แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
16801
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 8 อาหารเช้า สลัดความง่วง ปลุกสมองปลอดโปร่ง !
|
เมื่อ: กันยายน 09, 2014, 10:28:08 am
|
8 อาหารเช้า สลัดความง่วง ปลุกสมองปลอดโปร่ง.! เช้าๆ ตื่นมาเหมือนยังไม่ตื่นดี ทั้งงัวเงียและหงุดหงิดง่ายเหมือนนอนได้ไม่เต็มอิ่ม คิดอะไรไม่ค่อยออกหรืออาจจะอึนกันไปตลอดวัน … เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ "ไทยรัฐออนไลน์" ขอเพิ่มความกระชุ่มกระชวย ปลุกความสดชื่นให้คุณในตอนเช้า เติมความปลอดโปร่งให้สมองวิ่งแล่น และเพิ่มพลังงานด้วยอาหารเช้า 8 อย่าง ทั้งอาหารทานเล่นและผลไม้ที่คุณอาจไม่คิดว่ามันช่วยได้จริง แถมที่สำคัญยังทำให้คุณอารมณ์ดีและรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดวัน
เดินหน้าสตาร์ตเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย...!
1. อัลมอนด์ อาหารทานเล่นที่เป็นแหล่งรวมสารอาหารชั้นยอด อย่างโปรตีนและไขมันต่ำ (ที่ไม่ทำให้อ้วน) นอกจากอัลมอนด์จะช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายและช่วยให้สมองไบรท์มากขึ้นแล้ว อัลมอนด์ยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของคุณให้คงที่ด้วย จึงเหมาะที่จะทานในตอนเช้าเป็นอย่างยิ่ง คุณอาจจะทานเล่นๆ หรือนำไปมิกซ์ผสมกับอย่างอื่นก็ได้
2. ไข่ไก่ เหตุผลที่เรา (ต้อง) กินไข่ไก่ทุกเช้าให้เป็นนิสัย เพราะในไข่ไก่อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ให้สมองรู้สึกปลอดโปร่ง คิดและตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้เร็วและง่ายขึ้น รวมทั้งไข่ไก่หนึ่งใบยังให้พลังงานมากถึง 3 เท่า ! คุณสามารถทำอะไรหลายสิ่งอย่างได้ตลอดวัน โดยที่คุณไม่รู้สึกเสียพลังงานเลยแม้แต่น้อย3. โยเกิร์ต เลือกทานโยเกิร์ตแบบธรรมดาๆ ในตอนเช้าแทนน้ำผลไม้หวานๆ ที่ใส่น้ำตาล (ที่เป็นสาเหตุให้คุณเหนื่อยง่ายและพลังงานในร่างกายลดลง) โยเกิร์ตจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น หรือบางทีคุณอาจนำอัลมอนด์มามิกซ์ทานเข้าด้วยกันก็อร่อยไปอีกแบบ แถมยังช่วยสร้างพลังงานให้กับร่างกายได้ดีจริงเชียว ยิ่งถ้านำโยเกิร์ตไปแช่เย็นก่อนทาน คุณจะรู้สึกสดชื่นแบบสุดๆ
*** ทริคเล็กน้อย *** โยเกิร์ต สามารถทานได้ตลอดเวลา ยิ่งถ้าคุณทานโยเกิร์ตก่อนนอนทุกคืน ตอนเช้าตื่นมาคุณจะขับถ่ายได้ดีทีเดียวล่ะ
4. แอปเปิ้ล ทานแอปเปิ้ลแทนกาแฟสักแก้วในตอนเช้า คุณจะไม่เพียงรู้สึกตื่น แต่คุณจะรู้สึกอิ่มท้องด้วย … น้ำตาลธรรมชาติที่อยู่ในแอปเปิ้ลจะทำให้คุณดีดตัว คุณจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น 5. ผักขมหรือกะหล่ำปลีสีเขียวเข้ม รับเช้าวันใหม่ด้วยผักสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยใบ ประโยชน์หลากหลายที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยให้สมองแล่นพร้อมเปิดรับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ในเช้าวันไหนที่คุณเบื่อๆ ลองทำไข่คนใส่ผักขมหรือกะหล่ำปลีสีเข้มๆ ดูสิ รับรอง … มันจะช่วยขับเคลื่อนพลังงานให้คุณอย่างเต็มที่เลยล่ะ
6. ธัญพืช โฮลเกรนต่างๆ อาหารสมองที่เต็มไปด้วยประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากมาย นอกจากโฮลเกรนจะให้พลังงานมากเท่าที่คุณต้องการแล้ว ยังเป็นอาหารที่ช่วยลดความอ้วนได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย เพราะธัญพืชหรือโฮลเกรนเป็นข้าวที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ (แต่ให้พลังงานสูง) จึงเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ อยากมีหุ่นสวยโดยเฉพาะ อาหารเช้าคุณอาจฉีกกรอบไอเดียเดิมๆ มิกซ์ธัญพืชโฮลเกรนเข้ากับอัลมอนด์ หรือทานคู่กับแอปเปิ้ลก็ได้ ก็อร่อยแถมได้ประโยชน์ไปอีกแบบ …7. ผลส้ม ทานผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีอย่างส้มสัก 1- 2 ผล ในตอนเช้า เพื่อให้ร่างกายของคุณได้เบิร์นไขมันเป็นพลังงาน…ไม่แปลกใจเลยว่า ใครๆ ก็ดื่มน้ำส้มในตอนเช้า !
8. กล้วย ผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมและวิตามินมากมาย กล้วยจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของคุณให้คงที่และทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ส่วนน้ำตาลในกล้วยจะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกมีพลังมากขึ้น นอกจากทานกล้วยในตอนเช้าแล้ว ลองเปลี่ยนมาทานกล้วยตอนบ่ายๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่น คลายง่วงแทนการดื่มกาแฟสักแก้ว ก็เวิร์กอยู่นะ !
จริงๆ แล้วคุณสามารถทานกล้วยได้ตลอดเวลา ยิ่งทานกล้วยมากเท่าไร ยิ่งดีต่อสุขภาพเท่านั้น...!ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/448173
|
|
|
16803
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แห่ดู‘ควายแปลก‘ไถ่จากโรงเชือดถวายวัดดังกรุงเก่า
|
เมื่อ: กันยายน 09, 2014, 10:14:43 am
|
แห่ดู ‘ควายแปลก‘ ไถ่จากโรงเชือดถวายวัดดังกรุงเก่า วัดดังกรุงเก่า รับเลี้ยงควายไทย 5 ตัวที่มีผู้ไถ่ชีวิตจากโรงเชือด ลักษณะแปลกแตกต่างจากควายทั่วไป มีทั้งควายแคระ ควายเผือก และควายสลับสีขาว-ดำ นัยน์ตาสีฟ้า นักร้องดัง ‘สุรชัย สมบัติเจริญ’ ไปเห็นบอกเป็นโชคดีของควายที่ได้มาอยู่วัด
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.57 ที่วัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีประชาชนเดินทางมาทำบุญ และกราบนมัสการพระครูเกษม จันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสพระเกจิชื่อดังของ จ.พระนครศรีอยุธยา ในจำนวนนี้ รวมถึง "สุรชัย สมบัติเจริญ" นักร้องชื่อดัง ที่เดินทางมาทำบุญด้วย
โดยพระอาจารย์แดง ได้พานายสุรชัย สมบัติเจริญ ไปดูควาย 5 ตัว ที่นางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายกอบจ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายไพศาล ทุ่งทอง อายุ 50 ปี เจ้าของตลาดน้ำทุ่งบัวชมพร้อมครอบครัว ได้ร่วมกันไถ่ชีวิตมาจากโรงเชือดที่จ.ชัยนาท และนำมาถวายพระอาจารย์แดง ซึ่งทั้ง 5 ตัว มีลักษณะแปลกไปกว่าควายทั่วไป โดยมีควายแคระจำนวน 3 ตัว ควายเผือก 1 ตัวและควายทุย 2 ตัว 1 ใน 2 ตัวเป็นควายตัวเมียมีลักษณะตัวใหญ่สวยงาม ลำตัวสีดำ ใบหน้าและหัวสีเผือก ขาสีเผือกเหมือนสวมถุงเท้านักฟุตบอล นัยน์ตาสีฟ้า สร้างความสนใจให้กับประชาชนและญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดอย่างมาก นายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้อง นักแสดง บอกว่าได้เดินทางมาทำบุญที่วัด พบผู้มีจิตศรัทธานำควายมาถวาย จึงมาดู และเห็นมีควายแปลกรูปร่างใหญ่ เขาสวยมีสีขาวสีดำสลับกัน โชคดีที่มาอยู่ที่วัดนี้ไม่ถูกโรงฆ่าสัตว์เชือดไปเสียก่อน และมีชาวบ้านที่ชอบเรื่องหวย เมื่อเห็นของแปลกก็ไม่พลาดที่จะมองหาเลขเด็ด จุดธูปกราบไหว้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชค
ขณะที่นายไพศาล ทุ่งทอง เจ้าของควายซึ่งเป็นผู้ไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ บอกว่าได้ไถ่ชีวิตควายมาในราคาตัวละ 50,000 บาท เลี้ยงไว้ที่ตลาดน้ำบัวชมได้ประมาณ 6 เดือนจึงปรึกษากับทางครอบครัวว่าถวายควายให้วัดจะเป็นบุญกุศลดีกว่าให้คนอื่น สุดท้ายก็ตกลงว่าจะนำมาไว้ที่วัด
ด้านพระอาจารย์แดง กล่าวว่า ได้รับควายไว้จำนวน 5 ตัว ให้ลูกศิษย์เลี้ยงไว้ในบริเวณวัด ให้ญาติโยมและเด็กๆ ได้เรียนรู้ศึกษาลักษณะของควายไทยต่อไป ส่วนเรื่องความเชื่อของคนชอบหวยก็เป็นเรื่องที่คู่กับคนไทยมานาน แต่ไม่อยากให้งมงายมากนัก อยากให้ทุกคนพึ่งตนเอง ก่อนที่จะพึ่งในสิ่งที่มองไม่เห็นขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/448768
|
|
|
16809
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / เบี้ยแก้..หมื่นกันพันแก้ สร้างตามตำรับ 'หลวงปู่รอดวัดนายโรง'
|
เมื่อ: กันยายน 08, 2014, 12:00:58 pm
|
เบี้ยแก้..หมื่นกันพันแก้ สร้างตามตำรับ 'หลวงปู่รอดวัดนายโรง' ัคอลัมน์ : พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู "เบี้ยแก้" เป็นเครื่องรางของขลังที่นับเป็นภูมิปัญญาของพระเกจิอาจารย์ไทยโดยเฉพาะ สร้างจาก หอยเบี้ยจั่น ที่มีฟันครบ ๓๒ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาคาถาอาคมขลัง จะสามารถเสกปรอทขณะกรอกลงปากเบี้ยได้ตามที่ต้องการ จากนั้นจะปิดปากหอยด้วยชันโรง ที่ได้จากใต้ดินในที่โล่งแจ้งเท่านั้น แล้วห่อด้วยแผ่นตะกั่ว ที่ลงอักขระเลขยันต์ตามตำรา เสร็จแล้วจึงถักด้วยด้าย แล้วลงรัก ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องบริกรรมคาถาตลอดเวลา ถึงจะมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ พุทธคุณเบี้ยแก้ป้องกันคุณไสย แก้เสนียดจัญไร รวมทั้งมีเมตตามหานิยมอีกด้วย
ด้วยพุทธคุณอันลือลั่น คนโบราณกาลที่เคยกล่าวไว้เป็นคำกลอนว่า "หมากดีที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูคู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพธิ์ พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ราหูคู่วัดศีรษะทอง แหวนอักขระต้องวัดหนองบัว ลูกแร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ทุกสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามญาตตรา ภัยมิกล้ามาแพ้วพาน"
เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง นับเป็นหนึ่งในสุดยอดของเครื่องรางที่หาได้ยากมาก ถือเป็นปฐมบทของเบี้ยแก้ หรือ "ราชาแห่งเบี้ยแก้" และถูกจัดให้เข้าอันดับเบญจภาคีของเครื่องราง โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะ คือ ๑.ใช้เบี้ยที่มีฟันครบ ๓๒ ซี่ ๒.ใช้ปรอทที่มีน้ำหนักตั้งแต่หนึ่งบาทขึ้นไปมาลงบรรจุในเบี้ย ๓.ใช้รังชันโรงที่อยู่ใต้ดิน มาอุดที่ปากเบี้ย เมื่อทำการบรรจุปรอทเสร็จสิ้นแล้ว ๔.ใช้ตะกั่วตีเป็นแผ่นเรียบ แล้วมาจารลงอักขระ หรือยันต์ เช่น พระเจ้า 16 พระองค์ ยันต์ตรีนิสิงเห หรือถ้าเป็นสายของหลวงปู่บุญ ก็จะมียันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์เฑาะว์ ตลอดจนมีอักขระขอม เช่น มะ อะ อุ เป็นต้น และใช้ตะกั่วที่มีการลงจารแล้วนั้น นำมาหุ้มที่ตัวเบี้ยอีกชั้น โดยตีรีดแผ่นตะกั่วจนเข้ารูปกับตัวเบี้ย แต่ในบางตัวที่พบกัน อาจใช้ผ้าหุ้มและเขียนยันต์กำกับไว้ก็มี
สำหรับภาพพระองค์ครูฉบับนี้ เป็น "เบี้ยแก้หมื่นกันพันแก้ รุ่นแรก" หุ้มตะกรุด ที่จัดสร้างโดย หลวงปู่ทอง วัดหินแร่เก่า อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้รวบรวมสุดยอดตะกรุดอีกหลายสิบเกจิ เช่น ตะกรุดหลวงพ่อคง วัดซำป่างาม, ตะกรุดหลวงพ่อภู วัดต้นสน, ตะกรุดหลวงปู่รอด วัดนายโรง, ตะกรุดหลวงพ่อมา วัดหาดสูง, ตะกรุดหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, ตะกรุดหลวงพ่อแดง วัดใหญ่อินทราราม, ตะกรุดหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์, ตะกรุดหลวงพ่อแก้ว วัดหนองตำลึง, ตะกรุดหลวงพ่อโต วัดเนิน, ตะกรุดหลวงพ่อเจียม วัดกำแพง, ตะกรุดหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก, ตะกรุดหลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา, ตะกรุดหลวงพ่อดำ วัดศรีมงคล, ตะกรุดหลวงพ่อพุก วัดพระยา, ตะกรุดหลวงพ่อบู่ วัดสระดู่, ตะกรุดหลวงพ่อโชติ วัดชะเอม, ตะกรุดหลวงพ่อแก้ว วัดลาดตะเคียน และอื่นๆ อีกมากมาย
เบี้ยแก้รุ่นแรกหลวงปู่ทองทำตามตำราทุกอย่าง ตัวเบี้ยจะต้องมีฟัน ๓๒ ซี่ แบ่งออกเป็น ๒ แถว แถวละ ๑๖ ซี่ ส่วนปรอทที่ใส่สำคัญต้องบริกรรมพระเวทเรียกปรอทเข้าไปรวมตัวกันอยู่ในเบี้ย ชันโรงใต้ดินอุดเบี้ยอีกทีหนึ่ง โดยชันโรงจะต้องจำกัดชันโรงที่มีรังอยู่ใต้ดินเท่านั้น ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก "www:ompradee.com" http://www.komchadluek.net/detail/20140902/191281.html
|
|
|
16814
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เครื่องตรวจจับการนอน เสี่ยงทำคุณภาพการหลับลดลง
|
เมื่อ: กันยายน 08, 2014, 11:10:43 am
|
เครื่องตรวจจับการนอน เสี่ยงทำคุณภาพการหลับลดลง เพื่อที่จะดูว่าตอนกลางคืนเรานอนหลับเป็นอย่างไร หลายคนจึงเลือกที่จะโหลดแอพพลิเคชั่นตรวจจับการนอนหลับมาไว้ในสมาร์ทโฟนเพื่อเช็ค
แต่ใช่ว่า การตรวจจับแบบนี้จะเป็นเรื่องดีเสมอไป เมื่อ ดร. ไอร์ชาด อิบราฮิม จากศูนย์การนอนหลับแห่งลอนดอน ระบุว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจจับการนอนนั้นทำให้ผู้ที่ใช้มีคุณภาพการนอนที่ลดลงได้
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ระบุว่า เพราะมีอุปกรณ์หรือสิ่งที่คอยตรวจจับการนอน จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ใช้มีความหมกมุ่น และกังวลอยู่แต่กับการนอนหลับ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การนอนมีคุณภาพลดลง
งานนี้ ด็อกเตอร์จากอังกฤษรายนี้จึงแนะว่า สิ่งที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเวลาตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า เป็นสิ่งที่ผู้คนควรให้ความสำคัญมากกว่า เพราะคุณภาพการนอนที่ดีนั้นสำคัญกว่าระยะเวลาที่ได้นอนเสียอีกขอบคุณภาพข่าวจาก www.posttoday.com/ไลฟ์สไตล์/สุขภาพ/316749/เครื่องตรวจจับการนอนเสี่ยงทำคุณภาพการหลับลดลง
|
|
|
16817
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อีกไม่ช้า เงินของคุณ..จะอยู่ที่ลายเส้นเลือดในนิ้วมือ
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 09:57:17 pm
|
อีกไม่ช้า เงินของคุณ..จะอยู่ที่ลายเส้นเลือดในนิ้วมือ ธนาคารบาร์เคลย์ในอังกฤษกำลังเตรียมนำเทคโนโลยีระบุตัวตนโดยลายเส้นเลือดในน้ิวมือมาใช้เพื่อทำธุรกรรมซึ่งในชั้นแรกจะให้ลูกค้าประเภทธุรกิจก่อนแล้วค่อยขยับไปหาลูกค้าประเภทบุคคลทีหลังเพราะค่าใช้จ่ายยังสูง
เทคโนโลยีชี้ตัวด้วยลายเส้นเลือดหรือ finger vein authentication นี้พัฒนาโดยบริษัทฮิตาชิของญี่ปุ่่นและขณะนี้มีใช้แล้วในญี่ปุ่นกับโปแลนด์
ข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีดูลายนิ้วมือกับดูลายเส้นเลือดคือลายเส้นเลือดจะต้องมาจากคนเป็นๆเท่านั้น ผู้ร้ายจะเที่ยวตัดนิิ้วมือคนมาผ่านเครื่องเพื่อเบิกเงินย่อมไม่ได้
ลายเส้นเลือดนี้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชี้ว่าเริ่มมีมาตั้งแต่ในครรภ์และแทบจะไม่เปลี่ยนเลยตลอดชีวิต และข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะเก็บไว้ในชิพภายในเครื่องแสกนซึ่งต่อไปจะทำให้เล็กลงในราคาที่ถูกลงเพื่อให้บุคคลทั่วไปเอาไปใช้ได้ที่มา บีบีซีไทย ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09Ua3pOVEU1Tnc9PQ==§ionid=
|
|
|
16818
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 9 มหัศจรรย์ “เมืองปากน้ำ” เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวดีทั้งเมือง
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 09:46:41 pm
|
พระสมุทรเจดีย์ 9 มหัศจรรย์ “เมืองปากน้ำ” เที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวดีทั้งเมือง หลายครั้งหลายคราที่ฉันได้มาเที่ยวที่ จ.สมุทรปราการ หรือ “เมืองปากน้ำ” ก็รู้สึกว่ายังเที่ยวได้ไม่หมดสักที นั่นก็เพราะว่าที่เมืองปากน้ำแห่งนี้ เขามีที่เที่ยวมากมาย มีที่เที่ยวหลากหลายสไตล์ คนทั่วไปอาจจะมองเห็นว่าสมุทรปราการเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่อันที่จริงแล้วก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซ่อนอยู่ด้วย และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้และได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ ทาง จ.สมุทรปราการ จึงได้จัดทำโครงการ “9 Wonder : 9 อัศจรรย์สมุทรปราการเที่ยวได้ตลอดปี” เขิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สามารถมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี ในฐานะนักเที่ยวตัวยงอย่างฉัน ก็ต้องไม่พลาดที่จะลองมาเที่ยวตามโครงการนี้อยู่แล้ว โดยเริ่มจากที่แรก “พระสมุทรเจดีย์” ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองสมุทรปราการ และถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดอีกด้วย คนทั่วไปมักจะเรียกองค์พระสมุทรเจดีย์ว่า “พระเจดีย์กลางน้ำ” นั่นก็เพราะในสมัยก่อน ช่วงที่สร้างพระสมุทรเจดีย์ พื้นที่ในบริเวณนั้นเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ ต่อมาแม่น้ำตื้นเขิน ชายตลิ่งงอกออกมา จนทำให้เกาะนั้นเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่จนเป็นผืนเดียวกันพระประธานในพระอุโบสถ วัดโปรดเกศเชษฐาราม องค์พระสมุทรเจดีย์สีขาวสะอาดตา ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมน้ำ ใครได้มาเยี่ยมชมความงดงามแล้ว ก็ต้องเข้าไปสักการะพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารหลวง นอกจานี้ ภายในบริเวณเดียวกันก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลาทรงยุโรป ที่ภายในประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รอบๆ องค์พระสมุทรเจดีย์จะมีเก๋งจีน หอระฆัง หอเทียน และหลักผูกเรือ และในทุกๆ ปี ก็จะมีงานประจำปีคือ งานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันแรม 5 ค่ำเดือน 11 เป็นต้นไป เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน มีกิจกรรมนมัสการพระปางห้ามสมุทร ประเพณีการห่มผ้าแดงให้แก่องค์พระสมุทรเจดีย์ โดยชาวบ้านจะช่วยกันเย็บผ้าแดงผืนใหญ่ จากนั้นก็จะมีการบวงสรวงและแห่ผ้าแดงทั้งทางบกและทางน้ำ ก่อนจะนำขึ้นห่มพระเจดีย์ ใครที่สนใจก็วงปฏิทินไว้แล้วเข้ามาร่วมงานกันได้เลยป้อมพระจุลจอมเกล้า จากพระสมุทรเจดีย์ ก็เข้ามาสู่ความมหัศจรรย์ที่ 2 “ตระการตาจิตรกรรมศิลป์ 200 ปี” ซึ่งสามารถมาชมได้ที่วัดโปรดเกศเชษฐาราม วัดบางน้ำผึ้งนอก และ วัดสร่างโศก สำหรับที่ “วัดโปรดเกศเชษฐาราม” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 และยังถือว่าเป็นวัดพุทธไทยแห่งเดียวในย่านพระประแดง ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย และยังโดดเด่นด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือของขรัวอินโข่ง ช่างเขียนชั้นครูในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการเขียนภาพแบบตะวันตกที่ประดับอยู่ภายในพระอุโบสถและพระวิหาร “วัดบางน้ำผึ้งนอก” อยู่ใกล้กับตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นวัดเก่าแก่เช่นกัน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด ภาพจิตรกรรมที่น่าสนใจอยู่ภายในพระอุโบสถและพระวิหารหลังเก่า เชื่อกันว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝีมือจิตกรชั้นเอกในสมัยนั้น ภาพเด่นก็คือภาพหญิงชายชาวมอญในยุคต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะภาพหญิงชาวมอญแนวอีโรติคคลาสสิก ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกเม็ดหนึ่งของจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น “วัดสร่างโศก” ภายในวัดมีโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี บริเวณยอดโบสถ์ประดับด้วยพญานาครอบทิศ ส่วนบริเวณจั่วนั้นจะมองเห็นเทพพนมที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามเจดีย์เอียง วัดสาขลา อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ จ.สมุทรปราการ ที่ฉันคิดว่าเมื่อเห็นแล้วใครๆ ก็ต้องนึกถึงจังหวัดนี้ นั่นคือ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และถือว่าเป็นป้อมปราการทางน้ำที่มันสมัยที่สุดในเวลานั้น ป้อมแห่งนี้มีชื่อเสียงมากจากการที่ใช้เป็นสถานที่ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤติการณ์ ร.ศ.112 ภายในบริเวณป้อมมีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์ชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ และปัจจุบันก็เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง เรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก และยังสามารถเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ และกลุ่มปืนเสือหมอบได้อีกด้วย มหัศจรรย์ที่ 4 คือ “เจดีย์เอียง 200 ปี ชุมชนบ้านสาขลา” ซึ่งเจดีย์เอียงนั้นตั้งอยู่ภายในวัดสาขลา เกิดจากการทรุดตัวลงของแผ่นดินจากน้ำท่วมขังเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เจดีย์จึงเอียงลงตามสภาพที่เห็น แต่ก็มิได้ล้มลงแต่อย่างใด ส่วนภายในวัดสาขลานั้นยังสามารถเข้าไปสักการะหลวงพ่อโต ที่ประดิษฐานอยู่บนพระอุโบสถ ร่วมลอดโบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล และชมพิพิธภัณฑ์บ้านสาขลา ที่เก็บรวบรวมของเก่าทรงคุณค่าวมากมาย ส่วนชุมชนบ้านสาขลา เป็นชุมชนชาวประมงเก่าแก่ริมปากอ่าวไทย ที่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีวิถีชีวิตชาวประมงอยู่เช่นเดิม นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมชุมชน เดินพูดคุยกับชาวบ้าน หรือจะออกไปล่องเรือชมป่าชายเลน ชมความอุดมสมบูรณ์บริเวณปากอ่าวไทยก็ได้ และในชุมชนนี้ก็ยังมีตลาดโบราณ ที่จะเปิดขายทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ประเพณีรับบัว-โยนบัว วัดบางพลีใหญ่ใน มหัศจรรย์ที่ 5 “วัดบางพลี ประเพณีโยนบัว” ที่จัดขึ้นใน “วัดบางพลีใหญ่ใน” พุทธศาสนิกชนนิยมมาสักการะและขอพรหลวงพ่อโตกันที่นี่ ซึ่งในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี จะมีการจัดประเพณีรับบัว-โยนบัวขึ้น โดยจะมีขบวนแห่หลวงพ่อโตจำลองทั้งทางบกและทางน้ำ ผู้คนที่ไปร่วมงานก็จะโยนบัวลงในเรือที่แห่หลวงพ่อโต ซึ่งถือเป็นการบูชาหลวงพ่อโตนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขันแบบพื้นบ้าน เช่น การประกวดเรือต่างๆ การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน ส่วนใกล้ๆ วัด ก็จะมี “ตลาดโบราณบางพลี” เป็นตลาดโบราณริมน้ำ ที่เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. แต่ตลาดจะคึกคักมากในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากมีร้านค้ามาเปิดขายมากกว่า ของที่ขายก็มีทั้งอาหารต่างๆ ขนมหวาน ขนมโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง มหัศจรรย์ที่ 6 เป็นเรื่องของตลาดน้ำที่ยังคงสะท้องวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างดี นั่นก็คือ “ตลาดน้ำคลองสวนร้อยปี” ที่ตั้งอยู่ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ สมัยก่อนเป็นเส้นทางเดินเรือจากฉะเชิงเทราเข้าสู่กรุงเทพฯ ที่รวดเร็วที่สุด เป็นจุดแวะพักและแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญ ทำให้ปัจจุบันก็ยังคงเป็นตลาดที่เป็นจุดพบปะของผู้คนอยู่ สิ่งที่สำคัญก็คือ ตลาดแห่งนี้มีวิถีชีวิตของทั้งชาวไทยจีน ไทยพุทธ และไทยมุสลิม ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ในส่วนของอาหารการกินก็มีทั้งของคาวและของหวานที่เป็นสูตรดั้งเดิม มีของใช้ในชีวิตประจำวัน ของเก่าที่หายาก ทั้งหมดนี้อยู่ในบรรยากาศเรือนไม้ริมน้ำ ตลาดแห่งนี้เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. และจะคึกคักในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งก็คือ “ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” ที่มีความน่าสนใจอยู่ที่วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ส่วนของที่ขายในตลาดก็จะเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา ธูปสมุนไพร หอยทอดครก เป็นต้น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังมาสามารถมานั่งเรือพาย ชมบรรยากาศตลาดริมน้ำ เช่าจักรยานปั่นผ่านสวนและชุมชนสัมผัสธรรมชาติ สำหรับตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-15.00 น.สถานตากอากาศบางปู มหัศจรรย์ที่ 7 “สถานตากอากาศบางปู” ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสถานตากอากาศมานานแล้ว โดยที่นี่จะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีป่าชายเลนรอบๆ สามารถชมปลาสองน้ำได้เพราะเป็นเขตรอยต่อของปากแม่น้ำกับทะเลอ่าวไทย มีสะพานทอดยาวออกไปในทะเล ระยะทางประมาณ 500 เมตร ทำให้เป็นจุดชมนกและชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม จะมีเหล่านกนางนวลอพยพหนีหนาวมา ทำให้บางปูกลายเป็นแหล่งดูนกนางนวล และมาให้อาหารนกนางนวลกัน นอกจากนี้ ภายในสถานตากอากาศบางปูยังมีร้านอาหารและที่พักไว้ให้บริการ ส่วนในศาลาสุขใจ ซึ่งเป็นร้านอาหารนั้น ในทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรมเต้นรำและลีลาศ ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.บางกะเจ้า ปอดของคนกรุงเทพฯ มหัศจรรย์ที่ 8 “กระเพาะหมู เกาะสีเขียว ปอดแห่งมหานคร” ในพื้นที่ของ “บางกะเจ้า” เป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายกับกระเพาะหมู และเป็นผืนป่าธรรมชาติผืนเดียวที่อยู่ติดกับเมืองหลวง ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ จึงทำให้บางกะเจ้ากลายเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาปั่นจักรยานลัดเลาะชุมชนในบางกะเจ้า ปั่นลัดเลาะสวน ลัดเลาะป่า สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น มหัศจรรย์ที่ 9 “สุดยอดของฝากเมืองปากน้ำ” ซึ่งเมื่อมาเที่ยวที่ จ.สมุทรปราการ แล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะหาซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย เริ่มต้นจาก “กุ้งเหยียด” ของฝากจากบ้านสาขลา ซึ่งถือว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อประจำหมู่บ้าน ทำมาจากกุ้งสดที่ต้มใส่น้ำตาลและเกลือโดยไม่ต้องใส่น้ำ ทำให้ได้รสชาติความหวานของเนื้อกุ้งแท้ๆ และความกรอบของเปลือกกุ้งที่สามารถกินได้ทั้งตัวกุ้งเหยียด ของฝากจากเมืองปากน้ำ “ปลาสลิดบางบ่อ” สุดยอดปลาสลิดที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ปลาสลิดของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ ทำให้ได้ปลาสลิดเนื้อแน่น กลิ่นหอม มันไม่แตก และไม่เค็มจนเกินไป “ขนมจากลิ้มดำรงค์” รสชาติหอมนุ่มนวล ขนมจากของที่นี่ทำจากแป้งต่างๆ ผสมกันใส่เนื้อมะพร้าวทึนทึก เติมน้ำตาลมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวอ่อน ห่อด้วยใบจาก และปิ้งบนเตาถ่านไม้โกงกาง “มะม่วงน้ำดอกไม้” ที่ถือกำเนิดจากคุ้งบางกะเจ้า ได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นพืชเฉพาะถิ่นของสมุทรปราการ มีความหอมเฉพาะตัว ผลอวบ เต่งตึง เนื้อสีเหลืองจำปา มีรสชาติหวานอร่อย ทั้งหมดนี้คือ 9 มหัศจรรย์แห่งเมืองปากน้ำ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอาราม และของฝากที่ขึ้นชื่อ ซึ่งฉันเชื่อว่า หากใครได้มาเยือน จ.สมุทรปราการ แล้ว ก็คงจะต้องติดใจ อยากกลับไปอีกหลายๆ รอบเหมือนกับฉันแน่ๆขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000099244
|
|
|
16822
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 อาหารสำคัญสำหรับคนนอนดึกที่ขาดไม่ได้
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 09:15:20 pm
|
5 อาหารสำคัญสำหรับคนนอนดึกที่ขาดไม่ได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีไลฟสไตล์ชอบนอนดึก หรือไม่ก็อาจจะประกอบอาชีพที่หลีกเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ และสิ่งที่ตามมาคือระบบในร่างกายมันจะฟ้องออกมาด้วยอาการเจ็บป่วย เช่น มึนศีรษะ, เวียนหัว, คลื่นไส้, เป็นหวัดง่าย, ภูมิแพ้กำเริบ ดังนั้น คนนอนดึกควรหันมาดูแลตัวเองให้มากกว่าคนปกติ เริ่มจากอาหารการกินเลย ต่อจากนี้ คืออาหารเฉพาะสำหรับคนนอนดึกที่ควรรับประทาน
1. เนื้อสีขาว หาเนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ ทานบ้าง เพราะจะช่วยสร้าง “เคมีสมอง” ที่จำเป็นสำหรับคนนอนดึก ได้แก่ โดพามีน,เอพิเนฟริน
2. ข้าวกล้องงอก หรือ ถั่วดำ ถั่วแดง ลูกเดือย เพราะธัญพืชพวกนี้จะมี กาบ้า (GABA) เป็นสารช่วยสื่อประสาทสมองทำให้ความจำดีคิดอ่านได้ว่องไว
3.ช็อกโกแลตดำ(Dark Chocolate) เป็นเสมือนเครื่องดื่มชูกำลังเสริมสร้างเรี่ยวแรงอย่างหนึ่ง แทนเพราะมี “ฟลาโวนอยด์” ช่วยให้เลือดไหลลื่นในสมองป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
4.ใบบัวบก ซึ่งเป็นคลอโรฟิลล์จากธรรมชาติและยังมีสารช่วยลดการอักเสบของร่างกายจากภาวะนอนดึก หาบัวบกรับประทานสดหรือเอามาปั่นเป็นน้ำคั้นสีเขียวดื่มบ่อยๆ จะช่วยให้สดชื่นตื่นตัวดี
5. ดื่มน้ำให้มาก ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆที่สุดแต่มักถูกมองข้าม การ “ดื่มน้ำสะอาด” ดีต่อสมองเป็นที่สุดเพราะก้อนสมองต้องอาศัยน้ำในการบำรุงเช่นเดียวกับร่างกายที่นอนดึก คนนอนดึกจะปากแห้งเพราะร่างกายคนนอนดึกไม่ได้พักจึงมีการสูญเสียน้ำไปจนปากคอแห้งเป็นผงนั่นเองรายการ “กาละแมร์” ที่มา ch3.sanook.com/32335/กาละแมร์-อาหารสำหรับคน ภาพจาก http://img.kapook.com/
|
|
|
16828
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 7 สัญญาณบ่งบอก...คุณถูก "สุนัขแสนรัก" ครอบงำเข้าซะแล้ว !
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 08:45:21 am
|
7 สัญญาณบ่งบอก...คุณถูก "สุนัขแสนรัก" ครอบงำเข้าซะแล้ว ! สุนัขน่ารัก แสนเชื่องและติดเจ้าของเป็นที่สุด ใครเห็นก็คงเอ็นดูอยากเลี้ยงไว้สักตัว แต่ยิ่งเลี้ยงเห็นทีสุนัขก็ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแบบไหนกันนะที่จะรู้ว่าสุนัข (ของคุณ) มีอิทธิพลมากเกินไปแล้ว แถมคุณก็ยอม ติดมันเข้าอย่างจังซะด้วย
1. เสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ในตู้ของสุนัขคุณมีสัดส่วนเท่าๆ กับของคุณเสื้อผ้า แอคเซสเซอรี่จัดเต็ม ! 2. คุณรู้วันเกิดของสุนัขแสนรัก และแน่นอนคุณจัดงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดให้มันจัดปาร์ตี้ฉลองกันเถอะ ! 3. คนส่วนใหญ่มีรูปครอบครัว เพื่อนและคนรักเก็บไว้ในมือถือของพวกเขา แต่คุณมีแต่รูปสุนัขสุดรักสุดหวงเต็มไปหมด !ถ่ายรูปกันนะ ... 1 2 3 แชะ ! 4. คุณไม่สนใจว่าสุนัขของคุณจะสกปรกและย้ายขึ้นไปนอนบนเตียงคุณสักกี่ครั้งป๋มขอนอนบนเตียงได้ไหมฮับบ... ! 5. แม้แต่วันเดทกับสาวคนสำคัญ คุณก็พาหมาออกมาเดทด้วย เพราะไม่อยากให้มันต้องเหงาอยู่คนเดียวป๋มขอมาด้วยคนนะ 6. คุณไม่อยากพลาดชั่วโมงความสุขที่ได้อยู่กับสุนัขแสนรักเลยสักครั้ง โดยเฉพาะเมื่อต้องทิ้งมันอยู่บ้านไว้ตามลำพังอยู่คนเดียวเหงาหงอยย ... 7. คุณทำบัญชีส่วนตัวบนโซเชียลฯ ให้กับสุนัขของคุณอย่างน้อยหนึ่งบัญชี เพื่อติดต่อกับคุณโดยตรงจะได้เห็นหน้ากันชัดๆ ตอนไกลกัน (แอบเว่อร์ไปนิดนะ … แล้วมันจะใช้เป็นไหมเนี่ย) และเพื่อให้คนเข้ามากดฟอลโลว์ไลค์ติดตามสุนัขแสนรักของคุณในกิจกรรมต่างๆ รวมถึงภาพน่ารักๆ เหมือนเป็นแฟนคลับคนหนึ่งเลย !เฟส ทู เฟส คิดถึงเจ้านายจังเลยย ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.thairath.co.th/content/447934
|
|
|
16830
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างแท้จริง
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 08:31:16 am
|
น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างแท้จริง น้ำเต้าหู้ เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่นิยมดื่มกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถดื่มได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนสาย ตอนบ่ายๆ หรือแม้แต่ตอนเย็น และยังดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น ใส่เครื่องและไม่ใส่เครื่องอีกด้วย สำหรับเครื่องที่นิยมใส่ในน้ำเต้าหู้ จะมี วุ้นกรอบ สาคู ลูกเดือย เม็ดแมงลัก ซึ่งแต่ละอย่างนั้นเป็นตัวที่มีประโยชน์ ด้วยความที่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมจึงทำให้มีผู้ที่ดื่มกันทุกที่ ทุกเพศ ทุกวัย แต่จะมีซักกี่คน ที่จะรู้ถึงข้อดีและข้อเสียของน้ำเต้าหู้ ที่ทำมาจากถั่วเหลือง วันนี้เราจะมาดูกันว่า เครื่องดื่มยอดนิยมนี้ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรกันบ้าง น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างแท้จริง
ข้อดี ของน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองนั้น มีสารอาหารต่างๆมากมายที่เป็นผลดีต่อร่างกาย อย่างเช่น โปรตีน ในน้ำเต้าหู้ จะให้โปรตีนที่สูงมากเมื่อเทียบกับนมวัว และยังให้กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่านมวัวเสียอีกค่ะ และในน้ำเต้าหู้มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ซึ่งการดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำทุกวันจะสามารถลดการเกิดมะเร็งชนิดนี้ลงได้ นอกจากนี้ สารไฟโตเอสโตรเจน ยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลหรืออาการข้างเคียงต่างๆ ในช่วงวัยทองได้อีกด้วยค่ะ อีกทั้งยังสามารถหาซื้อมารับประทานได้ง่าย มีขายทั่วไปตามท้องตลาด และที่สำคัญน้ำเต้าหู้มีราคาถูกมากค่ะน้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างแท้จริง ส่วนข้อเสียของน้ำเต้าหู้นั้น อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ถ้าหากรับประทานมากเกินไป เพราะสารไฟโตเอสโตรเจนนี้ สามารถทำให้เซลล์มะเร็งมีการเจริญเติบโตได้เช่นกัน ถ้าหากรับประทานมากเกินไป เพราะสารชนิดนี้จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้นเมื่อทานเข้าไปมากเกินความจำเป็นก็จะเป็นตัวเร่งเชื้อมะเร็งเต้านมนั่นเองค่ะ มีนักวิจัยชาวจีน พบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำจะทำให้เด็กเข้าสู่วัยรุ่นได้เร็วมากขึ้น และน้ำเต้าหู้ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลเยอะเกินไป ตามร้านค้าทั่วไป ผู้ขายมักจะใส่น้ำตาลทรายมาก โดยจะเน้นไปที่รสชาติที่หวาน หอมน้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างแท้จริง เนื่องจากน้ำเต้าหู้นั้นจะมีกลิ่นเหม็นเขียวจากถั่วเหลืองค้างอยู่บ้าง และบางคนอาจไม่ชอบ ดังนั้นผู้ขายจึงมีแนวคิดที่จะใช้รสหวานในการดับกลิ่นนี้ ถ้าหากคุณรับประทานน้ำเต้าหู้ที่ผสมน้ำตาลมากเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ค่ะ
ถึงแม้ว่าน้ำเต้าหู้จะมีประโยชน์กับผู้ดื่มมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ดี ถ้าดื่มมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายตามมาก็ได้เหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นแล้ว ควรดื่มให้พอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ที่สำคัญไม่ควรผสมน้ำตาลมากเกินไปด้วยนะคะ เดี๋ยวโรคต่างๆ จะถามหาค่ะขอบคุณภาพข่าวจาก women.sanook.com/blog/16907/น้ำเต้าหู้-เครื่องดื่มท/
|
|
|
16835
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จ่าย 10 ล้าน “ป.รุ่งเรือง” เลิกสัญญาซ่อมสะพานมอญ
|
เมื่อ: กันยายน 06, 2014, 07:57:01 am
|
จ่าย 10 ล้าน “ป.รุ่งเรือง” เลิกสัญญาซ่อมสะพานมอญ
กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรี ควักจ่าย 10 ล้านบาท ไกล่เกลี่ยกับ “หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์” ผู้รับจ้าง ทำสัญญาประนีประนอมเลิกสัญญาซ่อมสะพานไม้หลวงพ่ออุตตมะ ขณะที่ชาวบ้านเริ่มตั้งข้อสงสัยมันเกิดอะไรขึ้น แทนที่ทางจังหวัดจะเรียกค่าปรับจากผู้รับจ้าง แต่กลับนำเงินที่ผู้บริจาคเข้ามาไปจ่ายให้แก่บริษัทผู้รับจ้าง ทั้งๆ ที่ผิดสัญญาซ่อมแซมสะพานไม่เสร็จ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) นายทะนง ตะภา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานคณะกรรมการไกล่เกลี่ยปัญหาการซ่อมแซมบูรณะสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้แทนจังหวัดกาญจนบุรี ตัวแทนผู้ว่าจ้าง นายสมศักดิ์ สุวัฒนรัตน์ ตัวแทน หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้าง พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม นายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี นายเกื้อกูล สถาพรวจนา ผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองกาญจนบุรี นายเฉลิมฉัตร จันน์อินทร์ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี นายทวี สกุลกาญจนดล ผู้อำนวยการกองช่าง อบจ.กาญจนบุรี
พร้อมกรรมการควบคุมงาน และกรรมการตรวจการจ้างบางส่วน ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมดาวดึงส์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงสามารถหาข้อยุติ และมีการทำสัญญาประนีประนอมระหว่าผู้ว่าจ้าง กับผู้รับจ้างส่งมอบต่อหน้าพยานในที่ประชุม จึงเสร็จสิ้น โดยการประชุมหารือเกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้า และมีการประเมินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการไปแล้วคิดเป็น 60.94% ของงานทั้งหมด คิดเป็นราคางาน 9,962,110 บาท โดยฝ่ายผู้รับจ้างพร้อมที่จะยุติสัญญาแต่ได้ยื่นข้อเสนอว่าได้ลงทุนทำงานนี้เป็นเงิน 13 ล้านบาท แต่ทางคณะกรรมการได้ต่อรองจนได้ข้อสรุปว่าจะจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้าง 10,000,000 บาท แต่ผู้รับจ้างต้องดำเนินการตอกเสาเข็ม จำนวน 5 ตับ ที่เหลืออยู่ให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้น ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ว่าจ้าง กับ หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้าง โดยสัญญานี้มีผลเป็นการยกเลิกสัญญาจ้างซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ และทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าเบี้ยปรับต่างๆ ต่อไป อนึ่ง สำหรับหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ มีเนื้อหาดังนี้ สัญญาฉบับนี้ ทำขึ้นเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ ระหว่างจังหวัดกาญจนบุรี โดยนายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งต่อไปในสัญญานี้ เรียกว่า “ผู้ว่าจ้าง” ฝ่ายหนึ่ง กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ โดยนายสมศักดิ์ สุวัฒนรัตน์ ซึ่งสัญญาต่อไปนี้ เรียกว่า “ผู้รับจ้าง” ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ตามสัญญาจ้าง ซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สัญญาเลขที่ ๐๒๑๕/๒๕๕๗ ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗ ระหว่าง “ผู้รับจ้าง” กับ “ผู้ว่าจ้าง”ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาดังกล่าว โดยผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานที่รับจ้างภายในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๗ และจะต้องเสร็จบริบูรณ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายค่าจ้าง จำนวน ๑๖,๓๔๗,๐๐๐.-บาท (สิบหกล้านสามแสนสี่หมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน) ในวันนี้ ผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จตามสัญญา คณะกรรมการพิจารณาประเมินราคาชดเชยในการซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ และนายช่างควบคุมงาน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกันแล้ว ปรากฏว่ าการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ ๖๐.๙๔ คิดเป็นราคางาน ๙,๙๖๒,๑๑๐.-บาท (เก้าล้านเก้าแสนหกหมื่นสองพันหนึ่งร้อยสิบบาทถ้วน) และผู้รับจ้าง มีภาระค่าปรับฐานผิดสัญญา ๔๗๔,๐๖๓.-บาท (สี่แสนเจ็ดหมื่นสี่พันหกสิบสามบาทถ้วน) ข้อ ๒ คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ตกลงกันว่า ให้ผู้รับจ้างหยุดการก่อสร้างตามสัญญาดังกล่าว ตามข้อ ๑ ในวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๒๔.๐๐ น. แล้วผู้รับจ้างจะส่งคืนพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดให้แก่ผู้ว่าจ้าง เพื่อดำเนินการให้บุคคลอื่นทำการก่อสร้างต่อไป โดยผู้รับจ้างยินยอมมอบไม้ท่อนและวัสดุต่างๆ ที่ผู้รับจ้างนำมาไว้ ณ สถานที่ก่อสร้างทั้งหมด รวมมูลค่า ๑,๐๐๐,๐๐๐.- บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ให้แก่ผู้ว่าจ้าง นอกจากนั้น ผู้รับจ้างจะช่วยเหลือบุคคลผู้ดำเนินการก่อสร้างสะพานต่อจากผู้รับจ้างในการตอกเสาเข็ม จำนวน ๕ ตับ ราคางาน ๓๐๐,๐๐๐.- บาท (สามแสนบาทถ้วน) ข้อ ๓ ผู้ว่าจ้าง ยินยอมจ่ายเงินค่างานก่อสร้างที่ผู้รับจ้างได้ดำเนินการไปแล้ว ค่าวัสดุสิ่งของทั้งหมดที่มอบให้แก่ผู้ว่าจ้าง รวมทั้งค่าดำเนินการในการตอกเสาเข็ม จำนวน ๕ ตับ เป็นเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐.- บาท (สิบล้านบาทถ้วน) โดยได้คิดค่าปรับตามที่ผู้รับจ้างจะต้องชำระแล้ว และผู้รับจ้างตกลงรับเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่างานก่อสร้าง ค่าวัสดุสิ่งของทั้งหมดที่มอบให้แก่ผู้ว่าจ้าง และค่าดำเนินการในการตอกเสาเข็ม จำนวน ๕ ตับ โดยจะจ่ายเงินภายใน ๗ วัน นับแต่วันนี้ ข้อ ๔ สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับนี้ มีผลเป็นการยกเลิกสัญญาจ้างซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สัญญาเลขที่ ๐๒๑๕/๒๕๕๗ โดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามสัญญานี้ โดยต่างฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าเบี้ยปรับที่เกิดขึ้นตามสัญญาดังกล่าว สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเป็น ๒ ฉบับ อยู่ที่คู่สัญญาฝ่ายละ ๑ ฉบับ คู่สัญญาทุกฝ่าย ได้อ่านแล้วเข้าใจถูกต้องตรงกัน จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน
มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ว่าจ้าง กับ หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้าง ด้วยการจ่ายเงินให้แก่ หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้าง จำนวน 10 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ตั้งข้อสงสัยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แทนทีีทางจังหวัด ผู้ว่าจ้าง จะเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับจ้าง ที่ซ่อมแซมสะพานไม่เสร็จและผิดสัญญาถึง 2 ครั้งด้วยกัน ทางจังหวัดกลับยอมจ่ายเงินให้แก่ทางผู้รับจ้าง “ที่สำคัญเงินทั้งหมดนั้นเป็นเงินบริจาคจากประชาชน และจากหน่วยงานต่างๆ ให้นำมาซ่อมแซมบุรณะสะพาน แต่กลับนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายให้แก่ทางผู้รับจ้าง ทั้งที่ผิดสัญญาซ่อมแซมบุรณะสะพานไม่เสร็จ ซึ่งเรื่องนี้จะไม่จบลงแค่นี้อย่างแน่นอน และจะต้องมีคนรับผิดชอบในเรื่องนี้” แกนนำชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000101788
|
|
|
16836
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / อยากชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ให้เต็มเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำได้หรือไม่ และ ทำอย่างไร.?
|
เมื่อ: กันยายน 05, 2014, 09:38:57 am
|
[Tip & Trick] อยากชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ให้เต็มเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำได้หรือไม่ และทำอย่างไร.? ปัจจุบันปัญหาเรื่อง แบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน กลายเป็นปัญหาที่ผู้ใช้หลายๆ ท่านคงรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เมื่อต้องเจอกับ สมาร์ทโฟน ที่แบตเตอรี่หมดไวกว่าปกติ และใช้งานได้ไม่ถึงวัน ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้มีหลากหลายวิธีในการทำให้ "สมาร์ทโฟนใช้แบตเตอรี่น้อยลง"
แต่ก็ดูเหมือนว่า บางวิธีนั้นไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจาก สมาร์ทโฟน บางรุ่นมีความจุของแบตเตอรี่น้อยเกินกว่าที่จะยืดอายุให้ สมาร์ทโฟน สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และในวันนี้ ทีมงาน techmoblog มีเคล็ดลับในการ ทำให้สมาร์ทโฟน ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม จะมีวิธีอะไรบ้าง มาชมกันครับปิดเครื่องขณะชาร์จแบตเตอรี่
ทราบกันหรือไม่ครับว่า การปิดเครื่องขณะชาร์จแบตเตอรี่ จะช่วยทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มเร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องจ่ายพลังงานให้กับส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องขณะทำการชาร์จ แต่วิธีนี้ ไม่สามารถใช้กับสมาร์ทโฟนบางรุ่นได้ อย่างเช่น iPhone ครับ เนื่องจากทุกครั้งที่เสียบสายชาร์จ แม้จะปิดเครื่องอยู่ ก็จะทำการเปิดเครื่องให้เอง ทำให้ iPhone ไม่สามารถปิดเครื่องขณะชาร์จแบตเตอรี่ได้ ในขณะที่ มือถือแอนดรอยด์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขณะปิดเครื่องได้ ควรชาร์จกับ Adaptor
โดยปกติแล้ว การชาร์จจาก Adaptor โดยตรง จะทำให้แบตเตอรี่เต็มเร็วกว่าการชาร์จผ่านพอร์ต USB บนเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากพอร์ต USB นั้น จ่ายไฟได้แค่ 0.5 แอมป์ ในขณะที่การชาร์จผ่าน Adaptor จะจ่ายไฟที่ 1 แอมป์ ซึ่งแรงกว่าถึง 2 เท่า ไม่ควรชาร์จขณะตัวเครื่องร้อน
ถ้าหากสมาร์ทโฟนตัวเครื่องร้อนจัดเกินไป จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ฉะนั้น ก่อนทำการชาร์จทุกครั้ง ควรจะทำให้ตัวเครื่องเย็นเสียก่อนแล้วค่อยชาร์จ ไม่ควรชาร์จไป เล่นเกมไปนะครับ ไม่ถ่ายโอนข้อมูลขณะทำการชาร์จผ่านพอร์ต USB
ถ้าหากผู้ใช้จะทำการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ควรถ่ายโอนข้อมูลไปพร้อมๆ กับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือใช้งานพอร์ต USB อื่นในเวลาเดียวกัน เพราะการทำเช่นนี้ จะทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มช้าลง เนื่องจากกระแสไฟถูกส่งไปที่พอร์ตอื่นด้วยเช่นกันฝากเคล็ดลับปิดท้ายอีกสักนิด สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ก่อนแล้วค่อยถอดปลั๊ก อย่าหยุดชาร์จก่อนแบตเตอรี่จะเต็ม 100% นะครับ วิธีนี้ จะช่วยทำให้ยืดอายุของแบตเตอรี่ให้เสื่อมช้าลงได้อีกวิธีหนึ่งครับ
ข้อมูลโดย : techmoblog.com hitech.sanook.com/1391341/tip-trick-อยากชาร์จแบตเตอรี่-iphone-ให้เต็มเร็วขึ้นกว่าเดิม-ทำได/
|
|
|
16837
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / ไป่ตู้ เผยโฉม ที่คาดหัวอัจฉริยะ-ตะเกียบไฮเทค
|
เมื่อ: กันยายน 05, 2014, 09:33:08 am
|
Baidu Eye (ไป่ตู้ อาย) ภาพจาก Mashable ไป่ตู้ เผยโฉม ที่คาดหัวอัจฉริยะ-ตะเกียบไฮเทค ไป่ตู้ เสิร์ชเอนจิ้นจากจีน เผยโฉมอุปกรณ์สวมใส่ได้แบบเฮดเซตใหม่ Baidu Eye คู่แข่งอีกเวอร์ชั่น กูเกิล กลาส เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งตะเกียบอัจฉริยะ ที่คอยให้ข้อมูลอาหารที่รับประทานว่าใช้น้ำมันพืชเก่า ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่...อุปกรณ์ที่คาดศีรษะ Baidu Eye พร้องกล้องและหูฟัง ไป่ตู้ (Baidu) เสิร์ชเอนจิ้นยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดตัว อุปกรณ์สวมใส่ได้แบบเฮดเซตใหม่ Baidu Eye (ไป่ตู้อาย) ที่มีการเปรียบว่าเป็นคู่แข่งของแว่นอัจฉริยะ กูเกิล กลาส (Google Glass) โดยอุปกรณ์ต้นแบบเคยถูกทำเสนอครั้งแรกในงาน ไปตู้เวิลด์ คองเกรส ปี 2013 อย่างไรก็ตาม Baidu Eye ไม่เหมือนกับกูเกิล กลาส ตรงที่ไม่มีจอแสดงผลในตัว โดยตามข้อมูลของไป่ตู้ระบุว่า เป็นอุปกรณ์ที่คาดศีรษะแบบคาดไว้ด้านหลังโดยคล้องกับหู พร้อมช่องหูฟังแบบอินเอียร์ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาจะเป็นแขนที่ติดกล้องไว้ด้านหน้า เพื่อใช้ถ่ายภาพ รับรู้วัตถุตรงหน้า และวิเคราะห์ข้อมูลจากรอบๆ ตัวผู้ใช้งานBaidu Eye สามารถถ่ายภาพได้ Baidu Eye จะส่งข้อมูลที่ได้รับไปยังสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ตของผู้ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น จึงมีขั้นตอนที่ง่ายในการดูสิ่งต่างๆ มากกว่าการมองผ่านจอเล็กๆ และมันยังลดการใช้พลังงาน ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นด้วยBaidu Eye วิเคราะห์วัตถุที่อยู่ตรงหน้าและเชื่อมโยงไปยังเสิร์ชเอนจิ้น ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง Baidu Eye สามารถเชื่อมโยงข้อมูล ผ่านภาพที่ถ่ายจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนแล้วแสดงผลขึ้นบนจอภาพ ทำให้ดวงตาของผู้ใช้งานไม่ต้องเพ่งหรือจ้องไปที่จอเล็กๆ บนแว่นแบบกูเกิลกลาส เพียงแต่รูปแบบในการทำงานคล้างคลึงกันเท่านั้น โดย Baidu Eye ยังมีระบบการสั่งงานและควบคุมด้วยเสียง โดยในช่วงเริ่มต้นจะเป็นการสั่งด้วยภาษาจีนกลาง เช่น การซูมเข้าออกไปยังภาพวัตถุ หรือ ให้วัตถุหมุนไปรอบๆ ด้วยการใช้นิ้ว
ชมคลิป
หน้าตาของ smart chopsticks นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำต้นแบบอุปกรณ์ smart chopsticks หรือ ตะเกียบอัจฉริยะ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากข่าวหลอกๆ ในวันโกหก หรือ April Fools โดยตะเกียบไฮเทคนี้ไม่ได้มีไว้แค่ใช้คีบอาหารเข้าปากเท่านั้น แต่มันสามารถตรวจสอบอาหารที่เรากินได้ว่า น้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารมีคุณภาพเป็นอย่างไร โดยจะมีแถบแสงแสดงสถานะถ้าไฟสีฟ้าขึ้นแสดงว่าอาหารปลอดภัยรับประทานได้ ถ้าขณะที่กำลังคีบอาหารแล้วแถบไฟที่ตะเกียบเป็น สีแดง แสดงว่า อาหารดังกล่าวไม่ปลอดภัย แต่ถ้า ไฟสีฟ้า ขึ้นที่ตะเกียบแปลว่า ปลอดภัยรับประทานได้ เนื่องจากอาหารจีนมีการใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบเป็นจำนวนมาก การมีตะเกียบคอยตรวจสอบทำให้คุณแน่ใจได้ว่าอาหารจานนั้น ถูกปรุงโดยใช้น้ำมันพืชที่ใหม่เสมอ ไม่ใช้น้ำมันที่ใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทอดแล้วทอดอีก เพราะน้ำมันเหล่านี้ไม่ต่างไปจากของเสียที่ทิ้งลงท่อระบายน้ำโรบิน หลี่ ซีอีโอของ ไป่ตู้ กำลังอธิบายถึง ตะเกียบอัจฉริยะ จากเว็บไซต์ Engadget โรบิน หลี่ ซีอีโอของ ไป่ตู้ กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันใช้แล้วมีขนาดใหญ่มากในประเทศจีน ตำรวจได้สืบสวนเพื่อสาวไปยังต้นตอผู้รับรีไซเคิลน้ำมันพืชมานานหลายปี น้ำมันเหล่านี้มีเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งที่ตับ และทำให้เด็กพิการเพราะการพัฒนาการที่บกพร่อง และขอสัญญาว่าจะพัฒนาตะเกียบให้สามารถตรวจค่า PH และปริมาณแคลลอรี่ในอาหาร เพื่อผู้คนที่ใส่ใจสุขภาพและการรับประทานอาหารในอนาคต
ทั้งนี้ไม่มีการแจ้งวันเปิดตัว หรือวางจำหน่าย และราคาของตะเกียบไฮเทคตัวนี้.ที่มา : engadget http://www.thairath.co.th/content/447958
|
|
|
16838
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / หญิงมุ่งส่งข้อความ ชายชอบสนุกสนาน
|
เมื่อ: กันยายน 05, 2014, 09:26:59 am
|
หญิงมุ่งส่งข้อความ ชายชอบสนุกสนาน การศึกษาความแตกต่างในการใช้โทรศัพท์ระหว่างหญิงกับชายในอเมริกาพบว่า สตรีจะมุ่งกับการส่งข้อความ หรืออี-เมล เพื่อสานสัมพันธ์และพูดคุยกันมากขึ้น ขณะที่ผู้ชายชอบจะใช้เพื่อความสนุกสนานบันเทิง และเข้าเครือข่ายสังคมมากกว่า
โดยเฉพาะนักศึกษาหญิงสหรัฐฯจะพากันหมดเวลาอยู่กับโทรศัพท์ เฉลี่ยแล้วนานวันละ 10 ชม. ส่วนนักศึกษาชายจะใช้นานน้อยกว่าหน่อย วันละ 8 ชม.เดินไปส่งข้อความ - อีเมล์ไป นักวิจัยของโรงเรียนธุรกิจ เบย์เลอร์ ฮันคาเมอร์ ผู้ศึกษากล่าวว่า พวกนักศึกษามากถึงร้อยละ 60 ต่างยอมรับว่าติดโทรศัพท์ บางคนถึงกับขาดไม่ได้ทีเดียว ถ้าไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา
โดยรวมแล้วงานหลักในการใช้โทรศัพท์แต่ละวัน ได้แก่ การส่งข้อความ โดยเฉลี่ยประมาณวันละ 94.6 นาที ตามด้วยการส่งอีเมล เฉลี่ยวันละ 48.5 นาที และตรวจดูเฟซบุ๊ก วันละ 38.6 นาที.ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/447693
|
|
|
16839
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ราชบุรี ร้านอาหาร 10 บาทแบบพอเพียง
|
เมื่อ: กันยายน 05, 2014, 09:23:39 am
|
ราชบุรี ร้านอาหาร 10 บาทแบบพอเพียง รายการ Midday Delivery รายงานข่าวว่า พบแม่ค้าอาหารตามสั่งเมืองราชบุรียึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำร้านอาหารตามสั่งราคา 10 บาท ลดค่าครองชีพคืนกำไรสู่ชุมชน
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันราคาอาหารตามสั่งทั่วไปในท้องตลาดมีราคาสูงถึงจานละ 45 บาท แต่ป้าอ๋อยก็ยังคงยืนยันที่จะขายอาหารตามสั่งที่ในราคา 10 บาทแบบนี้ ซึ่งขายมานานกว่า 15 ปี และไม่คิดจะขึ้นราคา เพราะล้วนแต่เป็นลูกค้าประจำ ที่อุดหนุนกันมานาน ซึ่งบางคนนั้น กินเหมือนคนในครอบครัวไปแล้วถึงแม้ว่าปัจจุบันวัตถุดิบจะมีราคาสูงขึ้น เป็นเท่าตัว แต่ป้าอ๋อยก็ยังคงมีเมนูให้เลือกสั่งอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัด ข้าวกะเพรา ข้าวหมูกระเทียม ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยว หรือแม้แต่ผัดซีอิ๊ว ก็มี ซึ่งแต่ละเมนูก็จัดเต็ม ทั้งผัก ทั้งเนื้อสัตว์ แบบไม่มีกั๊ก ว่าราคา 10 บาท ได้ปริมาณเพียงหยิบมือ ซึ่งป้าอ๋อยบอกว่า ที่จัดให้เต็มที่เหมือนอาหารตามสั่งทั่วไปก็เพราะ ไม่อยากให้ราคามาเป็นตัวกำหนดคุณภาพ เมื่อราคาถูกใจ อาหารเองก็ต้องถูกปาก ถึงจะอยู่ได้นาน และมีลูกค้ามาใช้บริการแบบเต็มที่หากถามลุงหมึก สามีป้าอ๋อย ว่ากำไรได้มาอย่างไร ลุงตอบแบบไม่ต้องคิด ว่า ลุงได้กำไรแน่นอน ถึงแม้จะขายถูก และไม่กั๊กวัตถุดิบ แบบนี้ แต่กำไรในแต่ละวันก็สามารถดูแลครอบได้แบบไม่ลำบาก ลูกค้ามาใช้บริการแบบไม่ขาดสาย และไม่มีน้อยลง ทำให้กำไรได้อย่างพออยู่พอกิน เพราะจะได้กำไรมาก หรือ กำไรน้อย ก็ได้กำไรเหมือนกัน
สำหรับผู้ชมที่สนใจอยากจะแวะไปชิมอาหารตามสั่งราคากันเองแบบนี้ก็ไปได้ที่บริเวณหลังชุมชนวัดมหาธาตุจังหวัดราชบุรีขอบคุณภาพข่าวจาก ch3.sanook.com/32191/ราชบุรี-ร้านอาหาร-10-บาทแบ/gallery-16927/image-32215
|
|
|
|