข่ต้ม คุณสามารถทานชีสหรือถั่วแทนได้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปนัก รับรองคุณจะง่วง อยากงีบหลับหลังย่อย 2 ชั่วโมงแน่นอน
3. แครกเกอร์โฮลเกรน (ธัญพืช)
ถ้าคุณโน้มเอียงที่จะทานของขบเคี้ยวอย่างมันฝรั่งทอดก่อนนอน ลองเปลี่ยนมาเป็นแครกเกอร์โฮลเกรน (ธัญพืช) แทนดูสิ เพราะไม่เพียงแต่จะให้คาร์โบไฮเดรตสูงแล้ว แต่ยังเป็นแหล่งรวมวิตามิน B ชั้นยอด ที่จะช่วยแก้อาการนอนไม่หลับให้หลับง่ายขึ้น หลับลึก คลายความกังวลตลอดคืน
แครกเกอร์โฮลเกรน(ธัญพืช)
4. เนยถั่วอัลมอนด์ (บนขนมปัง)
ถ้าดึกๆ คุณเกิดหิวจนนอนไม่หลับ ขนมปังโฮลเกรนใส่ท็อปปิ้งเนยถั่วอัลมอนด์ก็โอเคอยู่นะ เพราะอัลมอนด์เต็มไปด้วยแม็กนีเซียมที่ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นและกล้ามเนื้อผ่อนคลายมากขึ้นเนยถั่วอัลมอนด์เทบนขนมปัง ... อิ่มท้อง อร่อยเว่อร์ ! 5. ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตอุ่นๆ ไม่เพียงแต่ทานตอนเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย แต่ด้วยคุณสมบัติของข้าวโอ๊ตที่ประกอบไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยให้หลับง่ายขึ้น ทำให้สามารถทานข้าวโอ๊ตก่อนนอนได้
นอกจากข้าวโอ๊ตจะช่วยให้อิ่มท้องหลับสบาย และช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุลกันแล้ว ยังดีต่อสุขภาพภายในอย่างระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่ายด้วย ! ข้าวโอ๊ตอุ่นๆ ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.thairath.co.th/content/450302
|
|
|
16690
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ‘เกาหลีใต้’ จัดถกผู้นำศาสนา หวังสร้างสันติภาพโลก
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 09:41:22 am
|
‘เกาหลีใต้’ จัดถกผู้นำศาสนา หวังสร้างสันติภาพโลก ‘เกาหลีใต้’ใช้ศาสนานำกีฬา จัดถกผู้นำหวังสร้างสันติภาพโลก : สำราญ สมพงษ์รายงาน ช่วงนี้โลกกำลังผวากับพฤติกรรมความรุนแรงของกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักหรือกลุ่มไอเอสที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุนีย์สู้รบกับรัฐบาลอีรักที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ที่ขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ในประเทศอิรัก รวมถึงกลุ่มหนุนได้ประกาศจะขยายพื้นที่มาทางเอเชียใต้ด้วย ส่งผลกระทบกับบุคคลต่างเชื้อชาติและศาสนา อย่างเช่นการการฆ่าตัดคอนักข่าวชาวสหรัฐอเมริกาเป็นต้น ทำให้นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศจะใช้มาตรการถล่ม แต่ก็มีการหวั่นกันว่านี้จะเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่ประกอบกับนักวิเคราะห์บางคนถึงกับมองว่าสงครามโลกครั้งที่สามได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามการจะปฏิบัติการของสหรัฐฯดังกล่าวแม้จะอ้างว่าเพื่อเป็นการสร้างสันติภาพไม่ให้สงครามก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างความรุนแรงทางอ้อม ก็ทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอย่างเช่นประเทศอิหร่านได้ออกมาคัดค้าน ขณะเดียวกันได้เป็นภาพของการสร้างสันติภาพโดยไม่ใช้ความรุนแรงในแง่มุมของศาสนา อย่างเช่นศาสนาอิสลามประจำประเทศไทยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พร้อมด้วยตัวกระทรวงศาสนสมบัติแห่งรัฐคูเวต ร่วมเปิดตัวสถาบันวะสะฏียะฮ์เพื่อสันติภาพและการพัฒนา โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อดำรงอัตลักษณ์ที่แท้จริงของความเป็นมุสลิม ป้องกันแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของความขัดแย้งที่กำลังเบียดขับความมั่นคงของมนุษย์ในปัจจุบัน รวมถึงมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ร่วมกับสำหนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้รับนโยบายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้มาหาแนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติในมติทางศาสนา จัดประชุมผู้นำศาสนาเพื่อสันติภาพในประชาคมอาเซียน ณ มจร ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาระหว่างวันที่ 25-29 กันยายนนี้ ภายใต้ชื่อเรื่องว่า “ขันติธรรมทางศาสนา” (Religious Tolerance) ซึ่งสอดรับกับแนวทางที่ยูเนสโกให้ย้ำเตือนให้มนุษยชาติใช้หลักขันติธรรมมาเป็นเครื่องมือในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความแตกต่างมีผลสรุปที่จะนำแนงทางนี้มาใช้เพื่อสร้างเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของพลเมืองประชาคมอาเซียน และที่ดำเนินการประชุมอยู่ขณะนี้คือระหว่างวันที่ 17-19 ก.ย.นี้ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้มีการประชุมผู้นำศาสนาโลก โดยใช้สนามกีฬาโอลิมปิกในการจัดภายใต้ชื่อ "World Alliance of Religions Peace Summit" ซึ่งมีผู้นำจากทุกศาสนาเข้าไปร่วมคาดว่าหลายหมื่นรูป/คนในจำนวนั้นมีท่าน Venerable Ashin Nyanissara แห่งประเทศเมียนมาร์เดินทางไปร่วมด้วย ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่ประเทศเกาหลีเป็นเจ้าภาพจัด "อาเซียนเกมส์" พอดี เท่ากับว่าประเทศเกาหลีนอกจากใช้กีฬาเพื่อสร้างความสามัคคีให้กับคนในประชาคมอาเซียนแล้ว ยังให้นำศาสนามาเป็นสื่อในการสร้างสันติภาพโลกอีกด้วย ก็คงต้องตามดูกันต่อไปว่าฝ่ายบริหารประเทศไทยอย่างนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เข้ามากำกับดู พศ.รวมถึงมีหน้าที่โดยตรงคือร่วมแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วย จะมองเห็นมติของศาสนาโดยเฉพาะ "ขันติธรรม" นำไปบูรณาการแก้ปัญหาอย่างไร
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.komchadluek.net/detail/20140918/192331.html
|
|
|
16692
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อึ้ง มะกันตั้ง "ศาลเจ้า" ในเมือง ผู้คนแห่กราบไหว้ สุดศักดิ์สิทธิ์ ฉุดอาชญากรรมลด
|
เมื่อ: กันยายน 19, 2014, 09:28:07 am
|
อึ้ง.!มะกันตั้ง "ศาลเจ้า" ในเมือง ผู้คนแห่กราบไหว้ สุดศักดิ์สิทธิ์ ฉุดอาชญากรรมลด 80% สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุฮือฮา หลังชาวเมือง "อีสต์เลค" ในรัฐโอ๊คแลนด์ ของสหรัฐได้ตั้ง "ศาลเจ้า" ในพื้นที่ของเมืองนี้ ซึ่งปรากฎว่าเกิดเหตุน่าทึ่งเมื่อพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสถิติการก่ออาชญากรรมลดลงถึง 82 เปอร์เซ็นต์
รายงานระบุว่า ศาลเจ้าขนาด 2 ฟุต นี้ถูกตั้งโดยนายแดน สตีเวนสัน ซึ่งไม่ได้เป็นชาวพุทธ โดยเจ้าตัวซื้อมาจากร้านอุปกรณ์ขายวัสดุหนักและเครื่องเหล็ก และนำมาวางไว้ยังพื้นที่ถนนที่ 11 ของเมืองอีสต์แลนด์ ขณะที่รายงานระบุว่า ภายหลังการวางศาลฯดังกล่าว
ปรากฎว่าได้เกิดเรื่องดี ๆ อย่างน่าประหลาดหลายอย่าง เช่น ผู้คนเลิกทิ้งขยะอย่างไม่เป็นที่ พวกมือบอนเลิกพ่นสีสร้างศิลปะสกปรกบนกำแพง ขณะที่การค้ายาเสพติดก็ลดลง หรือแม้แต่โสเภณี ก็ย้ายไปหากินในที่อื่นด้วย ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังสำนักงานตำรวจประจำเมืองนี้ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า สถิติอาชญากรรมของเมืองนี้ได้ลดลงถึง 82 เปอร์เซนต์ ด้านชาวบ้านท้องถิ่นบอกว่า ผู้คนทุกประเภทจากทั่วสารทิศ ต่างเดินทางมากราบไหว้ศาลพระภูมินี้ โดยนับตั้งแต่ปี 2012 ผู้คนได้นำสิ่งของมากราบไหว้บนฐานของศาลพระภูมิ รวมทั้งผู้หญิงซึ่งแต่งตัวในชุดพิธีทางศาสนา ต่างมารวมตัว เพื่อทำพิธีกราบไหว้ยังศาลพระภูมินี้ด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สถิติการจี้ปล้นได้ลดลงจาก 14 ครั้งเหลือ 9ครั้ง การทำร้ายร่างกายลดจาก 5 ครั้งเหลือศูนย์ การย่องเบาลดลง 8 ครั้งเหลือ 4 ครั้ง และการค้ายาเสพติด ลดจาก 3 เหลือศูนย์ และการค้าประเวณีลดลงจาก 3 เหลือศูนย์ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเล่า ศาลพระภูมิแห่งนี้ยัง"ปฎิเสธ"ความพยายามที่จะย้ายศาลนี้ออกไปจากพื้นที่ตั้งด้วย ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1411020726
|
|
|
16703
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นักธุรกิจจีนบริจาคเงิน 30 ล้าน สร้างเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
|
เมื่อ: กันยายน 18, 2014, 09:52:26 am
|
นักธุรกิจจีนบริจาคเงิน 30 ล้าน สร้างเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นักธุรกิจซอฟต์แวร์ชาวจีนเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บริจาคเงิน 30 ล้านบาท ให้วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล จ.ภูเก็ต เพื่อสร้างเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ก่อนหน้านี้เคยบริจาคมาแล้ว 4 ล้านบาท ในการจัดซื้อที่ดิน
พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาส พร้อมด้วยนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการวัด ร่วมต้อนรับคณะพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางมาร่วมทำบุญทอดผ้าป่าการกุศลนานาชาติที่วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากนายจางเจี้ยน หรือมีชื่อไทยว่านายศุภชัย รุจาธร นักธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์ของจีน ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ได้มอบเงินจำนวน 30 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์และเสนาสนะต่างๆ ในวัดเจริญสมณกิจ และก่อนหน้านี้นายจางเจี้ยนมอบเพื่อจัดซื้อที่ดินบริเวณด้านข้างวัดจำนวน 6 ไร่ มูลค่า 4 ล้านบาท ให้แก่ทางวัดด้วย
พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดเจริญสมณกิจ กล่าวว่า นายจางเจี้ยนและคณะพุทธศาสนิกชนนานาชาติมีจิตศรัทธาที่แรงกล้า และเดินทางมาร่วมทำบุญที่วัดนี้อย่างต่อเนื่อง และเขาได้ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้ฉายาว่า "พระสุคโต" ในขณะนี้ยังไม่มีกำหนดวันสึกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายจางเจี้ยนมีเจตจำนงในการบริจาคเงินสดเพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างพระเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่านที่เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เผยแผ่ธรรมะในพื้นที่ และยังมีส่วนสร้างเสนาสนะของวัดตั้งแต่ในอดีต สำหรับการสร้างเจดีย์ของวัดนั้นจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 40 ล้านบาท - สำนักข่าวไทยนำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com ที่มา news.sanook.com/1668279/นักธุรกิจจีนบริจาคเงิน-30-ล้าน-สร้างเจดีย์หลวงปู่เทสก์-เทสรังสี/
|
|
|
16704
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / จาก 'ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น' ถึง 7 นิสัยอันตรายในการเล่นโซเชียลฯ
|
เมื่อ: กันยายน 18, 2014, 08:40:21 am
|
จาก 'ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น' ถึง 7 นิสัยอันตรายในการเล่นโซเชียลฯ ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น (ภาค 2) ถือว่าเป็นซีรีส์ที่สามารถเรียกกระแสจากสังคมได้เป็นอย่างดี แต่ละตอนที่ออนแอร์ไปแล้วก็กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นซีรีส์วัยรุ่นที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง...
โดยในซีซั่นนี้จากตอนที่ผ่านๆ มา ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักวัยรุ่น หวานกุ๊กกิ๊ก เซ็กซ์ ชายรักชาย หญิงรักหญิง ยาเสพติด ความรุนแรง และตอนล่าสุดที่พยายามจะสื่อถึงความอันตรายในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในชื่อตอน "สไปรท์" EP.9 สไปรท์ แม้ตอนนี้จะไม่หวือหวา หรือกินใจผู้ชมเท่าตอนที่ผ่านๆ มา แต่เชื่อได้เลยว่าตอนนี้ เป็นอีกตอนที่ตีแผ่สังคมในยุคปัจจุบันออกมาได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ช่วยให้คนดูได้คิดและตระหนัก หรือระวังในเรื่องนี้ได้บ้าง
ซึ่งในตอนของ 'สไปรท์' เป็นตอนที่ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแต่อย่างใด ในชีวิตจริงก็มีข่าวเรื่องการสวมรอยเป็นคนอื่นในโลกโซเชียลฯ มีการหลอกเอาทรัพย์สิน หรือเรื่องชู้สาว มีให้เห็นกันบ่อยๆ บางรายถึงขั้นเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตยังเคยมีมาแล้ว ดังนั้น เราต้องระวังถึงภัยที่จะเกิดขึ้นจากการเล่นโซเชียลฯภาพจากซีรีส์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ไทยรัฐออนไลน์ได้นำ 7 นิสัยอันตรายจากการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในแฟนเพจ HormonesTheSeries ซึ่งใครมีข้อไหน หรือต้องระวังเรื่องอะไร ไปอ่านกัน!
1. โพสต์เบอร์โทรศัพท์ - อาจโดนแกล้งหรือคุกคาม 2. โพสต์รูปโชว์ของมีค่า - เพื่อนแปลกหน้าอาจจะกลายเป็นโจรเยี่ยมถึงบ้าน 3. โพสต์บอกเพื่อนว่าเราอยู่ที่ไหน - อาจมีผู้ที่คลั่งไคล้ หรือไม่หวังดีคอยติดตาม 4. โพสต์เยอะเกินไป - เชื่อเถอะว่ามีคนรำคาญคุณ 5. ระบายอารมณ์ - พอใจเย็นแล้ว จะลบก็ไม่ทันแล้วนะ 6. นัดเจอคนแปลกหน้า - รู้หน้าไม่รู้ใจอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต 7. เล่นมากเกินไป - อาจจะกระทบกับงานหรือการเรียนขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.thairath.co.th/content/450798
|
|
|
16707
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ครูสาวฝันเหยียบโลง ได้ 34ล้าน ญาติเต็มบ้าน-ธนาคารรุมตอม
|
เมื่อ: กันยายน 18, 2014, 08:25:20 am
|
ครูสาวฝันเหยียบโลง ได้ 34 ล้าน ญาติเต็มบ้าน-ธนาคารรุมตอม ครูสาวดวงเฮงถูกรางวัลที่1 และแจ็กพอตรับทรัพย์34ล้าน บอกคืนก่อนวันหวยออกฝันว่าเหยียบโลงศพ ซึ่งเคยฝันแบบนี้แล้วโชคดีได้เงินทุกที เตรียมเข้ากรุงรับเงิน18ก.ย.นี้ มีแขกมาร่วมยินดีเต็มบ้าน ธนาคารกว่า20แห่งรุมจีบให้ฝากเงิน
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ กรณีนางวรางค์ศิริ หงษาโชติพาณิช อายุ 32 ปี ครู ร.ร.บ้านกะเอิน ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 ก.ย.57 ชุดที่ 49 และชุดที่ 50 หมายเลข 772269 พร้อมถูกราวัลแจ็กพอต ได้เงินรางวัลรวมถึง 34 ล้านบาท ที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 3 บ้านหนองคู ต.โพนยาง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ของนางวรางค์ศิริ ปรากฏว่าได้มีญาติพี่น้อง พร้อมด้วยชาวบ้านหนองคู และหมู่บ้านใกล้เคียง พากันมาแสดงความยินดีกับนางวรางค์ศิริ และนายสานิตย์ สามีภรรยาผู้โชคดี ซึ่งทั้งสองได้ช่วยกันทำอาหารเลี้ยงบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านที่มา พร้อมทั้งได้นำเอาสำเนาที่ถ่ายเอกสารลอตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลที่ 1 มาให้ผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดีได้ชมเป็นขวัญตาด้วย
ต่อมา ได้มีนายชัยรัตน์ ดวนสูง อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนางวรางค์ศิริ เดินทางมาแสดงความยินดีกับพี่สาว และได้วิ่งเข้าไปกอดนางวรางค์ศิริด้วยความดีใจ ซึ่งนางวรางค์ศิริ บอกว่า น้องชายมีอายุห่างจากตน 1 ปี เวลาไม่มีเงิน ก็จะไปหยิบยืมเงินจากน้องชายคนนี้เพื่อมาใช้จ่ายในการค้าขาย
นางวรางค์ศิริ ว่าที่เศรษฐินี กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีบรรดาธนาคารต่างๆ ใน อ.วังหิน และจากที่อื่นกว่า 20 แห่งพากันมาขอให้ตนนำเงินรางวัลที่ได้ไปฝากกับทางธนาคาร แต่ว่าตนยังไม่ตกลงใจว่าจะฝากเงินที่ใด ต้องรอหารือกับสามี และน้องชายก่อนว่า จะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งยังมีบริษัทขายรถยนต์ รวมทั้งบริษัทจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ามาติดต่อเพื่อขอให้ซื้อสินค้าหลายราย แต่ตนบอกว่า ยังรอไว้ก่อน
"ก่อนที่จะถึงวันที่ลอตเตอรี่ออกรางวัลนั้น ในช่วงกลางคืนได้ฝันว่า ขึ้นไปเหยียบบนโลงศพ ซึ่งฝันแบบนี้เคยฝันมาก่อน และเมื่อฝันแบบนี้ทีไร ก็จะโชคดีได้เงินทุกครั้ง และพอรุ่งเช้าของวันที่ 16 ก.ย.ซึ่งเป็นวันที่ลอตเตอรี่ออกก็โชคดีจริงๆ เงินที่ได้ก็มากที่สุดในชีวิตถึง 34 ล้านบาท ซึ่งยังยืนยันว่า จะนำเอาเงินที่ได้ไปใช้ในการพัฒนา ร.ร.บ้านกะเอิน ทั้งการติดพัดลม แอร์ รวมทั้งการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดของโรงเรียนที่กำลังก่อสร้าง และพัฒนาวัดบ้านหนองคู ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดให้มีสภาพดีขึ้นกว่าเดิม"นางวรางค์ศิริ กล่าว และยังบอกด้วยว่า โชคใหญ่ครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่ตนและสามีชอบช่วยเหลือคนทั่วไป และชอบทำบุญทอดกฐิน ผ้าป่า ทำให้กุศลผลบุญหนุนส่งให้ถูกรางวัลแจ็กพอตอย่างไรก็ตาม นางวรางค์ศิริ กล่าวยืนยันว่า ตนและสามียังคงทำธุรกิจขายพันธุ์หอมแดง ทำสวนปลูกผักขายแบบเดิมต่อไป และได้วางแผนกับน้องชายว่า จะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อนำลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินที่กองสลากฯ ในวันที่ 18 ก.ย.นี้.ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/450930
|
|
|
16709
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กรุแตก!วัดดังสุพรรณบุรี พบพระ′ขุนแผนไข่ผ่าซีก-หลวงพ่อคง′ในช่อฟ้ากว่าพันองค์
|
เมื่อ: กันยายน 18, 2014, 08:18:34 am
|
กรุแตก!วัดดังสุพรรณบุรี พบพระ′ขุนแผนไข่ผ่าซีก-หลวงพ่อคง′ในช่อฟ้ากว่าพันองค์ วันที่ 17 กันยายน ที่วัดแค ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะคนงานก่อสร้างกำลังทยอยรื้อหอสวดมนต์ไม้หลังเก่าอายุกว่า 50 ปีเพื่อสร้างหอสวดมนต์หลังใหม่มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท พบพระเครื่องจำนวนกว่าพันองค์ ที่บริเวณช่อฟ้าทั้ง 2 ด้านเป็นพระขุนแผนไข่ผ่าซีกและหลวงพ่อคง เป็นเนื้อดินเผาเชื่อว่าอายุมากกว่า 50 ปีพระครูไพศาลธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสวัดแค กล่าวว่า ขณะช่างที่มารับเหมารื้อหอสวดมนต์หลังเก่า กำลังเตรียมรื้อช่อฟ้าพบพระเครื่องจำนวนมากอยู่ในช่อฟ้าเชื่อว่าอดีตเจ้าอาวาสได้นำไปใส่ไว้ช่วงที่สร้างหอสวดมนต์ พบพระเนื้อดินเผาเป็นพระขุนแผนไข่ผ่าซีกหลวงพ่อคงและยังมีพระอย่างอื่นบ้างประปราย ต้องรอกรรมการวัดเพื่อหารือเตรียมดำเนินการต่อไป ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410943197
|
|
|
16712
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แขกแห่บูชาวัว 3 ตา เชื่อเป็น "พระศิวะอวตาร"
|
เมื่อ: กันยายน 18, 2014, 07:43:09 am
|
แขกแห่บูชาวัว 3 ตา เชื่อเป็น "พระศิวะอวตาร" ชาวอินเดียในรัฐทมิฬนาฑู แห่บูชาลูกวัวแปลกอายุ 2 สัปดาห์ ซึ่งมีตาที่สามงอกออกมาจากกลางหน้าผาก เชื่อเป็นพระศิวะอวตารลงมา
เว็บไซต์ข่าวแท็บลอยด์อังกฤษ “เดอะ มิรเรอร์” รายงานจากรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า ชาวบ้านหลายร้อยรายในรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย แห่เดินทางมาดูและบูชาลูกวัว 3 ตา เพศเมีย อายุ 2 สัปดาห์ ที่มีตาที่สามงอกออกมากลางหน้าผาก ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า เป็นพระศิวะ เทพเจ้า 3 ตา หนึ่งในตรีมูรติ หรือเทพเจ้าสูงสุดสามพระองค์ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อวตารลงมาเกิด นายเมกาลา ผู้เป็นเจ้าของ ภาคภูมิใจในลูกวัวตัวดังกล่าวมาก เขากล่าวว่า มันเป็นเหมือนปาฏิหาริย์ ที่ดึงดูดผู้คนทั่วทุกสารทิศมาเคารพบูชา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เดินทางมา จะแตะหัวของลูกวัว ตามความเชื่อที่อ้างว่า จะทำให้พวกเขาโชคดี นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเชื่อว่า ลูกวัวถูกส่งลงมาจากสวรรค์เพื่ออำนวยพรให้แก่หมู่บ้าน ดังนั้น พวกขาจึงบูชามันด้วยความเคารพเสมือนเป็นตัวแทนของเทพ
ขอบคุณภาพข่าวจาก www.dailynews.co.th/Content/foreign/267383/แขกแห่บูชาวัว3ตาเชื่อเป็นพระศิวะอวตาร
|
|
|
16713
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / การบินไทยออกกฎเรื่องการนำ Powerbank ขึ้นเครื่องบิน.!!
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2014, 11:53:55 am
|
การบินไทยออกกฎเรื่องการนำ Powerbank ขึ้นเครื่องบิน.!! เพื่อความเข้าใจในกฏดังกล่าวทางสายการบินไทยจึงได้จัดทำ Infographic เกี่ยวกับการนำ Powerbank ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถพกแบตเตอรี่สำรองได้แบบมีความจุไฟฟ้าน้อยกว่า 20,000 mAh ไปจนถึงความจุไฟฟ้าน้อยกว่า 32,000 mAh ไม่เกิน 2 ก้อน ขึ้นเครื่องได้ และต้องใส่กระเป๋าเล็กหรือพกติดตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งในการออกกฎครั้งนี้เนื่องก่อนหน้านี้เคยมีเคสในต่างประเทศว่า Powerbank จัดเป็นวัตถุอันตราย ถึงขั้นไม่สามารถนำ Powerbank ขึ้นเครื่องได้ในบางสายการบิน
ขณะเดียวกันยังเคยเกิดเหตุการณ์ Powerbank ลุกไหม้ในสายการบินต่างชาติมาแล้ว จึงออกมาตรการนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกฏมาตรฐานความปลอดภัย( IATA ) และ Powerbank ก็จัดเป็นวัตถุอันตรายด้วย เพราะแบตลิเธียมเมื่อเกิดความร้อนสูงเกินไป สามารถนำไปสู่การติดไฟได้เช่นกันที่มา krobkruakao hitech.sanook.com/1391697/การบินไทยออกกฎเรื่องการนำ-powerbank-ขึ้นเครื่องบิน/
|
|
|
16714
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / 'พ่อจง' วัดสังฆาราม เกจินักพัฒนา ศิษย์เอกหลวงพ่อปี้ ทินฺโน
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2014, 11:26:44 am
|
'พ่อจง' วัดสังฆาราม เกจินักพัฒนา ศิษย์เอกหลวงพ่อปี้ ทินฺโน รื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู พระสุขวโรทัย (จง จัตตมโล) เจ้าอาวาสวัดสังฆาราม (บ้านด่าน) อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย เจ้าคณะพระสังฆาธิการสายปกครอง รองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ท่านเป็นเกจิอาจารย์ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง มีผู้เคารพนับถืออย่างกว้างขวางในจ.สุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนปริยัติสามัญวัดสังฆาราม อุทยานพระพุทธศาสนา และสร้างพระร่วงองค์ใหญ่ประจำจังหวัดสุโขทัย
ท่านเป็นศิษย์เอกของพระครูสุวิชานวรวุฒิ (หลวงพ่อปี้ ทินฺโน) แห่งวัดด่านลานหอย อดีตพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาญาณสูง มีอภินิหารมากมาย อาทิ อาบน้ำในขวด และย่นระยะทางได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยหลวงพ่อจงได้ปฏิบัติตนตามแม่แบบคือหลวงพ่อปี้ทุกประการ คือไม่ว่าในด้านการปฏิบัติ-ปริยัติ ตลอดจนการพัฒนา ท่านมีความสามารถทุกๆ ด้านจนเป็นที่เลื่องลือ
หลวงพ่อจงเกิดเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๔๗๗ ที่บ้านด่าน ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย โยมบิดาชื่อ “นายชื้น” โยมมารดาชื่อ “นางมุด” นามสกุล “สุขอิ่ม” มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน หลวงพ่อจงเป็นคนโต” เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ได้เข้าอุปสมบท ณ อุโบสถวัดสังฆาราม อันเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน โดยมีพระครูสุวิชานวรวุฒิ (หลวงพ่อปี้ ทินฺโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จัตตมโล”
หลังจากบวชพระแล้วท่านได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อปี้มาตลอด โดยหลวงพ่อปี้ได้ถ่ายทอดในการปฏิบัติและการศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ให้จนหมดสิ้น จนถือได้ว่าหลวงพ่อจงเป็นศิษย์เอกผู้มีความเชี่ยวชาญทุกๆ ด้านอย่างแท้จริง นอกจากมีความรู้ความสามารถในทางการศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อจงยังมีความสามารถในเชิงช่างอีกด้วย กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นการทำตู้โบราณ, ทำโต๊ะเรียน ทำเก้าอี้ หรือสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อจงท่านทำเป็นหมด นับได้ว่าท่านมีพรสวรรค์ในทางช่างโดยแท้ ที่สำคัญในการเย็บปักถักร้อยนั้น หลวงพ่อจงท่านก็มีความสามารถเป็นพิเศษ จะเห็นได้จากเมื่อผ้าจีวรผ้าสบง ผ้าอังสะหรือผ้าสังฆาฏิขาด ท่านก็ตัดเย็บเพื่อห่มเองเป็นประจำ
วิทยะฐานะ พ.ศ. ๒๔๘๙ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดสังฆาราม อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย พ.ศ. ๒๕๐๓ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดสุโขทัย งานปกครอง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม พ.ศ.๒๕๐๑ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.๒๕๐๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดสังฆาราม พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นเจ้าคณะตำบลบ้านด่านลานหอย พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๒๙ เป็นเจ้าคุณะอำเภอบ้านด่านลานหอย พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาฯวัดสังฆาราม พ.ศ.๒๕๔๘ เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย
วันพฤหัสบดีที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ หลวงพ่อจงจะมีอายุครบ ๘๐ ปี คณะศิษยานุศิษย์นำโดยพระโสภณธรรมวงศ์ (เจ้าคุณถนอม) ประธานฝ่ายสงฆ์ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ได้ร่วมกันจัดงานบำเพ็ญกุศลอายุวัฒนมงคล ๘๐ ปี ซึ่งมีกำหนดการบำเพ็ญกุศลทำบุญตักบาตร กราบอาราธนาพระมหาเถรานุเถระ มาเจริญพระพุทธมนต์รับทักษิณานุประทานฉันภัตตาหารเพลบุญฉลองมงคลอายุครบ ๘๐ ปี ในมงคลโอกาสนี้ ได้มีการสร้างวัตถุมงคลฉลองมงคลอายุ ๘๐ ปี ชื่อรุ่น “จงได้ จงรวย จงเจริญ” ออกแบบมีพุทธศิลป์มงคลศิลป์อันงดงาม สร้างมวลสารอันยอดเยี่ยม ประกอบด้วยสมเด็จจงได้ ด้านหน้า เป็นพระพิมพ์สมเด็จเส้นด้าย ด้านหลัง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อจง เต็มองค์รวดลายงดงาม จารึกอักขระเข้มขลังของหลวงพ่อจง ขนาด ๓x๒.๓ ซม. เท่าองค์พระสมเด็จทั่วไป มี ๔ เนื้อ คือ เนื้อทองคำลงยา เนื้อเงินลงยา เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดงจ่าเงา พิมพ์พิเศษ เรียกว่าพิมพ์ “คะแนนจงได้” แตกต่างกันที่ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อจง แบบครึ่งองค์ ขนาด ๑x๑,๕ ซม. พระกริ่งจงรวย เป็นรูปเหมือนของหลวงพ่อจง นั่งบนฐานเขียงรวยลายงดงาม มีฝากริ่งจารึก “สิงห์” และคำว่า “รวย” องค์พระมีเนื้อนวะโหละลงหินเนื้อเดียว แยกฝากริ่ง ๓ เนื้อ ประกอบด้วย ทองคำ เงิน และทองแดงจ่าเงา เหรียญจงเจริญ เป็นเหรียญหล่อโบราณ ลวดลายกนกสวยงามจารึกคำว่า จงเจริญ ด้านหลังเป็นรูป “สิงห์” สัญลักษณ์แห่งอำนาจบารมี ล้อมรอบไปด้วยอักขระอันศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์หลวงพ่อท่าน มี ๓ เนื้อคือ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดงจ่าเงา
พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.๑๙ น. ภายในหอพระไตรปิฎกกลางน้ำ เฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วย พระธรรมวิสุทธิวงศ์ (โล๊กโอวอุดมุต) อายุ ๘๒ ปี เมืองพระตาบอง ประเทศกัมพูชา, พระราชวิทยาคม (ครูบาสายทอง) อายุ ๗๗ ปี วัดท่าไม้แดง อ.เมือง จ.ตาก, พระวรญาณมุนี (หลวงตาละมัย) อายุ ๙๒ ปี วัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก, พระมงคลสุธี (หลวงพ่อแขก) อายุ ๙๐ ปี วัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก, พระครูวรธรรมประยุต (หลวงพ่อทุเรียน) อายุ ๘๑ ปี วัดท่าดินแดง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย, พระครูนันทสีลาจาร (หลวงพ่อบุญมี) อายุ 85 ปี วัดโบสถ์ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย
พระครูสิริศีลสังวร (ครูบาน้อย) อายุ ๖๓ ปี วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่, ครูบาบุญยัง ปุญฺญํกโร อายุ ๗๘ ปี วัดห้วยน้ำอุ่น อ.ลี้ จ.ลำพูน, พระครูนิวิฐมณีวง (หลวงพ่อสะอาด) อายุ ๘๐ ปี วัดเขาแก้ว องพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์, พระครูปัญญาสิริไพรตาน อายุ ๘๓ ปี วัดตาศาญทมัย พระตาบอง ประเทศกัมพูชา, พระครูโกศลพัฒนกุล (พระอาจารย์เสนาะ) อายุ ๕๒ ปี วัดพงท่าข้าม อ.สูงเม่น จ.แพร่ ฯลฯ พระพิธีธรรมสาธยายพระคาถาพุทธาภิเษก นำโดย พระครูนิสัยสรนาท (มหาวีระพงษ์) วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์สร้างพระถวายเจ้าพ่อหลวงของแผ่นดิน ตามหลักฐานในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า "วัดสังฆาราม" ตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี ๑๙๓๒ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อประมาณปี ๑๙๒๗ เป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านด่านลานหอยอีกหนึ่งแห่ง
ด้วยผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ ในปี ๒๕๐๑ หลวงพ่อจงท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสังฆาราม ซึ่งเมื่อท่านได้รับมอบหมายและความไว้วางใจจากพระผู้ใหญ่แล้ว ท่านก็พัฒนาปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดสังฆารามเป็นการใหญ่ เช่น สร้างศาลาการเปรียญ กุฏิ-วิหาร และอุโบสถ ตลอดจนดูแลวัดในเขตการปกครองของท่านอย่างเสมอต้นเสมอปลาย อาทิ วัดหนองจิกตีนเนิน, วัดเชิงคีรี, วัดวังลึก และวัดวังแดง เป็นต้น
เมื่อหลวงพ่อจงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านด่านลานหอย ทำให้ท่านยิ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาวัดต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของท่านเพิ่มมากขึ้นด้วยการให้การศึกษา และการพัฒนาเป็นหลักใหญ่ ที่สำคัญขณะนี้ได้รับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการโครงการ “สร้างพระถวายเจ้าพ่อหลวงของแผ่นดิน” ตามมติมหาเถรสมาคม มติที่ ๔๕๒/๒๕๕๐ สร้างพระพุทธรูปปางประทับยืน สูง ๓๒ เมตร งบประมาณ ๑๐๐ กว่าล้าน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระราชอุทิศ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญโดยเปิดให้สั่งจองในวันอังคารที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ณ วัดสังฆาราม (บ้านด่าน) ศาลาวัตถุมงคลหอพระไตรปิฎกกลางน้ำ โทร.๐๘-๒๗๖๘-๖๖๘๘, ๐๘-๑๖๐๔-๖๙๓๓ และวัดคูหาสุวรรณ ศาลาการเปรียญหลวงพ่อห้อม พระโอฬาร โทร.๐๘-๑๕๓๒-๙๐๖๐ และ ๐๘-๖๙๓๙-๖๐๑๕ หรือ เข้าดูรายเอียดเพิ่มเติม : www.spdr80.comขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20140915/192084.html
|
|
|
16716
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทาน ทานวัตถุ ทานมัย
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2014, 11:02:01 am
|
ทาน-ทานวัตถุ : คำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์ พระครูประชาธรรมนาถ หรือหลวงพ่อแฉ่งของชาวราษฎร์นิยม อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์นิยม ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ท่านได้ละสังขารในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๓๘ ด้วยอาการสงบ เกือบ ๒ ทศวรรษแห่งการมรณภาพ ลูกศิษย์ยังสำนึกในบุญคณ ครั้นเมื่อถึงวันที่ ๙ กันยายน ของทุกปี ศิษย์จากทั่วสารทิศจะกลับมาทำบุญที่วัดด้วยการ "ตั้งโรงทาน" โดย "เด็กวัด" ที่ออกไปได้ดิบได้ดีกลับมาร่วง "ตั้งโรงทาน" อย่างต่อเนื่อง
สำหรับคำว่า "ทาน" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้ให้ความไว้ว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ วัตถุที่พึงให้
ทาน ที่แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หมายถึง การให้ทานด้วยจิตใจที่ดีงาม มุ่งเพื่อบูชาพระคุณ เช่นที่ให้แก่บิดามารดา ถวายแก่พระสงฆ์ เป็นต้นบ้าง มุ่งเพื่อสงเคราะห์ เช่นที่ให้แก่คนตกทุกข์ได้ยาก ให้แก่คนทั่วไปด้วยความกรุณาสงสารบ้าง
ทาน ที่แปลว่า วัตถุที่พึงให้ ย่อมาจาก "ทานวัตถุ" หมายถึง สิ่งของสำหรับให้สำหรับเสียสละให้ผู้อื่น ได้แก่สิ่งของที่ถวายพระ สิ่งของที่ควรนำไปให้เพื่อตอบแทนบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ครู อาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ เรียกว่าไทยทานบ้าง ไทยธรรมบ้าง มี ๑๐ อย่าง ทานสูตร ได้แก่ อาหาร, น้ำ, เครื่องนุ่งห่ม, ยานพาหนะ, มาลัยและดอกไม้, ของหอม (ธูปเทียน), เครื่องลูบไล้ (สบู่เป็นต้น), ที่นอน, ที่อยู่อาศัย, และประทีป (ไฟหรือไฟฟ้า) การให้ทานวัตถุ ๑๐ อย่างนี้มีผลอานิสงส์มากเพราะเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างเดียว ไม่มีโทษ ไม่มีพิษภัยแก่ผู้รับ การเลือกของที่จะให้บัณฑิตสรรเสริญ ด้วยจิตใจที่ดีงาม
ทานเป็นบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า "ทานมัย" คือ บุญที่เกิดจากการให้ เป็นสังคหวัตถุ คือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจกันไว้ได้ และเป็นบ่อเกิดแห่งบารมีที่เรียกว่า ทานบารมี
การให้ทานมีวัตถุประสงค์สำคัญในการคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา
ส่วนประเภทของทานมี ๔ ประเภท คือ ๑. ทานที่เป็นอามิส หรืออามิสทาน คือ การให้วัตถุสิ่งของ ๒. ทานที่ไม่เป็นอามิส หรือธรรมทาน คือการให้ที่ไม่เป็นวัตถุสิ่งของ ได้แก่ ให้สติ ให้ธรรมะ สอนคุณธรรม ให้กำลังใจ ให้อภัย (อภัยทาน) ให้วิทยาทาน ๓. อภัยทาน คือการยกโทษด้วยการไม่พยาบาทจองเวร บัณฑิตกล่าวเป็นทานที่ให้ได้ยากที่สุด โดยเฉพาะการให้อภัยศัตรูหรือผู้ที่ทำร้ายตนอย่างสาหัส ๔. วิทยาทาน คือการให้ความรู้ทางโลกขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20140912/191938.html
|
|
|
16717
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / 'เฟซบุ๊ก' ยอดฮิตใน 'แอฟริกา' ยอดผู้เข้าใช้พุ่งถึง 100 ล้านคน!
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2014, 10:52:46 am
|
'เฟซบุ๊ก' ยอดฮิตใน 'แอฟริกา' ยอดผู้เข้าใช้พุ่งถึง 100 ล้านคน! "เฟซบุ๊ก" (Facebook) เผยสถิติการใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ พบมีจำนวนผู้ใช้กว่า 1,320 ล้านคน! จากทั่วโลกแห่เข้าระบบ ส่วนทวีปแอฟริกามีจำนวนผู้เข้าใช้เฟซบุ๊กคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต…
แม้ว่า "เฟซบุ๊ก" เป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก ทั้งเพื่อการติดต่อสื่อสาร การค้าขาย หรือแม้แต่ใช้เพื่อสร้างและเสพความบันเทิง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า... ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ พื้นที่ใดในโลก ที่มีการใช้งานเฟซบุ๊กมากเป็นจำนวนถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต คำตอบคือ "ทวีปแอฟฟริกา"
เฟซบุ๊ก ได้ประกาศความสำเร็จในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยระบุว่า อัตราการเข้าถึงเฟซบุ๊กของผู้ใช้ทั่วโลกนั้น มีจำนวนถึง 1,320 ล้านคนต่อเดือน ส่วนการเข้าถึงเฟซบุ๊กผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นก็มีไม่น้อย ด้วยจำนวนกว่า 1,070 ล้านคนต่อเดือน
อินโฟกราฟิคแบบเท่ๆ ต่อการใช้งานเฟซบุ๊กในทวีปแอฟริกา กลับมาที่ข้อมูลน่าสนใจของทั่วทั้งทวีปแอฟริกา ซึ่งมีผู้เข้าใช้งานเฟซบุ๊กราว 100 ล้านคนต่อเดือน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตในทวีปดังกล่าว ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 200 ล้านคน โดยมากกว่า 80% ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กยังเข้าใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือในทุกเดือน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริง ว่าประชากรในประเทศที่มีการเติบโตสูงต้องการที่จะเชื่อมต่อกับทั่วโลก และโทรศัพท์มือถือก็กลายเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับโลกรอบๆ ตัวได้สำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แสดงให้เห็นว่ามือถือเป็นมากกว่าอุปกรณ์ที่ใช้โทร.ติดต่อและส่งข้อความ แต่ถือเป็นช่องทางที่สำคัญในการเข้าถึงข่าวสาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และอาชีพการงาน ทั้งยังเป็นช่องทางเชื่อมต่อกับแบรนด์และผู้ซื้อโฆษณาต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก ได้พัฒนาประสบการณ์การใช้งานเฉพาะบุคคลขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกของประชากรในประเทศที่มีการเติบโตสูง โดยมีการเปิดตัวทางออกสำหรับโฆษณาที่เรียกว่า "click to missed call" ในประเทศอินเดีย เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อไม่นานมานี้ เฟซบุ๊ก ยังได้ประกาศใช้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยแบนด์วิธสำหรับนักโฆษณาทั่วโลก ในประเทศที่กำลังพัฒนาและมีอัตราการใช้งานเฟซบุ๊กเติบโตสูงอีกด้วย.ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/450614
|
|
|
16720
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไอเดียเจ๋ง ทำโลงศพเป็น "บ้านหลังสุดท้าย"
|
เมื่อ: กันยายน 17, 2014, 10:36:36 am
|
ไอเดียเจ๋ง ทำโลงศพเป็น "บ้านหลังสุดท้าย" เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีร้านขายหีบศพ ซึ่งเป็นบ้านหลังสุดท้ายของคนตาย มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรค์ เพราะที่นี้เขามไอเดียใหม่สำหรับคนตายครับ ร้านนี้เป็นร้านของนางสาวจันทรา เปลี่ยนสมัย อายุ 37 ปี เปิดเป็นร้านขายหีบศพ อยู่ที่อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
โดยนางสาวจันทรา กล่าวว่า เป็นผู้ทำหีบโลงศพเป็นบ้านหลังสุดท้าย แห่งแรกในจังหวัดราชบุรี เพราะธุรกิจขายหีบศพเริ่มก่อตั้งขึ้นมาประมาณ 10 กว่าปี ก็อยากให้เปลี่ยนแบบรูปแบบใหม่ๆ ดูบ้าง ไม่อยากให้มีแต่โลงศพแบบเดิมๆ อย่างหีบศพเทพพนม หีบศพแบบมุข โดยอยากจะเปลี่ยนเป็นวัฒนกรรมใหม่ ๆ ที่ทันสมัยขึ้น แบบไม่เครียด และดูไม่น่ากลัว จึงได้ไอเดียเก๋ๆที่ไม่เหมือนใคร โดยทำรูปแบบหีบศพเป็นบ้านและคอนโด ออกมาให้กับผู้เสียชีวิตที่อยากจะมีบ้านหลังสุดท้ายสวยๆโดยการออกแบบสร้างโลงศพนั้น ก็จะมีแบบบ้านเดี่ยว, บ้าน 2 ชั้น, คอนโด โดยทั้งหมดนั้นจะทำลวดลายให้เหมือนบ้าน และใส่หลังคาบนหีบศพ ซึ่งคนนั้นเริ่มมีความคิดที่จะผลิตโลงศพลักษณะนี้ ออกมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว และก้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนราคานั้นมีตั้งแต่ 11,000 จนไปถึง 18,000 บาท แล้วแต่แบบรูปทรงบ้านที่ออกแบบ
นอกจากนี้ นางสาวจันทรายังกล่าวอีกว่า ในอนาคตนั้นจะออกแบบโลงศพเป็นแบบบ้านทรงไทย และโลงสุนัขออกมาสำหรับคนรักสัตว์ ซึ่งการเกิดแก่เจ็บตาย เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกสิ่งที่เกิดมาบนโลก ทุกคนรู้ว่าเกิดมาเมื่อไหร่ แต่เราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ อย่างน้อยในวันที่เราตาย เราก็คงอยากได้โลงศพสวยๆ มาไว้ใส่ร่างของเราในวาระสุดท้าย เพราะ บางครั้งการตาย ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเสมอไป มันเป็นการพ้นทุกข์
จุดประสงค์ของเราคืออยากจะเปลี่ยนโลงที่ดูน่ากลัว ให้กลายเป็นโลงที่สวยงาม และแม้ในที่สุดโลงก็จะต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับร่างที่อยู่ภายใน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการส่งผู้ล่วงลับไปสู่สุขคติเป็นครั้งสุดท้ายขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410752070
|
|
|
|